ท่านหลงชะงัก
เมื่อสบตากับเฉินตงตอนนี้ เขารู้สึกราวกับเผชิญหน้าอยู่กับสัตว์กระหายเลือด
ใจเต้นระรัวราวกับจะทะลุออกมาจากอก
แม้ว่าเขาจะเป็นคนที่หนักแน่น แต่ก็ยังยากที่จะสงบนิ่งเอาไว้ได้
“คุณชายกลับไปที่ตระกูลเฉินไม่ได้อย่างเด็ดขาด”
คุนหลุนเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นนิ่งสงบ ยากที่ใครจะโต้แย้ง
“นายก็จะขวางฉันรึ?”
ดวงตาแดงฉานของเฉินตงจ้องตรงไปที่คุนหลุน เขาแยกเขี้ยวใส่อย่างน่าสยดสยอง
คุนหลุนขมวดคิ้วแน่น เขามีฝีมือในการต่อสู้ เคยหนีตายออกมาจากกองร่างไร้วิญญาณนองเลือดมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเฉินตงเวลานี้กลับทำให้หัวใจของเขายังคงเต้นแรง
เขากัดฟันแน่น คุนหลุนตัดสินใจแน่วแน่ “ตอนนี้คุณท่านเป็นตายอย่างไรยังคาดเดาไม่ได้ ตอนนี้ตระกูลเฉินมีคลื่นใต้น้ำ ถ้าคุณชายไปตอนนี้จะกลายเป็นเป้าโจมตีทันที ไม่ใช่การเคลื่อนไหวที่ฉลาดเลย”
“ให้ตายห่ายังไงฉันก็ต้องไปหาพ่อ!”
เฉินตงแผดเสียง ดวงตาแดงก่ำ เขากัดฟันเอ่ยว่า “ใครขวาง ถือว่าเป็นศัตรู!”
เมื่อเอ่ยจบ เขาก็ผลักทุกคนออกและมุ่งหน้าออกไปด้านนอก
แต่ในตอนนั้นเอง
เงาร่างสตรีได้ปรากฏตัวออกมาเบื้องหน้าเขาแล้วขวางทางเอาไว้
เฉินตงผู้กำลังคลุ้มคลั่ง ตัวแข็งทื่อ
เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งที่อยู่ตรงหน้าตน เขาจึงเอ่ยเสียงสั่น “ปล่อยผมไป”
เพี๊ยะ!
สีหน้าของกู้ชิงหยิ่งไร้ความรู้สึก แล้วยกมือตบหน้าเฉินตงอย่างไร้ความปราณี
เสียงแข็งกระด้างดังก้องขึ้น “ได้สติแล้วรึยัง”
ใบหน้าของเฉินตงปรากฏรอยนิ้วมือขึ้น เขากัดฟันมองกู้ชิงหยิ่งที่อยู่เบื้องหน้าไม่พูดจา
เพี๊ยะ!
กู้ชิงหยิ่งลงมืออีกครั้งอย่างไม่ย่อถอย
“ฉันจะถามอีกที ตอนนี้ได้สติแล้วรึยัง”
ท่านหลงและคนอื่นๆ ต่างบึ้งใบ้ไปตามๆ กัน
ที่ผ่านมา ภาพลักษณ์ของกู้ชิงหยิ่งในสายตาของพวกเขาคือผู้หญิงที่อ่อนโยน เข้าอกเข้าใจผู้อื่น ไม่เคยมีใครเห็นเธอดุดันเช่นนี้มาก่อน
คุนหลุนกับฉินเย่ตั้งท่าจะเข้าไปขวาง
แต่ท่านหลงกลับส่งสัญญาณห้ามเอาไว้
สำหรับท่านหลงแล้ว เมื่อเห็นกู้ชิงหยิ่งกลับอดรู้สึกชื่นชมอย่างมากจนยิ้มออกมา
คุณชายได้ภรรยาเช่นนี้นับว่าโชคดีนัก!
คนเป็นภรรยา ไม่เพียงต้องคอยสนับสนุนสามียามลำบากเท่านั้น แต่ช่วงเวลาสำคัญต้องคอยตักเตือนสามีและยับยั้งความผลีผลามของสามีลงให้ได้
และตอนนี้ กู้ชิงหยิ่งเป็นเช่นนั้น
เพี๊ยะๆๆ!
ใบหน้าของกู้ชิงหยิ่งซีดขาว ดวงตาคู่งามของเธอเบิกกว้าง เธอใช้มือขวาของเธอกระหน่ำลงใบหน้าของเฉินตง
เธอตบหน้าเขารวดเดียวสามครั้ง
เธอกัดฟันเอาไว้แน่น แล้วเอ่ยเสียงลอดไรฟันออกมาว่า “ฉันไม่อนุญาตให้คุณไป! ถ้าคุณยังคลุ้มคลั่งขนาดนี้ ฉันจะตบจนกว่าคุณจะได้สติ”
“หึหึ!”
เฉินตงหัวเราะออกมา ใบหน้าของเขามีเพียงเจ็บปวดที่เขาไม่ใส่ใจ
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับกู้ชิงหยิ่ง เขาไม่สามารถแสดงออกเช่นเดียวกับที่ทำกับท่านหลงและคนอื่นๆ ได้
ไม่ว่าเขาจะรู้สึกเดือดพล่านเพียงใด ในตอนนี้ เขาจำต้องคอตกและถอยหลังไป
“ท่านหลง คุนหลุน รีบไปซะ!”
น้ำเสียงของเขาหนักแน่น แต่เห็นชัดว่าไม่เต็มใจ
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ต่างพากันโล่งอก
“ขอบคุณคุณนายน้อยมากครับ!” ท่านหลงหันไปทำท่าประสานมือคารวะให้กู้ชิงหยิ่ง จากนั้นจึงพาคุนหลุนวิ่งออกไปทันที
ภายในห้อง
ฉินเย่ ฉินเสี่ยวเชียน กูหลังและฟ่านลู่ยังคงยืนอยู่อีกด้าน
ทุกคนต่างสบตากันอย่างเลิ่กลั่ก และพากันมองไปที่กู้ชิงหยิ่งราวกับยังคงไม่ชินกับภาพดุดันของกู้ชิงหยิ่งเมื่อครู่นี้
“แบบนี้ โอเคแล้วใช่ไหม”
เฉินตงมองกู้ชิงหยิ่งด้วยดวงตาแดงก่ำ เขายิ้มอย่างขมขื่นก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้
เขานั่งหลังงอ เอาศอกเท้าบนเข่าและประสานมือทั้งสองเข้าด้วยกันอยู่ด้านหน้าตนพลางกัดเล็บมือ แววตาเลื่อนลอย
กู้ชิงหยิ่งรู้สึกสงสารจับใจ ตอนนั้นเองสีหน้าแข็งกร้าวของเธอจึงปรากฏความลังเล
เธอเข้าใจเฉินตง
มีเพียงช่วงเวลาว้าวุ่นและทุกข์ใจถึงที่สุดเท่านั้นที่เขาจะกัดเล็บ
แต่เธอก็เอ่ยออกไปอย่างไม่ลังเลว่า “พี่เสี่ยวลู่กับกูหลังช่วยเฝ้าประตูไว้ได้ไหมคะ ห้ามเฉินตงออกไปอย่างเด็ดขาด”
น้ำเสียงเด็ดขาดเช่นนี้ ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่กล้าโต้แย้ง
ในช่วงเวลานี้ ท่าทางที่น่าเกรงขามของกู้ชิงหยิ่งทำให้ทุกคนไม่กล้าต่อคำ
ฟ่านลู่กับกูหลังรีบรุดไปยังประตู และหันมาปิดประตูห้องรับแขก
กู้ชิงหยิ่งเดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเฉินตง ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอสั่นไหว
“ฉันไม่สนใจว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ แต่คุณต้องฟังฉันเรื่องนี้ และก็ต้องฟังท่านหลงกับคุนหลุนด้วย!”
“คุณเป็นเสาหลักของบ้าน คุณจะบุ่มบ่ามไม่ได้และห้ามเป็นอะไรไปเด็ดขาด ถ้าเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรขึ้น คุณจะต้องเป็นคนจัดการต่อ ดังนั้นจะผลีผลามไปเป็นเป้าที่ตระกูลเฉินแบบนี้ไม่ได้!”
น้ำเสียงของเธอเฉียบขาด
เฉินตงหยุดกัดเล็บแล้วเงยหน้ามองกู้ชิงหยิ่งอย่างอาลัยตายอยาก “แต่นั่นคือพ่อผมนะ”
“เขาก็เป็นพ่อฉันเหมือนกัน!”
กู้ชิงหยิ่งเสียงแข็ง ใบหน้าของเธอเคลือบความเห็นใจ “แต่ตอนนี้คุณมีฉัน และยังมีลูกในท้อง ถ้าคุณไม่ใจเย็นเอาแต่ใจร้อนแบบนี้ ฉันกับลูกและคนที่เหลือจะทำยังไง?”
เฉินตงเลื่อนลอย
จิตใจที่คลุ้มคลั่งของเขาเริ่มสงบลง
เหม่อลอยอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงพยักหน้า “ขอบคุณนะ”
กู้ชิงหยิ่งผ่อนคลายลง เธอเดินเข้าไปหาเฉินตงแล้วโอบศีรษะของเขาเอาไว้
เมื่อศีรษะของเฉินตงอยู่บนท้องของเธอ เธอจึงเอ่ยอย่างนุ่มนวล “คุณเป็นเด็กดีหน่อยได้ไหม”
เฉินตงไม่ตอบ ดวงตาของเขายังคงเป็นสีแดง
ช่วงเวลาที่เขาเงียบไป มือทั้งสองของเขากำหมัดแน่นจนหลังมือปรากฏเส้นเลือดปูดออกมา
แต่เพื่อให้กู้ชิงหยิ่งสบายใจ เขาจำเป็นต้องพยักหน้าเพื่อตอบรับเธอ
ฉินเย่กับฉินเสี่ยวเชียนเหม่อมองภาพเหตุการณ์นี้อยู่เงียบๆ
ฉินเย่ยิ้มแล้วกระซิบว่า “เป็นอย่างที่เขาว่ากันว่า ของอย่างหนึ่งย่อมพิชิตอีกอย่างหนึ่งได้”
ไม่นานนัก เสียงใบพัดหมุนของเฮลิคอปเตอร์ก็ดังเข้ามาจากทางสนามด้านนอก
แรงสั่นที่รุนแรงทำให้เกิดลมพัดมากระทบประตูไม้ดังตึกๆ
ไม่นานนัก เสียงคำรามก็เบาลง
เฉินตงออกมาจากอ้อมอกของกู้ชิงหยิ่ง อารมณ์ของเขาตอนนั้นเริ่มสงบนิ่งลงแล้ว
เขาเอ่ยด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความหวัง “จะต้องไปให้ทัน”
เขาบีบโทรศัพท์แน่นโดยไม่รู้ตัว แต่สุดท้ายก็คลายมือออก
มือถือของพ่อตกอยู่ในมือของคนผู้นั้นแล้ว ต่อให้โทรไปกี่สายก็ไม่มีทางติดต่อพ่อได้
ตอนนี้สิ่งที่เขาปรารถนาคือขอให้พ่อปลอดภัย
เขาเสียแม่ไปแล้ว เขาไม่สามารถเสียพ่อไปได้อีกแล้ว
หากเป็นอย่างนั้นชีวิตที่ไร้พ่อแม่ก็จะเหลือเพียงปลายทางเท่านั้น
แล้วเป้าหมายที่เขาพยายามทำอย่างหนักจะมีประโยชน์อะไร?
ในเวลาเดียวกัน ในใจของเฉินตงก็มีความละอายใจผุดออกมา นัยน์ตาของเขาร้อนระอุ จมูกของเขาชา
เพราะถ้าองค์กร Hidden Killers ไม่ตามฆ่าเขา พ่อคงไม่สั่งให้การ์ดที่มีฝีมือของตนมาคอยปกป้องเขาแบบนี้
ใครเลยจะรู้ว่ากลุ่มอำนาจนั้นจะมีเป้าหมายที่แท้จริงคือพ่อของเขา หากไม่เอาเขามาบังหน้า กลุ่มอำนาจพวกนั้นคงไม่มีโอกาสลอบสังหารพ่อได้เลยด้วยซ้ำ
หรือกล่าวได้อีกอย่างว่า เพื่อปกป้องเขา พอยอมถอดเสื้อเกราะทุกชิ้นของตัวเองออกแล้วยอมต่อสู้อย่างไร้อาวุธ รับมือกับความอันตรายที่ไม่รู้ว่าจะเข้ามาจากตรงไหน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินตงรับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่ไร้เสียงของพ่อที่มีให้ตน
“จะต้องไปให้ทัน จะต้อง…”
เฉินตงกลับมามีท่าทางเช่นเดิม เขาสติล่องลอยและกัดเล็บอย่างวิตก
เมื่อนึกถึงเสียงที่อยู่ในโทรศัพท์ของพ่อ ความเชื่อมั่นของเขาก็ลดลงและรางเลือน
ดวงตาแดงก่ำของเขามองไปที่กู้ชิงหยิ่งแล้วเอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “ที่รัก จะทันจริงๆ ใช่ไหม”