ระหว่างทางที่กลับคลับสี่ยิ่น
อารมณ์ของเฉินหดหู่มาตลอดทาง ใบหน้าเย็นชา
กูหลังที่อยู่ด้านข้างเหลือบมองเฉินตงเป็นครั้งคราว กลับอยู่ในความเงียบสงบ
ในฐานะผู้ชาย เขาเข้าใจความรู้สึกตอนนี้ของเฉินตงอย่างดี
“คืนนี้ก็ไปที่คลับสี่ยิ่นเถอะ”
เฉินตงพูดกับกูหลัง ทำลายความเงียบในรถ
“ครับผม” กูหลังตอบรับ
เฉินตงพูดขึ้นมาอีก “เรื่องนี้ ช่วยผมเก็บเป็นความลับ ผมไม่อยากให้เรื่องนี้กระทบความรู้สึกของเสี่ยวหยิ่ง”
ปัจจุบัน กู้ชิงหยิ่งถึงจะเป็นทุกอย่างของเขา
บวกกับตอนนี้กู้ชิงหยิ่งกำลังตั้งครรภ์ ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้เขาถึงได้ปิดบังกู้ชิงหยิ่ง
อดีตที่ผ่านไปแล้วพูดมันง่าย แต่ไม่ว่าจะเกิดกับใคร หากย้อนคิดขึ้นมา มันก็เหมือนหนามทิ่มแทงอยู่ในใจ
ฟ้ายิ่งอยู่ยิ่งมืด
เมื่อเฉินตงจอดรถแล้ว ก็กลับเข้าไปในลานป่าไผ่
เดิมวางแผนที่จะนอนบนเก้าอี้ในห้องโถง แต่เมื่อนึกถึงคำพูดกู้ชิงหยิ่งในวันนั้น เขาก็เดินเข้าไปในห้องนอนอย่างระมัดระวัง
ในห้องนอน ไฟหัวเตียงยังสว่างอยู่
เป็นกู้ชิงหยิ่งที่เปิดไว้ให้เขา
และกู้ชิงหยิ่ง เหมือนกับแมวน้อย ขดตัวนอนอยู่บนมุมเตียง ตัวห่อไว้ด้วยผ้าห่ม
เฉินตงเดินไปถึงข้างเตียงอย่างระมัดระวัง ก็ไม่ได้ถอดเสื้อ นอนลงบนเตียงพร้อมกับเสื้อผ้าบนตัว คลองพื้นที่ของเตียงไปเพียงนิดเดียว
กำลังจะหลับตาพักผ่อน
จู่ๆ ข้างกายก็มีความเคลื่อนไหว
เฉินตงลืมตาขึ้นมา ก็เห็นกู้ชิงหยิ่งได้เข้ามาใกล้เขาแล้ว ได้ลืมตาขึ้นมาด้วย
“กลับมาแล้วเหรอ?”
กู้ชิงหยิ่งยิ้มอย่างอ่อนหวาน ดวงตาที่ง่วงนอนหาวไปหนึ่งที
“อืม” เฉินตงตอบรับไปหนึ่งคำ พลางกอดกู้ชิงหยิ่งเข้ามาในอ้อมแขน “ผมบอกแล้วไงว่าไม่ต้องรอผมน่ะ เบาขนาดนี้แล้ว ยังทำให้คุณตื่น”
“แต่ฉันเต็มใจอยากจะนอนหลับในอ้อมแขนของคุณอะ”
กู้ชิงหยิ่งเงยหน้ามองเฉินตง กะพริบตา “คุณมีเรื่องไม่สบายใจ? ดูสีหน้าคุณไม่ค่อยจะดีเลย”
“ไม่มีอะไร เรื่องงานน่ะ”
เฉินตงตอบไปหนึ่งคำ เรื่องคืนนี้ ถือว่าได้จบลงแล้ว
อย่างไรก็ตามเมื่อเผชิญหน้ากับกู้ชิงหยิ่ง เขายังคงรู้สึกผิดอยู่ดี
โดยเฉพาะที่กู้ชิงหยิ่งเปิดไฟไว้รอเขา และคำพูดที่พูดว่าอยากจะนอนหลับในอ้อมแขนของเขา
เฉินตงลูบสันจมูกของกู้ชิงหยิ่ง “ต่อไปผมจะพยายามกลับมาให้เร็ว เพื่อกอดคุณนอน”
“รักนะคุณสามี” กู้ชิงหยิ่งหลับตาลง เธอนั้นง่วงนอนจนไม่ไหวแล้ว
เฉินตงยิ้มอย่างอ่อนโยน หลับไปพร้อมกับกู้ชิงหยิ่ง
ทั้งตลอดทั้งสัปดาห์ คลื่นลมเงียบสงบ
ไท่ติ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเฉินตง ได้ที่ดินมาอย่างต่อเนื่อง และได้เริ่มโครงการแล้ว
และทางด้านตระกูลฉิน ฉินเย่ก็ได้ส่งข่าวมาอย่างต่อเนื่อง บริษัทการเงินของตระกูลฉิน เปรียบเสมือนยักษ์ใหญ่ในวงการการเงิน อาศัยสิ่งนี้ ฉินเย่และฉินเสี่ยวเชียนอยู่ในวงการการเงิน ทำอะไรที่ไหนล้วนราบรื่นไปหมด
เดิมทั้งสองก็ไม่ใช่คนอ่อนแออยู่แล้ว ตอนแรกฉินเย่ได้เอาเงินหลายหมื่นล้านตั้งบริษัทการเงินจนกลายเป็นธุรกิจหลักของตระกูล ฉินเสี่ยวเชียนอาศัยความสามารถของตัวเอง ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย
เหตุที่ทั้งสองคนอยู่ในตระกูลฉินมานานแต่ชื่อเสียงไม่โดดเด่น ก็เพราะพวกเขาถูกตระกูลฉินที่กินเลือดกินเนื้อกดขี่เอาไว้
วันนี้เมื่อออกมาจากตระกูลเฉิน พลิกกลับมาเป็นฝ่ายที่ควบคุมธรุกิจครึ่งหนึ่งของตระกูลเฉิน ทั้งสองเหมือนกับอยู่ในโลกอันกว้างใหญ่ที่สามารถแสดงความสามารถของตัวเองได้อย่างอิสรเสรี
บริษัทบันเทิงได้เริ่มโปรโมทความคืบหน้าของโปรเจ็กต์แล้ว และทำกำไรได้มากมาย
ข่าวดีที่มีมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเชื่อมั่นของเฉินตงเพิ่มขึ้นเท่าตัว
เมื่อไฟมันติดแล้ว หลังจากนี้หนึ่งปี ในวันที่ตัดสินว่าใครจะได้เป็นเจ้าบ้าน เขาเชื่อมั่นว่า ผลงานของตัวเอง จะทำให้ทุกคนต้องเหงื่อตกและอับอาย
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือ
ในหนึ่งสัปดาห์นี้ เฉินตงแน่ใจไปแล้วเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือเรื่องท่าทีที่คนตระกูลเฉินมีต่อเฉินตง!
การหายตัวไปของคุณพ่อ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่กังวลเกี่ยวกับเรื่องคุณพ่อ ยังกังวลตระกูลเฉินที่ไม่มีคุณพ่อคอยควบคุม คนที่เห็นว่าเขาเป็นหนามตำตา จะหาเรื่องเขาทุกอย่าง
เผชิญหน้ากับตระกูลเฉิน มันยังยากเกินไปสำหรับเขาที่จะต่อต้านในตอนนี้
หากคุณหญิงใหญ่ตระกูลเฉินให้คนตระกูลเฉินมาเล่นงานเขา สำหรับเขาแล้ว มันก็คือการถูกภูเขาไท่ซานทับอย่างไม่ต้องสงสัย
ในเวลาหนึ่งปี จะจะถูกกดขี่จนแทบจะไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ยังดีที่ตระกูลเฉินไม่ได้ทำแบบนั้น!
ความสุขความทุกข์เป็นเรื่องไม่เที่ยง
ในขณะที่เฉินตงเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ดีใจ รวบรวมพลังทั้งหมดในการพัฒนาโครงการของเขานั้น
ที่เมืองหลิ่งตง กลับมีบางอย่างเกิดขึ้น
“แฟนของหลินหลิ่งตงเป็นผู้หญิงมือสอง ราชาใต้ดินผู้สง่างามในเมืองหลิ่งตง กลับรับของเหลือเดนของคนอื่น!”
ข่าวตามท้องถนน เหมือนกับข่าวสุดฮอตในผัง สร้างความฮือฮาไปทั่วเมืองหลิ่งตง
ทันทีที่มีข่าวออกมา ทำให้หลินหลิ่งตงถูกนินทาว่าร้ายอย่างดุเดือด
และอดีตของราชาใต้ดินของเมืองหลิ่งตง ก็ได้กลายเป็นคนที่ชาวบ้านเอามาพูดคุยในยามว่าง ในคำพูด ต่างก็เยาะเย้ยและแดกดัน
คฤหาสน์ในหมู่ตึกหลิ่งตง
สีหน้าของหลินหลิ่งตงมืดมนถึงขีดสุด
ช่วงระยะเวลานี้ เขาถูกข่าวลือทำให้หัวโต
ด้วยนิสัยของเขา เขาไม่ค่อยสนใจเรื่องชื่อเสียง
มิเช่นนั้นตอนแรกก็คงไม่ทนต่อแรงกดดันของข่าวลือ ยอมให้ที่ดินกับเฉินตงจากนั้นก็ยังพยายามในการเชิญเฉินตงอีก
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้เขาทนต่อไปไม่ได้แล้ว!
ไม่ว่าจะเป็นข่าวลือที่ด่าว่าดูถูกหวางหนันหนันเป็นของมือสอง หรือเหยียบหยามที่เขารับของเหลือเดน
หวานหนันหนันนั่งอยู่ด้านข้าง สีหน้าก็แย่ถึงขีดสุดเหมือนกัน
ข่าวลือที่จู่ๆ ก็โผล่มาในเมือง เสมือนมีดคม แทงไปที่แผลเป็นของเธออย่างไร้ความปรานี เปิดแผลอย่างไร้ความปรานี จากนั้นมีดคมก็แทงเข้าไปในบาดแผล
เพียงแต่ หวางหนันหนันในตอนนี้กลับเอาแต่ก้มหัวครุ่นคิด อารมณ์สับสน
ก๊อก ก๊อก!
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ไม่ทันที่หลินหลิ่งตงเอ่ยปาก อู๋จุนหาวก็ผลักประตูเข้ามาแล้ว
“เจ้านาย สืบได้เรื่องแล้วครับ”
อู๋จุนหาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ สายตาเหมือนจะกวาดมองไปทางหวางหนันหนัน
หวางหนันหนันเงยหน้าขึ้น แววตามีความกระวนกระวายเล็กน้อย
หลินหลิ่งตงกัดฟัน สายตาดุร้าย “ใครเป็นคนทำ?”
น้ำเสียงเฉียบขาด เย็นดั่งน้ำแข็ง
ทำให้สีหน้าของหวางหนันหนันซีดขาวเล็กน้อย
อู๋จุนหนาวก็มีสีหน้าที่หนักใจ
เขาติดตามหลินหลิ่งตงมาหลายปี รู้ว่าครั้งนี้หลินหลิ่งตงโกรธแล้ว!
สายตาที่ซับซ้อนเหลือบมองไปที่หวางหนันหนัน อู๋จุนหาวพูด “เป็นพ่อแม่และน้องชายของอาซ้อครับ”
คำพูดนี้ออกมา
หลินหลิ่งตงอึ้งไปทันที
ดวงตาที่สวยงามของหวางหนันหนันก็เอ้อล้นไปด้วยน้ำตา ทำให้ตาแดงขึ้นมาทันที
“หนันหนัน เรื่องมันยังไงกัน? คุณไม่เคยเอ่ยถึงพ่อแม่น้องชายของคุณเลย”
หลินหลิ่งตงเห็นปฏิกิริยาของหวางหนันหนัน ทันใดนั้นในใจก็มั่นใจคำพูดของอู๋จุนหาวทันที
“ฉัน ฉัน……..”
หัวใจของหวางหนันหนันเหมือนถูกมีดเฉือน สับสนว้าวุ่น พูดไม่ออกทันที
หลินหลิ่งตงมีสีหน้าที่เฉียบขาด
เขาลุกขึ้นอย่างโกรธเคือง และจับไหล่ทั้งสองข้างของหวังหนันหนันเอาไว้ “ผมเคารพคุณ ไม่สืบประวัติของคุณของคุณ ทำไมอดีตของคุณถึงได้ทำให้ผมเสียงชื่อ?”
เขาคือราชาใต้ดินในเมืองหลิ่งตง เขามีความทะนงตนในแบบฉบับของตัวเอง
เพื่อบางเรื่องแล้ว เขาสามารถทนได้ สามารถวางความทะนงตนลงได้
แต่ทนจนไม่สามารถที่จะทนอีกไป ก็ไม่จำเป็นต้องทนแล้ว!
ถ้าเป็นคนอื่น เขาคงจะไม่ระเบิดอารมณ์ใส่หวางหนันหนันขนาดนี้
แต่ครั้งนี้คนที่มาทำให้เขาเสียชื่อ กลับเป็นพ่อแม่และน้องชายของหวางหนันหนัน!
นี่มันเป็นเรื่องที่น้ำเน่าแค่ไหน?
“หลิ่งตง คุณใจเย็นๆ ”
หวางหนันหนันลนลาน เขารีบลุกขึ้นและลูบหน้าอกให้หลินหลิ่งตง พลางร้องไห้อย่างน่าสงสาร “ฉันกับพวกเขาได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันไปแล้ว ฉันได้ตัดขาดความสัมพันธ์กับพวกเขาไปนานแล้ว แต่ฉันคิดไม่ถึง……..คิดไม่ถึงว่าพวกเขาจะทำ……..”
“หน้าด้านไร้ยางอาย?”
หลินหลิ่งตงพูดตัวอักษรห้าตัวนี้ออกมาอย่างเย็นชา