The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 223 แผนการ !

บทที่ 223 แผนการ !

ลมเย็นโชยอ่อนยามค่ำคืน

บริเวณชายหาด มีเกลียวคลื่นหมุนวนเข้ามากระทบฝั่ง

หลังจากดื่มด่ำกับอาหารมื้อใหญ่แล้ว

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งก็จูงมือกันเดินเล่นบนชายหาด

คุนหลุนกับกูหลังแยกตัวออกไปสักพักแล้ว เพื่อที่จะไปรอต้อนรับทีมช่างภาพที่เพิ่งจะเดินทางมาถึง

ลมทะเลที่มีกลิ่นอายของความเค็มเล็กน้อยพัดมาทำให้ความร้อนเบาบางลง

“เฉินตง”

จู่ๆ กู้ชิงหยิ่งก็หยุดเดิน เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉินตงด้วยแววตาที่เป็นประกายราวกับดวงดาวที่ระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า เป็นแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังอย่างแรงกล้า : “พวกเรามาเต้นรำที่นี่กันไหม ?”

เต้นรำ ?

เฉินตงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย เขาส่ายหัว : “ผมเต้นรำไม่เป็น”

เขาเหลือบมองผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมารอบๆ จากนั้นจึงยักไหล่ : “อีกอย่าง คนเยอะขนาดนี้ น่าอายจะตายไป”

“ช่างเถอะ”

กู้ชิงหยิ่งมุ่ยปากด้วยความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย

เธอปล่อยมือเฉินตง แล้วเอามือทั้งสองข้างไขว้หลัง จากนั้นจึงเดินต่อไปบนชายหาด

เฉินตงลังเลและตัดสินใจไม่พูดอะไรออกมา

เขาเต้นรำไม่เก่งจริงๆ

เวลาสี่ปีในรั้วมหาวิทยาลัยของเขาหมดไปกับการต่อสู้ดิ้นรน ทำงานและเรียนหนังสือ

เข้าเคยเข้าเป็นสมาชิกหลายชมรม แต่นั่นก็เพื่อพัฒนาศักยภาพของตัวเขาเอง

ส่วนการเต้นรำนั้น เป็นสิ่งที่ไม่ได้ให้ประโยชน์อะไรแก่เขาในเวลานั้น

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นพวกเขาทั้งสองอยู่บนชายหาดที่มีผู้คนมากมายขนาดนี้

ทันใดนั้น เฉินตงเหลือบตาไปมอง และนึกแผนการขึ้นมาในใจ

มีทั้งสองข้างของกู้ชิงหยิ่งไขว้อยู่ด้านหลัง เธอเดินเตะพื้นทรายอย่างไร้จุดหมาย ในใจเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดหวัง

ฉากหลังที่งดงามขนาดนี้ ถูกตระเตรียมเอาไว้สำหรับถ่ายภาพแต่งงาน

เธออยากเต้นรำร่วมกับเฉินตงสักครั้ง ยิ่งไปกว่านั้น ครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งที่เธอจะได้อยู่กับเฉินตงตามลำพัง

จึงน่าจะมีอะไรที่พิเศษ เพื่อเก็บเอาไว้เป็นความทรงจำถึงจะถูก ?

“คงโง่นี่ช่างไม่รู้จักความสนุกสนานในชีวิตเอาเสียเลย”

กู้ชิงหยิ่งบ่นพึมพำ

หลังจากพูดจบ

“เสี่ยวหยิ่ง !”

มีเสียงของเฉินตงดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง

กู้ชิงหยิ่งหันกลับไปมอง ใบหน้าของเธอถูกปกคลุมไปด้วยแสงสว่างจ้า ทำให้แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมาทันที

ดอกไม้ไฟถูกจุดขึ้น เป็นประกายไฟสวยงาม

มือข้างหนึ่งของเฉินตงถือดอกไม้ไฟเอาไว้ ส่วนมืออีกข้างหนึ่งถือลูกโป่งแฟนซีช่อใหญ่หลากหลายสีสัน และยืนนิ่งอยู่กับที่

และบนพื้นทรายที่เขายืนอยู่นั้น มีรูปศรปักหัวใจวาดอยู่บนพื้นทราย

ภาพนี้ ดูเป็นภาพที่เรียบง่าย

แต่เมื่อปรากฏขึ้นภายใต้ท้องฟ้ายามค่ำคืน กลับกลายเป็นฉากที่มีสีสันงดงามตระการตา

และระยิบระยับจากลูกโป่งและดอกไม้ไฟที่งดงาม ทำให้รู้สึกถึงบรรยากาศชวนฝันและแสนวิเศษ

ทำให้ผู้คนที่อยู่โดยรอบต่างก็ค่อยๆ หันมามอง

เฉินตงค่อยๆ เดินเข้าไปกู้ชิงหยิ่ง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยน : “อย่าโกรธเลยนะ ผมเต้นรำไม่เป็น แต่ผมก็มอบลูกโป่งให้คุณได้นะ”

ขณะที่พูดอยู่นั้น เข้าก็ยื่นลูกโป่งหลากสีช่อใหญ่ที่อยู่ในมือให้กับกู้ชิงหยิ่ง

กู้ชิงหยิ่งตกอยู่ในภวังค์ จากนั้นเธอก็ยิ้มหวานออกมา

“ถือว่าคุณฉลาด ไปกันเถอะ กลับโรงแรมกัน คนหันมามองใหญ่แล้ว”

กู้ชิงหยิ่งคล้องแขนของเฉินตงแล้วยืนก้มหน้าก้มตาด้วยความเขินอาย จากนั้นจึงพากันเดินกลับโรงแรมไป

เป็นเพราะสายตาที่ผู้คนจับจ้องมา ทำให้เธอรู้สึกได้ถึงความอิจฉาอย่างรุนแรง ถึงขั้นที่ว่า เธอแอบได้ยินหญิงสาวคนหนึ่งกำลังกล่าวตำหนิแฟนหนุ่มของตนเอง ว่าทำไมถึงไม่รู้จักเลียนแบบเฉินตงเสียบ้าง

สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกทั้งดีใจและเก้อเขินในเวลาเดียวกัน

ขณะที่เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งกลับถึงโรงแรม

ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่ที่หน้าประตูโรงแรมที่อยู่ห่างออกไปไกลๆ

เสียงของผู้คนดังเซ็งแซ่

ยิ่งไปกว่านั้นมีเสียงสัญญาณเตือนภัยของรถตำรวจดังขึ้นอีกด้วย

และห่างออกไม่ไกล มีรถตำรวจที่เปิดไฟฉุกเฉินเอาไว้อีกหลายคัน

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น ?”

กู้ชิงหยิ่งรู้สึกประหลาดใจ

เฉินตงขมวดคิ้ว

ทั้งสองเดินตรงไปยังประตูโรงแรมด้วยความอยากรู้

ขณะที่กำลังเดินเข้าไปท่ามกลางฝูงชน

ทันใดนั้น ก็มีคนสองคนกระโจนออกมาจากพุ่มไม้ด้านข้าง

รวดเร็วราวกับสายฟ้า

กู้ชิงหยิ่งตกใจจนกรีดร้องออกมา แต่กลับถูกคนคนหนึ่งยกมือขึ้นมาปิดปากเอาไว้

เฉินตงตอบสนองอย่างรวดเร็วและรุนแรง เขาใช้หมัดต่อยเข้าใส่คนที่อยู่ตรงหน้า

ตุ๊บ !

มีมือขนาดใหญ่จับข้อมือของเฉินตงเอาไว้

“คุณชาย ผมเอง !”

ตอนนี้เอง เฉินตงเพิ่งจะมองเห็นอย่างชัดเจนว่าคนที่อยู่ตรงหน้าก็คือคุนหลุน

อีกทั้งคนที่จับกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ข้างๆ ก็คือกูหลัง

ทั้งสองสีหน้าเยือกเย็นราวกับน้ำ

“มากับผม”

คุนหลุนไม่เปิดโอกาสให้เฉินตงได้เอ่ยถาม เขารีบพาเฉินตงและกู้ชิงหยิ่งเดินไปยังที่ลับตาคนที่อยู่ห่างออกไปในทันที

“เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

เฉินตงรู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เมื่อเห็นท่าทีของคุนหลุนและกูหลัง เขาก็รู้ได้โดยทันทีว่าจะต้องเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแน่นอน

รถตำรวจที่จอดอยู่หน้าโรงแรม ก็คงมาเพราะเหตุผลเดียวกัน

แต่ที่เขารู้สึกสงสัยก็คือ เขาและกู้ชิงหยิ่งเพียงแค่ต้องการเข้าไปสังเกตการณ์เท่านั้น ทำไมคุนหลุนและกูหลังต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย ?

จากนั้น

คำพูดหนึ่งประโยคที่ออกมาจากปากของคุนหลุน ทำให้เฉินตงอึ้งไปในทันที

“พวกเขามาจับคุณชายครับ ?”

เปรี้ยง !

เฉินตงรู้สึกราวกับถูกฟ้าผ่า เขารู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างมาก

จับฉัน ?

ฉันทำความผิดอะไรเอาไว้อย่างนั้นหรือ ?

“จับเฉินตงทำไมกัน ? พวกเขาจะต้องมาจับผิดคนแน่ๆ !”

กู้ชิงหยิ่งใบหน้าแดงก่ำ เธอตอบกลับไปด้วยท่าทีตื่นตระหนก

ที่เธอและเฉินตงมาที่ไห่ย่าครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะมาถ่ายภาพแต่งงาน

ทำไมเมื่อมาถึง ก็จะมีคนมาจับเฉินตงเช่นนี้ ?

อีกทั้งยังเป็นคนของทางการอีกด้วย

“ตอนนี้ห้องของคุณเฉินถูกปิดล้อมเอาไว้หมดแล้ว ตำรวจกำลังกระจายกำลังค้นหาตัวอยู่”

น้ำเสียงของกูหลังเคร่งขรึมและเย็นชา

คุนหลุนสูดหายใจเข้าเต็มปอด แล้วพูดออกมาอย่างจริงจังว่า : “คุณชาย ยังจำข่าวเกี่ยวกับตระกูลฉินแห่งซีสู่ข่าวนั้นได้ไหมครับ ?”

ดวงตาของเฉินตงเป็นประกาย

เขาเข้าใจทุกอย่างในทันที

นี่คือแผนการของตระกูลฉินอย่างนั้นหรือ ?

จงใจประโคมข่าวให้ทุกคนได้รับรู้ จากนั้นจึงให้ทางการออกหน้าจัดการกับตนเอง ?

เมื่อเห็นเฉินตงเข้าใจเรื่องทุกอย่างแล้ว

คุนหลุนจึงพูดต่อว่า : “ตอนนี้ทางการต้องการจับกุมคุณ เพราะมีการปล่อยข่าวออกมาว่า คุณชายคือผู้ต้องสงสัยที่ลอบสังหารฉินเจิ้ง !”

คำพูดประโยคนี้ ทำให้กู้ชิงหยิ่งหน้าถอดสีทันที

เธอยกมืออันเรียวงามของเธอขึ้นป้องปากเอาไว้ ดวงตากลมโตของเธอลุกวาวด้วยความตกใจ

เฉินตงหัวเราะออกมาด้วยท่าทีแปลกๆ และแสดงสีหน้าโกรธแค้นออกมา

อะไรที่เรียกว่าผู้ต้องสงสัย ?

ก็หมายความว่าเป็นคนทำอย่างไรล่ะ !

แผนการของตระกูลฉินในครั้งนี้ ทำให้เขากลายเป็นผู้ต้องหาหลบหนีคดีในไห่ย่าทันที

จะไม่ชมว่าจัดการได้อย่างยอดเยี่ยมก็คงไม่ได้ !

ไม่แน่ว่า ตั้งแต่ที่มีการปล่อยข่าวเรื่องนั้นออกมา ตระกูลฉินก็ได้หาโอกาสที่เขาจะเดินทางเอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ถึงแม้จะไม่ได้เดินทางเพราะเรื่องการถ่ายภาพแต่งงาน แต่หากคอยจับตามองอยู่ตลอดเวลาเช่นนี้ อย่างไรเสียก็จะต้องหาโอกาสที่เขาออกเดินทางเจอจนได้

“เฉินตง นี่มัน นี่มันเรื่องอะไรกันแน่ ?”

กู้ชิงหยิ่งยืนเหม่อลอย หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

เธอรู้เรื่องที่เฉินตงช่วยฉินเย่เอาไว้

แต่รู้ด้วยว่าคนที่จับฉินเย่ไปวันนั้นก็คือฉินเจิ้งตระกูลฉินแห่งซีสู่

แต่ทว่าตอนนี้เรื่องไปถึงมือของทางการแล้ว แม้แต่กู้ชิงหยิ่งเอง ก็รู้สึกสับสนไม่น้อย

เฉินตงลูบจมูกแล้วยิ้มออกมา : “เสี่ยวหยิ่ง เป็นไรหรอก”

“คุณชาย ผมติดต่อท่านหลงเรียบร้อยแล้ว อาศัยบารมีของตระกูลเฉิน ไม่ช้าพวกเราคงเดินทางออกจากไห่ย่าได้” คุนหลุนกล่าว

เฉินตงทำสีหน้าจนใจ แต่ท้ายที่สุดก็พยักหน้าออกมา

ตอนนี้ไห่ย่าเป็นที่ที่อันตรายที่สุด จึงไม่ควรจะอยู่ที่นี่ต่อไปแม้สักวินาทีเดียว

เพียงแต่เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งที่ยืนตกตะลึงอยู่ตรงหน้า เฉินตงก็รู้สึกโทษตัวเองและรู้สึกผิดไม่น้อย

เฉินตงกอดกู้ชิงหยิ่งเอาไว้ แล้วพูดว่า : “ขอโทษด้วยเสี่ยวหยิ่ง พวกเราออกไปจากที่นี่กันก่อน จะต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน เชื่อผมนะ”

ตอนนี้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสับสนจนทำอะไรไม่ถูก

เมื่อได้ยินคำว่าไปจากที่นี่ ดวงตาของเธอก็แดงก่ำทันที

เพื่อการมาไห่ย่าครั้งนี้ เพื่อการถ่ายภาพแต่งงานครั้งนี้

เธอเตรียมการมาเป็นอย่างดี

ถึงขั้นว่า เธอได้จินตนาการภาพของตนเองที่ได้สวมใส่ชุดแต่งงานเอาไว้เป็นเวลานานแล้ว

แต่ทว่าตอนนี้……ยังมันทันจะสวมใส่ชุดแต่งงาน เธอก็จะต้องไปจากที่นี่เสียแล้ว ?

จากนั้น

ยังไม่ทันจะรอให้กู้ชิงหยิ่งตอบกลับมา

จู่ๆ ก็มีเสียงตะโกนดังขึ้นมาจากที่ไกลๆ

“เขาอยู่นี่ !”

ทันใดนั้น ก็มีเสียงตะโกนขู่ดังขึ้น : “ยกมือขึ้นแล้วคุกเข่าอยู่กับที่ ห้ามขยับ !”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท