The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 259 ในวันงานมงคล

บทที่ 259 ในวันงานมงคล

เมื่อแสงตะวันแรกสาดส่องลงมายังพื้นโลก

หน้าคลับสี่ยิ่น ก็ยังคงคึกคักเหมือนเดิม

ประตูด้านหน้าคลับสี่ยิ่นที่สูงตระหง่าน

โคมระยิบระยับ สีสันสดใส

ประตูด้านข้างทั้งสอง มีประทัดเก้าสิบเก้านัดเรียงแถวอยู่ทั้งสองด้าน ซึ่งหมายถึงยืนยาวนานเท่านาน

สถานที่จัดงานแต่งงาน ถูกเลือกจัดขึ้นที่คลับสี่ยิ่น

สิ่งนี้ทำให้คลับสี่ยิ่นที่ลึกลับถูกเปิดเผยต่อหน้าสาธารณชน

งานแต่งงาน ทุกคนต่างเฝ้าดูอย่างตั้งใจ

ที่ด้านหน้าของคลับสี่ยิ่น ผู้คนมากมาย

รถยนต์คันหรูขับเข้าไปในคลับสี่ยิ่นอย่างต่อเนื่อง

สื่อต่างๆที่รู้ข่าว ต่างก็อยากที่จะเข้ามาทำข่าว แต่ถูกคลับสี่ยิ่นขวางเอาไว้ และทำได้เพียงวางตั้งขากล้องทั้งเล็กและใหญ่เรียงกันในที่โล่ง

“ดูนั่นสิ โจวเย่นชิว!คนที่นั่งอยู่หลังรถเขาคือโจวจุนหลง!”

“พวกเขาไม่เท่าไรหรอก ? เมื่อกี้ฉันเห็นท่านเมิ่งเข้าไปแล้วด้วย !”

“โอ้พระเจ้า งานแต่งครั้งนี้ เป็นงานที่รวมเอาอภิมหาเศรษฐีมาไว้ด้วยกัน ? หากได้เข้าไปถ่ายภาพในคลับสี่ยิ่น ข่าวนี้จะต้องโด่งดังเป็นแน่!”

นักข่าวทุกคนต่างมีท่าทีเงียบเหงาไม่คึกคัก

ความคิดแบบนี้ มีใครไม่คิดมั้ง ?

แต่ว่า การรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดของงานแต่งงานครั้งนี้ ทำให้ทุกคนต่างก็ทำอะไรไม่ได้

แม้แต่ แขกที่ได้รับเชิญ ยังต้องผ่านการตรวจอย่างเข้มงวดเช่นกัน

แต่ทุกคนต่างรู้ดี ผู้ที่ได้รับเชิญให้เข้าคลับสี่ยิ่น เพื่อร่วมงานแต่งงานในวันนี้ คือคนที่มีอำนาจบารมีที่ยิ่งใหญ่จริงๆ

แม้แต่กับ โจวเย่นชิวและโจวจุนหลงเจ้าสัวห้างสรรพสินค้าในเมือง และดารามากมายที่อยู่ในงานนี้ การรวมตัวกันของอภิมหาเศรษฐี ก็ยังถูกจัดอยู่ปลายแถว

ในส่วนของ“บุคคลชนชั้นสูง”ในเมืองนี้ คาดว่าคงไม่มีคุณสมบัติพอที่จะได้รับเชิญเลยด้วยซ้ำ!

“ตระกูลฉู่ในเมืองหลวง เดินทางมาถึงแล้ว!”

ที่หน้าประตูคลับสี่ยิ่น เสียงขานเรียกดังราวกับเสียงฟ้าร้อง

ว้าว!

นักข่าวต่างแตกตื่น ทุกคนมีสีหน้าที่ตกใจ

ด้วยข้อกำหนดของงานแต่งนี้ ครอบครัวที่ได้รับการขานเรียกชื่อ คือผู้ที่อยู่บนยอดของพีระมิดจริงๆ คือยักษ์ใหญ่ในสิ่งมีชีวิตทั้งหมด!

ที่ปรกติทั่วไปนั้น กลัวว่าแทบจะไม่มีคุณสมบัติได้รับการขานเรียกเรียนเชิญเลยด้วยซ้ำ!

เช่นเดียวกับรถหรูที่ขับเข้าไปในคลับสี่ยิ่นก่อนหน้าแทบไม่มีการขานเรียกที่พิเศษอะไรแบบนี้เลย

“โอ้พระเจ้า!ตระกูลฉู่ ในเมืองหลวง……”

นักข่าวคนหนึ่งโพล่งออกมาอย่างประหลาดใจ

แต่ยังไม่ทันได้พูดจบ

ที่ด้านหน้าของคลับสี่ยิ่น ก็มีการขานเรียกขึ้นอีกครั้ง

“ตระกูลจางในเมืองหลวง เดินทางมาถึงแล้ว !”

ว้าว!

นักข่าวก็แตกตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“ตระกูลจางในเมืองหลวง?ตระกูลฉู่ในเมืองหลวง?นี่เล่นตลกอะไรกัน ทั้งสองเป็นยักษ์ใหญ่ในวงการบันเทิง ที่ไม่ลงรอยกัน!”

ในฐานะผู้ประกอบวิชาชีพด้านงานสื่อ ทุกเรื่องในวงการบันเทิงรู้แจ้งเห็นกระจ่างทุกเรื่อง

“ตระกูลหลี่ในเมืองหลวง เดินทางมาถึงแล้ว !”

โครม!

เสียงขานเรียก ราวกับเสียงฟ้าร้อง

นักข่าวทุกคนต่างตกตะลึงด้วยความตกใจ

เมืองหลวง……มหาเศรษฐีตระกูลหลี่ ?

เหลอหลากันอยู่ชั่วครู่ แต่แล้วนักข่าวทุกคนต่างก็ได้สติ

สารพัดเลนส์กล้องทั้งสั้นและยาว ก็ลั่นชัตเตอร์กันรัวๆ เก็บภาพกันอย่างบ้าคลั่ง

ข่าวใหญ่!

นี่เป็นข่าวใหญ่เลยล่ะ!

ต่อให้เข้าไปในคลับสี่ยิ่นไม่ได้ แค่เก็บภาพของเหล่าเศรษฐีผู้มีอำนาจที่มาร่วมงาน ก็น่าทึ่งมากพอแล้ว!

และในตอนนี้

เสียงขานเรียกที่หน้าประตูคลับสี่ยิ่นก็เริ่มทยอยมากขึ้นเรื่อยๆ

“ซีสู่ตระกูลฉิน เดินทางมาถึงแล้ว !”

“ปรมาจารย์ภาพวาดจีนเจิ้งเทียนหมิง เดินทางมาถึงแล้ว !”

“หนานหลงตระกูลหวาง เดินทางมาถึงแล้ว !”

……

เสียงขานเรียกครั้งแล้วครั้งเล่า ราวกับเสียงฟ้าร้อง

ให้นักข่าวทุกคนเลือดกายพลุ่งพล่าน

แขกทุกคนที่มา ไม่ใช่มหาเศรษฐี ก็เป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงในสายงานอื่น!

งานเลี้ยงตระกูลมหาเศรษฐีที่ยากจะอธิบาย!

และการมาถึงของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่แต่ละคน บนถนนที่คดเคี้ยวทอดยาว มีรถยนต์หรูเข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ ต่อแถวเป็นขบวนรถที่ยาวเหยียด และเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่และงดงาม

ใครจะไปคิดว่า งานเลี้ยงงานแต่งงาน จะทำให้เกิดการจราจรที่คับคั่งได้ทั้งในช่วงเช้าและเย็น ?

ในที่สุด เจ้าของรถหรูบางคนก็ลงจากรถ แล้วเดินเข้ามาแทน

แต่เมื่อพวกเขามาถึงที่ประตู ก็หยุดลง แล้วให้ของขวัญ จากนั้นก็หันหลังแล้วเดินจากไป

พวกเขา เป็นบุคคลชนชั้นสูงในเมืองนี้

แต่บุคคลชนชั้นสูงนี้ เมื่อเทียบกับผู้ทรงอิทธิพลที่เข้ามาในคลับสี่ยิ่นแล้วก็ยังจะดูไม่ควรค่าแก่การกล่าวถึงเลยด้วยซ้ำ

พวกเขาไม่ได้โง่ งานมงคลแบบนี้ต่อให้จะไม่มีคุณสมบัติได้เข้าร่วม แต่แค่ส่งคำอวยพรเพื่อแสดงไมตรี มันก็เพียงพอแล้ว

และนักข่าวทุกคน เมื่อเห็นบุคคลชนชั้นสูงเหล่านี้ ให้ของขวัญแล้วจากไป ต่างก็พากันตกตะลึงจนอ้าปากค้าง

คนเหล่านี้…… เป็นบุคคลชนชั้นสูงในเมืองนี้จริงๆ หรือ ?

ในเวลาเดียวกัน

ภายในคลับสี่ยิ่น

งานรื่นเริง

สำหรับงานมงคลสมรสนี้ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลเฉินหรือตระกูลกู้ ต่างก็ทุ่มเทแรงกายแรงใจ

ในส่วนของเรื่องค่าใช้จ่าย เฉินตงก็ทุ่มไม่อั้น เพื่อความดีงามและสมบูรณ์แบบ

คลับสี่ยิ่นทั้งหมดใหญ่พอๆกับศาลา และต้นไม้ดอกไม้ขนาดเล็ก ก็ถูกตกแต่งทั้งหมดด้วยเช่นกัน

ราวกับโลกทั้งโลกได้เปลี่ยนไป

เข้าสู่โลกแห่งความฝัน

เจ้าหน้าที่ที่ดูแลแขก

หลี่หลานกับท่านหลงและกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยาต่างก็ใบหน้ายิ้มแป้น สุขสมหวัง

และพบปะทักทายกับแขกเหรื่อที่มาในงาน

ในบรรดาแขกรับเชิญเหล่านี้ มีแขกของตระกูลกู้ แต่ส่วนมากก็เป็นแขกของตระกูลเฉิน !

งานมงคลของบุตรชายเจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้มั่งคั่งของโลก นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง !

แม้ก่อนหน้าจะไม่เคยได้ยินข่าวของเฉินตงผู้มีอำนาจล้นฟ้ามาก่อน แต่ต่างก็เต็มใจที่จะมาเพื่ออวยพร

กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงสองสามีภรรยา มองดูภาพผู้คนในงานมากมาย

ทำให้ภายในใจของสองสามีภรรยานั้น เต็มไปด้วยความตื่นเต้น และมีความสุขเกินจะควบคุมตัวเองได้

สิ่งนี้ เป็นเหมือนกับความสูงตระหง่านที่อยู่เหนือเมฆแล้วมองลงมาสู่สิ่งมีชีวิตทั้งหมด !

แม้การเข้าสังคมของกู้โก๋ฮั๋วในแต่ละวัน ก็ไม่เคยคิดเลยว่า งานมงคลของลูกสาว จะสามารถรวมเอามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยไว้ได้ !

หลี่หลานก็มีความสุขมากเช่นกัน กี่เพ้าสีแดงในงานเลี้ยง เสริมบุคลิกภาพของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ

แต่ยังไงเสีย ในขณะที่มีความสุข หลี่หลานก็ยังคงกังวลเล็กน้อย

“ท่านหลง เจ้าฉินเย่ไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม ? ”

หลังจากที่ท่านหลงทักทายแขกคนหนึ่งเสร็จ หันกลับมายิ้มแล้วตอบว่า :“เมื่อคืนถูกแทงไปแผลหนึ่ง เจ้าเด็กนั้นโชคดีนัก ช่วยชีวิตเอาไว้ได้แล้ว กระผมได้ให้กูหลังกับหยู่หลันคอยดูแลเขาที่โรงพยาบาลแล้วครับ ”

“ดีแล้ว ดีแล้ว”

หลี่หลานเหมือนยกภูเขาออกจากอก มองดูแขกผู้มีเกียรติที่มากันมากมายจนล้นงาน และพูดเสียงเบาว่า :“เต้าหลินจะมาถึงเมื่อไหร่ ? แขกเหล่านี้ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต ฉันกับพ่อแม่เจ้าสาวรับหน้าไม่ไหวหรอกนะ ”

“นายท่านอยู่ระหว่างมาแล้วครับ ”

ท่านหลงพูดอย่างเคารพ ทันใดนั้นดวงตาก็เปล่งประกาย :“นายหญิง คุณชายมาแล้วครับ ”

หลี่หลานมองตามสายตาของท่านหลง

เฉินตงที่อยู่ในชุดสูทเดินมาอย่างช้าๆ

ด้วยรูปร่างที่สูงสง่า กับชุดสูทและรองเท้าหนัง บวกกับรูปลักษณ์ใบหน้าที่งดงาม เฉินตงที่ค่อยๆก้าวเข้ามา ดึงดูดสายตาอันน่าทึ่งของทุกคนให้หันมอง

รู้สึกได้ถึงการมองมาของผู้คนรอบข้าง

บนใบหน้าของเฉินตงอดไม่ได้ที่จะเผยความเย่อหยิ่ง รอยยิ้มที่มุมปากก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

“คนใหญ่คนโตเหล่านี้……อดีตเคยเป็นคนตระกูล แม้จะพยายามทั้งชีวิต ก็คงไม่สามารถที่จะเชิญใครมาได้หรอกมั้ง ? แต่ตอนนี้กลับอยู่ในงาน เพื่อร่วมยินดี การได้รับเกียรตินี้ ไม่เสียเปล่าที่ตระกูลโจวถูกกำจัดทั้งครอบครัว”

เมื่อคิดในใจ เฉินตงก็เดินมาอยู่ตรงหน้าของหลี่หลานกับกู้โก๋ฮั๋วและคนอื่นๆ

“แม่ครับ คุณน้าคุณอาครับ ”

เฉินตงยิ้มแล้วเอ่ยเรียก :“ทางฝั่งเจียนเจียบอกว่า เสี่ยวหยิ่งเตรียมตัวใกล้จะเสร็จแล้วครับ”

งานฉลองมงคลสมรสนี้ เพราะมันยิ่งใหญ่เกินไป

ตระกูลเฉินและตระกูลกู้ ได้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ดังนั้นเลยไม่ได้จัดเตรียมขบวนรถเพื่อรับตัวเจ้าสาวไว้

กู้ชิงหยิ่งในตอนนี้กำลังแต่งหน้าอยู่ในกระท่อมไม้ไผ่

“จ้าๆๆ”หลี่หลานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เมื่อถึงเวลาฤกษ์ ก็เริ่มพิธีได้”

และในตอนนี้เอง

ท่านหลงก็รู้สึกประหลาดใจ

“ฉินเย่ คุณมาได้ยังไง ?”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้

ทุกคนต่างก็หันไปมอง

ท่ามกลางผู้คน ฉินเย่นั่งอยู่บนรถเข็น ชุดสูทปิดบังบาดแผลของร่างกาย มีเพียงใบหน้าที่ซีดเซียว เผยให้เห็นถึงความอ่อนแอ

และด้านหลังของเขา มีกูหลังคอยเข็นรถเข็นให้ และมีจางหยู่หลันคอยเดินตามอยู่ข้างๆอย่างจนใจ

ดวงตาของเฉินตงเย็นชา ท่าทีบูดบึ้ง :“จางหยู่หลัน ให้เธอดูแลฉินเย่อยู่ที่โรงพยาบาล ทำไมถึงพาเขามาที่นี่ได้ ?”

โดยไม่ทันให้จางหยู่หลันได้ตอบ

ฉินเย่ก็ยิ้มแล้วพูดว่า :“ผมเป็นคนขอให้พามาเอง งานแต่งงานของพี่ชายผมทั้งที หากผมไม่ตาย ยังไงก็ต้องมาร่วมยินดี ”

แม้เขาจะกำลังยิ้ม แต่ดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มตาม …

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท