เฉินเต้าหลินเดินทางกลับอย่างเร่งรีบ
แม้กระทั่งเวลาที่จะพูดกับเฉินตงสักสองสามประโยคก็ไม่มี หลังจากกินเข้าเสร็จเขาก็ขึ้นเฮลิคอปเตอร์กลับไปทันที
เฉินตงรู้ดีว่า หากเขาต้องการโค่นล้มตระกูลฉิน คุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินคงเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่อย่างแน่นอน
งูกับหนูต้องมาอาศัยอยู่ในรังเดียวกัน
เพียงแค่การสมรู้ร่วมคิดเพียงอย่างเดียว ก็เพียงพอที่จะทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องถูกผูกเอาไว้ในเรือลำเดียวกันแล้ว
หากเขาลงมือกับตระกูลฉินจริง ตระกูลฉินจะต้องขอความช่วยเหลือจากคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินอย่างแน่นอน อีกทั้งคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินก็ต้องยอมยื่นมือเข้ามาช่วยอย่างแน่นอนเช่นกัน
เหตุผลง่ายๆ แค่นี้ เขาต้องดูออกอย่างแน่นอน ตระกูลฉินและคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉิน ไม่มีทางตัดขาดกันได้อย่างแน่นอน
การที่พ่อควบคุมคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเอาไว้ ก็เพื่อเปิดทางให้เขาและฉินเย่แก้แค้นตระกูลฉิน !
หลังจากเฉินเต้าหลินกลับไปได้ไม่นาน
เฉินตงก็พาฉินเย่และคุนหลุน ออกจากเขตวิลล่าเขาเทียนซาน แล้วมุ่งหน้าไปยังสนามบินในเขตชานเมือง
ท่านหลงอยู่ต่อที่เมืองนี้เพื่อคอยดูแลรับผิดชอบงานภายในบริษัท
ระยะเวลาที่เขาถูกจองจำอยู่ในคุกมืดหนึ่งเดือน มีเรื่องต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ลำพังเรื่องที่ไท่ติ่งตกอยู่ในความดูแลของโจวสวน และควบคุมโจวจุนหลงและโจวเย่นชิว ก็สร้างความวุ่นวายมากพอสมควรแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นในงานแต่งงาน ทำให้เกิดอันตรายแอบแฝงขึ้นมากมาย
เรื่องเหล่านี้ต้องรีบจัดการให้เร็วที่สุด
ถึงขั้นที่เฉินตงเองไม่สนใจว่าท่านหลงจะใช้วิธีที่รุนแรงขนาดไหนในการจัดการ
เพื่อจบเรื่องวุ่นวายทุกอย่างลงทันที
เรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้ มีเพียงท่านหลงคนเดียวเท่านั้นที่จะสามารถจัดการได้
ต่อให้เฉินตงลงมือจัดการด้วยตนเอง ก็อาจจะยืดเยื้อ
เมื่อทั้งสามคนเดินทางไปถึงสนามบิน พวกเขาก็เดินผ่านช่องทางสีเขียวโดยไม่มีเครื่องกีดขวางใดๆ ท่านหลงตระเตรียมเครื่องบินส่วนตัวเอาไว้เรียบร้อยแล้ว พวกเขาขึ้นนั่งบนเครื่องได้ไม่นาน เครื่องบินก็ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“คุณชาย ท่านหลงได้ตระเตรียมคนในสำนักงานที่ซีสู่เอาไว้เพื่อดูแลต้อนรับเรียบร้อยแล้วครับ”
คุนหลุนพูดออกมาอย่างสงบ : “นี่เป็นความประสงค์ของคุณท่าน หากเขาติดต่อสำนักงานที่ซีสู่ด้วยตัวเอง ก็จะเป็นที่จับตามองของคนในตระกูล หากให้ท่านหลงจัดการก็จะเป็นความลับมากกว่า อีกทั้งการเดินทางครั้งนี้ จะต้องพึ่งพาสำนักงานของตระกูลเฉิน”
เฉินตงไม่ได้โต้แย้งอะไร เขาพยักหน้าตอบรับ
พวกเขาไม่ได้ไปพูดคุยหรือกินเลี้ยงสังสรรค์กับตระกูลฉิน แต่การไปในครั้งนี้ ต้องเกิดการนองเลือดขึ้น !
ในเมื่ออาศัยชื่อของตระกูลเฉินแล้ว หากแม้แต่สำนักงานของตระกูลเฉินในซีสู่ยังไม่รู้สึกตื่นตระหนกอีกล่ะก็ ชื่อนี้ก็คงใช้การไม่ได้เสียแล้ว
เฉินตงเหลือบมองฉินเย่โดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้ฉินเย่ยังคงอยู่ในท่าทีที่ปกติ
เมื่อเขารู้สึกได้ถึงสายตาของเฉินตง ฉินเย่ก็ส่งเสียงกระแอม : “นายไม่ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของฉันหรอก ฉันกับตระกูลฉินไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ตอนที่พวกเขาส่งคนมาฆ่าฉัน ก็ไม่เห็นคำนึงถึงความรู้สึกฉันเลย”
“ฉันรู้ดี”
เฉินตงยิ้มออกมา : “ฉันแค่อยากถามนายว่า จะจัดการกับตระกูลฉินอย่างไร”
“นายวางแผนเอาไว้หมดแล้ว พ่อนายก็กำลังช่วยนายอยู่ แล้วนายยังจะถามฉันอีกทำไม ?”
ฉินเย่ยักไหล่ แล้วพูดเป็นนัยว่า : “ยืมมือทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเอง ถึงจะเป็นแผนการที่เหนือชั้น ใช้เลือดล้างตระกูลฉิน ก็เหมือนกับต่อสู้กับปลาที่ตายกับตาข่ายที่ขาด ไม่คุ้มค่า”
เฉินตงหัวเราะออกมา เขามองก้อนเมฆที่ลอยอยู่นอกหน้าต่างด้วยแววตาที่เยือกเย็น : “ใช่แล้ว มงกุฎราชาหนักเกินไป ถ้าหากไม่ยืมมือทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันเอง ฉันคงไม่สามารถสวมมงกุฎไว้ได้อย่างมั่นคง”
ทันทีที่ได้ยิน
ฉินเย่และคุนหลุนก็หันไปมองเฉินตงด้วยความประหลาดใจ
เฉินตงลูบจมูก : “ทำไม ?”
“พี่ชาย นายเปลี่ยนไปแล้ว” ฉินเย่ประสานมือทั้งสองข้างไว้ที่ท้ายทอย “พี่คุนหลุน พี่ว่ายังไง ?”
“พี่ชาย ไม่สิ คุณชายเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ”
แววตาของท่านหลงดูตื่นตระหนก เขารีบกลับคำในทันที : “คุณชายคนก่อน จะไม่แยกแยะข้อดีและข้อเสียออกอย่างชัดเจนอย่างนี้”
“ตอนนี้นายเริ่มเหมือนผู้สืบทอดมรดกจริงๆ แล้ว” ฉินเย่หัวเราะเสียดสี “ไม่สนใจวิธีการ ถึงจะกลายเป็นคนตระกูลเฉินแบบพวกนั้นได้”
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย แต่รอยยิ้มก็เต็มไปด้วยความขมขื่น
เวลาสิบโมงครึ่ง เครื่องบินลงจอดยังสนามบินซีสู่
ขณะที่เพิ่งเดินออกมาจากสนามบิน ก็มีชายวัยกลางคนรีบเข้าไปต้อนรับ
“กระผมเป็นหัวหน้าสำนักงานของตระกูลเฉินในซีสู่ เฉินไคขอต้อนรับคุณชายเฉินตง”
“ไปกันเถอะ”
เฉินตงพยักหน้า จากนั้นจึงเดินตามเฉินไคไปยังรถโรลส์-รอยซ์ที่จอดอยู่ริมถนน
หลังจากขึ้นรถ เฉินไคก็พูดขึ้นว่า : “คุณชาย วันนี้เป็นวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ของเจ้าบ้านตระกูลฉิน กำลังมีการจัดงานฉลองวันเกิดขึ้นที่ตระกูล”
“งานฉลองวันเกิด ?”
เฉินตงหางตากระตุก เขาเอามือลูบคาง แล้วแสยะยิ้มออกมา : “พวกเรามาถูกเวลาจริงๆ ในเมื่อจัดงานฉลองวันเกิด ก็ควรต้องมีของขวัญสักหน่อย เพราะตอนที่ฉันแต่งงาน ตระกูลฉินก็ส่งของขวัญไปให้ถึงที่เช่นกัน”
“ฉันลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท” ฉินเย่ก้มหน้าครุ่นคิด
ทันใดนั้น ทั้งสองก็หันมองหน้ากัน จากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างเยือกเย็น
ภายในรถ ดูเหมือนบรรยากาศจะหนาวเย็นลงอย่างเห็นได้ชัด
ตระกูลฉิน
ในฐานะที่เป็นตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในซีสู่ เป็นตระกูลที่สูงส่งและไม่เห็นผู้อื่นอยู่ในสายตา
ในซีสู่ อยู่ในฐานะที่ไม่มีใครสามารถเทียบได้
งานฉลองวันเกิดของเจ้าบ้านตระกูลฉิน คงจะเป็นงานที่ดึงดูดตระกูลที่มั่งคั่งจากทั่วทุกสารทิศให้มาร่วมแสดงความยินดี
เพียงแค่โต๊ะจัดเลี้ยงงานวันเกิด ก็ถูกจัดวางไว้โดยรอบบริเวณของบ้านตระกูลฉินกว่าร้อยตัว
สิ่งที่เจ้าบ้านตระกูลฉินคำนึงถึงไม่ใช่การเฉลิมฉลองวันเกิดที่ยิ่งใหญ่ แต่เขาคำนึงถึงผลลัพธ์ที่ต้องไม่ฟุ่มเฟือย และไม่เอิกเกริก
เวลาใกล้เที่ยง
บริเวณโดยรอบตระกูลฉินเต็มไปด้วยรถหรูจอดกันอยู่แน่นขนัด
ผู้คนพลุกพล่านและส่งเสียงจอแจเต็มไปหมด
ทุกครั้งที่มีแจกเดินเข้ามาจะมีการยิงพลุทักทาย
เจ้าบ้านตระกูลฉินอยู่ในวัยชรา เขาสวมใส่เสื้อคอจีนสีแดงสด เขายืนอยู่กับเหล่าทายาทตระกูลฉินที่บริเวณประตูด้วยใบหน้าที่สดใส เพื่อต้อนรับบรรดาแขกที่มาในงานเลี้ยง
“คุณปู่ แขกมากันเกือบครบแล้ว ส่วนที่เหลือที่ยังมาไม่ถึง ส่วนใหญ่ก็เป็นแค่พวกหางแถว คงไม่ต้องให้คุณปู่คอยต้อนรับด้วยตัวเองแล้ว”
เด็กหนุ่มที่สวมใส่ชุดสูทคนหนึ่งยิ้มแล้วพูดขึ้น : “คุณปู่ยืนมาตลอดทั้งเช้าแล้ว รีบกลับไปนั่งเถอะครับ พักผ่อนสักเดี๋ยว ตรงนี้พวกเราอยู่ต้อนรับกันเองได้ครับ”
ทันทีที่ได้ยิน เหล่าบรรดาคนรุ่นใหม่ที่ยืนอยู่โดยรอบต่างก็พูดสนับสนุนขึ้นมา
พวกเขาล้วนแล้วแต่เป็นทายาทสายตรงของตระกูลฉิน อยู่ในฐานะที่ไม่อาจมีใครเทียบได้ในตระกูลฉิน
ในตระกูลฉิน มีการแบ่งฐานะของทายาทที่ถูกต้องตามกฎหมายและอยู่นอกกฎหมายอย่างชัดเจน และแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน
“ฉินซวน ห้ามพูดจาเย่อหยิ่งอย่างนี้”
สีหน้าและน้ำเสียงของคุณท่านใหญ่ตระกูลเฉินเคร่งขรึมทันที
บรรดาวัยรุ่นหนุ่มสาวต่างรู้สึกตกใจ และก้มหน้าก้มตาขอโทษในทันที : “คุณปู่ ซวนเอ๋อผิดไปแล้วครับ”
“ช่างเถอะ คงแก่อย่างฉันเองก็ยืนไม่ไหวแล้วจริงๆ ตรงนี้ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพวกเธอก็แล้วกัน จำไว้นะ การต้อนรับแขก ห้ามใช้ท่าทางที่ดูถูกและเย่อหยิ่ง คนจะได้ไม่เอาไปนินทาได้ว่า ตระกูลเฉินของเรานั้นไร้มารยาท”
ใบหน้าของคุณท่านใหญ่ตระกูลเฉินดูอบอุ่นลง เขายิ้มออกมาอีกครั้ง แววตาของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย : “จริงสิ ถ้าเสี่ยวเซียนกลับมาเมื่อไหร่ อย่าลืมมาบอกฉันนะ ฉันอยากเจอเธอสักครั้ง”
“ครับ คุณปู่”
ฉินซวนยิ้มและพยักหน้า : “ถ้าพี่เสี่ยวเชียนกลับมาเมื่อไหร่ ผมจะรีบไปบอกปู่ทันทีเลยครับ”
หลังจากที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉิน หันหลังเดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์แล้ว ใบหน้าของฉินซวนก็หมองหม่นลงทันที เขาถ่มน้ำลายลงบนพื้นด้วยความโมโห : “ไม่รู้ว่าคุณปู่จะมัวคิดถึงพี่เสี่ยวเชียนอยู่ทำไม ก็แค่มีความสามารถเล็กน้อยเท่านั้น เป็นเพียงแค่ผู้หญิงที่ไร้ค่าคนหนึ่ง หาผู้ชายที่ไร้ประโยชน์มา ให้แต่งงานเข้าบ้าน สุดท้ายก็หย่ากันแล้วหนีหายไป ?”
หลังจากได้ยินคำพูดนี้ ก็มีทายาทอีกหลายคนค่อยๆ กล่าวสนับสนุนขึ้น
ตอนนี้เอง
จู่ๆ มีชายวัยกลางคนวิ่งเข้ามาอย่างเร่งรีบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แล้วหันไปพูดกับฉินซวนว่า : “คุณชายซวน ฉิน ฉินเย่ มาอวยพรวันเกิดให้คุณท่านครับ”
เปรี้ยง !
เสียงที่พยายามกระซิบให้เบาที่สุด แต่สำหรับพวกของฉินซวนแล้ว ก็ยังเหมือนเสียงฟ้าผ่าอยู่ดี
“ไอ้เดรัจฉานนั่นมาได้ยังไง ?” ฉินซวนกัดฟันกรอด “ไล่มันออกไป !”
“ไม่ต้องไล่แล้ว ฉันมาแล้ว !”
มือทั้งสองข้างของฉินเย่ล้วงกระเป๋าอยู่ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่แยแส เขาหันไปยั่วยุฉินซวน: “อีกอย่าง น้องซวน นายคงไม่กล้าไล่ฉันไปหรอกนะ เพราะคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉันคือคุณชายของตระกูลเฉิน”
“แก……” ฉินซวนหน้าถอดสี เขารู้จักเฉินตงดี ตอนที่เฉินตงแต่งงาน เขาก็ไปร่วมงานแต่งงานกับคุณท่านใหญ่ตระกูลฉินด้วยและเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างในงานแต่งงาน
เพียงแต่ เขารู้เพียงผิวเผินแค่นี้เท่านั้น ส่วนเรื่องที่สึกกว่านั้น เขาเองก็ไม่รู้
แต่ทว่า เป็นอย่างที่ฉินเย่กว่ามาจริงๆ อย่างไรเสียตระกูลฉินก็ไม่กล้าไล่คนของตระกูลเฉิน !
เพียงชั่วพริบตา
เฉินตงและฉินเย่ คุนหลุน เฉินไค ก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าของฉินซวน
ฉินเย่รับกล่องของขวัญมาจากมือของเฉินตง จากนั้นจึงยื่นให้ฉินซวน
“เอา ของขวัญวันเกิดให้คุณท่าน ถือเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ”
“ถ้าอย่างนั้นผมต้องขอบคุณมาก”
ฉินซวน แสยะยิ้ม แล้วยื่นมือออกไปรับกล่องมา แล้วเปิดออกต่อหน้าทุกคนอย่างเสียมารยาทในทันที
เมื่อเขาได้เห็นของขวัญวันเกิดที่อยู่ในกล่อง
ความเกลียดชังก็ประเดประดังเข้ามาจนตัวของฉินซวนแทบจะระเบิดในทันที
เพราะของที่อยู่ในกล่องเป็น……พวงหรีดที่สวยหรู !
ซึ่งเป็นของที่ใช้สำหรับไว้ทุกข์ให้กับคนตาย !