ตุ้บ !
ดวงตาทั้งสองข้างของเฉินตงปิดลง แล้วล้มตัวลงไปบนเตียงอย่างแรง
ภาพนี้ เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน
“เฉินตง !”
เย่หลิงหลงรีบวิ่งเข้าไป ด้วยสีหน้าซีดเผือด
แต่เย่หยวนชิวขวางเธอเอาไว้
หมอทั้งหาคนเดินเข้าไปวินิจฉัย จากนั้นก็มีหนึ่งคนพูดขึ้นว่า : “ไม่เป็นไรครับ”
เย่หลิงหลงและเย่หยวนชิวรู้สึกโล่งใจพร้อมกัน
เย่หยวนชิวหันกลับไปมองเย่หลิงหลง : “หลิงหลง ดูแลเฉินตงให้ดีๆ นะ”
มองดูคุณปู่พาหมอทั้งหาคนเดินจากไป
เย่หลิงหลงก็น้ำตาไหลรินออกมา
เธอค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉินตงที่นอนหมดสติอยู่ มองดูใบหน้าที่ซีดเผือดนั้น เลือดที่แดงฉานที่มุมปากปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ
“ต้องดีขึ้น ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น คุณไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกสักหน่อย คุณยังมีฉันอยู่ทั้งคน”
เธอค่อยๆ ขยับริมฝากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
เย่หลิงหลงค่อยๆ เช็ดเลือดที่มุมปากของเฉินตงเบาๆ
จากนั้น ก็ค่อยๆ ซบลงไปบนหน้าอกของเฉินตง ร้องไห้พลางพึมพำออกมาว่า : “มีฉันอยู่ ฉันไม่มีทางให้คุณเป็นอันตรายเด็ดขาด”
อากาศในช่วงกลางคืนค่อนข้างเย็น
เครื่องบินส่วนตัวลงจอดในสนามบิน
ด้านนอกสนามบิน มีคนจากสำนักงานตระกูลเฉินมารอรับอยู่เรียบร้อยแล้ว
เมื่อเดินออกจากสนามบิน ท่านหลงก็ขึ้นรถทันที
“ไปที่บริษัทชิงหยิ่ง ตระกูลกู้”
“ท่านหลงครับ มาด้วยความเร่งรีบเช่นนี้ และยังไปตระกูลกู้อีก เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ ?”
คนในสำนักงานตระกูลเฉินที่มีหน้าที่มาต้อนรับเอ่ยถามขึ้น
แววตาของท่านหลงดุดัน และมองผ่านกระจกมองหลัง
“พูดมาก อยากจะถูกตัดลิ้นหรือยังไง”
“ขอ ขอโทษด้วยครับท่านหลง”
พนักงานต้อนรับตกใจมาก และรีบเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงสตาร์ทรถ
ท่านหลงมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด
เรื่องของเฉินตง เขายังไม่แจ้งต่อตระกูลเฉิน
ดีที่ครั้งนี้เฉินตงเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง
หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ตระกูลเฉินไม่รับรู้ถึงการเดินทางของเฉินตงในครั้งนี้
ตอนนี้เฉินเต้าหลิน “หายตัวไป” ตระกูลเฉินก็เหมือนมังกรที่ไร้หัว เกิดความขัดแย้งของแต่ละฝ่ายเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา
หากรายงานเรื่องที่เฉินตงเกิดเรื่องให้ตระกูลเฉินรับรู้ ในความคิดของท่านหลงรู้สึกว่าจะยิ่งส่งผลเสียมากกว่าผลดี
แม้แต่การเดินทางของเขาในครั้งนี้ ก็พยายามเก็บเป็นความลับมากที่สุด
ไม่กระโตกกระตาก ถือเป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องเฉินตงได้
ดังนั้น ถึงแม้ตอนนี้จะมาถึงแล้ว ท่านหลงก็เลือกที่จะไม่ไปพักอยู่ที่สำนักงานของตระกูลเฉิน แต่เลือกที่จะไปบ้านตระกูลกู้แทน
ตอนที่ท่านหลงไปถึงตระกูลกู้ ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว
สิ่งที่ทำให้ท่านหลงรู้สึกตกใจเล็กน้อยก็คือ ไฟในบ้านตระกูลกู้ยังคงสว่างไสว
“ท่านหลง ผมจะรออยู่ด้านนอกนะครับ”
เจ้าหน้าที่ต้อนรับของสำนักงานโค้งคำนับแล้วพูด
ท่านหลงแสดงสายตาที่น่ากลัวราวกับมีดที่แหลมคมออกมา ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรมากอีก
“ไปเถอะ ฉันมีธุระส่วนตัวต้องจัดการนิดหน่อย”
ท่านหลงโบกมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
หลังจากที่เจ้าหน้าที่ต้อนรับขับออกไปแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปแล้วกดออดหน้าประตูของบ้านตระกูลกู้
ไม่ช้า ก็มีคนรับใช้เดินออกมา
“ท่านหลงใช่ไหมครับ ?”
“ฉันต้องการพบคุณกู้”
ท่านหลงเดินเข้าไปในคฤหาสน์ โดยมีคนรับใช้เดินนำ
หลังจากเข้าไปในบ้าน กลับไม่พบแม้แต่เงาของกู้ชิงหยิ่ง และกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยา
เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า : “คุณนายน้อยกับคุณกู้สองสามีภรรยาล่ะ ?”
คนรับใช้พูดด้วยท่าทีโศกเศร้า : “จู่ๆ คุณนายน้อยก็หมดสติไป คุณกู้กำลังตามหมอมารักษาครับ”
เปรี้ยง !
ท่านหลงหน้าถอดสีทันที รีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงขึ้นไปชั้นบน
ตอนที่เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยความหวาดกลัว
ภาพที่เห็น ทำให้หัวใจของเขาหล่นฮวบลงทันที
กู้โก๋ฮั๋วส่งสัญญาณให้ท่านหลงเงียบเสียง
ส่วนหลี่หวั่นชิงที่อยู่ข้างๆ เขา ก็ปิดหน้าปิดตาร้องไห้อยู่
กู้ชิงหยิ่งนอนอยู่บนเตียง ไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเรียบเฉย แววตาเหม่อลอย
ส่วนข้างเตียง มีหมอสองคนกำลังทำการวินิจฉัยด้วยสีหน้าแปลกๆ
ท่านหลงเฝ้ามองด้วยความกังวล ดวงตาของเขากำลังจ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียวจนไม่เป็นผู้เป็นคนของกู้ชิงหยิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร และท้องที่ป่องขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำ
“ท่านหลง ออกมาคุยด้านนอกเถอะ”
กู้โก๋ฮั๋วพาท่านหลงเดินออกมาด้านนอกด้วยความอ่อนล้า
กู้โก๋ฮั๋วยืนอยู่ตรงทางเดินแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ซึ่งเป็นภาพที่เห็นได้น้อยมาก
“เกิดเองอะไรขึ้นกันแน่ครับ ?” ท่านหลงถามอย่างเคร่งเครียด
กู้โก๋ฮั๋วไม่ได้ตอบ แต่กลับสูบบุหรี่อย่างหนัก
บุหรี่หนึ่งมวล สูบหมดเพียงแค่สามครั้ง
หลังจากโยนก้นบุหรี่ลงไปบนพื้นอย่างไม่แยแส เขาจึงพูดขึ้นว่า : “ตงเอ๋อทรยศเสี่ยวหยิ่ง หลังจากกลับมา เสี่ยวหยิ่งก็เอาแต่ร้องไห้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนที่ตงเอ๋อมาถึงที่นี่ เสี่ยวหยิ่งกับตงเอ๋อก็พบหน้ากันครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้มีโอกาสที่จะพูดคุยกัน จากนั้นตงเอ๋อก็มาเกิดเรื่องขึ้น”
“เดิมทีเสี่ยวหยิ่งก็กำลังตั้งท้องอยู่ เป็นเพราะเรื่องที่ถูกหักหลัง ทำให้เกิดความกดดันขึ้นในจิตใจอย่างหนัก จึงอ่อนล้าทั้งกายและใจ ประกอบกับที่ตงเอ๋อมาเกิดเรื่องขึ้น ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอของเธอไม่อาจทนรับไหวได้อีก”
กู้โก๋ฮั๋วลูบหน้าแล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด : “คืนนี้แม่ของเธอรู้สึกเป็นห่วงเธอ จึงคิดที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ใครจะไปคิดว่าเมื่อเข้ามาในห้อง จะพบว่าเธอนอนหมดสติอยู่ที่พื้นเสียแล้ว ตอนนี้เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่คุณก็เห็นสภาพเมื่อครู่นี้แล้วนี่……”
เมื่อพูดถึงตอนท้าย กู้โก๋ฮั๋วก็ถอนหายใจออกมา
น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา
“ฉันเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ทำได้แค่มองดูลูกสาวมีสภาพเช่นนี้ แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย”
ท่านหลงตบไหล่กู้โก๋ฮั๋ว แล้วพูดปลอบใจ : “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน ในเมื่อผมมาแล้ว ผมจะต้องหาทางหาคุณชายให้เจอให้ได้”
“พวกเราเข้าไปด้านในเถอะ”
กู้โก๋ฮั๋วเช็ดน้ำตาที่หางตา แล้วแสร้งทำเข้มแข็งเดินเข้าไปในห้อง
ท่านหลงเดินตามไปด้านหลัง
และตอนนี้ หมอทั้งสองคนก็ได้วินิจฉัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว
มีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า
“เด็กปลอดภัยดีครับ แต่สถานการณ์ของลูกสาวคุณตอนนี้ ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก”
เมื่อได้ยินว่าเด็กไม่เป็นไร ท่านหลงและกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยา ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน
แต่คำพูดครึ่งหลังของหมอ ทำให้ทั้งสามคนต้องตกใจ
“หมอคะ ลูกสาวของฉันเป็นอะไรคะ ?” หลี่หวั่นชิงถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น
หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่นั่งนิ่งเหมือนกับหุ่นไล่กา
สิ่งนี้ทำให้หลี่หวั่นชิงและกู้โก๋ฮั๋ว รู้สึกเหมือนมีมีดกรีดที่หัวใจ
ทว่า
หมอกลับพูดว่า : “ลูกสาวของคุณไม่เป็นไรครับ”
กู้โก๋ฮั๋วขมวดคิ้ว : “เดี๋ยวบอกว่าอันตรายมาก เดี๋ยวบอกว่าไม่เป็นไร มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”
“คุณกู้ ร่างกายของลูกสาวคุณไม่ได้เจ็บป่วยอะไร และสภาพจิตใจป่วยจนยากเกินเยียวยาแล้ว”
หมอพูดอย่างจริงจังว่า : “ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปมในใจของเธอได้โดยเร็ว ด้วยสภาพของลูกสาวคุณในตอนนี้ ไม่ช้าตัวเธอเองก็จะต้องพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งเด็กในท้องก็……”
เงียบสักพัก หมอก็หันไปเก็บอุปกรณ์ พลางพูดว่า : “คุณกู้คงเคยได้ยินคำว่าความโศกเศร้าน่ากลัวยิ่งกว่าการอกหักใช่หรือไม่ ?”
“มีวิธีรักษาลูกสาวของผมไหม ? หรือว่ามียาที่พอจะช่วยรักษาได้ไหม ?”
กู้โก๋ฮั๋วร้อนใจจนดวงตาแดงก่ำ
“ขอโทษด้วยครับ เรื่องปัญหาภายในจิตใจ ไม่มียาที่จะรักษาได้” หมอส่ายหัว จากนั้นทั้งสองก็เดินจากไป
“เสี่ยวหยิ่ง……”
หลี่หวั่นชิงร้องไห้และนั่งลงข้างๆ เตียง ยกมือขึ้นโบกด้านหน้าดวงตาที่ดูว่างเปล่าของกู้ชิงหยิ่ง : “แม่อยู่นี่ หนูมองแม่สักครั้งได้ไหม?”
“ลูกรัก พูดอะไรหน่อยสิ พ่อกับแม่อยู่นี่ ลูกอย่าทำให้พวกเราตกใจแบบนี้สิ” กู้โก๋ฮั๋วนั่งคุกเข่าลงข้างๆ เตียง แล้วจับมือของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้
แต่กู้ชิงหยิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
ท่านหลงเดินเข้าไปข้างๆ เตียงด้วยความโศกเศร้า
มองดูกู้ชิงหยิ่งที่ซูบผอมผิดหูผิดตา แม้แต่เขา ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา
ท่านหลงตะโกนออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ : “คุณนายน้อย กระผมมาเยี่ยมคุณแล้ว……”
เสียงตะโกนนี้
ทำให้แววตาของกู้ชิงหยิ่งสั่นคลอนเล็กน้อย
จากนั้น ก็มีหยาดน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตา
ริมฝีปากที่ซีดและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ค่อยๆ ขยับ
“คนโง่ของฉัน……หายไปแล้ว……”