ชายชราผมหงอกเรียกทุกคนออกไป
เขามีท่าทีที่ขุ่นเคือง แล้วนั่งเงียบ ๆ
เส้นเลือดปูดโปนที่หลังมือขวา เต้นตุบๆ
พยายามระงับความโกรธ!
เขาเป็นผู้บริหารสูงสุดของคุกมืด และมีอำนาจสูงสุดในคุกมืดนี้
แต่ก็ทำอะไรคนคนแรกในคุกมืดนี้ไม่ได้
เพราะเขารู้ว่า หากไม่ใช่เพราะชายผู้นี้ยินยอม คุกมืดนี้ก็ขังเขาไว้ไม่ได้
และที่สำคัญกว่านั้นคือ คุกมืดนี้ต้องการให้ชายผู้นี้มาคอยปราบปราม เพื่อให้สิบคุกที่เสียงดังคลานอำนาจกัน แล้วรักษาสภาพความ“สมดุล”
แต่ สิ่งที่ชายผู้นี้ทำในตอนนี้ ได้ทำลายความ“สมดุล”ที่ควรมีหมดสิ้น
หายใจเข้าลึกๆ ชายชราผมหงอกหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา
เมื่อปลายสายที่โทรไปมีคนรับ เขาก็พูดเพียงสองคำง่ายๆ
“กล้าเหรอ!”
ปัง!
เมื่อวางสายไป ดวงตาของชายชราผมหงอกลุ่มลึก และครุ่นคิด
เรื่องของคนคนแรกในคุกมืด จัดการกับจ่าฝูงทั้งสี่ในเรือนจำ
ความเร็วราวกับลมพายุฝนฟ้าคะนอง กวาดล้างทุกสิ่งในคุกมืด
ทั้งคุกมืด ต่างก็ประหลาดใจ
นักโทษทุกคนต่างก็มึนงงสับสนกับการกระทำของคนคนแรก
ต้องรู้ว่า แม้จ่าฝูงในสิบคุกที่เสียงดังจะไม่ลงรอยกัน และมักกระทบกระทั่งกันอยู่บ้าง
แต่การกระทบกระทั่งนี้ก็อยู่ในขอบเขตที่ควบคุมได้
และเมื่อมีการต่อสู้กันระหว่างจ่าฝูง แต่มันก็จำกัดอยู่ในจ่าฝูงของสองเขตภายในเรือนจำเท่านั้น
แต่คราวนี้ จ่าฝูงในคุกNO.1 จัดการกับจ่าฝูงทั้งสี่ในเรือนจำ
นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของคุกมืด!
ไม่มีใครรู้ว่าคนคนแรกนั้นคิดอะไร
แต่มีคนคาดเดาว่า เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับเฉินตงที่ต้องการออกไปจากคุกมืดนี้
จากกระแสความคิดเห็นของผู้คน ยิ่งทำให้ตัวตนของเฉินตงดูลึกลับยากเกินคาดเดามากขึ้นไปอีก
ราวกับชื่อ “เฉินตง” ได้ถูกสลักลึกลงไปในใจของนักโทษทุกคน
และในเวลาเดียวกันนั้น จ่าฝูงในเรือนจำที่เหลือ พอได้ยินข่าวก็เคลื่อนไหว และก่อตัวขึ้นกันอย่างลับๆ
ทำให้คุกมืดที่มืดมิดอยู่แล้ว ก็กลับอึมครึมมากขึ้นไปอีก
“เขา……ช่วยฉันจริงๆเหรอ?”
เฉินตงนอนอยู่บนเตียงหิน คิ้วผูกกันเป็นปม
นี่ก็ถือเป็นเวลากลางคืนแล้ว แต่ดวงอาทิตย์เที่ยงคืน ทำให้คนรู้สึกง่วงน้อยลง
เฉินตงเมินเฉยกับการที่เขาได้กลายเป็นหัวข้อบทสนทนาของนักโทษในคุกมืดนี้ไปแล้ว
ข้อสงสัยทั้งหมดของเขา อยู่ที่คนคนแรกคนนั้น
ช่วยเขา ?
ความน่าจะเป็นในเรื่องนี้เป็นไปได้น้อยมาก !
ดูเหมือนกำจัดเสี้ยนหนามให้เขา เพื่อที่เขาจะได้มีโอกาสในสังเวียนสุดท้าย
แต่ว่า……
เฉินตงคลายปมคิ้ว แล้วยิ้มอย่างขมขื่น:“หรือนี่จะเป็นวิธีที่คนหยิ่งผยองเขาทำกัน ? จัดการกับจ่าฝูงในเรือนจำทั้งสี่ เพื่อให้ฉันได้ขึ้นเวทีต่อสู้ให้เร็วที่สุด จากนั้น……ก็ฆ่าฉัน ?”
เฉินตงถูจมูกไปมา แล้วยิ้มอย่างขมขื่นมากขึ้นไปอีก :“เมื่อคิดแบบนี้ ทุกอย่างก็กระจ่างมากขึ้น ”
ในขณะที่พูด เขาก็ล้วงเอายาแก้ปวดสองเม็ดออกจากกระเป๋า
นี่เป็นต้นทุนเดียวที่เขามี
ความเจ็บปวดบนร่างกายยังคงอยู่ กระดูกซี่โครงที่หักก็ยังไม่ได้รับการรักษา กระดูกที่ร้าวตามตัวก็มีอาการเจ็บปวดที่รุนแรง ทำให้ยากที่จะนอนหลับไปได้
หากไม่ใช่เพราะฝีมือของคนคนแรก ลำพังยาแก้ปวดสองเม็ดที่หมียักษ์หามาให้เขา คงไม่สามารถอยู่รอดไปถึงสังเวียนถัดไปได้
โชคยังดี ที่ยาแก้ปวดสองเม็ดนี้ ทำให้เขามีโอกาสขึ้นเวทีกับคนคนแรกในสังเวียนสุดท้ายได้ !
ขอแค่เขาเอาชนะคนคนแรกในคุกมืดได้เขา……ก็จะออกไปจากที่นี่ได้!
เฉินตงสูดหายใจเข้าลึกๆ ยัดยาแก้ปวดสองเม็ดลงในกระเป๋าอย่างทะนุถนอม ด้วยสายตาที่ต่างออกไป
“เสี่ยวหยิ่ง……รอผมกลับไป สวมชุดแต่งงานให้คุณ !”
……
วันถัดไป
เฉินตงที่พลิกไปพลิกมาทั้งคืน ก็ค่อยๆลืมตาขึ้น
เมื่อเห็นเฉินตงหยิบยาแก้ปวดออกมา
หมียักษ์ก็เอ่ยเตือนไปว่า:“คุณเฉิน เม็ดเดียวก็พอแล้ว ”
เฉินตงยิ้มเฉย หยิบยาแก้ปวดทั้งสองเม็ดเข้าไปในปากแล้วกลืนลงไปทันที พูดว่า :“ในเมื่อต้องสู้จนสุดชีวิตแล้ว ยังจะกลัวยาแก้ปวดนี้ส่งผลกับชีวิตรึไง ?”
หมียักษ์ตะลึงงัน แล้วพูดอย่างเคารพว่า :“คุณเฉินระวังตัวด้วย ”
“เขามีจุดอ่อนไหม ?” เฉินตงถาม
ก่อนการต่อสู้ทุกสังเวียน หมียักษ์จะพูดจุดอ่อนของคู่ต่อสู้ให้เขาได้รู้ทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้ หมียักษ์ไม่ได้พูดเหมือนทุกครั้ง
หมียักษ์ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วส่ายหัว:“เป็นจ่าฝูงมายี่สิบกว่าปีแล้ว สามารถคุมเรือนจำนี้ได้ เขาไม่มีจุดอ่อน”
เฉินตงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
ครั้งนี้ คงต้องแลกด้วยชีวิตแล้ว !
แต่เขาก็พอจะเข้าใจได้ หากมีจุดอ่อน กับสถานะนักโทษบวกกับความสามารถที่มีในคุกมืดนี้แล้ว คงไม่สามารถที่จะคุมเรือนจำนี้เอาไว้ได้
แต่ในสภาพที่ทำอะไรไม่ได้อย่างนี้ เฉินตงก็แค่รู้สึกสงสัยเล็กน้อย
หากเป็นอย่างที่พูด แล้วคุนหลุนในตอนนั้นสู้กันยังไงถึงได้ออกไปจากที่นี่ได้ ?
เขารู้ความสามารถที่คุนหลุนมี หากเทียบกับหมียักษ์และจ่าฝูงคนอื่น ก็แข็งแกร่งกว่าอยู่มาก
แต่หาก คุนหลุนยังอยู่ในคุกมืดนี้ ก็ไม่สามารถขึ้นมาคุมคุกนี้เอาไว้ได้
ยิ่งไปกว่านั้น มันคือเมื่อสิบปีก่อน สิบปีก่อนความสามารถของคุนหลุนยังไม่ทรงพลังเท่าตอนนี้แน่นอน
และชายคนนั้น เมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ก็เป็นจ่าฝูงในเรือนจำนี้อยู่แล้ว
ช่องว่างในสิบปีนี้ คำเดียว“ความแข็งแกร่งที่ไม่มีใครเทียบ”ยังห่างไกลนัก
เมื่อเฉินตงเดินไปถึงที่คุกNO.1
ทั่วทั้งเรือนจำ เงียบกริบไม่มีเสียงใดๆ
อากาศเหมือนถูกแช่แข็งเอาไว้
บนเวทีสูง ชายในเสื้อคลุมยืนตระหง่านอยู่บนนั้น
และในแต่ละห้องขัง นักโทษทุกคนต่างก็จับจ้องมองมาที่เฉินตงด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
สายตาของนักโทษบางคน เหมือนกับกำลังจ้องมองสภาพศพคนตาย
เวลานี้เป็นเวลาทำกิจกรรม และนักโทษทุกคนต่างก็อยู่ภายในห้องขังของตัวเอง ไม่ได้มีท่าทีที่ไม่พอใจอะไร
จากที่ได้เห็น ชายที่อยู่บนเวทีสูงนั่น สามารถที่จะบดขยี้เรือนจำนี้ได้จริงๆ และในคุกNO.1 ก็ยังมีสถานะสูงสุดไม่มีใครเหนือกว่าได้
เฉินตงสูดหายใจเข้าลึกๆและค่อยๆเดินขึ้นไปยังบนเวที
เขามองไปยังชายในชุดคลุมที่อยู่ตรงข้าม จากในมุมมองของเขา มองเห็นรูปลักษณ์ของชายคนนั้นได้ไม่ชัดเจนเท่าไร
แต่เฉินตงก็ยังคงยิ้มเล็กน้อย:“ขอบคุณ”
“ขอบคุณอะไร ?”น้ำเสียงเย็นชา
เฉินตงยิ้มแล้วพูดว่า :“ที่ช่วยผมกำจัดเสี้ยนหนามแล้วปูทางให้”
ชายในเสื้อคลุมยกมุมปาก เผยให้เห็นรอยยิ้มที่หยามเหยียด
“อันที่จริงแล้วก็แค่อยากจะฆ่านายเร็วๆ ยี่สิบกว่าปีนี้ ไม่เคยเห็นใครที่หยิ่งจองหองแบบนายมาก่อน”
เฉินตงที่คาดการณ์เอาไว้แล้ว ก็ไม่มีท่าทีแปลกใจอะไรเท่าไร
ผลก็ออกมาตามที่คิดไว้ สิ่งที่ชายในเสื้อคลุมทำมันก็อธิบายแล้วว่าทำไมเขาถึงได้จัดการกับจ่าฝูงทั้งสี่ของเรือนจำ
และในเวลาเดียวกันนี้
ภายในห้องควบคุม
ชายชราผมหงอกกับป๋าและคนอื่นๆยืนอย่างเงียบๆ ด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมและเคร่งเครียด
ในที่ตรงนี้ พวกเขาสามารถมองเห็นการต่อสู้ทั้งหมดที่จะเกิดขึ้นได้
อีกทั้ง ภายใต้คำสั่งของชายชราผมหงอก สังเวียนการต่อสู้ครั้งนี้ก็ยังได้ฉายไปยังพื้นที่ในเรือนจำอื่นๆด้วย
สิบปีที่แล้ว ตอนที่คุนหลุนขึ้นต่อสู้สังเวียนสุดท้ายแล้วออกไปจากคุกมืดนี้ ก็เป็นแบบนี้เหมือนกัน
ในคุกมืดนี้ สิ่งนี้เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ และเป็นกฎระเบียบ
“น่าเสียดาย เนื้อสดน้อยแบบนี้ ฉันยังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติ ก็ต้องมาตายในน้ำมือของเต้าจูนซะแล้ว”
ใบหน้าของอลิสทั้งเหงาและเศร้าโศก
ชายชราผมหงอกกับป๋าและคนอื่นๆต่างมองมาที่เธอ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
อลิสดีดดิ้นแล้วโพล่งออกมา:“ก็คงจะใช้เวลาให้สั้นและเร็วที่สุดเพื่อจบเกม เมื่อคืนเต้าจูนก็มีท่าทีที่ไม่พอใจอย่างมาก การต่อสู้ครั้งนี้ เฉินตงคงไม่มีความสามารถพอให้เต้าจูนได้ถอดแม้กระทั่งเสื้อคลุมออกหรอก ”
ได้ยินคำพูดนี้
ผู้ชมรอบๆก็แสดงท่าทีที่เห็นด้วยออกมา
เสื้อคลุมเป็นสัญลักษณ์เฉพาะตัวของคนคนแรก
สามารถทำให้คนคนแรกถอดเสื้อคลุมออกได้ นั้นก็หมายความว่าคนคนแรกเห็นอีกฝ่ายเป็นคู่ต่อสู้ และจะจริงจังกับการต่อสู้ขึ้นทันที
การต่อสู้ครั้งสุดท้าย ก็ยังคงเป็นการต่อสู้เมื่อสิบปีที่แล้ว !
แต่ครั้งนี้ ความสามารถของเฉินตงทุกคนก็เห็นกับตา ไม่ทำให้คนคนแรกถอดเสื้อคลุมของเขาออกได้
และในขณะนี้
“อืม?!”
ชายชราผมหงอกที่ยืนอยู่ข้างหน้าสุดก็ส่งเสียงประหลาดใจออกมา
ทันใดนั้น ก็พูดเสียงทุ้มออกมาว่า
“เต้าจูน ถอดแล้ว!”