The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 263 อย่าร้อง เดี๋ยวมงกุฎจะร่วงลงมา

บทที่ 263 อย่าร้อง เดี๋ยวมงกุฎจะร่วงลงมา

ตอนนี้ เหมือนเวลาเดินช้าลง

เฉินตงรู้สึกว่าโลกกำลังหมุน เขารู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง และรู้สึกแน่นหน้าอกเป็นอย่างมาก

เขารู้สึกว่ากำลังเท้าของเขาอ่อนแรง เหมือนกับเท้าแต่ละข้างมีน้ำหนักเป็นพันกิโล และค่อยๆวิ่งโซเซขึ้นไปบนเวที

การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ทำให้คลับสี่ยิ่นเต็มไปด้วยความโกลาหล

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตื่นตระหนก

การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดรัดกุม แต่ใครจะไปคิดว่า สุดท้ายคนที่เป็นฆาตกรจะเป็น “ตัวเอก” ของงานในวันนี้

“ฮ่าๆ……ฮ่าๆๆ……”

โจวสวนปล่อยหลี่หลาน เขากำมีดที่เปื้อนไปด้วยเลือด แล้วเดินโซเซถอยหลังไป เขามีท่าทีเหมือนคนเสียสติ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดและน้ำตา : “หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะลากใครสักคนไปตายกับฉันด้วย”

“ตระกูลโจว……ข้ามาแล้ว !”

ตุ๊บ !

คุนหลุนที่ตามมาด้านหลัง เตะเข้าไปที่ท้องของโจวสวนทันที

เขาคว้ามีดด้วยมือเปล่า แล้วกดโจวสวนลงไปบนพื้นเวทีอย่างแรงทันที

และในเวลานี้

พวกกู้ชิงหยิ่ง กู้โก๋ฮั๋วและท่านหลง ก็รีบเข้ามาล้อมหลี่หลานที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ทันที

เฉินเต้าหลินสีหน้าซีดเผือด เขาคุกเข่าลงที่พื้นด้วยแววตาที่ว่างเปล่า แล้วดึงหลี่หลานขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด

เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้สูงส่ง คนที่เป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างในตระกูลเฉิน เป็นผู้ที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่มาบัดนี้ดวงตาของเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา

“หลาน……หลานเอ๋อ……”

น้ำเสียงของเฉินเต้าหลินสั่นเครือเป็นอย่างมาก มือข้างขวาที่สั่นเทาของเขา กุมอยู่ที่หัวใจของหลี่หลาน แต่ก็ยังไม่สามารถระงับเลือดที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องได้

“ดูแลตงเอ๋อ……ให้ดีๆ นะคะ”

ดวงตาของหลี่หลานเบิกโพลง ใบหน้าที่ซีดเผือดจ้องมองไปที่เฉินเต้าหลิน เธอยิ้มออกมาอย่างเศร้าหมอง : “ความสุข ที่ครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ฉันรอมายี่สิบปีแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า มันจะสั้น……ขนาดนี้”

ลมหายใจที่รวยริน ทำให้เสียงพูดของหลี่หลานสั่นเครือ และหยุดเป็นระยะๆ ราวกับว่าทุกคำที่เธอพูดออกมา ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี

เฉินเต้าหลินตัวสั่นเทา ตอนนี้น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาของเขา มุมปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา

อ่อนโยนจนทุกคนไม่เคยได้เห็นมาก่อน

“ได้ ผมเชื่อฟังคุณทั้งหมด”

“คุณป้า……”

กู้ชิงหยิ่งร้องไห้คร่ำครวญ เธอคุกเข่าลงแล้วกุมมือของหลี่หลานเอาไว้

“เด็กโง่ ยังจะเรียกป้าอีกหรือ ?” หลี่หลานพูดด้วยรอยยิ้ม

ริมฝีปากของกู้ชิงหยิ่งสั่นเทา และเอ่ยปากเรียกออกมา : “แม่คะ……”

คนที่อยู่รอบๆ ต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าดวงตาแดงก่ำ

ท่านหลง คุนหลุน และฟ่านลู่ ยิ่งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา

ในที่สุด เฉินตงก็เดินขึ้นมาถึงบนเวที

เขาพุ่งเข้าไปตรงหน้าของหลี่หลาน เขาดึงแม่ของเขาออกมาจากอ้อมกอดของเฉินเต้าหลินมาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างเสียมารยาท และถึงขั้นผลักกู้ชิงหยิ่งจนล้มลงไปกับพื้น

“แม่……ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร แม่จะต้องไม่เป็นไร……”

เฉินตงรู้สึกหวาดกลัว เขากัดฟันแล้วอุ้มหลี่หลานขึ้นมา : “ผมจะพาแม่ไปโรงพยาบาล แม่จะต้องไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นไร……”

“ตกเอ๋อ ไม่มีประโยชน์หรอกลูก……”

ใบหน้าซีดเผือดของหลี่หลานเต็มไปด้วยความอ้างว้างและโศกเศร้า : “ขอโทษด้วย แม่ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนลูกได้อีกแล้ว ต่อไปก็ไม่อาจอยู่ช่วยเลี้ยงหลานได้แล้ว”

กริชของโจวสวนที่แทงลงมาตรงหัวใจ เห็นได้ชัดว่าหมายจะเอาชีวิต

หลี่หลานรับรู้ได้ว่าลมหายใจของตัวเองกำลังจะหมดลง

“ไม่เป็นไรครับ ต้องไม่เป็นไร ผม ผมจะพาแม่ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ยังไงจะต้องช่วยแม่ได้แน่ๆ” เฉินตงมีท่าทีเหมือนคนเสียสติ เขาอุ้มหลี่หลานขึ้นมา และตะโกนด้วยความโกรธ : “คุนหลุน คุนหลุน รีบขับรถให้ฉันเดี๋ยวนี้ เร็วสิ !”

การเคลื่อนไหวที่รุนแรง ทำให้หลี่หลานกระทบกระเทือน เธอรู้สึกเจ็บปวดมากจนขมวดคิ้ว และหายใจแรง

“เฉินตง วางแม่ของลูกลง !”

เฉินเต้าหลินที่ดวงตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา หันไปจ้องมองเฉินตงด้วยความโกรธ : “ลูกกำลังทำให้แม่เจ็บ !”

“ผม ผมจะช่วยแม่ของผม ผมจะช่วยแม่ของผม……”

เฉินตงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย น้ำตาของเขาไหลรินออกมาราวกับสายฝน : “ไม่เป็นไรนะครับ แม่ของผมจะต้องไม่เป็นไร”

ตอนนี้ เหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่บนหน้าอกของเขา

ความรู้สึกตำหนิตัวเอง โศกเศร้าเสียใจ และไม่อาจตัดใจได้ ผสมปนเปกันอยู่ในอกของเขาตอนนี้

เขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะจะได้กลับมา

ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ……ไม่ใช่แบบนี้ !

ภาพของเขากับแม่ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาไม่หยุด

เขาจำได้ดีว่า ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นที่สุด แม่ของเขาจะเอาเสื้อตัวที่หนาที่สุดในบ้านมาห่มให้กับเขา ถึงแม้ตัวเองต้องทนหนาว ก็ยังต้องออกไปเก็บขยะเพื่อหาเลี้ยงเขา

เขาจำได้ดีว่า ในช่วงตรุษจีน แม่จะยกเกี๊ยวร้อนๆ มาวางเอาไว้ตรงหน้าของเขาด้วยรอยยิ้ม และนั่นก็เป็นเกี๊ยวเพียงถ้วยเดียวที่มีอยู่ในบ้านในช่วงตรุษจีน แม่หลอกให้เขากินลงไปจนหมด

เขาจำได้ดีว่า เวลาที่คนอื่นด่าว่าเขาเป็นลูกนอกคอก แม่จะจะใช้ร่างกายอันบอบบางของเธอ เขามายืนขวางเอาไว้ และโต้เถียงกับคนคนนั้น

เขาจำได้ดีว่า แต่ละวันแม่ต้องทำงานหนักหลายอย่าง จนมือของเธอเต็มไปด้วยรอยบาดแผล ในตอนกลางคืนยังต้องรับงานเย็บปักมาทำภายใต้แสงเทียน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูเขา

……

แต่ละภาพค่อยๆ แวบเข้ามาในหัวของเขา

ใช้ชีวิตร่วมกับแม่มายี่สิบกว่าปี แม่ของเขาอดทนเพื่อเขามามากมายเหลือเกิน

ดังนั้น

เขาจึงตั้งใจทำงานอย่างหนัก ก็เพื่อให้แม่ของเขาได้มีชีวิตที่สุขสบาย

แต่หลังจากสามปีของการแต่งงาน ความเหนื่อยล้าที่แม่สะสมมาตลอดหลายปีก็ถึงจุดอิ่มตัวจนระเบิดขึ้น ในขณะที่ร่างกายของแม่ทรุดโทรมลง ก็ยังคงกล้ำกลืนฝืนทนอยู่บ้านตระกูลหวางเป็นเพื่อนเขา

กว่าจะพบกับฟ้าหลังฝนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ก้าวข้ามฝันร้ายมายี่สิบกว่าปี ในที่สุดเขาก็สามารถทำให้แม่มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นมาได้ และในที่สุดก็ทำให้แม่ได้เห็นเขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีได้

แต่ทำไมจู่ๆ……ทุกอย่างถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ?

เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปีนขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น ก็เพื่อต้องการที่จะตอบแทนแม่ได้มากขึ้น ต้องการที่จะพาแม่กลับไปที่ตระกูลเฉินอย่างเต็มภาคภูมิ

แต่ตอนนี้ จนกระทั่งตอนนี้ แม้กระทั่งโอกาสที่เขาจะล้างเท้าให้แม่สักครั้งก็ยังไม่มี

“จะต้องไม่เป็นไร ผมช่วยแม่ได้ ลูกจะต้องช่วยแม่ได้แน่นอน……”

ดวงตาของเฉินตงพร่ามัวเพราะน้ำตา เขาเห็นคอของแม่ขยับ ราวกับกำลังจะกระซิบอะไรบางอย่าง

“พรวด !”

เลือดสีแดงสดพุ่งออกมา จนสาดเต็มใบหน้าของเฉินตง

ภาพนี้ทำให้เฉินตงผงะไปทันที

และทำให้คนอื่นๆ ต่างตกใจจนหน้าถอดสี

“เฉินตง แกวางแม่ของแกลงเดี๋ยวนี้ !”

เผียะ !

เฉินเต้าหลินที่กำลังอยู่ในท่าทีที่โกรธเกรี้ยวราวกับสิงโต ตบเข้าไปที่หน้าของเฉินตงอย่างแรงหนึ่งครั้งทันที

การตบครั้งนี้ ราวกับใช้แรงทั้งหมดที่มี ถึงขั้นทำให้เฉินตงลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น

“แม่……”

เฉินตงไม่สนใจเลือดที่เปื้อนอยู่เต็มใบหน้า เขาร้องไห้เสียงดังออกมา

เสียงร้องของเขาเหมือนกับใจจะขาด

ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ร้องไห้ตาม

ทุกคนรู้ดีว่า บาดแผลจากการถูกแทงในครั้งนี้ ไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตหลี่หลานได้อีก

แม้แต่ผู้อำนวยการหลิวแห่งโรงพยาบาลลี่จิงจะยืนอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ก็ทำได้เพียงแค่ยืนส่ายหัวอยู่ข้างๆ เท่านั้น

“ตงเอ๋อ……”

หลี่หลานที่กำลังจะสิ้นใจ ดวงตาของเธอเบิกโพลง ปากของเธออ้ากว้างและออกแรงเพื่อพยายามหายใจ

แต่ทว่า เธอกลับค่อยๆยกมือขวาขึ้นมา แล้วค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่เปื้อนอยู่ที่หางตาของเฉินตงเบาๆ

“ตงเอ๋อที่รัก อย่าร้อง……อย่าร้อง……เดี๋ยวมงกุฎจะร่วงลงมา……”

ริมฝีปากของเฉินตงสั่นเทา เขารู้สึกเหมือนคอของตัวเองตีบลง ขณะที่กำลังพยายามออกแรงเพื่อส่งเสียงออกมา

เหมือนกับเวลาหยุดเดินลง

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า มือข้างขวาที่แม่เช็ดน้ำตาให้กับเขา ค่อยๆ ร่วงลงไป

ตุ๊บ !

เมื่อหล่นลงไปอยู่ในกองเลือด เสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่า

จากนั้น ดวงตาของหลี่หลานก็ค่อยๆ ปิดลง……

“แม่ครับ……”

เฉินตงผงะไป น้ำตาที่เพิ่งถูกเช็ดจนแห้งสนิท พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง เขาตะโกนออกมาอย่างเสียสติ : “ผม ผมไม่ต้องการมงกุฎ……ผม ผมต้องการแม่ !”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท