The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 336 สามวัน

บทที่ 336 สามวัน

เขาคือใคร ?

เฉินตงหันมองชายที่พันผ้าและวิ่งหนีไปด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง

คนที่สามารถต้านการโจมตีของเฉินเต้าจูนได้ ซ้ำยังทำให้เฉินเต้าจูนยิ้มและยอมปล่อยเขาหนีไปได้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน

หรือว่า……

จู่ๆ ก็เกิดความคิดขึ้นมาในหัวของเฉินตง

เมื่อหันไปมองเฉินเต้าจูน เขาก็ไม่ได้เอ่ยถามอะไรมาก แต่กลับพูดขึ้นว่า : “คุณลุง กลับบ้านกันเถอะครับ”

“ดี!”

เฉินเต้าจูนพยักหน้า จากนั้นจึงหันมองหลุมศพของหลี่หลาน : “ไปคำนับแม่ของนายสามครั้ง ในเมื่อมากราวไหว้ก็ควรทำตามประเพณี”

ระหว่างทางกลับไปยังคลับสี่ยิ่นนั้น ขบวนรถยังคงยิ่งใหญ่

แต่ที่ต่างออกไปจากตอนมาก็คือ

เฉินตงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าจะเกิดความรู้สึกอะไรขึ้นอีกหรือไม่

ตอนนี้ในหัวของเขามีแต่ภาพของชายที่พันผ้าเมื่อครู่

คนที่สามารถหนีเอาชีวิตรอดต่อหน้าคุณลุงไปได้ ในบรรดานักฆ่า คงจะมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น ?

ยิวหมิน !

หลังจากคิดเรื่องนี้ออกแล้ว เฉินตงก็รู้สึกกลัวจนขนลุกขึ้นมาทันที

นักฆ่าอันดับที่ 10 ในอันดับยมราชคนนี้ มาเร็วขนาดนี้เลยหรือ !

หากไม่มีการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของเฉินเต้าจูน เกรงว่าต่อให้เขาหลบซ่อนตัวอยู่ในคลับสี่ยิ่น ก็คงต้องเผชิญหน้ากับยิงหมินอย่างรวดเร็ว !

ถึงตอนนั้น คงจะเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง

“คุณเฉิน คนเมื่อครู่น่าจะเป็นยิวหมิน”

จู่ๆ ฟ่านลู่ก็เอ่ยขึ้นมา ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงัดภายในรถ

เฉินตงพยักหน้า จากนั้นจึงหันมองเฉินเต้าจูน : “คุณลุง หากคุณลุงต้องต่อสู้กับชายคนเมื่อครู่จริงๆ ใครแข็งแกร่งใครอ่อนแอ ?”

การปะทะเมื่อครู่เพียงเล็กน้อย

ตัดสินได้ยากว่าใครแข็งแกร่งกว่าใคร

“นายลองทายดูสิ?”

เฉินเต้าจูนหัวเราะร่าออกมา

เฉินตงเงียบไป

ลังเลอยู่สักพัก ก็ขยับริมฝีปาก

ในที่สุด คำก็เก็บคำพูดที่คิดอยู่ในใจเอาไว้

เมื่อกลับไปถึงคลับสี่ยิ่น

เฉินตงให้ฉินเย่และจูเก่อชิงกลับออกไป เรื่องที่เกิดขึ้นรอบๆ สุสานของแม่ ยังท้องให้พวกเขาตามเก็บกวาด

จากนั้น เขาก็พาเฉินเต้าจูนเดินไปที่ลานป่าไผ่

ภายในลานขนาดเล็กที่เงียบสงบและสง่างาม

กู้ชิงหยิ่งกำลังเดินกลับไปกลับมาอยู่ภายในลาน ใบหน้าเต็มไปด้วยความร้อนใจและเป็นกังวล

คุนหลุนนั่งอยู่ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ แววตามืดมน เขามองกู้ชิงหยิ่งที่กำลังเดินไปเดินมาด้วยความรู้สึกผิด

หากตนเองไม่ได้รับบาดเจ็บ ตอนนี้คงจะสามารถคุ้มกันคุณชายได้

เอี๊ยด……

จู่ๆ ประตูลานก็ถูกผลักออก

กู้ชิงหยิ่งและคุนหลุนหันมองไปพร้อมกัน

เมื่อเห็นเฉินตง กู้ชิงหยิ่งก็รีบวิ่งเข้าไปหาทันที : “ในที่สุดคุณก็กลับมาแล้ว ฉันตกใจแทบแย่ !”

เฉินตงยิ้มอย่างอ่อนโยน : “ผมจะแนะนำให้คุณรู้จัก นี่คือลุงเต้าจูน”

“สวัสดีค่ะคุณลุง” กู้ชิงหยิ่งผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยิ้มออกมาพร้อมกล่าวทักทาย

“คุณลุง นี่คือภรรยาของผม กู้ชิงหยิ่ง” เฉินตงหันไปพูดกับเฉินเต้าจูน

เฉินเต้าจูนเลิกคิ้วแล้วยิ้ม : “นี่คือเหตุผลที่ตอนนั้นนายสู้ตาย เพื่อที่จะออกจากคุกมืดให้ได้อย่างนั้นเหรอ?”

เฉินตงผงะไป แล้วยิ้มออกมาโดยไม่พูดอะไร

แสดงออกว่ายอมรับ

เฉินเต้าจูนเหลือบมองกู้ชิงหยิ่ง แต่กลับทำให้กู้ชิงหยิ่งรู้สึกตกใจจนเอียงตัวไปแอบอยู่ข้างๆ เฉินตง

ไม่ต้องพูดถึงเวลาที่เฉินเต้าจูนยกแขนยกขา แม้กระทั่งเพียงส่งสายตา ก็ทำให้คนทั่วไปรู้สึกหวาดกลัวได้

“ดี สาวน้อย ไม่เลวเลย! ต่อไปจะต้องมีลูกชายได้แน่นอน !”

เฉินเต้าจูนหัวเราะเสียงดังออกมา จากนั้นจึงหยิบทับทิมขนาดเท่าลูกวอลนัทลูกเล็กๆ ออกมาจากหน้าอก : “เสี่ยวหยิ่ง ลุงมีโอกาสเจอหน้าเธอเป็นครั้งแรก ไม่มีอะไรจะให้ ถือว่าอัญมณีชิ้นนี้ เป็นของขวัญในการพบหน้ากันครั้งแรกก็แล้วกัน”

เมื่อทุกคนเห็นทับทิมที่ขนาดเท่าลูกวอลนัทลูกเล็ก ๆ ต่างก็ตกตะลึง

เดิมทีทับทิมเป็นอัญมณีที่หายากอยู่แล้ว โดยเฉพาะทับทิมที่ขนาดใหญ่เช่นนี้ !

แม้แต่ตระกูลของกู้ชิงหยิ่งเอง ก็ไม่เคยพบเห็นมาก่อน

“คุณลุงคะ นี่ นี่มันมีค่ามากเกินไป หนูรับเอาไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” กู้ชิงหยิ่งรีบปฏิเสธ

ทับทิมเม็ดนี้ ถือเป็นอัญมณีที่ประเมินค่าไม่ได้ !

เฉินตงเองก็รีบพูดขึ้นว่า : “คุณลุงครับ นี่มันมีค่ามากเกินไปจริงๆ”

“มีค่าอะไรกัน? คนตระกูลเฉินของฉัน แม้กระทั่งให้ของขวัญในการพบหน้า ก็ยังทำให้เสี่ยวหยิ่งต้องลำบากใจอย่างนั้นเหรอ?”

เฉินเต้าจูนนำทับทิมสีแดงใส่ไว้ในมือของกู้ชิงหยิ่ง : “ทับทิมเม็ดนี้ ตอนนั้นฉันแกะออกมาจากมงกุฎของฟาโรห์อียิปต์”

คำพูดที่น่าตกใจนี้

ทำให้พวกของเฉินตงต่างทำตัวไม่ถูก

แกะมาจากมงกุฎของฟาโรห์ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมตอนนี้ถึงหาไม่ได้ในท้องตลาด

เดี๋ยวก่อนนะ !

เฉินตงและกู้ชิงหยิ่งตกตะลึงไปพร้อมกัน

พวกเขาหันมองหน้ากัน ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งซีดเผือด แววตาเต็มไปด้วยความสับสน

แกะมาจากมงกุฎของฟาโรห์ นั่นหมายความว่านำออกมาจากพีระมิดอย่างนั้นเหรอ?

ทันใดนั้น กูชิงหยิ่งรู้ว่าตนเองควรจะตื่นเต้นหรือควรจะกลัวดี ?

เฉินเต้าจูนไม่ได้ใส่ใจ ก็เดินเข้าไปหาคุนหลุนซึ่งกำลังนั่งอยู่บนรถเข็น

ตอนที่คุนหลุนเห็นเฉินเต้าจูน เขาก็ได้สติขึ้นมาทันที

รอจนกระทั่งเฉินเต้าจูนเดินเข้ามาถึงตรงหน้า ในที่สุดเขาก็ตั้งสติกลับมาได

“ผู้อาวุโส”

เฉินเต้าจูนมองดูคุนหลุนด้วยท่าทีเรียบเฉย หลังจากนั้นไม่กี่วินาที จู่ๆ เขาก็ก่นด่าออกมาอย่างเย้ยหยัน : “สิบปีแล้ว ไม่มีอะไรพัฒนาเลยแม้แต่น้อย นายมันไร้ประโยชน์”

คุนหลุนหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง และรู้สึกเขินเล็กน้อย แต่กลับไม่ได้โต้แย้ง

หากคนอื่นว่าเขาไร้ประโยชน์ เขาไม่มีทางยอมรับเด็ดขาด

นี่เป็นความภาคภูมิใจในตัวเองของเขา ในฐานะที่เป็นราชาแห่งทหารรับจ้างในสนามรบ

แต่เมื่อคำพูดนี้ออกมาจากปากของเฉินเต้าจูน เขาไม่มีมีสิทธิ์ที่จะโต้แย้ง

ครุ่นคิดอยู่สักครู่ คุนหลุนก็พูดขึ้นว่า : “ทำไมจู่ๆ ผู้อาวุโสถึงออกมาจากคุกมืดล่ะครับ ?”

เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเฉินเต้าจูนถึงออกมาจากคุกมืดได้

เพราะคุนหลุนรู้ดีว่า ในคุกมืดไม่มีใครสามารถรั้งเฉินเต้าจูนเอาไว้ได้

“ยี่สิบกว่าปีมาแล้ว ออกมาดูโลกภายนอกสักหน่อย”

เฉินเต้าจูนยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

“โลกภายนอก?” คุนหลุนขมวดคิ้วแล้วใช้ความคิด

เฉินเต้าจูนยิ้มออกมาอย่างร่าเริง : “โลกภายนอก……เปลี่ยนไปแล้ว”

ทั้งสองพูดคุยกัน และจบบทสนทนาลงด้วยคำพูดประโยคนี้

เฉินตงฟังบทสนทนาสั้นๆ นี้ ก็รู้สึกว่าคำพูดของเฉินเต้าจูนนั้นมีนัย

ยิ่งไปกว่านั้น การที่เฉินเต้าจูนรีบออกมาจากคุกมืดในเวลานี้ ถือเป็นเรื่องที่ไม่อาจเข้าใจได้จริงๆ

เฉินตงสูดหายใจเข้าเต็มปอดหนึ่งครั้ง จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาเฉินเต้าจูน ในที่สุดก็พูดคำพูดที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจเมื่อครู่ออกมา

“คุณลุงครับ การออกมาครั้งนี้ จะพออยู่เป็นเพื่อนหลานที่นี่สักระยะได้ไหมครับ? “

ความสามารถของเฉินเต้าจูน แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเมื่อครู่แล้ว

หากมีเขาอยู่ เฉินตงก็จะสามารถนอนหลับได้สนิทเสียที

ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ยิวหมินเดินทางมาถึงเมืองนี้แล้ว ถ้าหากเฉินเต้าจูนไปจากที่นี่ตอนนี้ สำหรับเฉินตงแล้ว ยิวหมินก็เป็นเหมือนดาบอันแหลมคมที่เขาไม่อาจหนีพ้นได้

“สามวัน!”

เฉินเต้าจูนชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว : “จะอยู่แค่สามวัน หลังจากพ้นสามวันไปแล้ว ฉันก็จะไป ไม่ง่ายที่จะได้ออกมาสักครั้ง จะให้หมกตัวอยู่แต่ที่นี่ก็คงไม่ได้”

พูดจบ เขาก็ไม่สนใจเฉินตงอีก แต่หันกลับไปพูดกับท่านหลงว่า

“เจ้าแก่หลง ส่งข้อความไปให้ คนไร้ประโยชน์ เฉินเต้าหลินคนนั้นหน่อยว่า ให้เขารีบจัดการให้เรียบร้อย เป็นถึงเจ้าบ้านตระกูลเฉิน เรื่องแค่นี้ก็ยังจัดการไม่ได้ นี่ไม่เท่ากับว่ากินเปลืองข้าวสุกหรอกเหรอ?”

ทั้งหยิ่งทะนง และเด็ดขาด มาอาจหาใครเทียบได้

คำพูดแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่ให้ความเคารพเฉินเต้าหลินเลยแม้แต่น้อย

หากคำพูดนี้แพร่งพรายออกไป คงจะทำให้เจ้าบ้านของตระกูลมั่งคั่งทุกตระกูล ต้องตกใจจนอ้าปากค้างอย่างแน่นอน

ท่านหลงหัวเราะออกมาอย่างเก้อเขิน : “กระผมทราบแล้วครับ”

……

หลังจากที่เฉินตงและเฉินเต้าจูนกลับถึงคลับสี่ยิ่น

ข่าวก็แพร่ออกไปถึงหูบรรดาตระกูลมั่งคั่ง ที่กำลังให้ความสนใจกับเรื่องนี้อยู่อย่างรวดเร็ว

หลังจากที่รู้ว่าคนที่เฉินตงยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อที่จะไปเจอคือเฉินเต้าจูน

มีทั้งคนที่รู้สึกหวาดกลัว มีทั้งคนที่รู้สึกตกตะลึง และมีคนที่ไม่รู้จักเฉินเต้าจูนรู้สึกงุนงง……

หนึ่งในคนที่รู้สึกงุนงงอยู่ก็คือหลี่เต๋อซาน

หลี่เต๋อซานนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยความสงสัย

“เฉินเต้าจูน……คือใครกัน?”

หากคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ยังมีชีวิตอยู่ เมื่อได้ยินคำพูดนี้คงจะต้องตีเขาจนขาหักอย่างแน่นอน

แต่ตอนนี้ตระกูลหลี่อยู่ในการดูแลของหลี่เต๋อซาน

เหมือนกับที่เฉินเต้าจูนพูดเอาไว้จริงๆ บนโลกนี้ไม่มีตำนานของเขาเล่าขานมากว่ายี่สิบปีแล้ว

หลี่เต๋อซานไม่รู้จักเขา ก็ถือเป็นเรื่องปกติ

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท