ปัง!
หมัดนี้พุ่งตรงไปยังใบหน้าของเต้าจูน
ด้วยพลังอันมาก ทำให้ใบหน้าของเต้าจูนเสียรูป
แต่สีหน้าของเขา ก็ไม่ได้แสดงความเจ็บปวดออกมาเลยแม้แต่น้อย
ตรงกันข้าม กลับเผยรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา !
เฉินตงตกตะลึง
มองดูเต้าจูนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ ในตอนนี้เขาไม่รู้สึกถึงไอสังหารที่มีในตัวของเต้าจูน หรือแม้แต่ความเด็ดเดี่ยวก็ไม่มีเหลืออยู่
มีเพียง ความอ่อนโยน และเข้าถึงง่าย
“คุณ ทำไมถึงไม่หลบ ? ”
น้ำเสียงของเฉินตงสั่นเครือเล็กน้อย นี่เป็นหมัดสุดท้ายของเขา
ความอ่อนล้าของกำลังในหมัดสุดท้าย ด้วยสภาพร่างกายและความสามารถที่มีของเต้าจูน หากจะหลบ ก็เพียงแค่เบี่ยงหน้าเท่านั้น
“แล้วทำไมต้องหลบ?”
เต้าจูนยิ้ม แล้วพูดว่า :“พ่อของนาย สบายดีไหม?”
พ่อ?!
ในใจเฉินตงเหมือนมีคลื่นลูกใหญ่ เขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว :“สบาย สบายดี”
จู่ๆ ในหัวก็ยุ่งเหยิงไปหมด
เต้าจูน……รู้จักพ่อ ?
ในเวลานี้ ภายในคุกมืดก็เงียบกริบ
ภาพเมื่อครู่นี้ เกินความคาดหมายของทุกคน
บรรดานักโทษ รวมไปถึงผู้คุมในคุกมืดทุกคนต่างตกตะลึงอ้าปากค้างทำอะไรมาถูก
นี่คือเต้าจูนผู้อยู่เหนือคนทั้งปวง ?
ผู้กุมอำนาจที่น่ากลัวในเรือนจำนี้เลือกที่จะรับหมัดนี้ไว้ ?
“ฟู่~”
เต้าจูนพ่นลมหายใจ ยกมือขึ้นลูบไปยังใบหน้าที่เจ็บปวด พึมพำว่า :“ฝีมือนายไม่เลว ต่อยได้เจ็บจริงๆ สังเวียนนี้ นายชนะ!”
อะไรนะ?!
ร่างกายเฉินตงสั่นไหว จ้องมองไปยังเต้าจูนด้วยความตกใจจนทำอะไรไม่ถูก
ทันใดนั้น
เต้าจูนก็เงยหน้าขึ้น แล้วมองไปยังกล้องวงจรปิดเหนือศีรษะ
จากนั้น ภายใต้สายตาของทุกคน เขายกมือขวาขึ้น ชูนิ้วกลางอย่างเปิดเผยและไม่มีปิดบังอะไร
“เย็บแม่ง!”
พอด่าเสร็จ เขาก็หันหลังแล้วกระโดดลงเวที
“เด็กน้อย นายเก่งมาก !”
เต้าจูนเดินไป ยิ้มแล้วก่นด่าไปว่า :“คนอย่างเฉินเต้าหลินมีลูกชายแบบนายได้ ทำไมเขาถึงได้พบเจอแต่เรื่องอะไรที่มันดีๆกัน?”
นี่เขากำลังชมเรา ? หรือกำลังด่าพ่อเรากัน ?
เฉินตงรู้สึกสับสนและมึนงง
เพียงไม่นานเขาก็ได้สติและคิดขึ้นมาได้ว่า ……เขาชนะแล้ว!
ราวกับฝันไป สิบสังเวียนและสิบชัยชนะ!
ตึกตัก!
เฉินตงล้มลงไปบนเวที ความเจ็บปวดและความเหนื่อยล้าแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย แม้แรงที่จะลุกขึ้นนั่งก็ยังไม่มี
แต่ใบหน้าของเขา ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่แวววาวสดใส
“ได้กลับบ้านแล้ว ในที่สุดก็ได้ไปแต่งงานกับคุณซะที !”
การต่อสู้เวทีสุดท้าย ทำให้คุกมืดเกิดความโกลาหล
หลังจากความตื่นตกใจผ่านไป สิบคุกที่เสียงดัง ก็กึกก้องไปด้วยเสียงคำรามที่ไม่พอใจ
ในการต่อสู้กันระหว่างเฉินตงกับเต้าจูน คนโง่ก็ยังมองออกว่าเต้าจูนจงใจอ่อนข้อให้
สิ่งนี้ทำให้นักโทษทุกคน ต่างก็รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
ทำไมเฉินตงสามารถเอาชนะได้ทั้งสิบสังเวียน และออกไปจากคุกมืดนี้ได้ ?
แล้วทำไมเต้าจูนถึงต้องอ่อนข้อให้เฉินตงด้วย ?
การลุกฮือในคุกมืด
ทำให้ผู้คุมในห้องควบคุมจำนวนมากต่างก็มีท่าทีเคร่งขรึม สุขุมและหนักแน่นขึ้นมาทันที
นักโทษที่ถูกคุมขังในคุกมืดนี้ล้วนเป็นเทพสังหารทั้งนั้น
นับตั้งแต่ที่ก่อตั้งคุกมืดมา ก็อาศัยสิบคุกที่เสียงดังคอยถ่วงดุลอำนาจซึ่งกันและกัน เพื่อรักษาความมั่นคงภายใน
แต่ตอนนี้ การต่อสู้กันระหว่างเต้าจูนกับเฉินตง ทำให้ความโกรธของนักโทษสิบคุกที่เสียงดังพันกันจนเป็นเกลียว
ความโกรธแค้นนี้ ผู้คุมของคุกมืด ต่างก็ไม่มีใครแบกรับมันได้ !
“ท่านพัศดี การต่อสู้ครั้งนี้ไม่นับ!ไม่เช่นนั้นคุกมืดได้เกิดจลาจลแน่ !”
“ท่านพัศดี ตัดสินใจเร็วๆเถอะ เฉินตงจะออกไปจากคุกมืดนี้ไม่ได้ หากเขาออกไปแล้ว การต่อสู้สิบสังเวียนที่ต้องได้รับเพียงชัยชนะหลังจากนี้ก็จะไม่มีศักดิ์ศรีอีกต่อไป !”
“เต้าจูนทำแบบนี้ ก็เพื่อต้องการทำลายคุกมืดให้ราบคาบ !”
……
ในชั่วพริบตา สถานการณ์ในห้องควบคุมก็ชุลมุนขึ้นมา
ต่างก็เอ่ยพูดห้ามปรามกับชายชราผมหงอก
“ฟู่……”
ชายชราผมหงอกถอนหายใจออกมาอย่างแรง กำลังจะยกมือขึ้นพูด
แกร็ก!
ประตูห้องถูกเปิดออก
เต้าจูนเดินเข้ามาช้าๆ เลิกคิ้วแล้วยิ้ม:“โอ้ คึกคักกันจัง ?”
หลังจากพูดจบ ทุกคนต่างก็เงียบลง
ชายชราผมหงอกยิ้มแล้วหันกลับมา:“นายมาได้จังหวะพอดี ผลการต่อสู้สังเวียนเมื่อกี้นี้ นายคิดว่าทำยังไงดี ?”
“ง่ายนิดเดียว!”
เต้าจูนเดินไปยังแท่นเวทีในห้องควบคุมอย่างใจเย็น
หยิบไมโครโฟนขึ้นมา ส่งสัญญาณให้เจ้าหน้าที่กระจายเสียงไปยังเรือนจำในคุกมืดทั้งหมด
หลังจากนั้น
เขายิ้มเยาะแล้วพูดว่า :“ฉันรู้ว่าทุกคนไม่พอใจ แต่ฉันพอใจที่จะปล่อยให้เฉินตงออกไป ใครที่ไม่พอใจก็สามารถมาลองดูว่าจะทำให้ฉันพอใจได้หรือไม่ ”
“ฉันไม่ได้จะเจาะจงใครในคุกมืด กฎของการออกไปจากคุกมืดก็มีอยู่ ทุกคนสามารถมาท้าประลองได้ หรือจะมาท้าประลองกับฉันเต้าจูนก็ได้ !”
น้ำเสียงที่หยาบกระด้าง พูดแบบไม่ได้ประโยชน์แก่ผู้ฟังแต่ก็เป็นคำพูดที่ไม่ได้ผิดอะไร
คำเดียว “ฉันพอใจ”ทำให้คนที่รู้สึกอัดอั้น พูดอะไรไม่ออก
จาก คุกมืดที่เสียงดังกึกก้อง ก็กลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
นักโทษทุกคนต่างก็รู้สึกจะกระอักเลือดกันขึ้นมา ท้าประลองกับเต้าจูนคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้วละมั้ง ?
เต้าจูนพอใจที่จะปล่อยเฉินตงออกไป แต่เต้าจูนก็ไม่ใช่คนที่จะอารมณ์ดีอยู่ตลอดเวลานี่นา !
คนที่มีกำลังมากพอที่จะควบคุมทั้งเรือนจำไว้ได้ ตอนนี้ออกมาพูดเปิดเผยแบบนี้ !
ป้าบ!
เต้าจูนโยนไมโครโฟนทิ้ง
หันกลับไปมองผู้คนที่อยู่ในอาการตกใจ แล้วยิ้มเย้ย :“เรียบร้อย หากพวกนายยังปัญหา ก็สามารถมาลองทำให้ฉันพอใจได้ ?”
คำพูดเดียว ทำให้ทุกคนเสียวสันหลังไปตามๆกัน
ทุกคนต่างก็รู้ดีว่า คำว่า “พอใจ”ของเต้าจูนหมายถึงอะไร
ท้าประลองกับเต้าจูน เพื่อโอกาสที่จะได้ทำให้เต้าจูนพึงพอใจ ?
ตลกละ!
นั่นมันตายสถานเดียว!
แต่สิ่งที่ผู้คุมทั้งหลายต่างก็ประหลาดใจนั้นก็คือ ความสัมพันธ์ระหว่างเต้าจูนกับเฉินตงนี่มันยังไงกัน ?
ไม่มีสาเหตุและเหตุผลที่จะพอใจหรือไม่พอใจ
ทุกคนต่างก็เป็นผู้ใหญ่กันแล้ว และใช้ชีวิตเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายกันมามาก
และต่างก็รู้ดี ความสามารถส่วนตัวนั้นสำคัญมาก แต่บางครั้งเมื่อเจอคนที่ถูกใจ ต่อให้ความสามารถไม่มากพอ ก็สามารถที่จะบินทะยานขึ้นไปสู่ท้องฟ้าได้
เห็นได้ชัดว่า เฉินตงเมื่อได้เจอกับเต้าจูน ถึงได้ออกไปจากคุกมืดนี้ได้
“โอเค ลงไปกันได้แล้ว ”
ชายชราผมหงอกก็พูดออกมา :“ช่วงนี้ทุกเรือนจำก็เสริมกำลังเวรยาม เพื่อป้องกันการเกิดจลาจลด้วย ส่วนเต้าจูนกับป๋าอยู่ก่อน ”
ผู้คุมทุกคนต่างพยักหน้า ทำความเคารพแล้วถอยกลับไป
เต้าจูนที่ควบคุมทั้งเรือนจำ ไม่เพียงแต่กับนักโทษเท่านั้น แต่ยังรวมถึงผู้คุมในเรือนจำนี้ด้วย
เมื่อห้องควบคุม เหลือเพียงเต้าจูนกับชายชราผมหงอก และป๋าสามคนเท่านั้น
เต้าจูนก็นั่งไปบนเก้าอี้อย่างสงบนิ่ง เอนหลังพิงพนักเก้าอี้อย่างเกียจคร้าน หยิบซิการ์ออกจากกระเป๋าแล้วจุดสูบ
ป๋าขมวดคิ้ว แล้วมองไปยังเต้าจูนกับชายชราผมหงอกด้วยความสงสัย
ไม่กี่วินาทีต่อมา
เมื่อเต้าจูนพ่นควันแรกออกมา ชายชราผมหงอกก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ฉันไม่คิดว่า นายจะปล่อยเฉินตงไปง่ายๆแบบนี้”
โครม!
ร่างกายของป๋าสั่นไหว ภายในใจหวาดวิตก
คำพูดเดียวของท่านพัศดี เผยถึงบางอย่าง สำหรับเขาแล้วมันราวกับฟ้าผ่าตอนกลางวัน
ตั้งแต่ต้นจนจบ……มันมีการวางแผนเอาไว้แล้วงั้นเหรอ ?
เต้าจูนเหลือบมองไปยังชายชราผมหงอกแวบหนึ่ง :“คุณ เคยขู่ผมเอาไว้แล้วไม่ใช่เหรอ?”
ชายชราผมหงอกยักไหล่ :“นายก็รู้ คำขู่ของฉันไม่เคยมีผลอะไรกับนาย”
เต้าจูนยิ้มเยาะออกมา
แล้วเงยหน้าขึ้นมองป๋า :“ตอนนี้นายคงจะกำลังสงสัยอยู่ใช่ไหม ? ”
“ใช่แล้วเต้าจูน”ป๋าตอบไปตรงๆ
“สงสัยว่าทำไมฉันถึงจงใจปล่อยเฉินตงไป ? และรู้อยู่ว่าเฉินตงไม่สามารถมีชีวิตรอดมาขึ้นสังเวียนสุดท้ายกับฉันได้ และฉันก็ยังช่วยเขาปูทางกำจัดเสี้ยนหนามที่มี?”
ป๋าพยักหน้าอย่างเงียบๆ
เต้าจูนยักไหล่:“คนอื่นสงสัยก็ไม่แปลก แต่ทำไมนายถึงสงสัยด้วย ? เหตุการณ์เดียวกัน สิบปีที่แล้วนายก็เคยเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ ? ”
ความสงสัยที่มีของป๋าก็ยิ่งทวีมากขึ้น
แต่ชายชราผมหงอกกลับตบไปที่ไหล่ของป๋า
“ไปพาตัวเฉินตงมาเถอะ เขาเองก็คงสงสัยเหมือนกันกับคุณ”