บรรยากาศค่ำคืนอันหนักอึ้งน่าอึดอัด
เสียงฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างไม่หยุดพัก ฝนห่าใหญ่กำลังจะกระหน่ำ ทำให้อากาศเริ่มอึดอัดจนทำให้รู้สึกคล้ายจะขาดอากาศหายใจ
ไฟหน้ารถโรลส์-รอยซ์ ส่องแสงสว่างเสียดแทงลูกตาได้ถูกขับลงมาถึงด้านล่างเขาแล้วอย่างรวดเร็ว
เอี๊ยด!
รถหยุดลง
เฉินตงเดินลงมาจากรถด้วยความเคียดแค้น
เขาแต่งกายด้วยสูท สวมรองเท้าหนังก้าวอาดๆ ไปข้างหน้า ราวกับจะลากเมฆดำบนท้องฟ้าให้ก้าวไปข้างหน้าพร้อมกับเขาด้วย
ความเคียดแค้นแผ่ซ่าน ท่าทางน่าหวาดหวั่น
ท่านหลงกับคุนหลุนเดินตามมาด้านหลังติดๆ ด้วยท่าทางระแวดระวัง
จากความรู้สึกของเขาทั้งสองคนในตอนนี้ ต่างรับรู้ได้ถึงความอาฆาตที่รุนแรงแผ่ออกมาจากร่างของเฉินตง
และความอาฆาตเช่นนี้ แม้คนที่อยู่กับเฉินตงมานานก็เพิ่งจะเคยเห็นเพียงครั้งเดียวตอนที่หลี่หลานถูกฆาตกรรมในพิธีแต่งงาน
ครั้งนั้น หากไม่ได้หลี่หลานสั่งเสียเอาไว้ก่อนตาย รวมทั้งมีสายตาของเฉินเต้าหลินและคนอื่นๆ จับจ้องอยู่ รวมทั้งยังมีฉินเย่คอยเตือนสติอยู่ด้วยแล้ว
ตอนนั้นเฉินตง…คงจะคลุ้มคลั่งภายใต้ความนิ่งสงบไปแล้ว!
แต่เขาทั้งสองคนไม่ได้ห้าม
เพราะพวกเขารู้ดีว่าความแค้นครั้งนี้ ต่อให้ห้ามอย่างไรก็ไร้ความหมาย
คืนนี้หากไม่หลั่งเลือด เฉินตงไม่มีทางหยุดอย่างแน่นอน
ท่านหลงกับคุนหลุนสบตากันก่อนจะเร่งฝีเท้าขึ้น
ป่ากลางเขา หน้าหลุมศพของหลี่หลาน
จางซิ่วจือกอดโกศใส่กระดูกเอาไว้แน่น เธอนั่งยิ้มมุมปาก สายตาเลื่อนลอย ราวกับกำลังฝันหวานเห็นภาพตัวเองร่ำรวยอยู่เช่นเดิม
เธอรอได้ เพราะอย่างไรเฉินตงก็อยู่ระหว่างทางแล้ว
ขอแค่เงินร้อยล้านอยู่ในมือ ปัญหาทุกอย่างขอเธอในตอนนี้ก็จบสิ้นไปทั้งหมด
ถ้าไม่ทำเรื่องบ้าๆ เธอจะต้องตาย
แต่หากทำเรื่องบ้าๆ เธออาจจะรอด
คนที่อับจนไร้หนทางอย่างจางซิ่วจือ ย่อมต้องเลือกอย่างหลัง
แน่นอนว่าความเป็นไปได้ทั้งสองทาง เป็นสิ่งเธอคิดเอาเอง
จางซิ่วจือก้มหน้า มือขวาของเธอค่อยๆ ยื่นเข้าไปตรงมุมโกศที่ถูกจอบทุบแตกเป็นรูเมื่อครู่ แล้วหยิบเถ้ากระดูกออกมา
เมื่อเห็นเถ้ากระดูกสีขาวเทาในมือ จางซิ่วจือก็แสยะยิ้มออกมาด้วยความเกลียดชัง
“แกมันชั้นต่ำจริงๆ ขนาดตายแล้วกลายเป็นขี้เถ้า ยังดูต่ำตมแบบนี้อีก”
ระหว่างพูด นิ้วมือขวาของเธอก็ค่อยๆ คลายออก
ลมราตรีพัดเอื่อย
ผุยผงเถ้ากระดูกก็ค่อยๆ ปลิวกระจายหายวับไปตามสายลมอย่างไร้ร่องรอย
จางซิ่วจือไม่ได้ใส่ใจ เธอยังคงก้มหน้าอย่างเลื่อนลอย แล้วถ่มน้ำลายใส่เถ้ากระดูกด้านในผ่านช่องว่างด้านบนที่เป็นรู
“นางแพศยา ถ้าฉันไม่มีความสุข ครอบครัวของพวกแกก็อย่าได้หวังจะมีความสุขเลย รอให้ฉันได้เงินก่อน คืนนี้ฉันจะยังไม่โปรยกระดูกของแกทิ้ง แต่จะต้องมีสักวันที่ฉันจะกลับมาจัดการแก เพราะแผนการแก้เผ็ดที่ร้ายกาจของพวกแกสองแม่ลูกที่ทำกับพวกฉัน ฉันจะทำให้แกนอนตายตาไม่หลับ”
จางซิ่วจือขมวดคิ้วแล้วมองเวลาบนมือถือ
“เวรเอ๊ย ไหนบอกว่าอยู่ระหว่างทางแล้ว ทำไมยังไม่ถึงอีก?”
สิ้นเสียงเอ่ย
พลันมีเสียงที่เต็มไปด้วยความเลือดเย็นดังมาจากที่ห่างไกลออกไป
“ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องรอนาน”
มาแล้ว!
จางซิ่วจือดีใจจนสติแทบหลุด ดวงตาของเธอสอดส่ายไปตามที่มาของเสียง
ค่ำคืนมืดมิด
เมื่อมองออกไป ก็จะเห็นเพียงแค่เงาร่างคนที่เลือนลางเท่านั้น
ระหว่างที่จางซิ่วจือกำลังดีใจอยู่นั้น ก็รีบคว้าไฟฉายที่อยู่ข้างตัวขึ้นมาแล้วส่องไปทิศทางนั้น
เมื่อใบหน้าแข็งกร้าวเย็นยะเยือกของเฉินตงปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ ฉับพลันใบหน้าของเธอก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส
“เงินมาแล้ว!”
นี่คือความคิดในใจของจางซิ่วจือ
และด้วยเหตุนี้เธอจึงไม่ได้ใส่ใจความอาฆาตแค้นที่แผ่ออกมาอย่างเข้มข้นจากร่างของเฉินตง
เธอพูดห้วนๆ ขึ้นมาว่า “เงินล่ะ?”
“เงินกำลังมา เงินตั้งร้อยล้าน ต้องใช้เวลาในการเตรียม”
เฉินตงหรี่ตา ความเคียดแค้นแผ่ซ่านออกมาจากเขา มือทั้งสองข้างของเขายังคงอยู่ในกระเป๋ากางเกง ด้วยท่าทางสงบนิ่งไร้ความผิดปกติ
แต่สายตาของเขาในตอนนี้ไม่ได้มองไปที่จางซิ่วจืออีกต่อไปแต่จ้องเขม็งไปที่โกศใส่กระดูกของแม่ตน
รอยแตกตรงมุม ราวกับค้อนหนักๆ ที่ทุบเข้าไปในหัวใจของเขาอย่างอำมหิต
“กำลังมา? แกคิดว่าฉันโง่ขนาดนั้นเลยรึ?”
จางซิ่วจือเลิกคิ้วขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความคลุ้มคลั่ง เธอชูโกศใส่กระดูกแล้วลุกขึ้นยืน “แกคิดว่าครอบครัวของฉันจะโดนหลอกหรือโดนรังแกง่ายๆ งั้นหรือ คนห่วยแตกอย่างแกเตรียมเงินร้อยล้านต้องใช้เวลา แต่ถ้าโอนเงินร้อยล้าน แกแค่เอ่ยปากเพียงประโยคเดียวเท่านั้น!”
เฉินตงเงียบงัน
เมื่อจางซิ่วจือเห็นเฉินตงไม่ตอบโต้ ความโกรธของเธอก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
เธอจึงชูโกศใส่กระดูกขึ้นแล้วตวาดเสียงแหลม “ฉันต้องการให้โอนเงินหนึ่งร้อยล้านเข้าบัญชีของฉัน ไม่อย่างนั้นอย่าหาว่าฉันใจดำเลยนะ ฉันรับประกันว่าจากสภาพลมคืนนี้ ผงเถ้ากระดูกของแม่แกจะต้องหาไม่เจอสักเศษเสี้ยวเดียวอย่างแน่นอน!”
เฉินตงหรี่ตาลง คมปลาบราวใบมีดที่แทงทีเดียวทะลุ
และในขณะเดียวกัน
เสียงต่อว่าที่แฝงไปด้วยความโกรธของท่านหลงก็ดังแทรกขึ้น “เธอไม่เคยเห็นเงินมาก่อนหรือ? คงจนมานานถึงได้คิดว่าคนมีเงินคือพระเจ้า?”
จางซิ่วจือชะงัก
ดวงตาที่เบิกกว้างของเธอจ้องเขม็งไปที่ท่านหลงกับคุนหลุนที่ตามเฉินตงมา “แกหมายความว่าไง?”
“เงินก้อนใหญ่ตั้งร้อยล้าน ต่อให้โอนผ่านบัญชีก็ต้องบอกธนาคารล่วงหน้าเอาไว้ก่อน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของธนาคารหรือไง?” ท่านหลงเอ่ยหนักแน่นมีเหตุผล ในแววตาของเขาลุกโชนไปด้วยความโกรธ พร้อมกับจ้องไปที่โกศใส่กระดูกในมือของจางซิ่วจือ
จางซิ่วจือก้มหน้านิ่งไปสองสามวินาที ใบหน้าของเธอกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่
จากนั้นเธอจึงแผดเสียงออกมา “อย่างนั้นก็รีบไปโอนตอนนี้เลย!”
“ตอนนี้เตรียมเอาไว้แล้ว!” เฉินตงเอ่ยเสียงเย็นเฉียบ
ส่วนท่านหลงกับคุนหลุนที่อยู่ข้างหลังหันมาสบตากันแล้วแสยะยิ้มในใจ
ดูท่าคงจะยากจนมานาน แม้แต่กฎระเบียบของธนาคารยังไม่เข้าใจ
แต่นี่ก็เป็นการถ่วงเวลาที่ดี ระหว่างรอให้หวางหนันหนันมาถึง
หากหลินหลิ่งตงยื่นมือเข้ามาเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วยแล้วล่ะก็ ก็รอดูความโหดร้ายได้เลย หากดูเวลาแล้ว ตอนนี้ก็คงใกล้มาถึงเต็มที
ทว่า
ตอนนั้นสีหน้าของเฉินตง ท่านหลงและคุนหลุนเปลี่ยนไปพร้อมกัน พวกเขาเบิกตากว้าง ความเดือดดาลทะลักทะล้นออกมา
เพราะจู่ๆ จางซิ่วจือก็ยื่นมือล้วงเข้าไปในโกศ แล้วคว้าเถ้ากระดูกออกมาชูอยู่กลางอากาศ
“กล้าดียังไง!”
เฉินตงแผดเสียงตวาดลั่นราวกับสายฟ้าฟาด
จางซิ่วจือตกใจจนหน้าถอดสี แต่กลับยิ้มอย่างสะใจ
“ฉันต้องการให้แกคุกเข่าลง!”
“คุกเข่า?”
เฉินตงหรี่ตาแคบลงเป็นเส้นตรงอีกครั้ง มือทั้งสองข้างของเขากำหมัดแน่น เส้นเลือดบนหลังมือปูดโปน
ท่านหลงกับคุนหลุนต่างกัดฟันเดือดดาลไม่ต่างกัน
หยามเกียรติ!
นี่มันตั้งใจหยามเกียรติกันชัดๆ !
“คุกเข่าลงสิ!”
จางซิ่วจือตวาดลั่น “คุกเข่าลงแล้วขอโทษฉัน บอกว่าแกเสียใจกับเรื่องที่แกทำไว้กับตระกูลหวาง ไม่อย่างนั้น ฉันจะโปรยกระดูกของแม่แกทิ้งเดี๋ยวนี้!”
ประโยคนี้ร้ายกาจและสร้างความกดดันอย่างมาก
“คุณชาย…”
ท่านหลงเดือดดาล เรื่องเสียเกียรติเช่นนี้ เขาไม่มีทางยอมให้เฉินตงทำแน่
แต่คำว่า “คุณชาย” เพิ่งหลุดออกจากปากไป
ดวงตาของเขาพลันหรี่เล็กลงอย่างถึงที่สุด
เฉินตงที่ยืนนิ่งไม่ไหวติง งอขาและคุกเข่าลงอย่างไม่ลังเล
ตึ้ง!
เสียงเข่ากระทบลงบนพื้น คล้ายเสียงฟ้าผ่าที่ดังขึ้นข้างหูของท่านหลงกับคุนหลุน
“ถ้าแม้แต่กระดูกของแม่ตัวเองยังปกป้องไว้ไม่ได้ ฉันก็ละอายใจที่จะเป็นคนต่อไป!”
เสียงแหบพร่าราวกับเฉินตงพยายามเค้นเสียงนี้ออกมาจากลำคอของตน
ท่านหลงกับคุนหลุนเวลานี้โกรธจนแทบคลั่ง พวกเขาหันหน้าไปมองจางซิ่วจือด้วยความคิดที่อยากจะฆ่าหล่อนให้ตายไปเดี๋ยวนี้!
“ฮ่าๆๆ…”
จางซิ่วจือเงยหน้าหัวเราะอย่างสะใจ “แกมันคนห่วยแตก ตอนที่จัดการครอบครัวของฉัน เคยคิดเอาไว้บ้างไหมว่าจะต้องเจอกับเรื่องในวันนี้? ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับผลกรรมอย่างนั้น ทั้งหมดในวันนี้คือเวลาที่แกต้องชดใช้!”
“ก้มหัวขอโทษฉัน! โขกหัวลงแรงๆ!”
จางซิ่วจือได้ใจจนลืมทุกอย่างไปสิ้น ในตอนนี้เธอต้องการที่จะระบายความแค้นทั้งหมดที่มีต่อเฉินตงออกมา
“คุณชาย…”
ตอนนั้นท่านหลงกับคุนหลุนก้าวออกมาข้างหน้าพร้อมกัน เตรียมจะเข้ามาขวางเฉินตง
แต่เฉินตงกลับยกมือขึ้นมาห้ามเอาไว้ด้วยดวงตาแดงก่ำ แล้วเอ่ยอย่างสงบว่า “ได้ ฉันจะก้ม…”
ยังไม่ทันจบประโยค
“แปะๆๆๆ…”
เสียงปรบมือดังขึ้นมาจากความมืดมิดด้านหลัง
จากนั้น
เสียงเย็นเฉียบราวใบมีดคมๆ ก็ลอยออกมา
“ถูกต้อง ทำอะไรไว้ ก็ต้องได้รับกรรมอย่างนั้น”