ตอนนี้ เหมือนเวลาเดินช้าลง
เฉินตงรู้สึกว่าโลกกำลังหมุน เขารู้สึกเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่าง และรู้สึกแน่นหน้าอกเป็นอย่างมาก
เขารู้สึกว่ากำลังเท้าของเขาอ่อนแรง เหมือนกับเท้าแต่ละข้างมีน้ำหนักเป็นพันกิโล และค่อยๆวิ่งโซเซขึ้นไปบนเวที
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน
ทำให้คลับสี่ยิ่นเต็มไปด้วยความโกลาหล
ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างตื่นตระหนก
การรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดรัดกุม แต่ใครจะไปคิดว่า สุดท้ายคนที่เป็นฆาตกรจะเป็น “ตัวเอก” ของงานในวันนี้
“ฮ่าๆ……ฮ่าๆๆ……”
โจวสวนปล่อยหลี่หลาน เขากำมีดที่เปื้อนไปด้วยเลือด แล้วเดินโซเซถอยหลังไป เขามีท่าทีเหมือนคนเสียสติ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยคราบเลือดและน้ำตา : “หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว ต่อให้ต้องตาย ฉันก็จะลากใครสักคนไปตายกับฉันด้วย”
“ตระกูลโจว……ข้ามาแล้ว !”
ตุ๊บ !
คุนหลุนที่ตามมาด้านหลัง เตะเข้าไปที่ท้องของโจวสวนทันที
เขาคว้ามีดด้วยมือเปล่า แล้วกดโจวสวนลงไปบนพื้นเวทีอย่างแรงทันที
และในเวลานี้
พวกกู้ชิงหยิ่ง กู้โก๋ฮั๋วและท่านหลง ก็รีบเข้ามาล้อมหลี่หลานที่กำลังนอนจมกองเลือดอยู่ทันที
เฉินเต้าหลินสีหน้าซีดเผือด เขาคุกเข่าลงที่พื้นด้วยแววตาที่ว่างเปล่า แล้วดึงหลี่หลานขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด
เจ้าบ้านตระกูลเฉินผู้สูงส่ง คนที่เป็นผู้ตัดสินใจทุกอย่างในตระกูลเฉิน เป็นผู้ที่ไม่เคยก้มหัวให้ใครและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่มาบัดนี้ดวงตาของเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำตา
“หลาน……หลานเอ๋อ……”
น้ำเสียงของเฉินเต้าหลินสั่นเครือเป็นอย่างมาก มือข้างขวาที่สั่นเทาของเขา กุมอยู่ที่หัวใจของหลี่หลาน แต่ก็ยังไม่สามารถระงับเลือดที่ไหลออกมาอย่างต่อเนื่องได้
“ดูแลตงเอ๋อ……ให้ดีๆ นะคะ”
ดวงตาของหลี่หลานเบิกโพลง ใบหน้าที่ซีดเผือดจ้องมองไปที่เฉินเต้าหลิน เธอยิ้มออกมาอย่างเศร้าหมอง : “ความสุข ที่ครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ฉันรอมายี่สิบปีแล้ว แต่คิดไม่ถึงเลยว่า มันจะสั้น……ขนาดนี้”
ลมหายใจที่รวยริน ทำให้เสียงพูดของหลี่หลานสั่นเครือ และหยุดเป็นระยะๆ ราวกับว่าทุกคำที่เธอพูดออกมา ต้องใช้แรงทั้งหมดที่มี
เฉินเต้าหลินตัวสั่นเทา ตอนนี้น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาของเขา มุมปากของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่อ่อนโยนออกมา
อ่อนโยนจนทุกคนไม่เคยได้เห็นมาก่อน
“ได้ ผมเชื่อฟังคุณทั้งหมด”
“คุณป้า……”
กู้ชิงหยิ่งร้องไห้คร่ำครวญ เธอคุกเข่าลงแล้วกุมมือของหลี่หลานเอาไว้
“เด็กโง่ ยังจะเรียกป้าอีกหรือ ?” หลี่หลานพูดด้วยรอยยิ้ม
ริมฝีปากของกู้ชิงหยิ่งสั่นเทา และเอ่ยปากเรียกออกมา : “แม่คะ……”
คนที่อยู่รอบๆ ต่างอยู่ในอาการโศกเศร้าดวงตาแดงก่ำ
ท่านหลง คุนหลุน และฟ่านลู่ ยิ่งอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ออกมา
ในที่สุด เฉินตงก็เดินขึ้นมาถึงบนเวที
เขาพุ่งเข้าไปตรงหน้าของหลี่หลาน เขาดึงแม่ของเขาออกมาจากอ้อมกอดของเฉินเต้าหลินมาไว้ในอ้อมกอดของตัวเองอย่างเสียมารยาท และถึงขั้นผลักกู้ชิงหยิ่งจนล้มลงไปกับพื้น
“แม่……ไม่เป็นไรนะครับ ไม่เป็นไร แม่จะต้องไม่เป็นไร……”
เฉินตงรู้สึกหวาดกลัว เขากัดฟันแล้วอุ้มหลี่หลานขึ้นมา : “ผมจะพาแม่ไปโรงพยาบาล แม่จะต้องไม่เป็นไร จะต้องไม่เป็นไร……”
“ตกเอ๋อ ไม่มีประโยชน์หรอกลูก……”
ใบหน้าซีดเผือดของหลี่หลานเต็มไปด้วยความอ้างว้างและโศกเศร้า : “ขอโทษด้วย แม่ไม่สามารถอยู่เป็นเพื่อนลูกได้อีกแล้ว ต่อไปก็ไม่อาจอยู่ช่วยเลี้ยงหลานได้แล้ว”
กริชของโจวสวนที่แทงลงมาตรงหัวใจ เห็นได้ชัดว่าหมายจะเอาชีวิต
หลี่หลานรับรู้ได้ว่าลมหายใจของตัวเองกำลังจะหมดลง
“ไม่เป็นไรครับ ต้องไม่เป็นไร ผม ผมจะพาแม่ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ ยังไงจะต้องช่วยแม่ได้แน่ๆ” เฉินตงมีท่าทีเหมือนคนเสียสติ เขาอุ้มหลี่หลานขึ้นมา และตะโกนด้วยความโกรธ : “คุนหลุน คุนหลุน รีบขับรถให้ฉันเดี๋ยวนี้ เร็วสิ !”
การเคลื่อนไหวที่รุนแรง ทำให้หลี่หลานกระทบกระเทือน เธอรู้สึกเจ็บปวดมากจนขมวดคิ้ว และหายใจแรง
“เฉินตง วางแม่ของลูกลง !”
เฉินเต้าหลินที่ดวงตาเต็มไปด้วยคราบน้ำตา หันไปจ้องมองเฉินตงด้วยความโกรธ : “ลูกกำลังทำให้แม่เจ็บ !”
“ผม ผมจะช่วยแม่ของผม ผมจะช่วยแม่ของผม……”
เฉินตงไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย น้ำตาของเขาไหลรินออกมาราวกับสายฝน : “ไม่เป็นไรนะครับ แม่ของผมจะต้องไม่เป็นไร”
ตอนนี้ เหมือนมีก้อนหินก้อนใหญ่ทับอยู่บนหน้าอกของเขา
ความรู้สึกตำหนิตัวเอง โศกเศร้าเสียใจ และไม่อาจตัดใจได้ ผสมปนเปกันอยู่ในอกของเขาตอนนี้
เขาพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อจะจะได้กลับมา
ผลลัพธ์ที่เขาต้องการ……ไม่ใช่แบบนี้ !
ภาพของเขากับแม่ตลอดระยะเวลายี่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขาไม่หยุด
เขาจำได้ดีว่า ในช่วงฤดูหนาวที่หนาวเย็นที่สุด แม่ของเขาจะเอาเสื้อตัวที่หนาที่สุดในบ้านมาห่มให้กับเขา ถึงแม้ตัวเองต้องทนหนาว ก็ยังต้องออกไปเก็บขยะเพื่อหาเลี้ยงเขา
เขาจำได้ดีว่า ในช่วงตรุษจีน แม่จะยกเกี๊ยวร้อนๆ มาวางเอาไว้ตรงหน้าของเขาด้วยรอยยิ้ม และนั่นก็เป็นเกี๊ยวเพียงถ้วยเดียวที่มีอยู่ในบ้านในช่วงตรุษจีน แม่หลอกให้เขากินลงไปจนหมด
เขาจำได้ดีว่า เวลาที่คนอื่นด่าว่าเขาเป็นลูกนอกคอก แม่จะจะใช้ร่างกายอันบอบบางของเธอ เขามายืนขวางเอาไว้ และโต้เถียงกับคนคนนั้น
เขาจำได้ดีว่า แต่ละวันแม่ต้องทำงานหนักหลายอย่าง จนมือของเธอเต็มไปด้วยรอยบาดแผล ในตอนกลางคืนยังต้องรับงานเย็บปักมาทำภายใต้แสงเทียน เพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูเขา
……
แต่ละภาพค่อยๆ แวบเข้ามาในหัวของเขา
ใช้ชีวิตร่วมกับแม่มายี่สิบกว่าปี แม่ของเขาอดทนเพื่อเขามามากมายเหลือเกิน
ดังนั้น
เขาจึงตั้งใจทำงานอย่างหนัก ก็เพื่อให้แม่ของเขาได้มีชีวิตที่สุขสบาย
แต่หลังจากสามปีของการแต่งงาน ความเหนื่อยล้าที่แม่สะสมมาตลอดหลายปีก็ถึงจุดอิ่มตัวจนระเบิดขึ้น ในขณะที่ร่างกายของแม่ทรุดโทรมลง ก็ยังคงกล้ำกลืนฝืนทนอยู่บ้านตระกูลหวางเป็นเพื่อนเขา
กว่าจะพบกับฟ้าหลังฝนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ก้าวข้ามฝันร้ายมายี่สิบกว่าปี ในที่สุดเขาก็สามารถทำให้แม่มีชีวิตที่สุขสบายขึ้นมาได้ และในที่สุดก็ทำให้แม่ได้เห็นเขาแต่งงานกับผู้หญิงที่ดีได้
แต่ทำไมจู่ๆ……ทุกอย่างถึงเป็นเช่นนี้ไปได้ ?
เขาพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะปีนขึ้นไปอยู่ในจุดที่สูงขึ้น ก็เพื่อต้องการที่จะตอบแทนแม่ได้มากขึ้น ต้องการที่จะพาแม่กลับไปที่ตระกูลเฉินอย่างเต็มภาคภูมิ
แต่ตอนนี้ จนกระทั่งตอนนี้ แม้กระทั่งโอกาสที่เขาจะล้างเท้าให้แม่สักครั้งก็ยังไม่มี
“จะต้องไม่เป็นไร ผมช่วยแม่ได้ ลูกจะต้องช่วยแม่ได้แน่นอน……”
ดวงตาของเฉินตงพร่ามัวเพราะน้ำตา เขาเห็นคอของแม่ขยับ ราวกับกำลังจะกระซิบอะไรบางอย่าง
“พรวด !”
เลือดสีแดงสดพุ่งออกมา จนสาดเต็มใบหน้าของเฉินตง
ภาพนี้ทำให้เฉินตงผงะไปทันที
และทำให้คนอื่นๆ ต่างตกใจจนหน้าถอดสี
“เฉินตง แกวางแม่ของแกลงเดี๋ยวนี้ !”
เผียะ !
เฉินเต้าหลินที่กำลังอยู่ในท่าทีที่โกรธเกรี้ยวราวกับสิงโต ตบเข้าไปที่หน้าของเฉินตงอย่างแรงหนึ่งครั้งทันที
การตบครั้งนี้ ราวกับใช้แรงทั้งหมดที่มี ถึงขั้นทำให้เฉินตงลงไปคุกเข่าอยู่บนพื้น
“แม่……”
เฉินตงไม่สนใจเลือดที่เปื้อนอยู่เต็มใบหน้า เขาร้องไห้เสียงดังออกมา
เสียงร้องของเขาเหมือนกับใจจะขาด
ทุกคนที่ได้ยินต่างก็ร้องไห้ตาม
ทุกคนรู้ดีว่า บาดแผลจากการถูกแทงในครั้งนี้ ไม่มีใครสามารถช่วยชีวิตหลี่หลานได้อีก
แม้แต่ผู้อำนวยการหลิวแห่งโรงพยาบาลลี่จิงจะยืนอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย ก็ทำได้เพียงแค่ยืนส่ายหัวอยู่ข้างๆ เท่านั้น
“ตงเอ๋อ……”
หลี่หลานที่กำลังจะสิ้นใจ ดวงตาของเธอเบิกโพลง ปากของเธออ้ากว้างและออกแรงเพื่อพยายามหายใจ
แต่ทว่า เธอกลับค่อยๆยกมือขวาขึ้นมา แล้วค่อยๆ เช็ดน้ำตาที่เปื้อนอยู่ที่หางตาของเฉินตงเบาๆ
“ตงเอ๋อที่รัก อย่าร้อง……อย่าร้อง……เดี๋ยวมงกุฎจะร่วงลงมา……”
ริมฝีปากของเฉินตงสั่นเทา เขารู้สึกเหมือนคอของตัวเองตีบลง ขณะที่กำลังพยายามออกแรงเพื่อส่งเสียงออกมา
เหมือนกับเวลาหยุดเดินลง
เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่า มือข้างขวาที่แม่เช็ดน้ำตาให้กับเขา ค่อยๆ ร่วงลงไป
ตุ๊บ !
เมื่อหล่นลงไปอยู่ในกองเลือด เสียงดังราวกับเสียงฟ้าผ่า
จากนั้น ดวงตาของหลี่หลานก็ค่อยๆ ปิดลง……
“แม่ครับ……”
เฉินตงผงะไป น้ำตาที่เพิ่งถูกเช็ดจนแห้งสนิท พรั่งพรูออกมาอีกครั้ง เขาตะโกนออกมาอย่างเสียสติ : “ผม ผมไม่ต้องการมงกุฎ……ผม ผมต้องการแม่ !”