The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 225 หนี !

บทที่ 225 หนี !

ต้องลองดูสักตั้งในขณะที่ยังมีโอกาส

หากไม่ขึ้นฮึดสู้ ถ้าตกอยู่ในมือของตระกูลฉินแล้ว ก็คงไม่ต้องคาดเดาถึงผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นอีกต่อไป

ในพจนานุกรมของเฉินตง ไม่เคยมีคำว่า “รอความตาย” บัญญัติเอาไว้

ต่อให้ต้องตาย เขาก็ขอต่อสู้จนตัวตาย

ทันทีที่เขาตัดสินใจเช่นนี้

เจตนาฆ่าในแววตาของเขาก็ทวีความรุนแรงจนถึงขีดสุด

ทันใดนั้น

ตัวเขาก็สั่นเทา

“ฮ่าๆ” เฉินตงหัวเราะออกมา

เสียงหัวเราะทำให้ตำรวจที่นั่งขนาบอยู่สองข้างตกตะลึง

ส่วนตำรวจวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งข้างคนขับก็รู้สึกตกใจจนต้องหันมามอง จากนั้นจึงโยนก้นบุหรี่ที่อยู่ในมือใส่เฉินตง

“แกหัวเราะอะไรของแก ?”

รอยยิ้มของเฉินตงยิ่งดูสดใสยิ่งขึ้น เขามองตรงไปยังตำรวจวัยกลางคนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยเจตนาฆ่าที่รุนแรง

“ของปลอม ยังไงก็เป็นของจริงไปไม่ได้ !”

แววตาของตำรวจวัยกลางคนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก เขาขมวดคิ้วทันที

ตำรวจที่เป็นคนขับรถเองก็เหยียบเบรกอย่างกะทันหัน จนรถสั่นไปมา

“ไอ้บ้าเอ๋ย แกขับให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้หรือไง ?”

หัวของตำรวจวัยกลางคนเกือบกระแทก เขาจึงหันไปต่อยไหล่ของตำรวจคนที่ทำหน้าที่ขับรถด้วยความโกรธ

จากนั้น เขาก็หันกลับไปมองเฉินตงด้วยความโมโห : “แกพูดบ้าอะไรกัน ?”

แน่ใจแล้ว !

ตัวปลอมแน่นอน !

รอยยิ้มที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าของเฉินตงยิ่งชัดเจนขึ้น เขาค่อยๆ หรี่ตาลง

เขาทำเช่นนี้เพราะเกรงว่าการสันนิษฐานของตนเองนั้นจะผิดพลาด จึงได้แสร้งทดสอบดู

ตำรวจอาจจะวางตัวไม่ดี หรืออาจจะไม่สนใจเกียรติยศศักดิ์ศรีได้

แต่ในเมื่อเป็นตำรวจเหมือนกัน ต่อให้เป็นหัวหน้ากับลูกน้อง นำเสียงและคำพูดที่ใช้ก็คงไม่หยาบคายถึงขนาดนี้ !

พวกนักเลงเท่านั้น ที่จะแสดงกิริยาเช่นนี้ออกมา

ตุ๊บ !

ทันใดนั้นเอง เฉินตงก็โค้งตัวลงเหมือนคันธนู แล้วดีดตัวกลับ ใช้หัวกระแทกเข้าที่ใบหน้าของตำรวจคนที่นั่งอยู่ทางด้านซ้าย

“โอ๊ย !”

เสียงร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ดังก้องอยู่ในรถตำรวจ

เหตุการณ์ชุลมุนวุ่นวายขึ้นทันที

ตำรวจที่ทำหน้าที่ขับรถตกใจจนมือไม้สั่น

รถที่กำลังแล่นด้วยความเร็วก็เริ่มวิ่งคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อย

แต่ทว่า นี่คือสิ่งที่เฉินตงต้องการให้เกิดขึ้น

ยิ่งชุลมุนยิ่งดี

“ไอ้บ้าเอ๋ย นี่แกกล้าขัดขืนหรือ ?”

สีหน้าของตำรวจวัยกลางคนเปลี่ยนไปทันที เขายื่นมือเข้าไปคว้ากระบองที่เหน็บอยู่บนตัวออกมา จากนั้นจึงฟาดไปที่เฉินตง

เฉินตงไม่อาจหลบไปไหนได้ เขาจึงรีบหันหลังให้ทันที “เผียะ” เสียงตีดังขึ้น หลังของเขาถูกตีเข้าอย่างแรงจนแทบรู้สึกหายใจไม่ออก

ในขณะนี้ ตำรวจมือขวาก็ตกตะลึงตื่นขึ้นมา พุ่งเข้าไปหาตัวเขาโซซัดโซเซ

เฉินตงร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด จากนั้นจึงใช้หัวพุ่งชนเข้าใส่ตำรวจด้วยความโมโห

ตุ๊บ !

เพล้ง……

ตำรวจถูกพุ่งชนจนตัวเอียง หัวของเขากระแทกกับกระจกรถจนแตก

จากนั้น เขาก็ใช้เท้าเตะไปยังตำรวจคนที่ถูกเขาโจมตีในตอนแรก

ในช่วงคับขัน เขาพุ่งเข้าจู่โจมอย่างต่อเนื่อง

เขาหวดไม้กระบองใส่ตำรวจวัยกลางคนด้วยความโมโหสองสามครั้ง และตะโกนออกมาอย่างดุร้ายราวกับสัตว์ป่า จากนั้นเขาจึงกัดเข้าที่ใบหูของตำรวจที่ทำหน้าที่ขับรถ

“โอ๊ย !”

เสียงกรีดร้องดังตามมาทันที คนขับรถที่ได้รับบาดเจ็บรู้สึกตกใจกลัวเป็นอย่างมาก

มือของเขาตบลงบนพวงมาลัยสองครั้งด้วยสัญชาตญาณ

เอี๊ยด……

รถวิ่งคนเคี้ยวราวกับงูเลื้อย รถลอยขึ้นเหนือพื้นดินแล้วพุ่งไกลออกไปอีกสิบกว่าเมตร จากนั้นก็พลิกคว่ำและกลิ้งต่อไปอีกสิบกว่าเมตร แล้วจึงหยุดนิ่ง

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน ทำให้รถตำรวจอีกสองสามคันที่ขับตามหลังมาไม่ทันได้ตั้งตัว

เสียงเบรกรถอย่างกะทันหันดังขึ้นต่อเนื่อง รถตำรวจจอดห่างออกไปสิบกว่าเมตร

ตุ๊บ !

เฉินตงใช้เท้าเตะประตูรถออกมา

เขาออกมาจากรถอย่างทุลักทุเล แล้วลุกยืนขึ้น บนตัวของเขาเต็มไปด้วยเศษกระจกที่แตกละเอียด บนหัวของเขามีเลือดสดที่ค่อยๆ ไหลอาบแก้มลงมา

ในช่วงชุลมุนเช่นนี้ เขาเองก็ไม่ค่อยแน่ใจว่า แผลนี้เกิดขึ้นจากการที่ถูกตำรวจวัยกลางคนตีด้วยกระบอง หรือเกิดจากการกระแทกขณะที่รถพลิกคว่ำกันแน่

เลือดสีแดงสดทำให้ตาพร่ามัว เฉินตงพยายามกะพริบตาถี่ๆ สองครั้ง จากนั้นจึงวิ่งหนีเข้าไปในเขตทุรกันดารข้างถนนโดยไม่ได้สนใจเส้นทาง

หากเขาหนีรอด ก็อาจจะยังรักษาชีวิตเอาไว้ได้

แต่ถ้าหากหนีไม่รอด เขาคงจะต้องตายอย่างแน่นอน !

แต่ทว่า การที่มือทั้งสองข้างของเขาถูกใส่กุญแจมืออยู่ ทำให้ความเร็วในการวิ่งของเขาลดลงไปมาก

ด้านหลังมีเสียงตะโกนด้วยความโมโหดังตามมา

หลังจากที่ตำรวจวัยกลางคนปีนออกมาจากในรถได้สำเร็จ เขาก็รีบตะโกนเรียกเหล่าตำรวจปลอมที่อยู่ในรถคันที่เหลือ ให้รีบวิ่งตามเฉินตงไปทันที

“โธ่เว้ย แกหนีไม่รอดหรอก แกหนีไม่รอดหรอก !”

เฉินตงไม่ได้สนใจ ใบหน้าของเขาเย็นชา แววตาของเขามั่นคง

วิ่ง !

รีบวิ่ง !

“จะต้องหนีรอดให้ได้ !” เสี่ยวหยิ่งยังรอให้ฉันกลับไปถ่ายภาพแต่งงานกับเธออยู่นะ และยังรอให่กลับไปจัดงานแต่งงานกับเธออยู่นะ”

“คุนหลุน ฉินเย่ กูหลัง ท่านหลง พวกเขาเองก็ยังรอที่จะมาร่วมงานแต่งงานของฉันอยู่”

“แม่เองก็ยังรอฉันอยู่ที่บ้าน และยังรอที่จะได้อุ้มหลานอยู่”

ภาพของทุกคนปรากฏขึ้นในหัวของเฉินตง ทำให้เขาเกิดความคิดที่มุ่งมั่นและแน่วแน่ที่จะหนีไปให้ได้

ในครอบครัวยังมีอีกหลายคนที่ยังรู้สึกเป็นห่วงอยู่

ครอบครัวของเขาในตอนนี้ เป็นภาพที่เขาใฝ่ฝันมาแสนนาน

จะถูกจับไม่ได้ และจะตายไม่ได้ด้วย

เพราะฉะนั้นจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้มีชีวิตรอดต่อไปให้ได้ !

เลือดบนศีรษะไหลอาบลงมา จนใบหน้าว๊กหนึ่งของเขาถูกย้อมเป็นสีแดงสด ทำให้เขามองอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก ทำให้การก้าวเดินของเขายิ่งยากลำบากมากขึ้น

เฉินตงในตอนนี้ ดูเย็นชาและสงบนิ่งอย่างน่าประหลาดใจ

แต่ใบหน้าที่โชกไปด้วยเลือดของเขา ดูแล้วช่างรู้สึกน่ากลัวเสียจริงๆ

สัตว์ร้ายนั้นไม่น่ากลัว แต่สัตว์ร้ายที่ยังคงทำตัวให้นิ่งสงบได้แม้ในเวลาที่คับขันและต้องเผชิญกับความตายต่างหากที่น่ากลัว

ในเขตทุรกันดาร ท้องฟ้ามืดมิด เส้นทางเต็มไปด้วยความขรุขระ

ด้านหลังมีเสียงตะโกนด้วยความโกรธและเสียงก่นด่าดังไล่หลังมาราวกับกระแสคลื่น

เสียงฝีเท้าที่กระชั้นชิดเข้ามา ดังอื้ออึงอยู่ในหู

ตุ๊บ !

เฉินตงเดินโซเซแล้วล้มลงกับพื้น

ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยโคลน

“ลุกขึ้น รีลุกขึ้นเร็ว……”

เฉินตงพยายามออกแรงอย่างหนัก เขาใช้ศีรษะที่มีเลือดไหลอาบอยู่ดันลงไปที่พื้น เพื่อพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง

ดวงตาของเขาขุ่นมัวเพราะเลือด

บวกกับท้องฟ้าที่มืดมิด ทำให้เฉินตงมองไม่เห็นอะไรเลย

เขาวิ่งไปมาอย่างบ้าคลั่งราวกับสัตว์ที่กำลังจะตาย

ขาของเขาอ่อนแรง ทำให้เขาล้มติดต่อกันหลายครั้ง

แต่เขาเองก็พยายามพยุงตัวเองให้ลุกยืนขึ้นมาใหม่

ตอนที่เขาล้มลงไปเป็นครั้งที่สี่

เฉินตงกัดฟัน แล้วใช้หัวดันไปที่พื้นอีกครั้ง เขากัดฟันแล้วพยายามประคองตนเองให้ลุกยืนขึ้นมาใหม่

แต่ด้านหลังกลับมีเสียงที่เย็นชาดังขึ้นมา

ทันใดนั้น เฉินตงรู้สึกขนลุกไปทั้งตัว

“ไอ้บ้าเอ๋ย ฉันจะดูซิว่าแกจะหนีไปไหนได้”

ตุ๊บ !

แทบจะในเวลาเดียวกัน เฉินตงรู้สึกเหมือนมีไม้กระบองฟาดลงมาที่ท้ายทอยของเขาอย่างแรงอีกครั้ง

ร่างกายของเขาฟุบลงไปที่พื้นทันที

สติสัมปชัญญะของเขาค่อยๆ ลดถอยลง

จนในที่สุด ก่อนที่ความทรงจำของเขาจะเลือนหายไป

เขายิ้มออกมาอย่างขมขื่น แล้วพึมพำออกมาว่า : “เสี่ยวหยิ่ง……ผม ดูเหมือนว่า……จะต้องผิดคำสัญญาแล้ว……”

……

ภายในโรงแรม

บรรยากาศราวกับทุกอย่างหยุดนิ่งอยู่กับที่

พวกของกู้ชิงหยิ่งทั้งสามคนนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ และกระสับกระส่าย

พวกเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการนั่งรออย่างเงียบๆ

สิ่งนี้ทำให้ความกังวลและความกลัวของทั้งสามคนค่อยๆ ทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น

กู้ชิงหยิ่งร้องออกมาจนสิ้นเสียงหลายต่อหลายครั้ง

คุนหลุนกับกูหลังเองก็นั่งกำหมัดแน่น ฝ่ามือเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ

คุนหลุนเอาแต่เหลือบมองโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา

แต่ทว่าจอมือถือกลับมืดสนิทอยู่ตลอดเวลา

เขารู้ดีว่า ช่วงเวลาที่มีค่าที่สุด คือช่วงเวลาที่เฉินตงเพิ่งจะถูกจับตัวไปได้เพียงไม่นาน

อาจจะภายในครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง

แต่ไม่ควรที่จะนานเกินไป

แต่ทว่าตอนนี้……เวลาผ่านไปกว่าสองชั่วโมงแล้ว !

ตระกูลเฉินเองก็ยังไม่ส่งข่าวกลับมา

ก๊อกๆๆ !

จู่ๆ มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

คนทั้งสามที่อยู่ในห้องต่างก็สะดุ้งพร้อมกันทันที

ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งเต็มไปด้วยความตกตะลึง

แต่คุนหลุนกลับแสดงท่าทีสงสัยออกมา เขาส่งสัญญาณให้กู้ชิงหยิ่งยืนอยู่ที่เดิม และให้กูหลังคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ กู้ชิงหยิ่ง

ตระกูลฉินลงมือกับเฉินตงที่ไห่ย่า

ตอนนี้พวกเขาจึงต้องอยู่ในไห่ย่าด้วยความระมัดระวัง

จากนั้น เขาก็ค่อยๆ เดินตรงไปที่ประตู

“ใคร ?”

“ฉันเอง !”

เสียงที่ดังมาจากด้านนอกประตู เป็นเสียงที่ฟังดูคุ้นเคยแต่เต็มไปด้วยความอ่อนแรง

ทำให้คนทั้งสามที่อยู่ในห้องรู้สึกตื่นเต้นดีใจและดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

กู้ชิงหยิ่งร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เธอไม่สนใจการส่งสัญญาณจากคุนหลุนเมื่อครู่ รีบลุกขึ้นและวิ่งออกไปนอกห้องทันที

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท