“ เข้าใจ ”
เฉินตงพูดอย่างเย็นชา
เขาหันกลับไปมองฉินเย่
เวลานี้ ฉินเย่เต็มไปด้วยเลือดทั้งตัว แต่ละแผลที่เฉือนลึกเข้าไปจนมองเห็นกระดูก
นี่เห็นได้ชัด ว่าต้องการฆ่าฉินเย่ให้ตาย ด้วยวิธีเฉือนร่าง
เลือดล้างด้วยเลือด ชีวิตต้องแลกด้วยชีวิต!
“ฉินเย่ ปล่อยฉันเถิด ได้โปรดปล่อยฉันไป
ฉันเป็นอาสามของนายนะ”
ร้องครวญครางอ้อนวอนขอความเมตตา
อาสาม?
เฉินตงได้ยินเช่นนี้ ความโกรธก็เพิ่มมากขึ้น
“ อาสาม? ”
ฉินเย่หัวเราะเย็นชาอย่างอ่อนแรง “ผมบอกแล้ว ว่าจะทำลายตระกูลฉิน”
ฉินเจิ้งหน้าซีด ขณะที่เผชิญกับสายตาของฉินเย่ เขาไม่กล้าแม้กระทั่งจะอ้อนวอนขอความเมตตา
“พวกคุณ จะรอผมลงมือเองรึ?”
เฉินตงยักคิ้วและมองไปทางสมาชิกตระกูลฉินอีกสี่คน “หรือว่า อยากไปอยู่ด้วยกัน ”
ซึงสมาชิกทั้งสี่คนของตระกูลฉินก็บาดแผลเต็มตัว
ในขณะที่เฉินตงกำลังตะโกนใส่เขา ร่างกายเย็นยะเยือก จนลืมความเจ็บปวดไปเลย
ทั้งสี่คนมองหน้ากันด้วยความลังเล
ฆ่าฉินเจิ้ง นี่เป็นโทษประหารเลยนะ !
“ฆ่ามัน ปล่อยพวกแก หากไม่ฆ่า ก็ไปตายด้วยกันซะ”
ท่านหลงพูดด้วยน้ำเสียงที่เบา แต่ฟังดูเหมือนฟ้าร้องที่ดังกึกก้อง
ทันใดนั้น สมาชิกทั้งสี่คนของตระกูลฉินก็ลุกขึ้นยืน และพุ่งเข้าหาฉินเจิ้ง
ฉากนี้ ทำให้เฉินตงยิ้มเยาะในใจ
ฆ่ากันเอง นี่ตระกูลฉินเป็นถึงมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของซีสู่ได้ไง
ไม่แปลกใจ ที่ฉินเย่จะฆ่าพ่อของตัวเอง
ความลับในนั้น มันต้องเป็นสิ่งที่เกินความอดทนของฉินเย่แล้วจริงๆ
เฉินตงหันหน้ามองไปทางแสงไฟที่อยู่ไม่ไกลนัก หลุมที่ขุดเสร็จเรียบร้อย
และข้างบ่อหลุม มีกล้องวิดีโอที่ตั้งอยู่
เขาพูดอย่างเย็นชา “บันทึกเรียบร้อย แล้วนำกลับตระกูลฉิน”
ทั้งสี่คนไม่มีการตอบสนอง ท่าทีดุร้ายราวกับสัตว์ป่า พวกเขาแบกฉินเจิ้งเดินลงไปยังหลุม
เวลานี้ ใบหน้าซีดเผือด หมดเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนอีกต่อไป มองไปในหลุมที่ใกล้เข้าไปถึง ด้วยความสิ้นหวัง
เขานึกไม่ถึง ว่าแผนการทุกอย่างที่ตัวเองวางไว้ ตอนนี้กลับกลายเป็นสถานที่ฝังศพของเขา
กลิ่นปัสสาวะที่เหม็นรอยมา
กางเกงของฉินเจิ้งที่เปียกชุ่ม และน้ำตาแห่งความกลัวไหลออกมาจากดวงตาของเขา
สิบนาทีต่อมา
รถโรลส์-รอยซ์คันหนึ่งที่กำลังขับตรงไปยังโรงพยาบาลลี่จิง
บนรถ
ฉินเย่ซึ่งนอนสลบอยู่และหัวพิงบนตักของเฉินตง
แม้จะสลบไปอย่างหมดสติ แต่ยังคงขมวดคิ้วแน่น และโกรธเคือง
“ นี่มันแค้นหนักขนาดไหนกัน? ”
เฉินตงบ่นด้วยน้ำเสียงที่ไร้จิตวิญญาณ “ ท่านหลง คุณรู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องในตอนนั้นบ้างไหม? ”
ท่านหลงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ คุณชาย นี่เป็นความลับส่วนตัวของฉินเย่และตระกูลฉินซีสู่ กระผมก็มิอาจพูดอะไรได้ ไม่แน่ในวันหน้าฉินเย่เขาอาจยินดีที่จะเล่าให้คุณชายฟังก็เป็นไปได้ ”
เฉินตงขมวดคิ้ว “ คุณไปสืบเรื่องส่วนตัวของคนอื่นมาสักละเอียดขนาดนี้แล้ว คุณยังจะมาบอกผมว่านี่คือความเป็นส่วนตัวของผู้อื่น? ไม่อยากพูดก็ไม่ต้องพูด อย่ามาตอแหล ”
ท่านหลง “ …… ”
ระหว่างที่เปลี่ยนท่านั่ง เฉินตงขยับไปโดนบาดแผลที่แผนหลัง ถึงกับขมวดคิ้วแน่นเลย
ภายในรถ มีแต่กลิ่นคาวของเลือดที่เข้มข้น
ทั้งตัวของฉินเย่เต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด
แต่ก็ยังอดทนมาจนถึงตอนนี้
โดนมีดเฉือนไปสิบเก้าครั้ง ความเจ็บปวดนั้น แม้แต่เฉินตงก็ยังไม่กล้าจินตนาการ
เขาตกใจกับความอดทนของฉินเย่จริงๆ
ว่าแต่……..
“ ท่านหลง เรื่องราวในครั้งนี้ คุณพอรู้เรื่องบ้างไหม? ”
ชัดว่าเป็นเรื่องคืนนี้
ท่านหลงส่ายหน้าและกล่าวอย่างสงสัย “เหตุการณ์เกินขึ้นอย่างกะทันหัน ไม่มีเวลาตรวจสอบอย่างละเอียด แต่น่าจะไม่ใช่เรื่องที่ฉินเย่จะขอเอาตัวเองออกจากลำดับในวงศ์ตระกูล คงไม่มีตระกูลใดที่จะใจแคบเช่นนี้ เว้นแต่จะเป็นตระกูลที่ใช้อำนาจมืด ถึงจะทำเช่นนี้ แต่ความเป็นไปได้ก็น้อยนัก ”
เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น “ เช่นนั้นก็รอฉินเย่ตื่นถึงจะรู้เรื่อง แต่ว่า….. ”
เขากำมืออย่างแน่นและชกไปที่หน้าอกของฉินเย่อย่างเบามือ
“ นายต้องรอดนะเว้ย น้องชาย ”
……………
สามวันต่อมา
ในที่สุดฉินเย่ก็ได้ออกจากห้องICU และย้ายไปยังห้องVIPผู้ป่วยทั่วไป
และเฉินตงก็โล่งอกไปสักที
ใบแจ้งอาการฉุดเฉินหลายสิบฉบับที่ออกโดยโรงพยาบาลในช่วงสามวันที่ผ่านมา ถูกฉีกทิ้งเป็นชิ้นๆ
เมื่อหันเดินกลับไปยังห้องผู้ป่วย ฉินเย่ก็ได้สติขึ้นมาแล้ว
แต่ก็ยังอ่อนแรงอยู่ ใบหน้าซีดเผือดไม่มีสีเลือด
ฉินเย่ในเวลานี้ ถูกพันด้วยผ้าขาวทั้งตัว อย่างกับมัมมี่
“ ในที่สุดผมก็รอดมาได้ ”
เฉินตงกับฉินเย่สบตากันและยิ้มอย่างโล่งใจ
“ ขอบคุณ ขอบคุณ……. ”
เสียงของฉินเย่อ่อนแรงมาก จนยากที่จะได้ยินผ่านเครื่องช่วยหายใจ
เฉินตงส่ายหน้า และมานั่งข้างเตียง
มองไปที่ท่านหลง และถามว่า “ คุณสืบไปถึงไหนแล้ว ”
“ ยังเลย ตระกูลฉินปกปิดได้ดีมาก ”
ท่านหลงส่ายหน้า “ อีกอย่าง เรื่องของฉินเจิ้ง สามวันมานี้ ตระกูลฉินก็ยังนิ่งเฉย”
คืนนั้นหลังจากส่งฉินเย่เข้าห้องฉุกเฉิน เฉินตงก็ได้สั่งท่านหลงให้ใช้อำนาจของตระกูลเฉินไปตรวจสอบสาเหตุของการฆ่าฉินเย่
สามวันมานี้ ก็ยังไม่มีแม้แต่วี่แวว
อย่างไรก็ตาม เขานึกไม่ถึงว่าตระกูลฉินจะนิ่งเฉยกับเรื่องของฉินเจิ้งที่เกิดขึ้น
เฉินตงส่ายหน้า และก้มหน้ามองฉินเย่ “ ก็มีแต่ถามนายแล้วแหละ ทำไมเขาถึงต้องการที่จะฆ่านาย? ”
ฉินเย่นัยน์ตาดูเศร้าหมอง
หลังจากนิ่งไปไม่กี่วินาที
จู่ๆ เขาก็หัวเราะ
แม้ว่าเขาจะอ่อนแออย่างหนัก แต่เขายังคงเยาะเย้ยถากถาง ท่าทางไม่แคร์อะไรทั้งนั้น
“ไม่มีอะไร ”
เขายักไหล่ และสะเทือนไปถึงบาดแผล ทำให้เขาเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยว นิ่งไปสักพักก่อนที่จะพูดว่า ผมก็แค่ ขุดหลุมฝังศพของพ่อ และโรยขี้เถ้าทิ้ง
ตูมมม!
เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่เฉยเมย แต่กลับเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน
ทำให้เฉินตงและท่านหลงตกใจจนหน้าอึ้ง
ฆ่าพ่อไม่พอ?
ยังไปขุดหลุมฝังศพและโรยขี้เถ้าทิ้ง
โหดเหี้ยมจริง!
ไม่ต้องตกใจ ….แค่ก แค่ก แค่ก…..
ฉินเย่ยิ้มอย่างเฉยเมย และไออย่างรุนแรงเพราะอาการบาดเจ็บของเขา จึงกล่าวต่อว่า ฉันไม่ใช่คนของตระกูลฉินแล้ว ทำไม…..จะทำไม่ได้?
ประโยคนี้ ทำให้เฉินตงและท่านหลงพูดไม่ออก
แต่เฉินตง ยังคงสัมผัสถึงความซับซ้อนในแววตาของฉินเย่ได้อย่างชัดเจน
แววตาที่ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยคำพูด แต่สามารถสัมผัสได้ถึงความเกลียดชัง
อาจเป็นเพราะเกลียดจนสุดขีดแล้วจริงๆ ถึงได้เป็นเช่นนี้
“ พักผ่อนให้ดีๆเถอะ”
เฉินตงหายใจเข้าลึกแล้วลุกขึ้นเดินออกจากไป
ท่านหลงก็เดินตามออกไปจากห้องผู้ป่วย
เฉินตงเอนตัวไปพิงข้างกำแพงทางเดิน ในหัวยังคงมีแต่แววตาของฉินเย่ที่เห็นเมื่อกี้ ปรากฏขึ้นมาอยู่เรื่อย เขารู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เหมือนอกจะระเบิด
เขานึกว่าอดีตของเขานั้นมันมืดมนมากแล้ว
แต่ไม่เคยคิดเลยว่า เมื่อเทียบกับอดีตของฉินเย่แล้ว เขาก็ถือว่าอยู่ในความสว่างแล้ว
“เด็กคนนี้ แบกภาระไว้เยอะเกิน ” ท่านหลงถอนหายใจ “ตระกูลฉินมันเป็นพวกเดรัจฉานสวมเสื้อผ้าจริงๆ ”
เฉินตงมองท่านหลงอย่างประหลาดใจ
แต่ยิ้มเล็กน้อย “ดูแลเขาให้ดี ผมออกไปก่อน ”
“วางใจเถอะคุณชาย ท่านหลงกล่าวอย่างนอบน้อม”
เฉินตงยกนิ้วโป้งขึ้นโดยไม่หันกลับมามอง “ท่านหลง ก่อนหน้านี้ลืมชมท่านแล้ว ท่านซ่อนได้ลึกจริงๆ วิชาไทเก๊กของท่าน คาดว่าเจอกับคู่แข่งอย่าคุนหลุนก็ไม่เกรงกลัวแล้วล่ะมั้ง? ”
ท่านหลงชะงักไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมา “ที่ไหนกัน? นั่นมันได้มาจากระหว่างที่แลกเปลี่ยนทักษะกับฉินเย่ทั้งนั้น เอาไปสู้ใครไม่ได้หรอก ”
“ เชอะ ”
เฉินตงยิ้มอ่อนๆ
ขณะเดียวกัน
ตระกูลฉินแห่งเมืองซีสู่กลับมีบุคคลสำคัญท่านหนึ่งมาเยือน…..