เปรี้ยง !
ราวกับเสียงฟ้าผ่าดังก้องอยู่ในหู
ทุกคนต่างหันมองไปที่เฉินตงด้วยความตื่นตระหนก
เสียสติไปแล้วหรือ ?
เขากำลังเดิมพันว่าหลี่เต๋อซานไม่กล้ายิง ?
“คุณเฉิน !”
“คุณชาย !”
“พี่ตง !”
แทบจะในเวลาเดียวกัน พวกฉู่เจียนเจีย ท่านหลง และฉินเย่ ต่างอุทานออกมาพร้อมกัน
แต่เฉินตงกลับไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย
แต่กลับเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึม หรี่ตาลงจนเป็นเส้น กำลังแผ่รังสีของความอำมหิตออกมา
ตอนนี้ ท่าทีของเฉินตงเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
ตัวของเขาเป็นเหมือนดาบคมกริบที่ออกมาจากฝัก ดูน่าเกรงขามจนสยบทุกสิ่งเอาไว้ได้
จ้องเขม็งไปที่ปลายกระบอกปืนของหลี่เต๋อซาน พุ่งความสนใจทั้งหมดลงไปที่ตรงนั้น
ฝีเท้ายิ่งเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ !
หลี่เต๋อซานตกใจเป็นอย่างมาก หัวใจของเขาเต้นเร็วอย่างไม่อาจควบคุมได้
เมื่อเห็นเฉินตงที่เดินตรงเข้ามาตรงหน้า เขาก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นทันที
เจ้าสัตว์เดรัจฉานนี้ เสียสติถึงขั้นจะเข้าหัวเข้ามาจ่อที่ปืนเลยหรือ ?
บรรยากาศตึงเครียด
ทุกคนต่างตกใจกลัว ถึงขั้นมีผู้หญิงบางคนยกมือขึ้นมาปิดตา เพราะไม่กล้ามองดูภาพที่กำลังจะเกิดขึ้น
ในสายตาของพวกเขา เฉินตงเป็นเหมือนคนตายเรียบร้อยแล้ว
ภาพที่กระสุนปืนเจาะทะลุสมอง กระทบกระเทือนจิตใจยิ่งกว่าภาพการต่อสู้นองเลือดที่เกิดขึ้นเมื่อครู่มากนัก
“โง่จริงๆ ! ฉันมาหาแกก็เพื่อที่จะฆ่าแก แต่ตอนนี้แกกลับเดิมพันว่าฉันไม่กล้ายิงอย่างนั้นหรือ ?”
หลี่เต๋อซานระงับความตื่นตระหนกในใจเอาไว้ แล้วหัวเราะพลางพูดออกมาอย่างดุร้าย
“ถ้างั้นแกก็ยิงสิ !”
เฉินตงตะโกนดังสนั่น แววตาของเขาแผ่รังสีของความอำมหิตออกมา
ท่าทีน่าเกรงขามนี้ โอบล้อมทุกคนเอาไว้ ราวกับสายน้ำที่เชี่ยวกราก ทำให้ทุกคนรู้สึกสั่นสะท้าน
หลี่เต๋อซานไม่ทันได้ตั้งตัว เขาตกใจกับเสียงตะโกนที่ดังสนั่น จนสั่นไปทั้งตัว
“ตาย แกตายซะเถอะ !”
หลี่เต๋อซานตะโกนออกมาอย่างดุร้าย และรีบเหนี่ยวไกปืนด้วยมือขวาของเขา
ปัง !
เสียงปืนดังขึ้น จนก้องอยู่ในหู
เกิดเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวดังขึ้นทันที
ทุกคนรวมไปถึงคุนหลุนเอง ก็ปิดตาลงโดยไม่รู้ตัว
ในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน
ราวกับว่าท่าทางของเฉินตงจะยกระดับจนถึงขีดสุดในทันที ในช่วงจังหวะที่หลี่เต๋อซานยิงปืน เขาก็เอียงศีรษะหลบในทันใด
ลูกกระสุนที่ออกมาเฉียดหูของเขาไป ด้วยอุณหภูมิที่ร้อน ถึงขั้นเผาไหม้เส้นผมของเขาไปสองสามเส้น
ปัง !
ลูกกระสุนเจาะทะลุกำแพง
ทันใดนั้น
ตุบ !
เฉินตงฟาดท่อเหล็กในมือของเขาลงไปทันที
“อ้า !”
ปืนที่อยู่ในมือของหลี่เต๋อซานหล่นลงบนพื้น แขนของเขางอจนเสียรูป กระดูกสีขาวโพลนโผล่ทะลุผิวหนังออกมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและเจ็บปวด
เขามองเฉินตงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว ราวกับเห็นผี ความเจ็บปวดขนแขนด้านขวาของเขา เหมือนกับมีมีดจำนวนนับไม่ถ้วน ค่อยๆ กรีดลงไปอย่างแรงที่เส้นประสาทของเขาทุกเส้น
เขาทำได้อย่างไร ?
ตอนที่เสียงร้องโหยหวนของหลี่เต๋อซานดังก้องกังวาน
ทุกคนต่างรู้สึกตกใจ
คนที่ควรจะร้องโหยหวน ไม่ใช่เฉินตงหรอกหรือ ?
คุนหลุนลืมตาขึ้นเป็นคนแรก เมื่อเห็นภาพที่อยู่ตรงหน้า เขาก็ตกใจจนอ้าปากค้างทันที
คุณชาย……ทำได้อย่างไร ?
เขาเคยอยู่ในสนามรบ เป็นราชาของทหาร และเป็นนักฆ่าระดับพระกาฬ จึงเข้าใจอาวุธปืนเป็นอย่างดี
ภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ต่อให้เป็นเขาเองก็ยังมีโอกาสชนะได้น้อยมาก
แต่เฉินตงกลับทำได้ !
ความสามารถในการต่อสู้ของคุณชาย ไร้ขีดจำกัดอย่างนั้นหรือ ?
คำถามที่น่ากลัวผุดขึ้นมาในสมอง ทำให้คุนหลุนรู้สึกว่า ภาพที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าดูราวกับความฝัน
ในเวลาเดียวกันนี้
เมื่อทุกสายตาค่อยๆ จับจ้องไปที่เฉินตงและหลี่เต๋อซานใหม่อีกครั้ง
ก็เกิดเสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกันอย่างโกลาหล
ทุกคนต่างตกตะลึง
ภาพที่ปรากฏตรงหน้า ทำให้ทุกคนตั้งสติกลับมาได้ใหม่อีกครั้ง
ทำให้ทุกคนรู้สึกงุนงง ราวกับเห็นฟ้าผ่าตอนกลางวันแสกๆ
เมื่อครู่……เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ?
ทำไมคนที่รนหาที่ตายกลับไม่ตาย แต่คนที่จะฆ่าคนอื่นกลับมีสภาพเช่นนี้ ?
ตุบ !
เฉินตงทุบท่อเหล็กลงไปที่ขาซ้ายของหลี่เต๋อซานอย่างแรงอีกครั้ง
เสียงกระดูกหักดังเป๊าะ
หลังจากเสียงกรีดร้อง หลี่เต๋อซานก็ล้มลงไปนอนอยู่ที่พื้น
ทว่าตอนนี้ หลี่เต๋อซานรู้สึกหวาดกลัวจนถึงขีดสุด นอกจากส่งเสียงกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดแล้ว ก็ไม่หลงเหลือความเย่อหยิ่งอย่างเช่นตอนเผชิญหน้ากับทุกคนก่อนหน้านี้อีกเลย
ในสายตาของเขา เฉินตงดูราวกับผี เป็นความสยดสยองที่ยากจะพรรณนา
“คนที่โง่คือแกต่างหาก !”
เฉินตงก้มมองลงไป ราวกับกำลังมองดูคนที่กำลังรอความตาย “ฉันไม่ได้เป็นคนฆ่าคุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ คนอย่างฉัน เฉินตงไม่เคยลอบกัดใคร คนที่ต้องการฆ่า ก็จะฆ่าต่อหน้า ! ที่ตระกูลหลี่ต้องล่มสลาย เป็นเพราะน้ำมือของแก !”
“ไม่ ไม่ใช่แบบนี้ มันต้องไม่ใช่แบบนี้ !”
หลี่เต๋อซานดวงตาแดงก่ำ ในความหวาดกลัวก็แฝงไปด้วยความบ้าคลั่ง เขาส่ายหัวแล้วพูดโต้กลับว่า “เพราะแก เพราะแกนั่นแหละ ที่ตระกูลหลี่มีสภาพอย่างเช่นทุกวันนี้ ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของแก !”
ฉึบ !
ทันใดนั้นเอง มีแสงสะท้อนแวววาวออกมาจากเอวของหลี่เต๋อซาน
หลี่เต๋อซานดึงกริชออกมา แล้วพุ่งเข้าไปหาเฉินตงด้วยแววตาที่ดุดันราวกับสุนัขบ้า
เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจดังขึ้นอีกครั้ง
ตุบ !
เกิดเสียงดังขึ้นเบาๆ
หลี่เต๋อซานที่กำลังบ้าคลั่ง หยุดชะงักไปกะทันหันทันที
ใบหน้าที่เต็มใบด้วยความหวาดกลัวและบ้าคลั่งค่อยๆ จางหายไป แววตาก็ค่อยๆ ว่างเปล่า และสิ้นสติ
เลือดสีแดงสดไหลนองลงมาจากศีรษะของเขา จนอาบไปทั่วทั้งใบหน้าของเขา
หลี่เต๋อซานล้มลงไปนอนบนพื้นดังตุ้บ
แกร๊ง……
เฉินตงโยนท่อเหล็กลงบนพื้นอย่างไม่แยแส แล้วพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ตายไปก็ไม่น่าเสียดาย !”
หลังจากพูดจบ
เฉินตงก็ค่อยๆ เดินออกจากห้องจัดเลี้ยงไป
ภายในห้องจัดเลี้ยง ทุกคนต่างหันมองไปยังหลี่เต๋อซานที่นอนจมกองเลือดอยู่ ต่างก็รู้สึกกลัวจนเสียวสันหลังและขนลุก
ความกลัวแผ่ซ่านไปทั่ว
ไม่มีใครคาดคิดว่า ในที่สุด สถานการณ์ทุกอย่างจะถูกพลิกกลับโดยเฉินตง
ไม่มีใครสงสารหลี่เต๋อซาน มีเพียงแค่บางคนที่ตกใจว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเท่านั้น
“เจียนเจีย หยู่หลัน ตรงนี้ฝากให้เป็นหน้าที่ของพวกเธอแล้ว”
ท่านหลงตั้งสติได้ ก็หันไปกำชับกับฉู่เจียนเจียและจางหยู่หลันด้วยท่าทีที่สงบ
จากนั้นจึงประคองฉินเย่เดินออกไปด้านนอก
ตอนที่เดินผ่านคุนหลุน ท่านหลงพบว่าคุนหลุนยังคงนั่งใจลอย จึงได้พูดขึ้นว่า “มัวแต่อึ้งอะไรอยู่ คุณชายไปตั้งนานแล้วนะ”
แววตาของคุนหลุนสั่นคลอนเล็กน้อย จากนั้นจึงตั้งสติกลับมาได้
เขาในตอนนี้ ยังคงรู้สึกปั่นป่วนในใจ
เขาพูดออกมาด้วยความรู้สึกที่ยังคงหวาดกลัว “ขีดจำกัดของคุณชาย อยู่ที่ไหนกันแน่ ?”
“ขีดจำกัดอะไร ?” ท่านหลงถาม
“ความสามารถในการต่อสู้” คุนหลุนตอบ “เมื่อครู่คงจะเป็นคุณชายที่หลบลูกกระสุนอย่างฉับพลัน และพลิกสถานการณ์กลับมาโจมตีได้ นี่ นี่……อัตราความสำเร็จนี่ มันควรจะเป็น0 !”
“นายทำได้ไหม ?” ท่านหลงถามกลับหนึ่งประโยค
คุนหลุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วตอบกลับอย่างเคร่งขรึมว่า “มีโอกาสเพียงแค่ 1 %”
“นั่นก็หมายความว่าทำได้”
ท่านหลงพยักหน้า แล้วพูดออกมาด้วยแววตาที่ลึกซึ้ง “ใครก็ตามที่อยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง ขอแค่ไม่ยอมก้มหัวยอมแพ้ ก็สามารถต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดได้เสมอ”
“คุณไม่ตกใจหรือ ?”
คุนหลุนเดินตามท่านหลงไปพลาง เอ่ยถามไปพลาง
ท่านหลงยิ้มแหยออกมา “จะไม่ตกใจได้อย่างไร ภาพนี้ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องตกใจทั้งนั้น ต่อให้เป็นเต้าจูน เกรงว่าก็อาจตกใจจนอ้าปากค้างได้เช่นกัน”
หลังจากที่พวกของเฉินตงจากไป
การประชุมแลกเปลี่ยนด้านอุตสาหกรรมภาพยนตร์ในครั้งนี้ก็เสร็จสิ้นลงอย่างรวดเร็ว
แต่หลังจากบรรดาคนที่อยู่ในอาการหวาดกลัวและตื่นตกใจกลับออกไปจากงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ฉากที่ปรากฏอยู่ภายในห้องจัดเลี้ยง ดูราวกับพายุใหญ่ที่กวาดเมืองหลวงจนราบเป็นหน้ากลอง
เจ้าบ้านตระกูลหลี่สิ้นชื่อ
นี่เพียงพอที่จะทำให้เมืองหลวงต้องสั่นสะเทือน
เป็นที่รู้กันดีว่า ในช่วงที่ตระกูลหลี่ตกต่ำ มีตระกูลมั่งคั่งไม่น้อยที่กำลังแอบเฝ้าดูอยู่
การเสียชีวิตของเจ้าบ้านตระกูลหลี่ เท่ากับเป็นการประกาศว่าตระกูลหลี่ล่มสลายลงอย่างสมบูรณ์แล้ว
เมื่อข่าวแพร่สะพัดออกไปถึงหูของบรรดาตระกูลมั่งคั่งภายในเมืองหลวง
ทุกคนต่างตกตะลึง ถึงแม้จะเป็นเวลาใกล้เที่ยงคืนแล้ว
ทุกคนก็ไม่รู้สึกง่วงนอน เป็นที่แน่ชัดว่าคืนนี้ ทั้งเมืองหลวงจะไม่มีการหลับใหล