“ประธานโจว เรื่องจัดหาที่ดิน คุณเป็นมืออาชีพ คงไม่ต้องรบกวนผมหรอกมั้ง ?”
เฉินตงกล่าวอย่างงุนงง
โจวเย่นชิวโลดแล่นอยู่ในแวดวงห้างสรรพสินค้ามาหลายสิบปี ในเมืองนี้ มีเพียงธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่ก็ยังสามารถเทียบชั้นได้กับโจวจุนหลง ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์ ถึงขั้นสามารถเหยียบโจวจุนหลงจนไม่อาจลืมตาอ้าปากได้
ยอดฝีมือเช่นนี้ ไม่สามารถจัดหาที่ผืนเดียวได้ ?
โจวเย่นชิวลูบมืออย่างทำตัวไม่ถูก “ขอพูดตามตรง หากเป็นเมืองนี้ ผมคงคว้ามาไว้ในมือได้อย่างง่ายดาย แต่ที่ดินผืนนั้นอยู่ในเมืองหลิ่งตงที่อยู่ติดกัน หากผมซื้อมาก็คงเกิดปัญหาขึ้น”
เฉินตงไม่ได้สนใจ เขาโบกมือ “เรื่องนี้คุณไปคุยกับเสี่ยวหม่าและกูหลังที่ไท่ติ่งเถอะ พวกเขาจะร่วมมือกับคุณ”
“ขอบคุณครับคุณเฉิน !”
โจวเย่นชิวยินดีเป็นอย่างยิ่ง เขารีบพูดว่า “ขอบคุณคุณเฉินที่ช่วยเหลือ หากผมจัดหาที่ดินผืนนี้มาได้สำเร็จ ผมจะต้องตอบแทนอย่างเต็มที่แน่นอนครับ หากคุณเฉินไม่รังเกียจ จะร่วมพัฒนาด้วยกันผมก็ยินดี !”
“เอาล่ะ คุณไปเถอะ ผมจะต้องรีบไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาอีก”
เฉินตงโบกมือ จากนั้นจึงเดินนำท่านหลงและคุนหลุนไปยังลานป่าไผ่
“คุณชาย โจวเย่นชิวถึงขั้นเอ่ยปากให้ร่วมพัฒนาด้วยกัน ดูเหมือนว่าที่ดินผืนนี้น่าจะมีปัญหาจริงๆ” จู่ๆ ท่านหลงก็พูดขึ้นมา
“เสี่ยวหม่ากับกูหลังน่าจะจัดการได้”
เฉินตงพยักหน้า โจวเย่นชิวเป็นคนเช่นไรนั้น เขารู้ดี
ยอดฝีมือที่โลดแล่นอยู่ในวงการห้างสรรพสินค้ามาหลายสิบปี ไม่ว่ากลอุบายหรือวิธีการต่างก็อยู่ในระดับสูง
หาดที่ดินผืนนั้นสามารถจัดหาได้ง่ายๆ โจวเย่นชิวคงจะฮุบเอาไว้คนเดียวนานแล้ว
ตอนนี้ถึงขั้นเสนอให้พัฒนาร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นการแบ่งเนื้อชิ้นอร่อยที่อยู่ในปากออกมาให้ครึ่งหนึ่ง หากเขายอมสูญเสียเงินจำนวนนี้ได้ แสดงว่าต้องเป็นเรื่องที่เหนือความสามารถของตนเอง
ท่านหลงพยักหน้า และไม่พูดอะไรต่อ
เมื่อกลับไปถึงลานป่าไผ่
กู้ชิงหยิ่งและฟ่านลู่กำลังนั่งดื่มชาอยู่ในลาน
“กลับมาเร็วขนาดนี้เลยหรือคะ ทำไมคุณต้องทำให้ตัวเองเหนื่อยขนาดนี้ด้วย”
กู้ชิงหยิ่งกล่าวทักทายพร้อมกับบ่นมาหนึ่งประโยค
เฉินตงยิ้มเล็กน้อย “ไม่ใช่เพราะผมต้องการรีบกลับมาอยู่เป็นเพื่อนคุณหรอกหรือ ?”
“มีพี่เสี่ยวลู่อยู่ ยังจะต้องให้คุณอยู่เป็นเพื่อนอีกหรือยังไง ?”
กู้ชิงหยิ่งชูหมัดขวาขึ้น “ตอนนี้คุณจะเป็นพ่อคนแล้ว เป้าหมายแรกที่คุณต้องทำก็คือ หาค่านมให้ลูก หากไม่มีค่านมลูก ฉันในฐานะที่เป็นแม่ คงต้องจัดการกับคุณแล้ว”
ประโยคนี้ ทำให้ทุกคนหัวเราะขึ้นมา
แต่เฉินตงรู้ดีว่า กู้ชิงหยิ่งกำลังเข้าใจเขา
เพราะระยะเวลาหนึ่งปีนั้นถือว่าสั้นมาก !
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เฉินตงก็รู้สึกซาบซึ้งขึ้นในใจ
จากนั้นจึงลูบดั้งจมูกของกู้ชิงหยิ่งด้วยความรัก แล้วยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “วางใจเถอะ ตอนที่ลูกคลอด ผมจะต้องหาเงินลูกเอาไว้ได้เยอะๆ อย่างแน่นอน หาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่อยู่เป็นเพื่อนคุณนั้นสำคัญยิ่งกว่า”
เฉินตงอยู่เป็นเพื่อนกู้ชิงหยิ่งตลอดทั้งเช้า
เมื่อผ่านพ้นเรื่องเมื่อคืนมา ลานป่าไผ่ในตอนนี้ ก็เงียบสงบเป็นอย่างมาก ทำให้เฉินตงรู้สึกสบายใจขึ้นไม่น้อย
มีภรรยาและลูกอยู่ร่วมกันอย่างอบอุ่น ล้วนเป็นชีวิตที่ผู้ชายทุกคนใฝ่หา
ถึงแม้เขาจะอยู่เหนือผู้คนทั้งปวงก็ตาม
หลังจากทานอาหารมื้อเที่ยงเสร็จ
ท่านหลงก็เชิญเฉินตงไปที่ลาน
“คุณชายครับ ตระกูลหลี่จบสิ้นลงแล้ว”
ท่านหลงพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม “เมื่อคืนสงวนท่าทีกันตลอดทั้งคืน เช้าวันนี้ตระกูลมั่งคั่งต่างๆ ในเมืองหลวง ต่างชิงลงมือพร้อมกัน ยักยอกทรัพย์สินส่วนใหญ่ของตระกูลหลี่ไปจนหมด ส่วนที่เหลือก็ดูเหมือนว่ากำลังจะหมด”
เฉินตงคาดการณ์เอาไว้นานแล้ว
“หากหลังจากที่คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ตายไป หลี่เต๋อซานพอจะมีสมองสักหน่อย ก็คงพอประคองตระกูลหลี่ไปได้อีกนาน ถึงแม้ไม่อาจประคองเอาไว้ได้ ต้องสูญเสียตำแหน่งตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงไป แต่อูฐที่ผอมโซก็ยังคงตัวใหญ่กว่าม้า ตระกูลหลี่ยังคงเป็นตระกูลมั่งคั่งภายในเมืองหลวงได้”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เฉินตงก็หัวเราะเยาะออกมา “แต่น่าเสียดายที่ตระกูลหลี่มีแต่คนโง่ ยิ่งหลี่เต๋อซานนั้น โง่เขลากว่าคนปัญญาอ่อนเสียอีก”
ท่านหลงพยักหน้า เฉินตงพูดตรงกับความเป็นจริงทุกอย่าง
จิ้งจกที่หางขาด ยังมีชีวิตรอดอยู่ได้
อีกทั้งยังเคยมีตำแหน่งเป็นถึงตระกูลหลี่ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงอีกด้วย !
แต่หลี่เต๋อซานกลับเลือกใช้วิธีการที่โง่ที่สุดในบรรดาตัวเลือกที่มี
“นายหาฉันคงไม่ได้ต้องการมาพูดแค่เรื่องนี้หรอกใช่ไหม ?” จู่ๆ เฉินตงก็หันมองท่านหลง
ท่านหลงยิ้มออกมาอย่างเก้อเขิน “อันที่จริงแล้วฉู่เจียนเจียให้ผมช่วยมาถามความคิดเห็นของคุณแทนเธอ”
เงียบไปครู่หนึ่ง ท่านหลงก็พูดต่อว่า “หลี่เต๋อซานตายไปแล้ว ตระกูลหลี่เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ บุตรชายตนที่สามของตระกูลหลี่รู้ดีว่าคุณกับตระกูลหลี่นั้นเหมือนน้ำกับไฟ แต่เขาเป็นคนที่ฉลาด จึงได้พลิกสถานการณ์และขอโอกาส ต้องการจะให้ธุรกิจของตระกูลหลี่ส่วนหนึ่ง ไปตกอยู่ในมือของตระกูลฉู่”
“ลอกคราบใหม่ ?” เฉินตงเลิกคิ้ว อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ “ฉันดูถูกตระกูลหลี่เกินไปแล้ว ดูเหมือนจะยังหลงเหลือคนมีสมองอยู่หนึ่งคน”
ตอนนี้ตระกูลหลี่กำลังถูกตระกูลมั่งคั่งรุมทึ้งอย่างบ้าคลั่ง หากยกส่วนหนึ่งให้กับตระกูลฉู่ แล้วยอมละทิ้งผลประโยชน์บางส่วน ก็ยังพอที่จะรักษาพื้นฐานส่วนหนึ่งเอาไว้ได้
ถึงแม้ตระกูลฉู่จะไม่ได้อยู่เหนือสุดของยอดพีระมิดในเมืองหลวง แต่ก็ถือเป็นตระกูลมั่งคั่งอันดับต้นๆ
และที่สำคัญไปกว่านั้นก็คือ ตระกูลมั่งคั่งในเมืองหลวงต่างรู้กันดีว่า ตระกูลฉู่นั้นอยู่ภายใต้การดูแลของเฉินตง อีกทั้งยังอยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลเฉิน !
เมื่อมีธงขนาดใหญ่นี้ปักอยู่ ตระกูลมั่งคั่งต่างก็ต้องยอมรามือจากทรัพย์สินของตระกูลหลี่ที่กำลังผนวกรวมเข้ากับตระกูลฉู่
“น่าจะมีความหมายประมาณนี้ ฉู่เจียนเจียคงคิดไม่ตก ดังนั้นจึงให้กระผมช่วยมาถามความคิดเห็นจากคุณชายแทนเธอ” ท่านหลงพยักหน้า
“นายคิดเห็นว่ายังไงล่ะ ?” เฉินตงเลิกคิ้วถาม
“ระยะเวลาหนึ่งปีอยู่ใกล้แค่เอื้อม มีสิ่งใดเพิ่มขึ้นมาเพียงแค่นิดเดียวก็สามารถทำคะแนนเพิ่มได้” ท่านหลงตอบ
จู่ๆ เฉินตงก็หัวเราะออกมา
เสียงหัวเราะทำให้ท่านหลงผงะไป
จากนั้น เฉินตงก็พูดขึ้นว่า “การเลี้ยงลูกเสือลูกจระเข้ ท่านหลงก็คงพอเข้าใจดีนะ ? เรื่องชาวนากับงูเห่า ก็คงมีคนเคยเล่าเอาไว้มากมาย ? ฉันยังไม่ถึงขั้นอดอยากหรอกนะ”
บิดขี้เกียจ
แล้วเฉินตงก็พูดขึ้นว่า “ฉันกลับไปอยู่เป็นเพื่อนภรรยาก่อน”
ท่านหลงยืนอึ้งอยู่ที่เดิม หลังจากคิดทบทวนอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นโทรหาฉู่เจียนเจีย
“ให้ตระกูลหลี่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นเถอะ ตระกูลจางและตระกูลฉู่ ห้ามยื่นมือเข้าไปยุ่งเกี่ยวเด็ดขาด !”
……
เฉินตงไม่สนใจว่าจะเกิดความวุ่นวายขนาดไหนขึ้นภายในเมืองหลวง
หากต้องไปสนใจตระกูลหลี่ ไม่สู้เอาเวลามาสนใจภรรยาของตนเอง และสนใจเรื่องการหายตัวไปของพ่อจะดีกว่า
ผ่านไปอีกหนึ่งวันอย่างสงบสุข
ช่วงเวลาที่สุขสบายเช่นนี้ กลับถูกทำลายลงด้วยสายโทรศัพท์จากกูหลัง
“คุณเฉิน การเจรจาล้มเหลว !”
เฉินตงรู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย “เรื่องแค่นี้ยังเจรจาล้มเหลวอีกหรือ ? เพียงก็ที่ดินที่อยู่เมืองข้างๆ แค่นี้ ไท่ติ่งกับโจวเย่นชิวร่วมมือกัน ยังไม่อาจเจรจาได้สำเร็จอีกหรือ ?”
“เจรจาไม่สำเร็จไม่พอ เมื่อครู่ยังมีการลงไม้ลงมือด้วยครับ”
เฉินตงสีหน้าเคร่งขรึมลง แค่เมืองที่อยู่ติดกัน เขาปฏิรูปเมืองนี้ครั้งใหญ่ขนาดนี้ เมืองที่อยู่ติดกันก็น่าจะเคยได้ยินข่าวคราวบ้าง
ไท่ติ่งและโจวเย่นชิวร่วมมือกันออกหน้าขนาดนี้ ต่อให้อีกฝ่ายเป็นนายท่านหม่าก็น่าจะไว้หน้ากันบ้าง
อย่างไรเสียก็เป็นเพียงงูยักษ์เจ้าถิ่นเท่านั้น ไม่เหมือนยี่เคอกรุ๊ปของตระกูลเฉินที่เป็นมังกรผู้ยิ่งใหญ่
“นายไม่ได้อ้างชื่อของไท่ติ่งเราหรอกหรือ ?” เฉินตงถาม
“พูดครับ !”
จู่ๆ กูหลังก็พยายามระงับเสียงที่เต็มไปด้วยความโมโหอย่างสุดความสามารถ “เพียงแต่อีกฝ่ายไม่เห็นไท่ติ่งของเราอยู่ในสายตา อีกทั้งยังขู่ว่าหากไท่ติ่งยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้ จะให้คุณคุกเข่าและยกเหล้าไปขอโทษพวกเขาครับ”
เฉินตงรู้สึกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องน่าขำในทันที
ที่ดินเพียงแค่ผืนเดียว กลับทำให้เป็นเรื่องใหญ่ขนาดนี้เชียวหรือ
อีกฝ่ายเป็นคนประเภทไหนกันแน่ ?
เฉินตงสูดหายใจเข้าหนึ่งครั้งแล้วพูดว่า “บอกพิกัดมาให้ฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้ จะดูซิว่าพวกเขาจะทำให้ฉันยอมยกเหล้าไปขอโทษได้ไหม”