“เรื่องอะไร ?”
เฉินตงหันมองฉินเย่ด้วยความสงสัย
ฉินเย่บิดขี้เกียจ แล้วพาดขาทั้งสองข้างลงบนเตียงผู้ป่วย จากนั้นจึงเอนตัวไปด้านหลังแล้วเงยหน้าขึ้นมองเพดาน
เขายิ้มอย่างติดตลกแล้วพูดว่า : “ถ้าเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับตระกูลโจวเล็กๆ นั่นแล้วล่ะก็ เมื่อครู่หากไม่ได้นึกดูอย่างละเอียด ผมก็คงคิดไม่ออกจริงๆ”
เฉินตงไม่ได้เร่งเร้า เขาฟังอย่างอดทน
“ตระกูลโจวนั่น ถึงแม้จะเล็ก แต่ผมก็ได้พบปะกับตระกูลของพวกเขาหลายครั้ง เพราะที่ซีสู่ ตระกูลฉินเองก็มีธุรกิจเล็กๆ น้อยๆที่ร่วมมือกับตระกูลโจว”
“ผมจำได้ว่าการพบกันครั้งล่าสุด เป็นงานเลี้ยงกลางคืนก่อนที่ผมจะฆ่าพ่อของตัวเอง”
มุมปากของเฉินตงกระตุกเล็กน้อย
แต่ฉินเย่ก็พูดต่อเหมือนเป็นเรื่องปกติ : “ตอนนั้น ผมเห็นผู้น้อยยืนอยู่ด้านหลังของเจ้าบ้านตระกูลโจว ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีความสำคัญ แม้แต่เจ้าบ้านตระกูลโจวเอง ผมก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ……”
ขณะที่พูดอยู่นั้น จู่ๆ ฉินเย่ก็ลุกขึ้นมานั่ง
ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปที่เฉินตง
“แต่หลังจากที่รู้จักคุณแล้ว จู่ๆ ตอนนี้ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่า เด็กหนุ่มคนนั้นหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับคุณเป็นอย่างมาก”
“คล้ายกับผมมาก ?”
เฉินตงผงะไป
ฉินเย่พยักหน้าอย่างจริงจัง รอยยิ้มยังคงติดตลกอยู่ : “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เกี่ยวพันไปถึงตระกูลโจวเล็กๆ นั่นแล้วล่ะก็ ผมคงจะลืมเรื่องนี้ไปแล้วจริงๆ ถ้าเด็กคนนั้นรู้ว่าที่ตระกูลของเขาต้องจบสิ้นลงเป็นเพราะเขาหน้าคล้ายคุณแล้วล่ะก็ ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นจะคิดเช่นไร ?”
เฉินตงพูดว่า : “มีรูปไหม ?”
เขารู้สึกสนอกสนใจจริงๆ
ถ้าเป็นฝาแฝดที่มีใบหน้าคล้ายคลึงกันก็คงไม่แปลก
แต่ฐานะ ภูมิหลัง หรือแม้กระทั่งประวัติความเป็นมาของครอบครัวก็แตกต่างกัน ถึงขั้นว่าต่างกันราวฟ้ากับดิน แล้วคนสองคนจะหน้าตาละม้ายคล้ายกันได้อย่างไร ?
ตอนที่เขาเดินทางไปเชิญฉินเย่ครั้งนั้น เป็นครั้งแรกที่เขาไปเหยียบซีสู่
“ผมจะลองหาดู”
ฉินเย่หยิบโทรศัพท์มือถือออกมา จากนั้นจึงเปิดคลังรูปถ่ายเพื่อค้นหา
แต่ทว่า เขาทำเหมือนตั้งใจที่จะหลบซ่อนจากสายตาของเฉินตง เขาหันหลังไป ไม่ให้เฉินตงมองเห็นภาพโทรศัพท์ แม้กระทั่งแสงสะท้อนก็ไม่ให้เห็น
“ต้องลึกลับขนาดนี้เลยหรือ ?”
เฉินตงเบ้ปาก
ฉินเย่หาพลาง พูดไปพลาง : “มีรูปที่ถ่ายตัวเองตอนแลกเปลี่ยนเทคนิคน่ะ”
“ไอ้บ้าเอ๊ย……” เฉินตงตะโกนด่าออกไปหนึ่งประโยค
สักพักใหญ่
จู่ๆ ฉินเย่ก็ตะโกนออกมา : “หาเจอแล้ว ! ยังดีที่ตอนเปลี่ยนโทรศัพท์มีการสำรองข้อมูลเอาไว้ ของต่างๆ ที่อยู่ข้างในจึงถูกโอนย้ายมายังโทรศัพท์เครื่องใหม่”
ขณะที่พูด เขาก็ยื่นโทรศัพท์ให้แก่เฉินตง
เมื่อเฉินตงได้เห็นรูป ก็ผงะไป
เป็นภาพที่ถ่ายขึ้นในงานเลี้ยงกลางคืนงานหนึ่ง
เป็นงานเลี้ยงที่ใหญ่โตหรูหรา มีผู้คนมากหน้าหลายตา
ตัวเอกของภาพถ่าย เป็นผู้หญิงที่ดูบริสุทธิ์และหน้าตาสวยสดงดงามคนหนึ่ง
ดูจากมุมกล้องเห็นได้ชัดว่าเป็นการแอบถ่าย
และในมุมมุมหนึ่งท่ามกลางฝูงชน เฉินตงสังเกตเห็นใบหน้าหนึ่ง
เป็นใบหน้าที่ละม้ายคล้ายคลึงกับตัวเขาเป็นอย่างมาก !
ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเย่เกริ่นเอาไว้ก่อนหน้านี้ ตอนที่เขาเห็นใบหน้านี้ ถึงขั้นอาจทำให้รู้สึกสงสัยได้ว่าตนเองเคยไปร่วมงานเลี้ยงในครั้งนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
“เหมือนมากใช่ไหมล่ะ ?”
ฉินเย่ดูรูปถ่าย แล้วหันมองเฉินตง : “อย่างน้อยก็เหมือนเกือบ 90% คุณจะลองกลับไปถามพ่อของคุณดูไหมล่ะว่า เป็นฝาแฝดของคุณในตอนนั้นหรือเปล่า แล้วเก็บคุณเอาไว้แค่คนเดียว ส่วนอีกคนยกไปให้คนอื่น ?”
“เรื่องนี้ไม่ตลกนะ”
เฉินตงทำสีหน้าเบื่อหน่าย จากนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา : “คิดไม่ถึงเลยว่าทายาทของตระกูลที่ร่ำรวยอย่างคุณ จะไปแอบถ่ายรูปสาวสวย น่าเกลียดจริงๆ หญิงสาวคนนั้นออกจะบริสุทธิ์ขนาดนั้น ถ้าเธอรู้ว่าถูกแอบถ่ายเข้าล่ะก็ จะต้องรู้สึกรังเกียจคุณอย่างแน่นอน”
“เชอะ……”
ฉินเย่เบะปาก : “บริสุทธิ์หรือ ? ไฟแรงสูง ร้ายกาจยิ่งกว่าผมเสียอีก !”
เฉินตง : “……”
บทสนทนาจบลงเพียงเท่านี้
เฉินตงเองก็ไม่ได้สนใจคนที่มีหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับตนคนนี้อีก
แต่เขากับฉินเย่กลับมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องตลกและเรื่องแปลกเท่านั้น
คนจำนวนหลายพันล้านคน จะหาออกมาสักสองคนที่มีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกัน ก็ใช่ว่าเป็นเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน
อีกทั้ง ตอนนี้ตระกูลโจวได้กลายเป็นแพะรับบาปเรียบร้อยแล้ว และต้องรับโทษที่หนักหนาสาหัสไปเรียบร้อยแล้ว
วิธีการอันเด็ดขาดของตระกูลเฉิน บรรดามดตัวเล็กๆ ไม่มีทางรับมือได้ไหว
ทุกอย่างปล่อยให้สลายหายไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สืบหาความจริงให้มากความก็เปล่าประโยชน์
“คุณไม่คิดที่จะสืบต่อแล้วหรือ ?” จู่ๆ ฉินเย่ก็ถามขึ้นมา น้ำเสียงของเขาฟังดูไม่เต็มใจนัก
“สืบไม่เจอ” เฉินตงส่ายหัว “ต้องรอดูครั้งต่อไปแล้ว”
ผู้บงการถึงขั้นสามารถผลักตระกูลโจวให้ออกมาเป็นแพะรับบาปได้ ความสามารถขนาดนี้ นอกเสียจากเขาอยากจะบอกคุณเองว่าเขาคือใคร มิเช่นนั้นไม่มีทางที่จะหาเขาเจอแน่นอน
“อืม”
ฉินเย่พยักหน้า จากนั้นจึงหันกลับมามอง : “แล้วคุณจะทำเช่นไรกับตระกูลจางและตระกูลฉู่ ?”
“คุณว่าอย่างไรล่ะ ?”
เฉินตงยิ้มแปลกๆ
ฉินเย่ถูมือไปมา แล้วพูดด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง : “หรือคุณจะให้โอกาสผมได้เป็นฮีโร่ที่เข้าไปช่วยสาวงามสักครั้งล่ะ ? จางหยู่หลันตกอยู่ในกำมือผมได้ง่ายมาก”
“ไอ้บ้าเอ๊ย !”
เฉินตงตะโกนด่าไปหนึ่งครั้ง : “ผมสามารถทำให้คุณเป็นฮีโรที่เข้าไปช่วยสาวงามได้ แต่สิ่งที่ตระกูลจางต้องชดใช้ ไม่อาจจะปล่อยให้ผ่านไปได้”
คืนนั้น จางหยู่หลังพุ่งเข้ามาที่ด้านหลังของเขาและฉู่เจียนเจีย จากนั้นก็ผลักพวกเขาทั้งสองอย่างแรงเพื่อให้รับมีดแทน จึงไม่สามารถชดเชยได้ด้วยคำพูดของฉินเย่เพียงแค่สองสามประโยค
และการผลักในครั้งนั้น
ทำให้เฉินตงรู้ว่า ตระกูลจางกับตระกูลฉู่ ตระกูลไหนกันแน่ที่เขาควรผูกมิตรด้วย
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนั้น ฉู่เจียนเจียยินดีที่จะเอาตัวเข้ามาปกป้องเขา แล้วใช้หลังของเธอรับมีดแทน ซึ่งแตกต่างจากการกระทำของจางหยู่หลันราวฟ้ากับดิน
“ผมแค่ต้องการจางหยู่หลัน ส่วนเรื่องอื่นแล้วแต่คุณ” ฉินเย่โบกมือ
เฉินตงคิดอยู่ครู่หนึ่ง : “คุณช่วยผมติดต่อฉู่เจียนเจีย ให้เธอมาที่โณงพยาบาลหน่อย ผมมีเรื่องบางอย่างอยากจะถามเธอ”
“ไม่มีปัญหา ผมจะไปที่หมู่ตึกยู่ฉวนด้วยตัวเอง”
ฉินเย่เด้งตัวลุกขึ้นมา จากนั้นจึงสะบัดก้นออกไปอย่างรวดเร็ว
เฉินตงนิ่งไปชั่วครู่ เขาก้มลงไปมองผ้าพันแผลหนาเตอะที่พันอยู่รอบตัวของเขา
ดูเหมือนว่า……ฉันยังเป็นผู้บาดเจ็บอยู่นะ !
เจ้าฉินเย่ควรจะอยู่ที่นี่เพื่อดูแลฉันไม่ใช่หรือ ?
“เห็นผู้หญิงแล้วลืมหน้าที่”
เฉินตงก่นด่า
……
ท้องฟ้าใกล้จะมืดแล้ว
ในที่สุดฉู่เจียนเจียก็ผลักประตูห้องพักผู้ป่วยของเฉินตงเข้ามา
เฉินตงที่นั่งรออยู่เป็นเวลานาน ก็ได้แต่แอบก่นด่าฉินเย่อยู่ในใจเป็นร้อยรอบ
เจ้าเด็กคนนี้ คงจะไม่ได้โทรไปบอกล่วงหน้าเอาไว้ก่อน เมื่อไปถึงหมู่ตึกยู่ฉวนถึงจะไปบอกต่อหน้า
เขาสงสัยถึงขั้นว่า หรือไอ้หมอนี้จะแอบไปหาจางหยู่หลันก่อน ทันทีที่เขานึกขึ้นมาได้ เขาก็หันไปพูดกับฉู่เจียนเจีย
มิเช่นนั้นคงไม่มาช้าขนาดนี้
“คุณเฉิน คุณต้องการจะพบฉันหรือคะ ?”
ฉู่เขียนเจียยังคงมีท่าทางเย็นชา แต่แววตาที่มองเฉินตงกลับเปลี่ยนไปเล็กน้อย
“นั่งลงสิ”
เฉินตงชี้ไปที่เก้าอี้ที่วางอยู่ข้างเตียง
หลังจากที่ฉู่เจียนเจียนั่งลงแล้ว ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ
เฉินตงเองก็ลังเลอยู่สักพัก
เรื่องแบบนี้ ควรจะเริ่มพูดเช่นไรดี ?
ภายในห้องพักผู้ป่วยเงียบมาก
บรรยากาศดูน่าอึดอัดเล็กน้อย
ผ่านไปเกือบสิบนาที ฉู่เจียนเจียจึงเอ่ยปากพูดขึ้นเพื่อทำลายความเงียบ
“คุณเฉินมีอะไรจะถามหรือคะ ?”
เฉินตง “เอ่อ” ออกมาหนึ่งคำ และมีท่าทีที่กระสับกระส่ายเล็กน้อย
สายตาของเขาเหลือบไปมองเรียวของฉู่เจียนเจียที่สวมใส่ถุงน่องคู่บางอยู่
เป็นเครื่องแต่งกายแบบนักธุรกิจสีดำของ OL แบบเดียวกัน และเป็นถุงน่องแบบบางแบบเดียวกัน
เหมือนกับภาพสุดท้ายที่อยู่ในความทรงจำของเขาในคืนนั้นไม่มีผิด
“คุณเฉิน……”
เมื่อเห็นเฉินตงจ้องมองที่ต้นขาของตนเองแล้วใจลอย ฉู่เจียนเจียก็ขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
เฉินตงรีบละสายตาทันที จากนั้นจึงจ้องมองฉู่เจียนเจีย สูดหายใจเข้าหนึ่งครั้ง และเอ่ยถามออกไปว่า
“คือว่า คืนนั้น ผมถูกวางยา ไม่รู้ว่าทำอะไรเกินเลยกับคุณไปบ้างหรือไม่ ?”
ฉู่เจียนเจียผงะไป ใบหน้าอันงดงามของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงทันที เธอก้มหน้าลง มือพันกันเป็นระวิง !
เฉินตงรู้สึกใจเต้น เหมือนอยากจะเอาหัวไปโขกกำแพง
เขารีบพูดขึ้นมาว่า : “คือว่า ผม ผมไม่ได้ตั้งใจที่จะถาม แต่ว่าผม ผมจำเรื่องในคืนนั้นได้เพียงแค่เลือนราง ดังนั้นจึงอยากถามให้แน่ใจ”
“ได้ ถ้าอย่างนั้นฉันจะบอกคุณให้ว่า คืนนั้นหลังจากที่ยาออกฤทธิ์แล้วคุณทำอะไรบ้าง”
จู่ๆ ฉู่เจียนเจียก็ลุกขึ้น ใบหน้าของเธอแดงก่ำ ดวงตาของเธอเป็นประกาย แล้วเธอก็ประชิดตัวเข้ามาหาเฉินตงทันที
ถาพที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันทำให้เฉินตงรู้สึกตกใจจนหน้าถอดสี ใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ
“ ไม่ ไม่ใช่ ผม ผมแค่ถามดูเท่านั้น คุณแค่พูดก็พอแล้ว ไม่ต้องสาธิตให้ดู !”