คืนนี้ เมืองหลวงไม่อาจหลับใหล
ตระกูลมั่งคั่ง กำลังแอบเคลื่อนไหว
บ้างก็ตกใจ บ้างก็ตื่นเต้นยินดี บ้างก็รู้สึกสมเพช
ตระกูลหลี่ตกต่ำลงและล่มสลาย ก็มีคนแอบลับมีดอยู่อย่างลับๆ รอเอาไว้แล้ว
แต่อย่างไรเสีย อูฐที่ผอมโซก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี หากคิดที่จะกลืนกินอย่างรวดเร็วถือเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ จึงทำได้เพียงค่อยเป็นค่อยไป
อีกทั้งตอนนี้ จู่ๆ เจ้าบ้านตระกูลเฉินก็เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน
จึงถือเป็นการสร้างโอกาสให้กับบรรดาตระกูลมั่งคั่งโดยไม่ต้องสงสัย
เป็นโอกาสจากสวรรค์ที่จะกลืนกินตระกูลหลี่ได้ในชั่วพริบตา !
ทั่วทั้งเมืองหลวง เหมือนมีพายุลูกใหญ่ที่รุนแรงและเกรี้ยวกราดเกิดขึ้น
เฉินตงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้เลยแม้แต่น้อย
หลังจากออกจากโรงแรมแล้ว เข้าก็กลับไปยังโรงแรมที่พัก
เขาเกลียดตระกูลหลี่ แต่ก็เพียงแค่เกลียดเท่านั้น
ในตอนแรก เขาสามารถระงับความโกรธของเขาเอาไว้ได้
แต่หลังจากที่คุณท่านใหญ่ตระกูลหลี่ตายไป และหลี่เต๋อซานเข้ามาดูแลตระกูลหลี่แทน พร้อมทั้งประกาศเงินรางวัลในองค์กร hidden killers บนดาร์กเว็บ ความแค้นนี้ก็ไม่อาจให้อภัยได้อีกต่อไป
ตระกูลหลี่จะต้องชดใช้ในความโง่เขลาของตัวเอง
ต่อให้หลี่เต๋อซานไม่มาหาเขา เขาก็ต้องหาโอกาสจัดการกับตระกูลหลี่อยู่ดี
เพียงแต่ความบ้าคลั่งของหลี่เต๋อซาน ทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเร็วยิ่งขึ้น
ในห้องพักภายในโรงแรม
คุนหลุนยังคงรู้สึกตกอยู่ในภวังค์เล็กน้อย ยังไม่อาจเรียกสติกลับมาจากฉากที่เฉินตงหลบกระสุนปืนได้
ท่านหลงเองก็จนใจกับเรื่องนี้ ได้แต่ส่ายหัวและถอนหายใจ
ส่วนในห้องพักอีกห้องหนึ่ง
เฉินตงกำลังนั่งนิ่งอยู่ข้างหน้าต่าง มองดูบรรยากาศยามค่ำคืนของเมืองหลวง ที่ยังคงมีฝนตกโปรยปราย
เขาพึมพำขึ้นมาเบาๆ ว่า “หลังจากฝนหลุดลงแล้ว ท้องฟ้าของเมืองหลวงคงจะสดใสขึ้นมากกว่านี้นะ ?”
“ฉันจะไปเปิดห้อง”
จู่ๆ ฉินเย่ก็ลุกขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความตื่นเต้น
เฉินตงเหลือบมองฉินเย่ด้วยความประหลาดใจ “นายเพิ่งจะโดนทำร้ายมา ยังไหวอีกหรือ ?”
“คนหนุ่มแรงดี โดนท่อเหล็กแค่นี้จะเป็นไรไป ?” ฉินเย่ทำสีหน้าไม่แยแส
เฉินตงลูบจมูก “นายเงก็อายุไม่น้อยแล้ว ถ้ารู้สึกว่าเธอเหมาะสมจริงๆ ก็น่าจะลองพิจารณาดูได้แล้ว”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉินเย่จางหายไป
เขาจุดบุหรี่ขึ้นมาสูบหนึ่งมวน
“นายว่าฉันคู่ควรไหม ?”
พึมพำออกมาเบาๆ หนึ่งประโยค แล้วฉินเย่ก็หันมองเฉินตง “ฉันเป็นลูกทรพีที่ฆ่าพ่อของตัวเอง ชื่อเสียงที่เลวร้ายเช่นนี้ ถ้าหากฉันแต่งงานกับเธอจริงๆ ต่อไปคนอื่นจะมองเธอยังไง ?”
“แล้วนายจะตัวติดอยู่กับเธอทุกวันอย่างนี้นะหรือ ?” เฉินตงถาม
ฉินเย่ยักไหล่ และเกาหัวด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย “ฉันเลยบอกยังไงล่ะว่า ดูเหมือนครั้งนี้ฉันจะเล่นจนเลยเถิดเกินไปแล้ว !”
ขณะที่พูด ฉินเย่ก็พ่นควันบุหรี่ออกมา แล้วหันมองออกไปยังสายฝนที่ตกโปรยปรายอยู่นอกหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อย พร้อมถอนหายใจและพูดออกมาว่า “ไม่พูดแล้ว เธอน่าจะมาถึงแล้ว !”
เมื่อมองดูฉินเย่ที่หันหลังเดินจากไป เฉินตงก็ยิ้มแหยออกมา
แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของฉินเย่ เขาเองก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไปก้าวก่าย ทำได้เพียงตักเตือนในฐานะเพื่อนเท่านั้น
ไม่มีอะไรต้องพูดอีกในค่ำคืนนี้
เช้าวันรุ่งขึ้น
ฉู่เจียนเจียรีบมาที่โรงแรมตั้งแต่เช้าตรู่ เพื่อมาอธิบายและชดใช้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้
เฉินตงเองก็ไม่ได้ใส่ใจ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน แม้กระทั่งตัวเขาเองก็ไม่คาดคิดมาก่อน จึงไม่แปลกที่ฉู่เจียนเจียเองจะคาดไม่ถึงเช่นกัน
ใครจะไปคาดเดาได้
ตระกูลหลี่ที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหลวงในอดีต จู่ๆ เจ้าบ้านคนใหม่จะทำเรื่องที่บ้าคลั่ง ยอมสู้จนหัวชนฝาในเวลาเช่นนี้ ?
ในทางกลับกันหากเป็นเพียงคนธรรมดา คงไม่ต้องใช้วิธีการที่สุดโต่งและบ้าคลั่งเช่นเดียวกับที่หลี่เต๋อซานใช้
เฉินตงเองก็ไม่คิดที่จะอยู่ต่อในเมืองหลวงนานนัก จึงได้เดินทางกลับพร้อมกับคุนหลุนและท่านหลงตั้งแต่เช้า
ส่วนฉินเย่ เขายังไม่คิดที่จะกลับไปพร้อมกัน
ในช่วงเวลาที่เร่าร้อนเช่นนี้ หากไปรบกวนเขา ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาท
บนเครื่องบิน
ท่านหลงพูดติดตลกว่า “คุณชายรีบร้อนเดินทางกลับเช่นนี้ เพราะคิดถึงคุณนายน้อยใช่ไหมครับ ?”
“อืม เสี่ยวหยิ่งตั้งท้องอยู่ ฉันอยากจะอยู่เป็นเพื่อนเธอให้มาก ได้ยินมาว่าตั้งต้องนั้นลำบากมาก อีกทั้งยังเป็นโรคซึมเศร้าได้ง่ายอีกด้วย ฉันไม่สามารถช่วยเธอแบ่งเบาความลำบากนี้ได้ จึงทำได้เพียงแค่อยู่เป็นเพื่อนเธอใกล้ๆ”
เฉินตงพูดด้วยรอยยิ้ม
ท่านหลงพูดว่า “อันที่จริงแล้วคุณชายก็ไม่ต้องกังวลใจไป ไม่มีอะไรหรอกครับ”
“เป็นห่วงภรรยาเป็นเรื่องที่ถูกต้อง” เฉินตงลูบจมูก
ท่านหลงและคุนหลุนยิ้มออกมาพร้อมกัน
คุนหลุนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วเอ่ยถามว่า “คุณชาย ตอนที่คุณหลบลูกกระสุน คุณคิดอะไรอยู่หรือครับ ?”
“ฉันไม่อยากรอความตาย ต่อสู้ให้ถึงที่สุด ถึงจะนอนตายตาหลับ” เฉินตงตอบ
แค่สู้จนสุดชีวิต……จริงๆ หรือ ?
ในใจของคุนหลุนรู้สึกตกตะลึง คนสามารถดึงเอาศักยภาพออกมาในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวานได้จริงๆ
แต่ศักยภาพนั้นก็แตกต่างออกไปตามแต่ละบุคคล
ความสามารถที่สามารถหลบลูกกระสุนได้เช่นนื้ ศักยภาพของคุณชายต้องน่ากลัวแค่ไหนกัน ?
เครื่องบินลงจอดที่สนามบินแถบชานเมือง
เฉินตงเดินทางไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งก่อน เพื่อจัดการธุระบางอย่าง
ตอนนี้บริษัทไท่ติ่งได้ดำเนินโครงการปรับปรุงย่านสลัมที่ภาคตะวันตกของเมืองแล้วเสร็จเรียบร้อยแล้ว ศักยภาพของบริษัทสามารถเทียบชั้นได้กลับบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของโจวเย่นชิวและโจวจุนหลงได้แล้ว ถึงขั้นว่า อาจเหนือกว่าอยู่เล็กน้อย
แต่ทว่า เฉินตงก็ยังไม่รู้สึกพอใจเพียงเท่านี้ ยังมีแผนการอยู่ในใจอีกมากมายเกี่ยวกับการพัฒนาบริษัทในอนาคต
ถึงแม้ตอนนี้ในมือจะมีธุรกิจของตระกูลฉินแห่งซีสู่อยู่ครึ่งหนึ่งแล้ว และยังมีบริษัททางด้านสื่อบันเทิงของตระกูลฉู่แห่งเมืองหลวงอีก ซึ่งถือว่ามีศักยภาพที่เหนือกว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่งอยู่มาก
เฉินตงเองไม่เคยมีความคิดที่จะทอดทิ้งบริษัทอสังหาริมทรัพย์ไท่ติ่ง
นี่เป็นธุรกิจรุ่นบุกเบิกและถือเป็นรากฐานของเขา
อีกทั้ง การส่งกระดาษคำตอบให้กับตระกูลเฉินอีกหนึ่งปีให้หลัง แม้กระทั่งสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ก็จะต้องนำมารวมเข้าไปด้วย
เมื่อมีบริษัทเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งบริษัท ก็เท่ากับมีโอกาสชนะที่เพิ่มขึ้นมาด้วย !
หลังจากมอบหมายงานต่างๆ ให้เสี่ยวหม่าและกูหลังรับผิดชอบเรียบร้อยแล้ว เฉินตงจึงเดินทางกลับคลับสี่ยิ่นพร้อมกับท่านหลงและคุนหลุน
ทว่า เมื่อกลับไปถึงที่คลับ
เฉินตงกลับพบเข้ากับท่านเมิ่งและโจวเย่นชิว
“คุณเฉิน !”
เมื่อโจวเช่นฉิวเห็นเฉินตง ก็แสดงความดีใจออกมา
เขารีบเดินเข้าไปข้างหน้า จากนั้นจึงโค้งคำนับ ดวงตาทั้งสองข้างที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นทอง โค้งจนเป็นรูปพระจันทร์เสี้ยว
“กลับมาเร็วขนาดนี้เลยหรือ ?”
ท่านเมิ่งยิ้มแล้วหันไปพยักหน้าให้เฉินตง จากนั้นจึงเหลือบมองโจวเย่นชิว แล้วพูดกับเฉินตงว่า “โจวเย่นชิวมีธุระจะคุยกับคุณ ฉันขอตัวก่อน”
“ลาก่อนครับท่านเมิ่ง” เฉินตงพยักหน้า
หลังจากท่านเมิ่งออกไปแล้ว เฉินตงจึงหันมาให้ความสนใจกับโจวเย่นชิว
เมื่อเห็นร่างกายของโจวเย่นชิวที่โค้งงอเล็กน้อย เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัย
เมื่อนานมาแล้ว เขาเป็นเพียงแค่รองประธานบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่โจวเย่นชิวมอบให้ภรรยาและน้องชายเอาไว้ใช้จ่ายยามเกษียณเท่านั้น
ในตอนนั้น ในสายตาของเขาแล้ว โจวเย่นชิวนั้นช่างสูงส่ง
ถึงแม้ตอนนั้น เฉินตงจะมีรายได้ต่อปีถึงหนึ่งล้าน แต่เขารู้ดีว่า ไม่ว่าจะด้านความสามารถหรือพื้นฐานครอบครัว ชาตินี้เขาไม่มีทางเทียบชั้นกับโจวเย่นชิวได้
แต่ทว่า ระยะเวลาเพิ่งจะผ่านมาเพียงเท่าไหร่ ?
คนที่เขาเคยแหงนมองด้วยความชื่นชม บัดนี้กลับต้องโน้มตัวอยู่ต่อหน้าเขา
การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ หากเป็นเมื่อก่อน เฉินตงคงไม่เคยคิดมาก่อน
แอบถอนหายใจอยู่ในใจ เฉินตงไม่แสดงท่าทีเย่อหยิ่งแม้แต่น้อย กลับยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ประธานโจว ไม่ต้องมากพิธี มีเรื่องอะไรก็พูดมาตรงๆ เถอะ”
โจวเย่นชิวลูบมือแล้วพูดว่า “อันที่จริงแล้ว ผมนำของขวัญเล็กน้อยมาเยี่ยมคุณ เมื่อรู้ว่ามีเพียงคุณนายน้อยอยู่ที่บ้าน ผมเองก็ไม่คิดที่จะอยู่นาน จึงตั้งใจวางของขวัญแล้วเตรียมตัวที่จะกลับ คิดไม่ถึงว่า……”
“ประธานโจว พวกเรารู้จักกันมาหลายปีแล้ว ไม่จำเป็นต้องพูดอ้อมค้อมอีก”
เฉินตงลูบจมูก จากนั้นจึงยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ถึงแม้ช่วงที่ผ่านมา พวกเราเคยมีเรื่องบาดหมางใจต่อกัน แต่ตอนนี้ก็ถือว่าเดินร่วมบนเส้นทางเดียวกัน มีเรื่องอะไรก็ขอให้พูดมาตามตรง หากผมพอจะช่วยเหลือได้ผมก็จะช่วย”
“ครับ ขอบคุณคุณเฉินมากครับที่พูดอย่างตรงไปตรงมา”
โจวเย่นชิวพยักหน้า เขาพูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “อันที่จริงแล้ว ผมอยากให้คุณเฉินช่วยผมจัดหาที่ดินผืนหนึ่งมา”
จัดหาที่ดิน ? !
เฉินตงผงะไป
ใบหน้าของท่านหลงและคุนหลุน ก็เต็มไปด้วยความงุนงง