เมื่อแสงแรกตกกระทบพื้นดินในยามเช้าตรู่
คนในคฤหาสน์ตระกูลฉินต่างสวมใส่ชุดไว้ทุกข์เรียบร้อยแล้ว
บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
ถึงแม้ดวงอาทิตย์จะขึ้นแล้ว แต่คนในตระกูลฉินกลับไม่รู้สึกถึงความอบอุ่นเลยแม้แต่น้อย
ตระกูลฉินเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
ในตอนกลางคืนที่ฉินเห้อเหนียนแบกศพของคุณท่านใหญ่ตระกูลเฉินกลับมาบ้าน ราวกับเป็นการทิ้งระเบิดครั้งใหญ่ใส่ตระกูลฉิน
ทุกคนไม่อาจนอนหลับได้อีกต่อไป
มีเสียงร้องไห้เซ็งแซ่ตลอดทั้งคืน
สามวันก่อน คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินเพิ่งจะจัดงานเลี้ยงฉลองวันเกิดอย่างยิ่งใหญ่
ใครจะไปคิดว่า สามวันให้หลัง กลับลงไปนอนอยู่ในโลง กลายเป็นเพียงศพที่ร่างกายเย็นเฉียบ ?
ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามวัน ฟ้าดินกลับตาลปัตรได้ถึงเพียงนี้
ทุกคนในตระกูลฉิน ไม่มีใครคาดคิดว่า ตระกูลฉินที่ตั้งตระหง่านราวกับภูเขา และเป็นเหมือนพระอาทิตย์ที่ส่องสว่างอยู่กลงท้องฟ้า จู่ๆ จะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เช่นนี้ขึ้นได้
และในขณะที่ตระกูลฉินกำลังเซ็งแซ่ไปด้วยเสียงร้องไห้ด้วยความโศกเศร้าเสียใจ
เมืองซีสู่ทั้งเมืองก็กำลังปั่นป่วนอยู่ด้วยเช่นกัน
ตระกูลใหญ่ทุกตระกูล รวบรวมกำลังมาตลอดทั้งคืน ทันทีที่รุ่งสาง พวกเขาก็พุ่งเข้าโจมตีตระกูลฉินอย่างรวดเร็ว
ทุกคนต่างฉกฉวยโอกาสในครั้งนี้ในการทำลายตระกูลฉิน
ชื่อเสียงของตระกูลที่ร่ำรวยที่สุด ทรัพยากรที่มีอย่างมากมายมหาศาล รวมไปถึงการผูกขาดในอุตสาหกรรมบางประเภท
นี่คือเป้าหมายที่ตระกูลใหญ่ทุกตระกูลต่างเคยรู้สึกอิจฉาตาร้อน
ก่อนหน้านี้ แม้ว่าตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ จะเคยมีความปรารถนาบางอย่างอยู่ในใจ แต่ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับดวงอาทิตย์อันยิ่งใหญ่อย่างตระกูลฉินแล้ว ทำให้ไม่กล้ากระทำการใดๆ โดยประมาท
แต่ทว่าตอนนี้ ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแค่สามวัน ตระกูลฉินต้องเผชิญหน้ากับอันตรายครั้งใหญ่ และทำให้ท้องฟ้าของซีสู่ต้องเปลี่ยนแปลงไป
ถึงขั้นที่คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินต้องยอมปลิดชีพตัวเองด้วยดาบเพื่อปกป้องตระกูลฉินเอาไว้
ในสถานการณ์เช่นนี้ หากไม่รีบลงมือตอนนี้จะให้ลงมือตอนไหน ?
แต่ทว่า
ขณะที่ตระกูลใหญ่ต่างกำลังเตรียมการกันอยู่นั้น กลับต้องรู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับรู้ว่า
ตระกูลจูเก่อได้โจมตีธุรกิจใหญ่ของตระกูลฉินทุกธุรกิจเรียบร้อยแล้ว
ในขณะที่ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ กำลังเตรียมการอยู่นั้น ตระกูลจูเก่อกลับดำเนินการกอบโกยทุกอย่างไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ทำให้ตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ได้แต่ตีอกชกตัวและถอนหายใจ
พวกเขารู้ดีว่าทำไมตระกูลจูเก่อถึงสามารถจัดการกับตระกูลฉินได้อย่างรวดเร็วและเฉียบขาดถึงเพียงนี้
หากจะโทษก็คงต้องโทษตัวเองที่ช้าไปหนึ่งก้าว !
ทางด้านตระกูลจูเก่อ
ชายชราผมขาวนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน แต่เขากลับไม่รู้สึกอ่อนเพลียเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของเขาแดงระเรื่อ ปากของเขาไม่อาจหุบยิ้มลงได้
“คุณปู่ การเตรียมการทั้งหมดเริ่มดำเนินการแล้ว ครั้งนี้ ตระกูลใหญ่ในซีสู่ทั้งหมดจะต้องตกใจจนอ้าปากค้างแน่นอน” จูเก่อชิงกล่าวรายงานด้วยรอยยิ้ม
ชายชราผมขาวยิ้มแล้วพูดว่า : “ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามโชคชะตา ตระกูลจูเก่อของเรามีประวัติศาสตร์อยู่ในซีสู่มายาวนาน อยู่อย่างสมถะ คนเหล่านั้นคิดว่าผู้กล้าจะต้องมาทีหลัง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าอันที่จริงแล้ว ตระกูลจูเก่อของเรา มีความทะเยอทะยานมาช้านาน”
“สิ่งที่ปู่ต้องการก็คือปกติแล้วไม่ทำตัวให้โดดเด่น แต่เมื่อไหร่ที่แสดงตัวออกมาก็สามารถทำให้คนอื่นประหลาดใจได้ทันที !”
“คุณปู่พูดถูก ตระกูลจูเก่อมีประวัติที่สืบทอดกันมาช้านาน ขาดก็เพียงแค่โอกาสเท่านั้น และการปรากฏตัวของเฉินตงในครั้งนี้ ก็ถือเป็นโอกาสของตระกูลจูเก่อเรา ที่จะได้ขึ้นไปยืนอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดของซีสู่ !”
จูเก่อชิงกล่าวสนับสนุนด้วยรอยยิ้ม : “ขอเพียงแค่มีความทะเยอทะยานและความปรารถนาอันแรงกล้า ! ตอนนี้คนเหล่านั้นคงทำได้เพียงแค่มองตาค้างเท่านั้น”
“ฮ่าๆๆ……ชิงเอ๋อ หลานรีบติดต่อเฉินตงเร็วเข้า วันนี้ปู่จะจัดงานเลี้ยงฉลองขึ้นที่บ้าน และจะเชิญเฉินตงมาเป็นแขกคนสำคัญของงาน !”
ชายชรายิ้มและโบกมือสั่ง
คุณเฉิน ? !
จูเก่อชิงรู้สึกตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินคุณปู่เรียกคนอื่นด้วยความเคารพเช่นนี้
ถึงแม้ฐานะของตระกูลจูเก่อในซีสู่ ไม่อาจยิ่งใหญ่เทียบกับตระกูลฉินได้
แต่ในฐานะที่เป็นตระกูลร่ำรวยและมีภูมิหลังที่ยาวนาน ทำให้มีความมั่นใจแทรกซึมอยู่ภายในกระดูก
ในฐานะที่คุณปู่เป็นเจ้าบ้าน น้อยนักที่เขาจะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างสุภาพและให้เกียรติเช่นนี้
อีกไปกว่านั้น เป็นการปฏิบัติต่อเด็กหนุ่มวัยเพียงยี่สิบกว่าๆ ด้วยแล้ว
“คุณปู่ ผมจะไปเดี๋ยวนี้ครับ” จูเก่อชิงรับคำสั่งแล้วจากไป
คฤหาสน์สู่ซาน
พระอาทิตย์ยามเช้าส่องแสงสว่างสดใส ลมในฤดูใบไม้ผลิพัดมา
เช้าตรู่
เฉินตงนั่งอยู่ที่ระเบียงเงียบๆ แล้วทอดสายตาออกไปมองบรรยากาศโดยรอบของคฤหาสน์สู่ซาน
ที่ขอบฟ้าไกลๆ มีแสงของพระอาทิตย์โผล่พ้นขอบฟ้า ดูราวกับสีของเลือด
เขาลูบจมูกแล้วยิ้มออกมา : “ดูเหมือนว่าวันนี้ซีสู่คงจะสงบได้ยาก”
ถึงแม้เขาจะ “มีเมตตา” ต่อตระกูลฉิน แต่ข่าวเรื่องที่ฉินเห้อเหนียนแบกศพกลับตระกูลฉินไปในตอนกลางคืน คงพอจะทำให้ซีสู่เกิดความปั่นป่วนได้ไม่น้อย
ต่อให้ตระกูลฉินไม่ได้ตกต่ำลง แต่ก็ไม่อาจต้านทานความโลภและความต้องการที่จะเข้ายึดครองของตระกูลใหญ่ตระกูลอื่นๆ ได้
แต่ทว่า เขาได้ตัดสินใจร่วมมือกับตระกูลจูเก่อแล้ว ดังนั้นความปั่นป่วนในซีสู่คงไม่เกิดขึ้นนานนัก
ก๊อกๆ !
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เข้ามา” เฉินตงพูด
ฉินเย่ คุนหลุนและเสี่ยวเชียนเดินเข้ามาข้างในพร้อมกัน
“พี่ตง ท้องฟ้าของซีสู่เปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้บรรดาตระกูลใหญ่ต่างกำลังรีบดำเนินการ ตระกูลจูเก่อออกนำตระกูลอื่นๆ ไปก่อน” ฉินเย่พูดด้วยรอยยิ้ม
คุนหลุนสีหน้าเรียบเฉย
กลับเป็นเสี่ยวเชียน เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉินเย่เล่า สีหน้าก็ดูซับซ้อนขึ้นมาทันที เธอหันไปมองฉินเย่ เหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่สุดท้ายก็ไม่พูด
“อืม รอให้ตระกูลฉินส่งสัญญาณการถือหุ้นมาให้เรียบร้อยแล้ว เมื่อลงนามเสร็จสิ้น เรื่องทุกอย่างก็จะสิ้นสุดลง พวกเราเองก็สามารถเดินทางกลับได้แล้ว”
เฉินตงพยักหน้า
“แต่ว่า ฉันไม่เข้าใจอะไรนิดหน่อย ทำไมครั้งนี้นายถึงยอมยื่นเนื้อชิ้นโตให้ตระกูลจูเก่อฟรีๆ แบบนี้ ?” ฉินเย่รู้สึกสงสัย
หลังจากการเจรจาเพียงชั่วระยะเวลาสั้นๆ ก็ร่วมมือกันโดยไม่มีการตกลงพูดคุยเลยแม้แต่น้อย
แต่กลับมีส่วนทำให้ตระกูลจูเก่อได้ก้าวขึ้นไปอยู่ในตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดได้
ที่สำคัญก็คือ เนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ เฉินตงกลับยกให้ฟรีๆ โดยไม่มีอะไรตอบแทนแม้แต่น้อย
“ตอนฉันอยู่ในคุกมืดได้เรียนรู้เรื่องราวมาอย่างหนึ่ง”
เฉินตงยิ้มออกมาอย่างสดใสแล้วหันไปมองคุนหลุน : “คุนหลุน นายเองก็ออกมาจากที่นั่น คงจะเข้าใจกฎเรื่องปลาใหญ่กินปลาเล็กดีใช่ไหม ?”
แววตาของคุนหลุนสั่นไหว และเขาก็ตระหนักขึ้นมาได้ในทันที
เขายิ้มแล้วพูดว่า : “กฎของปลาใหญ่กินปลาเล็ก ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าก็จะจัดการกับผู้ที่อ่อนแอกว่า แต่เมื่อไหร่ที่ยังไม่สามารถออกจากคุกแล้วกลายเป็นหมาป่าได้ แต่กลับทำตัวโดดเด่นเกินไป เมื่อนั้นก็จะกลายเป็นเป้าหมายที่ถูกรุมโจมตี”
เฉินตงหันมองฉินเย่ด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง : “ตอนนี้เข้าใจหรือยัง ?”
ตอนที่อยู่ในคุกมืด ถ้าไม่ใช่เพราะระยะเวลาหนึ่งเดือนสั้นๆ เขาต้องต่อสู้เอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่ง บวกกับการได้รับความช่วยเหลือจากป่าและเฉินเต้าจูน
ไม่แน่ว่าจุดจบของเขาในตอนนี้ อาจไม่ต่างกับที่คุนหลุนพูดเอาไว้มากนัก
นี่เป็นสิ่งที่เขามองออกตั้งแต่ครั้งแรกที่พ่ายแพ้ให้กับหมียักษ์
“นายให้ตระกูลจูเก่อขึ้นนั่งในตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดเพื่อออกรับแทนนาย และลดผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการลงมือกับตระกูลฉิน ?” ฉินเย่เข้าใจในทันที
เฉินตงยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร
ถ้าไม่ใช่เพื่อลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้น ทำไมจู่ๆ มีหรือที่เขาจะยอมยกเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้ให้กับตระกูลจูเก่อฟรีๆ ได้ ?
ถึงแม้ความแข็งแกร่งของเขาในตอนนี้ จะสามารถอาศัยอำนาจของตระกูลเฉินได้ และสามารถกดหัวของตระกูลฉินไม่ให้ลืมตาอ้าปากได้ รวมไปถึงบีบบังคับให้คุณท่านใหญ่ตระกูลฉินยอมตาย แต่ก็ยังไม่อาจทำตัวให้โดดเด่นเกินไปได้
เฉินตงเข้าในเหตุผลง่ายๆ ที่ผ่านมาข้อนี้ดี
การดำรงอยู่ของตระกูลที่คล้ายคลึงกับตระกูลฉินในประเทศนี้ มีมากมายจนมือทั้งสองข้างของเขาคงนับไม่ถ้วน
อีกทั้งครั้งนี้ที่เขาสามารถอาศัยอำนาจของตระกูลเฉินได้ เป็นเพราะการตายของแม่กระทบกระเทือนถึงความรู้สึกของพ่อ ดังนั้นพ่อจึงจัดการกับคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น
หากเขาทำตัวให้โดดเด่นเกินไป เขาเองก็รู้ว่าต่อไปจะมีโอกาสพึ่งพาอำนาจของตระกูลเฉินได้อีกกี่ครั้ง
ก๊อกๆ !
ตอนนี้เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง
“คุณชาย คนของตระกูลฉินมาแล้วครับ” เสียงของ เฉินทงดังขึ้นด้านนอก
มาแล้ว !
เฉินตงค่อยๆ ลุกขึ้น แล้วเหลือบไปมองทุกคน : “ไม่กันเถอะ จัดการเรื่องนี้เสร็จแล้ว จะได้เดินทางกลับกัน”
ขณะที่ฉินเย่กำลังจะเดินตามไป กลับถูกฉินเสี่ยวเชียนดึงเอาไว้เงียบๆ
“พี่เย่ พวกเราทำเช่นนี้ เป็นการทรยศต่อตระกูลฉินหรือเปล่า เป็นการอกตัญญูหรือไม่ ?”
ฉินเย่ผงะไป เขาลูกหัวฉินเสี่ยวเชียนด้วยความเอ็นดู แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน : “เด็กโง่ มีพี่เย่อยู่ทั้งคน ต่อให้เป็นการทรยศหักหลัง ก็เป็นฝีมือของพี่เย่เอง ไม่เกี่ยวอะไรกับเธอ”