ภายในห้องควบคุม
บรรยากาศเย็นเยือก
ทุกคนมีท่าทีเคร่งขรึม รวมถึงป๋าด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้มาเยือน ทุกคนต่างก็เฝ้าระวัง
ตรงหน้าป๋า มีชายสวมชุดดำยืนอยู่
หมวกใบใหญ่ปิดบังใบหน้าของเขา มีเพียงคางที่มีหนวดเคราโผล่ออกมา
“หืม?”
เสียงหืมเบาๆ ออกจากปากของชายคนนั้น ที่ซึ่งกำลังตั้งคำถามอยู่
ป๋ารีบตอบไปว่า :“เกรงว่า จะเป็นเรื่องยาก”
ในตอนที่ตอบคำถามนี้ออกไป ป๋าก้มหน้า แสดงความเคารพ
คำพูดไร้น้ำหนัก
จากการต่อสู้เมื่อกี้ ป๋าก็มองเห็น ว่าเฉินตงรู้จุดอ่อนของจ่าฝูงคุกNO.8 ดังนั้นจึงเลือกที่จะโจมตีไปที่จุดอ่อนนั่น
แต่สิบคุกที่เสียงดัง ยกเว้นคนตรงหน้านี้
เก้าคนที่เหลือ เฉินตงก็เพิ่งจะเอาชนะไปได้เพียงสองคน อีกเจ็ดคน ลำพังรู้เพียงจุดอ่อนคงยังไม่พอ
การต่อสู้สองครั้งที่ผ่านมา อาจเพราะรู้จุดอ่อนของจ่าฝูง ทำให้เฉินตงใช้กำลังไปน้อยแต่ได้ผลงานดี
แต่หลังจากนั้น เมื่อทุกคนต่างรู้แจ้ง บนสังเวียนชีวิตจ่าฝูงที่เหลือก็จะพยายามปกป้องจุดอ่อนของตัวเอง
ยิ่งนานวันเข้า ความยากในการเอาชนะบนสังเวียนชีวิตของเฉินตงก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีก
ในสถานการณ์ที่ร่างกายไร้กำลังในการต่อสู้ เหตุการณ์แบบนี้ มันอันตรายมาก
“แต่ฉันคิดว่าเขาสามารถมาอยู่ตรงหน้าฉันได้”
ชายในเสื้อคลุมยกยิ้มเล็กน้อย มุมปากที่ยกขึ้นเผยให้เห็นถึงความชั่วร้าย:“เขาแซ่เฉินใช่ไหม?”
ป๋ารู้สึกประหลาดใจ แต่ก็พยักหน้ารับ
ชายในชุดคลุมพ่นลมหายใจเย็นๆออกมา ยืนบิดขี้เกียจ แล้วพูดว่า :“สิบปีที่แล้วปล่อยให้ชายร่างใหญ่นั้นออกไป คราวนี้ก็มาอีกคน ไม่รู้ว่าควรปล่อยหรือไม่ควรปล่อยไปดี ?”
พูดจบ เขาหันหลังแล้วเดินจากไป
เสียงก้องไปทั่วทั้งห้องควบคุม
ทำให้ป๋าและคนอื่นๆต่างก็ประหลาดใจ
คำว่า“ปล่อยเขาไป”ราวกับฟ้าผ่าในตอนกลางวัน
นี่หมายความว่า……คนตรงหน้านี้ ตั้งใจที่จะปล่อยคุนหลุนไปในตอนนั้นเหรอ ?
ป๋ารู้สึกสับสน แววตาวูบวาบ
ในสมอง นึกไปถึงภาพของคุนหลุนกับการต่อสู้ของชายคนนี้เมื่อสิบปีที่แล้ว
การต่อสู้ที่น่าเวทนาในตอนนั้น เป็นเขาที่ยอมอ่อนข้อให้จริงๆ เหรอ?
สักพักใหญ่ๆ
ป๋าก็หัวเราะออกมา :“ถ้าเป็นแบบนั้น คุนหลุนในตอนนั้นก็นับว่าโชคดีมาก”
เขาหันหลังกลับ มองไปยังภาพในจอ
คุก NO.8 ในเวลานี้ไม่มีแม้ร่องรอยของเฉินตง
เฉินตงกลับไปยังห้องขังในคุก NO.9
จากการมองจากกล้องวงจรปิด ป๋าเห็นเฉินตงนั่งเคียงข้างกันกับหมียักษ์ กำลังกระซิบกระซาบกัน
ดวงตาป๋าฉายแววล้ำลึก:“สิบวันกับสิบชัยชนะ ความกล้าหาญของนาย ยิ่งใหญ่กว่าของคุนหลุนในตอนนั้น แต่ก็ขอให้นายสมหวัง และมิตรภาพของฉันกับคุนหลุนก็จะไม่ไร้ค่า”
……
“คุณเฉิน สังเวียนชีวิตในวันพรุ่งนี้ เป็นการต่อสู้ระหว่างคุณกับหมาป่าละโมบ ทางนั้น ผมได้วางแผนเตรียมการเอาไว้ให้แล้ว”
ใบหน้าของหมียักษ์เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม และรอยยิ้มนั้นก็แฝงไปด้วยความน่ากลัว
แต่ทว่า
เฉินตงยิ้มแล้วพยักหน้ารับ:“การต่อสู้ทั้งสองรอบ หากพรุ่งนี้สามารถควบคุมได้ ฉันก็จะมีเวลาพักฟื้นเพิ่มอีกวัน”
นี่เป็นสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ล่วงหน้า
ในคุกมืดนี้ เมื่อสังเวียนชีวิตเริ่มต้นขึ้น
ผู้ท้าชิงจะมีสิทธิ์เลือกคู่ต่อสู้
สิบวันกับสิบสังเวียน มันคือสิ่งที่บีบคั้นที่สุดในชีวิต
เฉินตงทำได้เพียงใช้วิธีที่ “ฉาบฉวย”แบบนี้ เพื่อให้ตัวเองมีเวลาได้ฟื้นฟูสภาพร่างกายให้ได้มากที่สุด
กับสถานการณ์ที่ต้องดิ้นรนกับความเป็นความตายแบบนี้ ต่อให้มีเวลาพักฟื้นเพิ่มอีกหนึ่งวัน ก็สามารถฟื้นตัวให้กับสภาพร่างกายของเขา
“คุณเฉิน คุณวางแผนได้ดีแล้ว แต่คุณต้องคิดให้รอบคอบ หมาป่าละโมบกับทูตสวรรค์ดำสามารถช่วยให้คุณชนะได้สองเวที และช่วยให้คุณมีเวลาพักฟื้นสองวัน”
น้ำเสียงของหมียักษ์ทุ้มต่ำ ในเมื่อเลือกที่จะติดตามแล้ว เขาก็ทุ่มเทใจอย่างเต็มความสามารถช่วยเฉินตงคิด :“ถึงจะเป็นไปตามนี้ แต่สังเวียนชีวิตหลังจากนี้ คุณก็จะต้องเจอกับเรื่องยากขึ้นไปเรื่อยๆ !”
“สงคราม!”
แววตาของเฉินตงเต็มไปด้วยวิญญาณของการต่อสู้ คำที่พูดออกมา ก้องกังวานและมีพลัง
หมียักษ์ได้แต่ถอนหายใจอย่างจนใจ
แนชวิลล์และคนอื่นที่เหลือ มองไปที่เฉินตงด้วยความเกรงกลัว
ในคุกมืดนี้ ผู้แข็งแกร่งที่สุดคือผู้อยู่รอด ทุกคนต่างดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอด
แต่กับเฉินตงที่ไม่กลัวตายแบบนี้ นักโทษที่คุ้นชินกับความเลือดร้อน ต่างก็มีความเกรงกลัวอยู่ลึกๆในใจ
เอาตัวรอดจนชิน พอมีคนที่ไม่กลัวตายมาปรากฏ ในสายตาของพวกเขา ร่างนั้นก็เหมือนมีแสงประกาย
……
สถานที่ในคุกมืดนี้ ดวงอาทิตย์เที่ยงคืนหรือคืนขั้วโลก
บวกกับกำแพงที่สูงล้อมรอบ ทำให้คนในคุกมืดนี้ไม่รู้วันคืนและเวลา
แต่สำหรับเฉินตงแล้ว ตั้งแต่ที่รู้คืนวันเวลาจากป๋า เขาก็จดจำแต่ละนาทีไว้อย่างชัดเจน
เพราะเขาไม่มีเวลาพอที่จะปล่อยให้มันผ่านไปอย่างไร้ค่าได้
สิบวันกับสิบสังเวียน มันเป็นแผนการที่เขาเห็นว่ามันเหมาะสมกับการสู้ศึกที่สุดแล้ว
หากล่าช้าไปมากกว่านี้ ทุกอย่างของเขา ก็จะถูกยึดและถูกแทนที่
แม่ ภรรยา พี่น้อง ทุกสิ่งทุกอย่าง มันทำให้เขาต้องจดจำเวลาของตัวเองเอาไว้ให้ได้อยู่ตลอด
เวทีการต่อสู้ที่สามนี้ เป็นไปตามที่เฉินตงกับหมียักษ์ได้คาดการณ์ไว้ จ่าฝูงของคุกNO.10หมาป่าละโมบดูราวกับต่อสู้อย่างดุเดือด แต่เขาก็ออมมือให้อยู่มาก
และมันก็ทำให้เฉินตงมีชัยชนะกับการต่อสู้ครั้งนี้ไปได้อย่างง่ายดาย
เหมือนกับการต่อสู้ของเมื่อวานนี้ และมันก็ทำให้นักโทษทั้งหมดของคุกNO.10ถึงกับงงไปตามๆกัน
บางคนถึงกับสงสัย การต่อสู้กับจ่าฝูง มันง่ายดายแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไรกัน ?
คนที่ขึ้นต่อสู้ในสังเวียนชีวิตนี้ เป็นจ่าฝูงของเรือนจำนี้จริงๆเหรอ ?
แต่ไม่ว่ายังไง นี่ไม่ใช่สิ่งที่เฉินตงให้ความสำคัญ
เป้าหมายของเขาคือ การเอาชนะ !
เป็นการเอาชนะสิบสังเวียนติดต่อกัน!
แล้วออกจากไปจากคุกมืดนี้!
ไม่ใช่การให้ความสนใจในวิธีการ และยิ่งไม่ใช่การให้ความสนใจกับคำถามต่างๆของนักโทษ
ชนะเป็นเจ้าแพ้เป็นโจร
บางครั้งเพื่อชัยชนะ การไม่เลือกวิธีการ มันจะผิดอะไร ?
ในการต่อสู้ที่ดุเดือดแบบนี้ ทุกวินาทีสำหรับเฉินตงแล้ว มันมีค่ามากนัก
ได้พักผ่อนอีกคืน สภาพร่างกายของเฉินตงก็ฟื้นตัวมากขึ้น
แม้ว่าบาดแผลบนร่างกายของเขาจะไม่หายเป็นปรกติ แต่เมื่อปรับสภาพร่างกายได้ ก็พอช่วยให้เขามีร่างกายที่พร้อมกับการต่อสู้“ฟู่……”
เฉินตงลืมตาขึ้น แล้วมองดูท้องฟ้าที่มืดสลัวของเรือนจำ :“เวทีที่สี่แล้ว วันนี้เล่นตุกติกไม่ได้อีกแล้ว”
เขาบิดขี้เกียจ ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป
“คุณเฉิน……งูเหลือมในคุกNO.7 คุณต้องจำเอาไว้ จุดอ่อนของเขาอยู่ที่ตา”
หมียักษ์ก็ลืมตาขึ้น จ้องมองไปที่เฉินตงด้วยสายตาที่มุ่งมั่น:“จุดอ่อนของเขา มันไม่ใช่ความลับอะไร หากคุณสามารถจัดการกับจุดอ่อนนี้ของเขาได้ การเอาชนะก็จะใช้เพียงไม่กี่นาที”
เฉินตงยิ้มอย่างขมขื่น
เรื่องพวกนี้ เมื่อวานหมียักษ์ได้บอกเขาแล้ว
แต่ว่า จุดอ่อนที่คนทั้งคุกมืดนี้ก็รู้ งูเหลือมยังสามารถอยู่ในตำแหน่งจ่าฝูงของคุกNO.7ได้ นี่ยังอธิบายอะไรไม่ได้อีกเหรอ ?
หรือบางที……จุดอ่อน คงไม่ใช่จุดอ่อนอีกต่อไปแล้ว ?
สังเวียนชีวิตที่สี่นี้ กำหนดความเป็นความตาย !
“ฉันรู้แล้ว”
เฉินตงตอบกลับพอเป็นพิธีให้กับหมียักษ์
และเมื่อผู้คุมเปิดประตูห้องขัง เฉินตงก็เดินออกจากห้องขังไป เขาตกตะลึง
ป๋ายืนอยู่ไม่ไกลมากนัก ใบหน้าที่มีหนวดเคราเผยรอยยิ้มที่แปลกประหลาด
หลังจากนั้น
ป๋ายกมือขวาขึ้น ทักทายกับเฉินตง แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย
เฉินตงผงะ แล้วเดินเข้าไปหาป๋า
ป๋าเองก็ได้นำสิ่งของบางอย่างยัดใส่มือของเขาอย่างเงียบ ๆ
แล้วกระซิบว่า :“นี่เป็นสิ่งที่ฉันพอจะช่วยนายได้ ของล้ำค่านี้หวังว่าจะมีประโยชน์กับนาย”