The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 213 แสดง !

บทที่ 213 แสดง !

ท่าทีที่จริงจังของฉินเย่

ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกประหลาดใจพร้อมกัน

จางหยู่หลันเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาอันงดงามของเธอเป็นประกาย เธอมองไปที่ฉินเย่ด้วยความรู้สึกซาบซึ้งใจ

ก่อนหน้านี้ฉันเคยรังเกียจที่เขาฆ่าพ่อของตัวเอง

แต่คิดไม่ถึงเลยว่า จู่ๆ ตอนนี้ เขาจะมาช่วยพูดเพื่อขอความเห็นใจให้แก่ฉัน !

“จริงใจ ? มีอะไรไม่สบายใจ ?”

เฉินตงหลุดขำออกมา จากนั้นจึงยกมือขึ้นแล้วชี้ไปที่ผ้าพันแผลที่อยู่บนหน้าอกของเขา แล้วพูดอย่างดุดันว่า : “ถ้าไม่ใช่เพราะฉันโชคดี ป่านนี้ฉันคงไม่ได้มานอนอยู่ที่นี่หรอก คงจะถูกฝังอยู่ใต้ดินแล้ว !”

น้ำเสียงจริงจัง

ทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางและจางหยู่หลันรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาพร้อมกัน

“คุณ……” ฉินเย่โกรธจนหน้าแดง และกำลังอ้าปากพูด

แต่เฉินตงกลับพูดตัดบทของเขา : “หรือคุณคิดว่าชีวิตอันมีค่าของผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินอย่างผม มีค่าเพียงแค่พันล้านกัน ?”

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางหน้าถอดสีและรู้สึกตื่นตระหนกเป็นอย่างมาก

พันล้าน เทียบไม่ได้กับชีวิตของผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินหนึ่งชีวิตจริงๆ

เรื่องนี้เขารู้ดีแก่ใจ

ตระกูลเฉินเป็นตระกูลที่มั่งคั่งที่สุด ใช่ว่าจะเอามาล้อเล่นกันได้ !

ผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉิน ต่อให้โอกาสที่จะเป็นเจ้าบ้านคนต่อไปจะมีอยู่น้อยมากก็ตาม แต่อย่างไรเสียฐานะผู้สืบทอดมรดกก็ยังคงเป็นของจริงอยู่

ถ้าหากชีวิตของผู้สืบทอดมรดกมีค่าเทียบเท่ากับเงินเพียงแค่พันล้านจริงๆ เช่นนั้นไม่เท่ากับว่าถ้าหากตระกูลเฉินคิดอยากจะซื้อชีวิตของผู้สืบทอดมรดกของตระกูลใหญ่ตระกูลอื่น ก็สามารถซื้อได้อย่างง่ายดายหรอกหรือ ?

ที่คุณท่านใหญ่ตระกูลจางเสนอออกไปว่าพันล้าน

นั่นเป็นเพราะเขาคำนวณมาแล้วว่า ภายในระยะเวลาอันสั้น ตระกูลจางสามารถนำเงินสดออกมาได้มากที่สุดเพียงเท่านี้ !

ส่วนเงินที่เหลือ ได้ลงทุนไปในโครงการต่างๆ หมดแล้ว ไม่สามารถนำออกมาใช้ได้ !

“คุณเฉิน ฉันสำนึกผิดแล้ว หยู่หลันรู้สึกสำนึกผิดแล้วจริงๆ”

จู่ๆ จางหยู่หลันก็ร้องไห้ออกมา ตัวของเธอสั่นเทา น้ำตาไหลรินออกมาราวกับสายฝน

เธอรู้ดีว่า ตอนนี้มีฉินเย่ออกหน้าเพื่อช่วยพูดขอความเห็นใจให้แก่ตระกูลจางของเธอ ถ้าหากเธอยังดื้อรั้นอยู่ มีแต่จะทำให้ตัวเองต้องตกที่นั่งลำบาก

ในเวลาคับขันเช่นนี้ เหลือเพียงวิธีเดียวคือขอร้องให้เฉินตงยกโทษให้

ให้เธอกับปู่ได้เดินทางกลับเมืองหลวงโดยเร็วที่สุด

เสียงร้องไห้ดังก้องอยู่ภายในห้องพักผู้ป่วย

แต่ใบหน้าของเฉินตงยังคงเย็นชา และไม่พูดไม่จา

“เฉินตง คุณยังเห็นผมเป็นพี่น้องอีกหรือเปล่า ?”

น้ำเสียงของฉินเย่ดุดันยิ่งขึ้น : “ถ้าในใจของคุณยังเห็นผมเป็นพี่น้องอยู่อีกล่ะก็ ก็ถือเสียว่าเรื่องนี้ให้แล้วกันไป พันล้านก็ถือว่าเพียงพอแล้ว จางหยู่หลันเองก็ยอมคุกเข่าให้คุณแล้ว หรือคุณจะต้องให้เธอชดใช้ด้วยชีวิตถึงจะพอใจ ?”

“ฉินเย่ ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะยอมพูดแทนคนนอกเช่นนี้ !”

ใบหน้าเย็นชาของเฉินตงหันมองไปที่ฉินเย่ด้วยความประหลาดใจ

“ผมไม่ได้พูดแทนคนนอก เพียงแต่รู้สึกว่าเรื่องนี้น่าจะบลงได้แล้ว !”

ฉินเย่พูดพลาง ก็เดินตรงเข้าไปหาจางหยู่หลัน จากนั้นจึงยื่นมืออกไปพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนอบอุ่น : “ลุกขึ้นเถอะ มีผมอยู่ วันนี้เขาไม่กล้าทำอะไรคุณหรอก”

“ฉินเย่……”

ดวงตาของจางหยู่หลันสั่นไหว เธอจ้องมองฉินเย่ด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยคาบน้ำตา

ตอนนี้ ในใจของเธอรู้สึกอบอุ่นเป็นอย่างมาก

เธอรู้สึกกล่าวโทษตัวเองที่ก่อนหน้านี้เคยปฏิเสธเขาด้วยความรังเกียจ เพียงเพราะได้ยินข่าวที่ร่ำลือกันมา

“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ผมได้เห็นคุณ ผมก็ตกหลุมรักคุณทันที”

ฉินเย่ยิ้มโปรยเสนห์ออกมา แววตาเต็มไปด้วยความแน่วแน่มั่นคง : “ผม ฉินเย่ เป็นสัตว์เดรัจฉานในสายตาของคนทั่วไป เป็นลูกที่ฆ่าพ่อของตัวเอง แต่ถ้าหากผมมีความรัก ไม่ว่าเทวดาหน้าไหนก็เข้ามาขวางผมไม่ได้ !”

เปรี้ยง !

จางหยู่หลันเนื้อตัวสั่นเทา รู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า

ทันใดนั้นเอง เธอรู้สึกเหมือนตกอยู๋ในภวังค์ เธอยื่นมืออันเรียวงามของเธอออกไปให้ฉินเย่ แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น

“หยู่หลัน หนู……” คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกร้อนใจขึ้นมาทันที

นี่เรากำลังมาขอรับผิดกับเฉินตงอยู่

ถึงแม้ฉินเย่จะเป็นคนของตระกูลฉิน แต่ฐานะก็ยังเทียบกับเฉินตงไม่ได้อยู่ดี

ตอนนี้จางหยู่หลันลุกขึ้น จะถือว่ารับโทษได้อย่างไร นี่ถือว่าเป็นการท้าทายชัดๆ !

พรึ่บ !

ฉินเย่ถือโอกาสโอบตัวของจางหยู่หลันที่กำลังร้องไห้อยู่เข้ามาไว้ในอ้อมกอด แล้วพูดอย่างดุดันว่า : “เธอเป็นผู้หญิงของผม ผมจะปกป้องเธอเอง !”

คำพูดนี้ ทำให้จางหยู่หลันหัวใจเต้นระส่ำ

และทำให้คุณท่านใหญ่ตระกูลจางพูดอะไรไม่ออก

เฉินตงหรี่ตาลง บรรยากาศหนาวเหน็บเริ่มทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น

“ฉินเย่ ในสายตาของนาย ไม่มีพี่น้องคนนี้อยู่เลยหรือ ?”

จู่ๆ บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยก็หนาวเย็นขึ้นทันที

“เฉินตง แน่นอนว่าผมเห็นคุณเป็นพี่น้อง แต่คุณต่างหากที่ไม่เห็นผมเป็นพี่น้อง !”

ฉินเย่ยังคงใช้ท่าทีและคำพูดที่เชือดเฉือน เขาตะโกนกลับไปว่า : “ตระกูลจางมาขอรับโทษด้วยความจริงใจ แต่คุณยังคงติดใจเอาความอยู่ แล้วเรื่องที่ผมปกป้องจางหยู่หลัน คุณคิดที่จะติดใจเอาความด้วยหรือเปล่า ?”

ยังไม่ทันรอให้เฉินตงพูดตอบกลับมา

จู่ๆ ฉินเย่ก็ยกมือขึ้น แล้วชี้นิ้วไปยังมีดปอกผงไม้ที่วางอยู่ที่หัวเตียง

เป็นมีดปอดผลไม้ที่กู้ชิงหยิ่งวางเอาไว้เมื่อครู่

“หรือถ้าคุณยังรู้สึกว่ามันยังไม่พอ คุณก็เอามีดเล่มนั้นมาแทงผมสิ หนึ่งแผลแลกกับหนึ่งแผล !”

“ฉินเย่ !”

จางหยู่หลันรู้สึกตกใจมาก ดวงตาคู่สวยของเธอเต็มไปด้วยคราบน้ำตาและฉาบไปด้วยแววตาของความหวาดกลัว

ทันใดนั้นเอง

บรรยากาศภายในห้องพักผู้ป่วยก็เงียบสงัด

ทุกคนต่างตกตึง

แต่เมื่อเทียบกับความตกตะลึงของคุณท่านใหญ่ตระกูลจางแล้ว ที่พวกของเฉินตงทั้งสามคนรู้สึกตกตะลึงก็เป็นเพราะว่า……

นี่มันแสดงสมจริงเกินไปไหม ?

ทุกสิ่งดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปครู่หนึ่ง

ทันใดนั้นเอง กู้ชิงหยิ่งก็พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า : “เฉินตงคะ ฉันว่าพอแค่นี้เถอะ คุณกับฉินเย่เองก็เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน”

หลังจากได้ยิน

เฉินตงก็หันไปมองกู้ชิงหยิ่งด้วยดวงตาที่เป็นประกาย

สาวน้อย ช่างแสดงได้ถูกเวลาเสียจริง ?

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วก้มหน้าลง และพูดด้วยความจนใจ : “ไปเถอะ”

หลังจากได้ยินคำนี้

คุณท่านใหญ่ตระกูลจางรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับการให้อภัย เขาตัวสั่นไปทั้งตัว

“ขอบคุณคุณเฉิน ขอบคุณคุณเฉิน”

ดวงตาของจางหยู่หลันสั่นไหว มีน้ำตาไหลรินออกมาราวกับสายฝน

“ไปกันเถอะ”

ฉินเย่มีท่าทีที่อ่อนโยนลง เขากอดจางหยู่หลันเอาไว้ ส่วนอีกมือหนึ่งก็ประคองคุณท่านใหญ่ตระกูลจางเดินออกจากห้องไป : “เฉินตง เรื่องนี้ถือว่าผมติดค้างคุณแล้ว ขอบคุณมาก”

แววตาของเฉินตงลึกซึ้ง เขานั่งมองทั้งสามคนเดินจากไป

“เฮ้อ……”

เขาเอนตัวลงไปที่หัวเตียง แล้วถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงหันมองกู้ชิงหยิ่งด้วยความโล่งใจ : “ถ้าเมื่อกี้ไม่ใช่เพราะได้คุยช่วยพูดแทนผมหนึ่งประโยคล่ะก็ ผมไม่รู้จะต่อบทคำพูดของเจ้าหมอนั่นอย่างไรดีจริงๆ”

บรรยากาศภายในห้องผ่อนคลายลงทันที

“พวกคุณแสดงกันสมจริงเกินไปแล้ว”

กู้ชิงหยิ่งหันมองอย่างตำหนิ

ส่วนท่านหลงที่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาตั้งแต่ต้นจนจบก็หัวเราะเสียงดังออกมา : “ถ้าไม่แสดงให้สมจริงสักหน่อย ปู่หลานตระกูลจางจะยอมเชื่อได้อย่างไร ?”

เฉินตงพยักหน้า จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “เรื่องนี้จะต้องจำเอาไว้ให้แม่น เจ้าหมอนั่นพูดเองนะว่าเขาติดค้างพวกเราอยู่”

ขณะที่พูด เขาก็บิดขี้เกียจ แล้วขยับมือทั้งสองข้าง

“ท่านหลง ช่วยผมทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลหน่อย พักอยู่ที่นี่มาตั้งหลายวัน น่าจะเพียงพอแล้ว”

“คุณชาย……”

“คนโง่……”

ท่านหลงและกู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสีพร้อมกัน

เฉินตงส่ายหัว : “พอแล้ว ที่เหลือค่อยพักฟื้นหลังจากออกจากโรงพยาบาล เอาแต่พักอยู่ในโรงพยาบาลตลอดเช่นนี้ เรื่องในบริษัทเองผมก็ไม่วางใจ อีกอย่าง ถ้าหากพักที่นี่ต่อไปอีกล่ะก็ เรื่องนี้คงจะปิดแม่ของผมไม่มิดอีกต่อไปอย่างแน่นอน”

เฉินตงพูดอย่างแน่วแน่ ทำให้กู้ชิงหยิ่งและท่านหลงไม่อาจพูดอะไรมากได้อีก

ท่านหลงช่วยเฉินตงทำเรื่องย้ายออกจากโรงพยาบาลแล้วเสร็จอย่างรวดเร็ว

ตอนที่ทั้งสามคนเดินทางกลับถึงเขตวิลล่าเขาเทียนซาน

ฉินเย่กำลังส่งข้อความให้เฉินตงพอดี

เมื่อเปิดอ่านดู

“คืนนี้ฉันไม่กลับไปกินข้าวแล้ว คุณท่านใหญ่ตระกูลจางกลับเมืองหลวงไปตามลำพัง ส่วนหยู่หลันจะอยู่ที่นี่ต่ออีกสักระยะ”

เฉินตงอึ้งไป

รวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ ?

เขารู้สึกตกตะลึงจริงๆ ไอ้หมอนี้คือเสือผู้หญิงของแท้เลย !

เฉินตงอึ้งไปสักพัก จากนั้นจึงส่งข้อความตอบกลับไปว่า : “อย่าลืมป้องกันให้ดี”

ข้อความของฉินเย่ก็ตอบกลับมาภายในเสี้ยววินาทีเช่นกัน

“ไอ้บ้าเอ๊ย ! ขอบคุณมาก ! พรุ่งนี้รอฟังข่าวดีจากผม ยังไงคืนนี้เธอเสร็จผมแน่ !”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท