The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 242 ถากถาง ข้อบกพร่อง

บทที่ 242 ถากถาง ข้อบกพร่อง

เลือดสีแดงสด

ราวกับดอกเหมย ที่สาดส่องลงบนลานประลอง

เฉินตงเกิดมรสุมในใจ

มันต่างกัน…..ขนาดนั้นเชียวหรือ?

การต่อสู้ระหว่างเขากับป๋า ถึงจะรู้ว่าป๋าตั้งใจต่อให้ แต่ถ้าอยู่ภายใต้การประลองเป็นตาย เขาก็ใช่ว่าจะไม่มีทางสู้

และกำลังของหมียักษ์ จากที่ได้ยินมาจากพวกแนชวิลล์ ก็พอๆกับป๋า

หากประลองเป็นตาย ก็อาจมีโอกาสที่จะชนะได้

แต่เฉินตงนึกไม่ถึงเลยว่าการต่อสู้กับป๋าในเมื่อกี้ ฝ่ายตรงข้ามเขาต่อให้ขนาดนี้ !

ภายในห้องขังต่างๆ ส่งเสียงอึกทึกครึกครื้นดังมา

อย่างกับว่ามองการประลองเป็นตายครั้งนี้เป็นงานรื่นเริงที่ไม่ได้เห็นในคุกนี้มานาน

หมียักษ์ยืนยิ่งอยู่ที่เดิม และไม่ได้ไล่ตามเพื่อชัยชนะ

ใบหน้าอันดุร้ายที่เต็มไปด้วยความดูถูก“ แค่หมัดเดียวก็ทนไม่ไหวแล้ว แกยังจะประลองเป็นตายกับฉันได้อย่างไร?”

ด้วยกำลังอันแข็งแกร่งของตัวเอง ทำให้หมียักษ์มีความมั่นใจอย่างหาที่เปรียบมิได้

เขาหันไปมองป๋าที่ยืนโกรธอยู่ตรงหน้าประตูคุก

ยักไหล่แล้วพูดอย่างใจเย็นว่า“ ป๋า ผมให้หน้าคุณแล้วนะ และหลังจากนี้ คุณก็ต้องเป็นฝ่ายให้หน้าผมบ้างแล้วนะ!”

ป๋าอึ้งทึ่งพูดอะไรไม่ออก

จากคำพูดของหมียักษ์ ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นการเตือนเขาไม่ให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการประลองเป็นตายในครั้งนี้

แต่ว่า……..

ป๋ามองไปทางเฉินตงด้วยสีหน้าที่มืดครึ้มไม่นิ่ง แค่หมัดเดียวก็ถึงกับกระอักเลือด ยังจะสู้ต่อได้อย่างไร?

ฮูววว…….

เฉินตงถอนหายใจอย่างหนัก และคายเลือดออกจากปาก

เขาหันหลังกลับ แล้วมองไปที่หมียักษ์อย่างเย็นชา

ทันใดนั้น ก็ยิ้มอย่างชั่วร้าย

“หมัดของแก หนักได้แค่นี้แล้วเหรอ? ”

บูม!

หมียักษ์เขม่นหางตา

เขาจ้องเฉินตงอย่างโกรธเคือง “แกยั่วโมโหฉันเหรอ? ”

“แกมีค่าพอที่จะให้ฉันยั่วเหรอ? ”

รอยยิ้มของเฉินตงยิ่งดูชั่วร้ายกว่าเดิม เขาเช็ดเลือดที่มุมปาก “กำปั้น มันเบาเกินไปจริงๆ”

กล้ามเนื้อบนร่างหมียักษ์ที่ราวกับหิน เส้นเอ็นปูดเว้าราวกับไส้เดือนที่กระเพื่อมสั่นสะท้าน

ดวงตาที่ดุร้าย เขาโกรธมาก

หมัดเดียวก็ถึงกับกระอักเลือด

ยังกล้าพูดแบบนี้อีก รู้จักฉันน้อยไปละ!

“ฮื้อ!”

ทันใดนั้น หมียักษ์ก็แหงนหน้าคำรามขึ้นฟ้า

เสียงดังสนั่นราวกับฟ้าร้อง ทำให้นักโทษในห้องขังเงียบสงัดไปพร้อมๆกัน

ตูม ตูม ตูม………..

เสียงฝีเท้าที่วิ่งอย่างบ้าคลั่ง ราวกับตีกลอง

ร่างของหมียักษ์ ราวกับภูเขาลูกใหญ่ที่กำลังจะถล่ม และพุ่งเข้าใส่เฉินตง

เฉินตงหรี่ตาลง หลังจากที่เข้าใจถึงพลังของหมียักษ์อย่างลึกซึ้งแล้ว

เขาไม่กล้าที่จะเผชิญโดยตรง

ด้วยลักษณะรูปร่างที่ต่างกันมาก ทำให้หมียักษ์มีร่างเป็นอาวุธสังหารที่น่ากลัวที่สุดอยู่แล้ว

เขาเหยียบพื้นอย่างแรง และเคลื่อนตัวตรงไปด้านข้าง เพื่อหลบการโจมตีของหมียักษ์

ทันใด

เฉินตงกระโจนขึ้น มีดฝ่ามือฟันลงบนคอของหมียักษ์อย่างดุดัน

เสียงดังทุ้ม ปัง! หมียักษ์ชะงักฝีเท้า

แต่เพียงครู่เดียว และแล้วหมียักษ์ก็โกรธคำราม แขนที่ราวกับงูยักษ์ของเขาพลิกกลับแล้วพุ่งเข้าใส่เฉินตง

เฉินตงสีหน้านิ่งเฉย เท้าเตะพื้นแล้วกระโดดถอยหลัง

มือใหญ่ของหมียักษ์ล่องผ่านเอวของเขา

ทุกอย่างดูเหมือนจะผ่านการคาดการณ์มาอย่างแม่นยำ

ฉากนี้ ทำให้ทุกคนอุทานออกมาด้วยความตกใจ

นักโทษทุกคนงงงวยไปหมดแล้ว

แม้จะเป็นป๋าหรือเจ้าหน้าที่ที่อยู่ทางประตูใหญ่ของคุก ทุกคนต่างตกตะลึง

วินาทีแรกเพิ่งถูกชกจนกระอักเลือด วินาทีต่อมาก็สามารถหลบหลีกได้ขนาดนี้แล้วหรือ?

นี่มันต้องเป็นแผนต่อสู้ที่น่าสยองขนาดไหน?

ไม่มีใครรู้สึกว่ารูปร่างของหมียักษ์จะทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ช้า

อันที่จริงเนื่องจากรูปร่างที่ใหญ่โตของหมียักษ์ เลยทำให้ดูเหมือนว่าจะเคลื่อนไหวช้าเมื่อมองด้วยตาเปล่า แต่ในความเป็นจริงกลับว่องไวจนน่ากลัว!

ในการโจมตีครั้งแรก เฉินตงมีเหตุประมาท

แต่ในครั้งนี้ มันเป็นการปะทะกันแบบตัวต่อตัวจริงๆ!

ต่อให้เป็นป๋า ภายใต้การถูกหมียักษ์พลิกมือโจมตีเข้าใส่เช่นนี้ ก็ไม่สามารถมั่นใจว่าจะทำได้อย่างไหวพริบเท่าเฉินตง

“ทำไมการเคลื่อนไหวของแกช้าขนาดนี้?”

หลังจากหลบหลีกการโจมตี เฉินตงก็รีบถอยออกไปอย่างรวดเร็ว ดึงระยะห่างออกไป และใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เหยียดหยาม

เขาดูหมิ่นเหยียดหยามหมียักษ์อย่างออกหน้าออกตา

เยาะเย้ยอย่างออกหน้าออกตา

หมียักษ์อึ้งทึ่งพูดอะไรไม่ออก

จากนั้นใบหน้าที่ดุร้ายของเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธอย่างรุนแรง

ดวงตาแดงก่ำขึ้นมาในทันที

และในตอนนี้ หางตาของเขาเขม่นอย่างรัว

ยิ่งในขณะที่โกรธ กล้ามเนื้อทั้งตัวของเขามีเสียง แคร่ก แคร่ก ดังออกมาก

ในฐานะจ่าฝูงแห่งคุก กำลังของเขาไม่ได้ถูกคนอื่นโม้ขึ้นมา ซึ่งมันได้มาจากการฆ่าที่นับไม่ถ้วน

ไม่ว่าจะเป็นกำลังกายหรือไหวพริบที่เร็ว ภายในคุกนี้ไม่มีใครสามารถเทียบได้

แม้แต่ป๋า หากเผชิญกับเขา ก็ยังต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก

แต่ดัน ไอ้เด็กใหม่คนนี้ หลังจากที่หลบหลีกการโจมตีจากเขาได้ ยังพูดจาเหิมเกริมเช่นนี้

แกมันรนหาที่ตาย

เสียงคำรามที่ราวกับสัตว์ใหญ่

เขาพุ่งเข้าไปที่เฉินตงอย่างโหดเหี้ยม ราวกับรถถังขนาดสองที่นั่ง และเสียงที่น่ากลัว

สองฝ่ามือที่ผลักกันต่อเนื่องจนทำให้เกิดภาพติดตา ราวกับดอกแพร์บานท่ามกลางพายุฝน

“ฝ่ามือซูโม่?”

เฉินตงตกใจ แต่ภายนอกยังคงดูสงบราวกับน้ำนิ่ง

ไม่สามารถปะทะกับหมียักษ์โดยตรงได้ เขารีบถอยกลับอย่างรวดเร็ว

ด้วยความร่างเล็ก เขาขยับไปมาและวิ่งรอบๆหมียักษ์อย่างรวดเร็ว ลื่นเหมือนปลาไหล

ฉากนี้ ทำให้นักโทษในห้องขังเปล่งเสียงโห่ร้องดังสนั่น

ได้แค่หลบหนี ก็ยังคงดูเหมือนไร้ความสามารถในสายตาของนักโทษอยู่ดี

“ช้าเกินไป ช้าเกินไปแล้ว!”

“กำปั้นหนักได้แค่นี้เหรอ? มีแรงแค่นี้เหรอ? ”

“ไอ้ตัวใหญ่ แกก็เหมือนสัตว์ป่า นอกจากจะดูน่ากลัวไปหน่อย นอกนั้นก็ไม่มีอะไรดีเลย!”

………….

ในขณะที่เฉินตงหลบเลี่ยงการโจมตีของหมียักษ์ เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังก้องไปทั่วลานประลอง

และการตอบสนองที่ตามมาคือเสียงคำรามของหมียักษ์ และการโจมตีที่รุนแรงมากขึ้น

ส่วนในห้องขัง เสียงโห่ร้องของนักโทษได้เปลี่ยนเป็นเสียงต่อว่าไปแล้ว

ในสายตาพวกเขา การประลองเป็นตายเช่นนี้ มันช่างน่าเบื่อมาก ไม่มีกะจิตกะใจทนดูอีกต่อไป

พวกเขาคุ้นเคยกับกำปั้นที่ถึงเลือดถึงเนื้อทุกหมัด

แต่ป๋าที่อยู่ทางหน้าประตูคุก กลับดูนัยน์ตาลึกล้ำสุดๆ

ไม่ว่าการโจมตีของหมียักษ์บนลานประลองจะดุเดือดเพียงใด

สายตาของเขาอยู่ที่เฉินตงเพียงคนเดียวตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้

ภายใต้แสงไฟ เขายังสามารถมองเห็นเหงื่อหยดเล็กๆที่หน้าผากของเฉินตง และสายตาที่เคร่งขรึม

เห็นได้ชัดว่าเฉินตงต้องคอยรับมืออย่างระมัดระวังที่สุด ไม่ได้ง่ายเหมือนกับคำพูดเย้ยหยันที่เขาพูดออกมา

และนี่ก็คือความจริง

ในขณะที่หลบการโจมตีของหมียักษ์

หัวใจของเฉินตงเต้นรัวอย่างรุนแรง และเขาต้องพยายามสงบสติอารมณ์ที่กระวนกระวายใจของตัวเอง

ด้วยกำลังและความเร็วของหมียักษ์ เขารู้ว่าหากถูกโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียว ร่างกายของเขาจะต้องสาหัสอย่างหนัก

และเขาต้องการที่จะชนะการประลองเป็นตายติดต่อกันในสิบวัน

หากยิ่งได้รับบาดเจ็บในระยะแรกมากเท่าไหร่ ในระยะหลังก็จะยิ่งเข้าใกล้ความตายมากเท่านั้น

“สงบ สงบ ……ใจต้องนิ่งเหมือนน้ำ ข้อบกพร่อง มันต้องมีข้อบกพร่องแน่ๆ”

เฉินตงคอยเตือนใจตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ระหว่างความเป็นและความตาย ความสงบเท่านั้นที่จะช่วยให้เขาเป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์ได้มากขึ้น มุ่งมั่นเพื่อจะรอดชีวิตให้ได้

และการที่เขายั่วโมโหหมียักษ์ ก็เพื่อที่จะได้เป็นฝ่ายควบคุมสถานการณ์และรอดชีวิตให้ได้ !

เพียงพริบตา

เฉินตงก็ถูกหมียักษ์บีบบังคับไปจนถึงสุดมุม และไม่สามารถถอยหลังได้อีก

ซึ่งด้านหลังก็เป็นใต้ลานสูง

หากก้าวลงจากลานประลอง นั่นก็หมายถึงพ่ายแพ้การประลองเป็นตาย

ฮื้อ…

แววตาของหมียักษ์ส่องประกายอย่างกระหายเลือด แขนทั้งสองข้างพับขึ้น สองหมัดประสานกัน ตามด้วยเสียงคำราม สองมือราวกับค้อนใหญ่ พุ่งเข้าใส่เฉินตงอย่างดุดัน

ในการโจมตีครั้งนี้ เขาจะต้องทุบหัวของชายผู้อวดดีที่อยู่ตรงหน้าเขา ราวกับทุบแตงโมแน่ๆ

“ตอนนี้แหละ!”

ขณะเดียวกันดวงตาของเฉินตงก็เปล่งประกาย

การเผชิญกับการโจมตีที่ร้ายแรงของหมียักษ์

ทันใด การกระทำของเฉินตงก็ทำให้เกิดความโกลาหล

เขาไม่ได้ถอยหลัง และไม่ได้หลีกหลบ

แต่กลับเป็นดั่งนักฆ่ากล้าตาย ที่ไม่เกรงกลัวความตาย และกระโจนพุ่งเข้าใส่หมียักษ์……..

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท