เฉินตงเข้าใจฉินเย่ดี
คนที่ภายนอกดูขวางโลก แต่ในใจก็ยังรู้จักถึงความเหมาะสม
เขากับฉินเย่ไปที่ตระกูลฉินเพื่อแก้แค้น
ส่วนฉินเสี่ยวเชียนมาเพื่อที่จะอวยพรวันเกิดเท่านั้น
ถึงแม้กฎระเบียบที่ให้ส่งเฉพาะของขวัญแล้วต้องกลับไปทันที จะดูเป็นกฎที่เข้มงวดและเย็นชา จนทำให้ฉินเสี่ยวเชียนต้องรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ
แต่ฉินเย่ก็ไม่ได้หลวมตัวหลวมตัว ลากฉินเสี่ยวเชียนเข้ามาอยู่ร่วมในการแก้แค้นระหว่างพวกเขาและตระกูลฉินด้วยเรื่องนี้
ตอนนี้การที่พาฉินเสี่ยวเชียนไปด้วย ก็เท่ากับว่าดึงฉินเสี่ยวเชียนเข้ามาเป็นพวกเดียวกับพวกเขาเรียบร้อยแล้ว
หากกลับตระกูลฉิน การปฏิบัติต่อฉินเสี่ยวเชียนก็คงไม่เข้มงวดและเย็นชาเช่นนี้อีกแล้ว
หากไม่มีความลับปิดบังไว้ ฉินเย่คงไม่ทำเรื่องโง่เขลาเช่นนี้ออกมา
แต่เฉินตงก็ไม่คิดที่จะถามเซ้าซี้ อย่างน้อยหากยังอยู่ต่อหน้าฉินเสี่ยวเชียน ก็ยังไม่ควรที่จะถาม
รกโรลส์-รอยซ์ขับผ่านเมือง และมุ่งหน้าไปยังแถบชานเมือง ในที่สุดก็ขับเข้าไปในคฤหาสน์บนภูเขาที่มีร่มเงาของภูเขาและต้นไม้เขียวชอุ่ม และมีแม่น้ำที่ไหลเชี่ยว
คุณชาย คฤหาสน์สู่ซานแห่งนี้ คือสำนักงานใหญ่ของตระกูลเฉินในเมืองซีสู่ครับ”
เฉินทงขับรถไปพลางกล่าวแนะนำไปพลาง : “ในซีสู่ ทุกเมืองจะมีสำนักงงานของตระกูลเฉินเราตั้งอยู่ ซึ่งจะคอยรับคำสั่งจากสำนักงานใหญ่เมืองซีสู่ทั้งหมด อีกทั้งสำนักงานใหญ่ทุกแห่ง ก็จะติดต่อกับตระกูลเฉินโดยตรงครับ”
“วันนี้ต้องลำบากนายแล้ว”
เฉินตงพูดอย่างสงบ แต่ดวงตาของเขากลับเหลือบมองออกไปยังทิวทัศน์ที่สวยงามภายนอกรถด้วยความสนใจ
คฤหาสน์สู่ซานแห่งนี้ มีความคล้ายคลึงกับคลับสี่ยิ่นอยู่บ้าง
แต่ศิลปะในการจัดสวนนั้นเหนือชั้นกว่า
สร้างขึ้นโดยมีภูเขาและแม่น้ำรายล้อมอยู่ จึงอาศัยข้อได้เปรียบของภูเขาและแม่น้ำ ทำให้ให้เกิดความงดงามที่สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงยังมีการแกะสลักที่ประณีตบรรจงอีกด้วย
“พวกคุณดูแลภูมิทัศน์ในคฤหาสน์แห่งนี้ได้อย่างเป็นระเบียบและงดงามมาก” เฉินตงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากชม
เฉินทงยิ้มออกมา : “คุณชายชมเกินไปแล้วครับ สำนักงานของตระกูลเฉินในซีสู่ ทำงานด้านศิลปะเป็นหลัก ส่วนคฤหาสน์สู่ซานแห่งนี้ ถึงจะพูดว่าเป็นคฤหาสน์ แต่อันที่จริงแล้วเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงศิลปะแห่งหนึ่ง ในเมืองซีสู่ นิทรรศการศิลปะชั้นนำจำนวนมากถูกเลือกให้จัดแสดงในคฤหาสน์แห่งนี้”
จากนั้น เฉินทงก็พูดอีกว่า
“แต่ว่าคุณชายวางใจได้นะครับ ระบบรักษาความปลอดภัยภายในคฤหาสน์สู่ชานนั้นสมบูรณ์แบบมาก หากคุณชายเข้าพักในคฤหาสน์ ไม่ต้องกังวลใจเรื่องความปลอดภัยเลยครับ”
เฉินตงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เขาไม่รู้สึกกังวลเรื่องความปลอดภัยเลยสักนิด
เพราะว่า ที่เขามาซีสู่ในครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะแก้แค้นให้แม่ของเขา เขาจึงไม่ได้รู้สึกเป็นห่วงตัวเองนัก
ห้องที่จัดเตรียมเอาไว้เป็นของที่ดีที่สุดในคฤหาสน์สู่ซาน
มีทั้งหมดสี่ห้อง สร้างขึ้นติดกับภูเขา แต่ละห้องแยกออกจากกันอย่างเป็นส่วนตัว
เฉินตงให้ฉินเย่พาฉินเสี่ยวเชียนเข้าที่พัก จากนั้นเขาและคุนหลุนจึงแยกย้ายกันกลับห้องของตัวเองเพื่อจัดเก็บสัมภาระ
ขณะที่กำลังจัดเก็บสัมภาระจนเกือบจะเสร็จเรียบร้อย
เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
“เข้ามาสิ ไม่ได้ล็อก”
เฉินตงยิ้มแล้วเดินไปนั่งตรงระเบียง ตรงจุดนี้สามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้กว้างไกล เขาแทบจะมองเห็นแม่น้ำที่อยู่ไกลออกไปด้านนอกคฤหาสน์ เป็นทิวทัศน์ที่งดงามมาก และเงียบสงบอย่างที่สุด”
ฉินเย่เปิดประตูแล้วเดินเข้ามาข้างใน
หลังจากเขาหยิบเบียร์เย็นๆ หนึ่งขวดออกมาจากตู้เย็นแล้ว เขาก็เดินไปนั่งลงที่ระเบียงเช่นกัน
เขาดื่มเบียร์เข้าไปครึ่งขวดในคราวเดียว ฉินเย่เรอออกมาอย่างสบายใจ : “อากาศแบบนี้ จิบเบียร์เย็นๆ สักขวด รู้สึกสบายใจจริงๆ”
“ช่วยดับไฟในใจได้ใช่ไหมล่ะ ?”
เฉินตงหันไปมองฉินเย่ด้วยรอยยิ้ม
“ฉันมาหานายก็เพื่อคุยเรื่องนี้ แต่นายต้องช่วยฉันปิดเป็นความลับไม่ให้เสี่ยวเชียนรู้ได้ เด็กคนนี้ ฉันเป็นห่วงเธอ”
ฉินเย่ยักไหล่แล้วพูดอย่าจริงจัง
เฉินตงนั่งพิงเก้าอี้ มือทั้งสองข้างประสานไว้ที่ท้ายทอย : “จริงๆ แล้ว ฉันค่อนข้างสงสัยว่า ทำไมในตระกูลฉินทั้งตระกูล นายถึงสนิทสนมกับเสี่ยวเชียนเพียงแค่คนเดียว”
ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างประหลาด แล้วแบมือออก
“ก็ไม่มีอะไรหรอก แค่เล่นกับเสี่ยวเชียนมาตั้งแต่เล็กจนโต พ่อของเธอตายตั้งแต่เธอยังเด็ก แม่ของเธอเลี้ยงดูเธออยู่ในตระกูลฉินด้วยฐานะที่ต่ำต้อย ตอนเล็กๆ เด็กคนนี้เอาแต่วิ่งตามหลังฉันด้วย ใบหน้าที่เปรอะไปด้วยน้ำตาน้ำมูก แล้วเรียกฉันว่าพี่เย่อยู่ตลอด”
“หลังจากโตขึ้น ตระกูลของฉันเกิดเรื่องพวกนั้นขึ้น ตอนนี้คนทั้งตระกูลฉินกำลังอยู่ในอารมณ์โกรธและกำลังคาดโทษฉัน มีเพียงเสี่ยวเชียนที่ก้าวออกมา วิ่งมาอยู่ข้างกายฉันและร้องขอความเห็นใจแทนฉัน เป็นเพราะเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้เด็กคนนี้ต้องถูกทุบตีอย่างหนัก”
เฉินตงลูบจมูก : “แล้วยังไงต่อ ? ฉันหมายถึงเรื่องที่นายปิดบังเสี่ยวเชียน”
ฉินเย่ยิ้มออกมาอย่างหดหู่ จากนั้นจึงยกขวดเบียร์ขึ้นแล้วซดเบียร์ที่อยู่ด้านในจนหมด
“นายไม่รู้หรอกว่าตระกูลฉินนั้นเลือดเย็นแค่ไหน ฝูงแมลงวันสกปรกที่สามารถทำได้ทุกอย่างเพื่อหน้าตาของตนเองโดยไม่สนใจวิธีการ ทั้งหน้าซื่อใจคดและเจ้าเล่ห์เพทุบาย”
ความโกรธแค้นกำลังแผ่ซ่านจนเขากัดฟันกรอด
จากนั้นฉินเย่ก็หันหลังกลับมา ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“สามีของเสี่ยวเชียน ไม่ได้หย่ากับเสี่ยวเชียนเพราะได้รับแรงกดดัน เป็นเพราะตอนนั้นเสี่ยวเชียนเองก็มีธุรกิจเล็กๆ เป็นของตัวเอง ทั้งสองจึงใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุข น้อยครั้งที่จะไปเยือนตระกูลฉิน จะไปก็เฉพาะช่วงเทศกาลและงานเลี้ยงฉลองวันเกิดของบรรดาผู้อาวุโสเท่านั้น ดังนั้นหากเป็นเพราะได้รับแรงกดดันจริง ในปีหนึ่งจะถูกกดดันสักกี่ครั้งกันเชียว ?”
เฉินตงขมวดคิ้วเหมือนกำลังใช้ความคิด
จู่ๆ ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมา และเข้าใจทุกอย่างในทันที
ความเป็นจริงก็คือ
ฉินเย่พูดออกมาด้วยความโมโห : “เป็นเพราะพวกคนชราในตระกูลฉินพวกนั้น ได้ยินคนนอกพูดกันว่าคนในตระกูลฉินแต่งงานกับคนที่มีฐานะต่ำต้อยกว่า ทำให้รู้สึกอับอายขายหน้า จึงแอบขู่ให้สามีของเสี่ยวเชียนหย่าขาดกับเสี่ยวเชียน !”
เผียะๆ !
ฉินเย่ตบหน้าตัวเอง : “นายว่าหน้าตานี้สำคัญหรือไม่ ? เพียงแค่ทนฟังเสียงซุบซิบนินทาไม่ได้ จนต้องมาทำลายชีวิตครอบครัวของคนอื่น อีกทั้ง หลังจากเกิดเรื่อง……ตระกูลฉินยังแอบลอบฆ่าสามีของเสี่ยวเชียนอีกด้วย นายว่าน่ากลัวไหมล่ะ ?”
เฉินตงรู้สึกหัวใจเต้นแรง
แม้แต่ตัวเขาเองยังรู้สึกกลัวจนเสียวสันหลัง
เพียงเพื่อหน้าตา ถึงขนาดทำลายชีวิตครอบครัวของคนอื่น และเข่นฆ่าผู้อื่นเลยเชียวหรือ ?
“ตอนนั้นฉันออกมาจากตระกูลฉินแล้ว แต่หลังจากหย่าร้างแล้ว เสี่ยวเชียนก็อยู่ในอารมณ์เศร้าหมองและหดหู่ ในฐานะที่เป็นพี่ชาย ฉันจึงไม่อาจทนดูได้อีกต่อไป จึงแอบสืบเรื่องนี้จนกระจ่าง ชาตินี้ฉันคงไม่กล้าบอกเรื่องนี้กับเด็กคนนี้แน่นอน” ฉินเย่กัดฟัน
“ถึงจะหย่าแล้วแต่เธอก็ยังต้องดำเนินชีวิตต่อไป หากอยู่ด้วยกันไม่ได้ ก็ปล่อยให้เธอค่อยๆ ลืมเรื่องราวทุกอย่างไปเสียดีกว่า เช่นนี้เป็นการดีที่สุด”
เฉินตงเข้าใจเจตนาของฉินเย่ดี : “แต่ถ้าหากตายแล้ว ความทรงจำทั้งหมดก็คงไม่หลงเหลืออีก อาจถึงขั้นทำให้เสี่ยวเชียนเสียสติไปได้”
“ใช่ !”
แววตาของฉินเย่สั่นไหว : “เมื่อก่อนฉันจนปัญญา ตอนนี้ฉันมีหนทางแล้ว ฉันจะปล่อยให้เสี่ยวเชียนอยู่ในตระกูลที่กระหายเลือดอย่างตระกูลฉินไม่ได้อีกต่อไป เด็กคนนี้คิดว่าคนในตระกูลฉินล้วนแล้วแต่เป็นคนดี”
“แต่เธอไม่รู้ว่า ในตระกูลฉิน เพื่อหน้าตาแล้ว พวกเขาสามารถเห็นชีวิตคนเป็นผักปลาได้”
“เฮ้อ……”
เฉินตงถอนหายใจ แล้วยิ้มออกมาเล็กน้อย : “เอาล่ะ ต่อไปนี้ก็ให้เสี่ยวเชียนอยู่ช่วยนายที่บริษัทก็แล้วกัน และให้เธอเป็นน้องสาวฉันอีกคนหนึ่ง”
“ขอบคุณมาก” ฉินเย่ยกมือขึ้นคารวะ
ในเวลาเดียวกันนี้
ภายในคฤหาสน์ตระกูลฉิน
บรรยากาศภายในงานเลี้ยงเปลี่ยนไปเพราะการปรากฏตัวขึ้นของเฉินตง
ทำให้งานฉลองวันเกิดสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว
บรรยากาศท้องฟ้ามืดครึ้ม ปกคลุมอยู่เหนือคฤหาสน์ตระกูลฉิน
บรรยากาศภายในคฤหาสน์ ราวกับคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นดินปืน
ภายในห้อง
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินสีหน้าหมองหม่น มีความโกรธแผ่ซ่านอยู่ในดวงตาของเขา
ฉินเห้อเหนียนเดินเข้าไปหาเขาอีกครั้ง แล้วพูดด้วยความตื่นตระหนกว่า : “พ่อครับ ผมยังติดต่อไม่ได้”
ปัง !
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินตบมือลงบนพนักแขนฉาดใหญ่ : “โทร โทรต่อไป ต่อให้ต้องโทรเป็นร้อยครั้งพันครั้ง ก็ต้องติดต่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินให้ฉันให้ได้ !”
“ครับ !”
ฉินเห้อเหนียนตกใจเป็นอย่างมาก เขารีบหันกลับไปกดโทรศัพท์อีกครั้ง
คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินกัดฟันกรอด ท่าทีของเขาราวกับสิงโตที่กำลังโกรธจัด ตัวของเขาสั่นเทา
ถึงแม้เขาจะไม่เกรงกลัวเฉินตง แต่เขาเกรงกลัวตระกูลเฉิน
อาศัยแค่ตระกูลฉินเพียงอย่างเดียวก็สามารถจัดการกับมดตัวเล็กๆ อย่างเฉินตงได้สบายๆ แต่นี่มีความโกรธเคืองของตระกูลเฉินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
จึงมีเพียงแค่การดึงคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินเข้ามาร่วมในแผนการด้วยเท่านั้น ตระกูลฉินจึงจะสามารถจัดการกับเฉินตงได้อย่างไม่ต้องกังวลใจ
แต่ในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ กลับติดต่อคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินไม่ได้เสียนี่ !