The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 266 ปิดฟ้าข้ามทะเล ใช้แผนซ้อนแผน

บทที่ 266 ปิดฟ้าข้ามทะเล ใช้แผนซ้อนแผน

น้ำตาค่อยๆ ไหลรินลงมาอย่าเงียบๆ

ใบหน้าซีดเซียวจนแทบดูไม่เป็นผู้เป็นคนของเฉินตง ค่อยๆ คล้อยต่ำลงบนพื้น

ฉินเย่ที่อยู่ในอาการอึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกในทันที

ฉินเย่ไม่ได้เข้าไปรบกวน

เขาหันหลังแล้วเดินออกจากห้องมา

ห้องรับแขกด้านล่าง

พวกของเฉินเต้าหลินและกู้ชิงหยิ่งกำลังนั่งรออย่างใจจดใจจ่อ

เสียงที่ดังขึ้นเมื่อครู่ ทำให้ทุกคนรู้สึกกระวนกระวายใจ

ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

หลังจากที่ฉินเย่เดินลงมาจากชั้นบนแล้ว

พวกของกู้ชิงหยิ่งก็ลุกขึ้นในทันที

“ฉินเย่……เฉินตงเป็นอย่างไรบ้าง ?” กู้ชิงหยิ่งกังวลใจเป็นอย่างมาก

“หายดีแล้ว ตอนนี้ถึงเวลาที่คุณควรจะขึ้นไปอยู่เป็นเพื่อนเขาแล้ว”

ฉินเย่ยักไหล่ แล้วยิ้มพลางพูดว่า “แต่เธอควรจะเตรียมใจให้ดีๆ นะ ไม่แน่ว่าน้ำตาอาจจะทำให้เสื้อผ้าของเธอต้องเปียกปอนไปหมดก็ได้”

กู้ชิงหยิ่งรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที

หลังจากที่ได้ยิน

พวกของเฉินเต้าหลินเองก็รู้สึกโล่งใจ

“ดีๆๆ ร้องออกมาก็ดีแล้ว ได้ระบายออกมาก็ดี”

กู้โก๋ฮั๋วและหลี่หวั่นชิงหันไปยิ้มให้กันอย่าโล่งใจ

ท่าทีของเฉินเต้าหลินผ่อนคลายลงเล็กน้อย แววตาของเขาเป็นประกายเล็กน้อย

พวกเขาเคยก้าวข้ามพายุที่โหมกระหน่ำรุนแรงมา จึงรู้ดีว่าตอนนี้เฉินตงร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกเช่นไร

นี่ถือเป็นเรื่องดีที่สุดต่อตัวของเฉินตง

“คุณชายฉิน คุณชี้ทางสว่างให้คุณชายอย่างไรหรือ ?”

ท่านหลงเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

ฉินเย่ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ จากนั้นจึงยิ้มแล้วพูดว่า : “ก็แค่เล่าอดีตของฉันให้เขาฟังหนึ่งรอบ เทียบความน่าอนาถกันแล้ว เขาคงไม่อนาถเท่าฉัน”

ถึงแม้จะยิ้ม แต่แววตาของเขาก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด

ท่านหลงกอดฉินเย่ด้วยความสงสาร : “ลำบากคุณแล้ว ขอบคุณมาก”

“เขาเป็นพี่น้องของฉัน จะขอบคุณฉันทำไม ?” ฉินเย่เลิกคิ้วแล้วยิ้ม

ตอนนี้เอง

ด้านบนมีเสียงร้องไห้ดังก้องออกมา

เป็นเสียงร้องไห้ที่ฟังดูเจ็บปวดเหมือนใจจะขาด

เสียงร้องดังสะท้อนไปทั่ววิลล่า

แต่ทุกคนกลับไม่รู้สึกยาเลยแม้แต่น้อย

หลังจากที่ได้ระบายอารมณ์ออกมาจริงๆ เฉินตงคนเดิมถึงจะกลับมา

“ขอบคุณมากฉินเย่”

เมื่อเฉินเต้าหลินได้ยินเสียงร้องก็รู้สึกโล่งใจ เขาเดินเข้าไปหาฉินเย่แล้วพูดออกมาด้วยความซาบซึ้งใจ : “ขอบคุณเธอมากจริงๆ”

ในฐานะเจ้าบ้านตระกูลเฉิน เขารับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตระกูลฉินตอนนั้น และรู้ถึงอดีตของฉินเย่

ถึงขนาดรู้เหตุการณ์อย่างชัดเจนและละเอียดยิ่งกว่าตระกูลมั่งคั่งอีกหลายๆ ตระกูล

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงรู้ดีว่า เพื่อที่จะชี้ทางสว่างให้แก้เฉินตงแล้ว ฉินเย่ต้องทุ่มเทมากเท่าไร

จะต้องเปิดบาดแผลที่ปกปิดมาหลายปีออกให้ทุกคนได้เห็น ถึงชั้นยอมโรยเกลือลงบนบาดแผลที่เป็นเหมือนฝันร้าย

“เจ้าบ้านตระกูลเฉินกล่าวเกินไปแล้ว ไม่ต้องขอบคุณหรอกครับ” ฉินเย่ตอบกลับอย่างสงบ “ผมมีเฉินตงเป็นพี่น้องเพียงคนเดียว ผมไม่อยากเห็นเขาต้องตกต่ำลงเช่นนี้”

ทุกคนค่อยๆ นั่งลงในห้องนั่งเล่น และรออย่างเงียบๆ

หนึ่งชั่วโมงผ่านไป

ในที่สุดเสียงร้องไห้ที่ชั้นบนก็สงบลง

ผ่านไปอีกครึ่งชั่วโมง

มีเสียงฝีเท้าเดินลงมาจากบันได

ทุกคนค่อยๆ ลุกขึ้นและหันไปมอง

กู้ชิงหยิ่งค่อยๆ ประคองเฉินตงเดินลงมาจากบันได

ตอนนี้ดวงตาของเขาแดงก่ำและบวมเป่ง ใบหน้ายังคงเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา

แต่แววตาของเขาไม่มืดมนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว แต่กลับมีประกายของความสดใส

ท่าทางของเขาเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคน

กู้ชิงหยิ่งหันไปหาเฉินตง แล้วพยักหน้าเพื่อส่งสัญญาณ

หลังจากประคองเฉินตงมานั่งในห้องรับแขกแล้ว เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า : “คุณพักผ่อนสักเดี๋ยวนะคะ ฉันกับพี่เสี่ยวลู่จะไปทำอาหารเย็นให้คุณ อย่างน้อยก็ต้องทานอะไรสักหน่อย”

“อืม”

เฉินตงพยักหน้า แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย

รอยยิ้มนี้ ทำให้ทุกคนรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก

ไม่ช้า กู้ชิงหยิ่งและฟ่านลู่ก็เตรียมอาหารเย็นเสร็จเรียบร้อย จากนั้นจึงยกมาวางไว้ด้านหน้าเฉินตง

เป็นอาหารสองอย่างพร้อมน้ำซุปอย่างง่าย เฉินตงเขมือบเข้าไปทั้งหมดอย่างรวดเร็ว

หลังจากทานเสร็จแล้ว

จู่ๆ เฉินตงก็หันไปพูดกับเฉินเต้าหลินว่า : “พ่อครับ ผมมีเรื่องหนึ่งอยากจะถามพ่อ”

“เรื่องอะไร ?”

เฉินเต้าหลินถาม

“ขึ้นไปคุยกันที่ระเบียบเถอะครับ” เฉินตงลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน

เฉินเต้าหลินเดินตามไปด้านหลัง

ส่วนพวกกู้ชิงหยิ่งไม่ได้เดินตามไป

นี่เป็นครั้งแรกที่สองพ่อลูกพูดคุยกัน

และเกิดขึ้นหลังจากที่เฉินตงสามารถปล่อยวางทุกอย่างได้แล้ว

ถ้าหากเฉินตงต้องการระบายความในใจกับพ่อของเขา คงไม่เป็นการดีถ้าหากทุกคนจะตามไป

บนระเบียง

เฉินตงเอนตัวลงบนระเบียงแล้วหันหน้าเข้าหาสายลมยามค่ำคืน ท่าทางของเขาเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เฉินเต้าหลินเดินเข้าไปหาเขา แล้วถามว่า : “ตงเอ๋อ มีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”

ตอนที่เขาถามประโยคนี้ออกมา คิ้วของเขาขมวดแน่นและรู้สึกประหม่าเล็กน้อย

เป็นเพราะเขารู้ดีว่า ในตอนแรกเหตุผลที่เขาทำให้เฉินตงยอมรับตำแหน่งผู้สืบทอดมรดกตระกูลเฉินได้ มีเพียงเหตุผลเดียวก็คือ จะให้เฉินตงพาหลี่หลานกลับบ้าน และคืนฐานะคุณผู้หญิงของเจ้าบ้านตระกูลเฉินกลับคืนให้กับหลี่หลานอย่างสมฐานะ

แต่ทว่าตอนนี้……หลี่หลานจากไปแล้ว

เหตุผล จึงไร้ความหมายอีกต่อไป

“พ่อครับ รู้จักคุกมืดไหม ?”

จู่ๆ เฉินตงก็เอ่ยถามขึ้นมา

เฉินเต้าหลินผงะไป ไม่ได้ตอบอะไร

แต่เฉินตงก็ไม่ได้สนใจ สายลมเย็นยามค่ำคืนโชยพัดมา เข้าแสยะยิ้มเล็กน้อย แววตาดูลึกซึ้งอย่างเห็นได้ชัด

“ช่วงที่ผ่านมา ผมถูกส่งตัวเข้าไปอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่งที่เรียกว่าคุกมืด อีกทั้งผมยังเจอกับเฉินเต้าจูนในนั้น เขาคือพี่ชายของพ่อ คือลุงของผม”

“แล้วยังไงต่อ” เฉินเต้าหลินถามด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

เฉินตงพูดต่อว่า : “อันที่จริงแล้ว ตอนที่ผมถูกขังอยู่ในคุกมืด ก็ไม่เคยคิดที่จะละทิ้งความคิดที่จะหลบหนี เพราะไม่ว่าจะเป็นเสี่ยงหยิ่งหรือแม่ ก็ไม่มีวันยอมให้ผมยอมแพ้ง่ายๆ เด็ดขาด”

“แต่ตอนที่ผมอยู่ด้านใน มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ผมรู้สึกไม่เข้าใจก็คือ ถ้าหากตระกูลฉินและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินต้องการหาคนมาสวมรอยเป็นผมเพื่อครอบครองทุกอย่างของผมจริงๆ หากพวกเขาฆ่าผม ก็น่าจะเป็นการดีมากกว่า”

เฉินเต้าหลินรู้สึกตกใจ จากนั้นจู่ๆ เขาก็ยิ้มออกมา

“แต่ตอนนี้ผมเข้าใจแล้ว ความสงสัยทั้งหมดที่มีก่อนหน้านี้ ผมเข้าใจทั้งหมดแล้ว ประโยคที่โจวสวนถามออกมาตอนที่เขาล้มลง ทำให้ผมเข้าใจทุกอย่างทันที”

เฉินตงลูบใบหน้าของเขา รอยยิ้มของเขาแสดงออกถึงความหดหู่ : “เขาถามว่าทำไมผมยังไม่ตาย ? หรือจะพูดอีกอย่างว่า ตระกูลฉินและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินตั้งใจที่จะให้ผมตาย !

พูดถึงตรงนี้ เฉินตงก็หันไปพยักหน้าให้กับเฉินเต้าหลินอย่างตื้นตัน

“ขอบคุณครับพ่อ ขอบคุณที่ปกป้องผม”

“ความฉลาดของพ่อ อยู่เหนือความคาดหมายของผมจริงๆ”

เฉินเต้าหลินยิ้มออกมาเล็กน้อย : “พ่อคิดว่าจะสามารถปิดบังเธอได้สักระยะ”

“ถ้าไม่เกิดเรื่องมากมายเช่นนี้ ก็อาจจะปิดบังผมได้”

เฉินตงยักไหล่ แล้วเบ้ปาก จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างประหลาดแล้วพูดว่า : “อาศัยแผนการสมรู้ร่วมคิดระหว่างตระกูลฉินและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน จากนั้นจึงใช้แผนซ้อนแผน แล้วส่งผมเข้าไปอยู่ในคุกมือเพื่อฝึกฝนผม แน่นอนว่า ขณะที่ผมอยู่ในคุกมืด ผมเติบโตขึ้นเร็วมาก เร็วจนกระทั่งตอนนี้แม้แต่ตัวผมเองก็ยังรู้สึกว่าเป็นความฝัน”

เฉินเต้าหลินกะพริบตาปริบๆ เขากำลังจะอ้าปากพูด

แต่เฉินตงกลับพูดออกมาด้วยท่าทีเย่อหยิ่ง : “ถ้าหากแม่ของผมยังไม่ตาย ต่อให้ผมรู้ ผมคงทำแค่เพียงขอบคุณพ่อเท่านั้น เพราะผมรู้ดีว่า หากผมต้องการเป็นเจ้าบ้านตระกูลเฉิน ผมยังมีข้อบกพร่องมากเกินไปสำหรับผู้ที่จะอยู่ในตำแหน่งผู้สืบทอดมรดก สถานที่อย่างคุกมืด สามารถทำให้ผมเติบโตได้อย่างรวดเร็ว”

“แต่พ่อ เป็นเพราะแผนการปิดฟ้าข้ามทะเลของพ่อ รู้ทั้งรู้ว่าตระกูลฉินและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินสมรู้ร่วมคิดกัน รู้ทั้งรู้ว่าคนที่อยู่กับแม่และกู้ชิงหยิ่งมาตลอดหนึ่งเดือนคือโจวสวน คนที่เข้ามาสวมรอยเป็นผม แต่กลับไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวหรือจัดการอะไรเลยแม้แต่น้อย”

“ถ้าหากพ่อจัดการกับแผนการครั้งนี้ตั้งแต่แรก แม่ของผมจะต้องตายไหม ? ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวหยิ่งนึกสงสัย ถ้าไม่ใช่เพราะฉินเย่ยืนหยัดอย่างไม่กลัวตาย ป่านนี้ แม้แต่เสี่ยวหยิ่งก็คงตกอยู่ในมือของโจวสวนเรียบร้อยแล้ว แม้กระทั่งฉินเย่ก็อาจจะต้องตาย”

“ตงเอ๋อ พ่อ……”

เฉินเต้าหลินหน้าถอดสี จู่ๆ เรื่องราวทุกอย่างจะเปลี่ยนไปจนอยู่เหนือการควบคุมของเขา

“เพียงเพื่อต้องการจะฝึกฝนผม แต่สิ่งที่พ่อต้องแลกไปนั้นช่างมากมายเหลือเกิน !”

เฉินตงตะคอกออกมาด้วยความโกรธ มือขวาของเขากำหมัดแน่น แล้วพุ่งตรงหมัดเข้าไปที่หน้าของเฉินเต้าหลินอย่างดุดัน

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท