The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา – บทที่ 466 คิดถึงเธอจนแทบขาดใจ ไร้หนทางที่จะรักษา

บทที่ 466 คิดถึงเธอจนแทบขาดใจ ไร้หนทางที่จะรักษา

ตุ้บ !

ดวงตาทั้งสองข้างของเฉินตงปิดลง แล้วล้มตัวลงไปบนเตียงอย่างแรง

ภาพนี้ เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน

“เฉินตง !”

เย่หลิงหลงรีบวิ่งเข้าไป ด้วยสีหน้าซีดเผือด

แต่เย่หยวนชิวขวางเธอเอาไว้

หมอทั้งหาคนเดินเข้าไปวินิจฉัย จากนั้นก็มีหนึ่งคนพูดขึ้นว่า : “ไม่เป็นไรครับ”

เย่หลิงหลงและเย่หยวนชิวรู้สึกโล่งใจพร้อมกัน

เย่หยวนชิวหันกลับไปมองเย่หลิงหลง : “หลิงหลง ดูแลเฉินตงให้ดีๆ นะ”

มองดูคุณปู่พาหมอทั้งหาคนเดินจากไป

เย่หลิงหลงก็น้ำตาไหลรินออกมา

เธอค่อยๆ เดินเข้าไปหาเฉินตงที่นอนหมดสติอยู่ มองดูใบหน้าที่ซีดเผือดนั้น เลือดที่แดงฉานที่มุมปากปรากฏขึ้นในสายตาของเธอ

“ต้องดีขึ้น ทุกอย่างจะต้องดีขึ้น คุณไม่ได้สิ้นไร้ไม้ตอกสักหน่อย คุณยังมีฉันอยู่ทั้งคน”

เธอค่อยๆ ขยับริมฝากพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

เย่หลิงหลงค่อยๆ เช็ดเลือดที่มุมปากของเฉินตงเบาๆ

จากนั้น ก็ค่อยๆ ซบลงไปบนหน้าอกของเฉินตง ร้องไห้พลางพึมพำออกมาว่า : “มีฉันอยู่ ฉันไม่มีทางให้คุณเป็นอันตรายเด็ดขาด”

อากาศในช่วงกลางคืนค่อนข้างเย็น

เครื่องบินส่วนตัวลงจอดในสนามบิน

ด้านนอกสนามบิน มีคนจากสำนักงานตระกูลเฉินมารอรับอยู่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อเดินออกจากสนามบิน ท่านหลงก็ขึ้นรถทันที

“ไปที่บริษัทชิงหยิ่ง ตระกูลกู้”

“ท่านหลงครับ มาด้วยความเร่งรีบเช่นนี้ และยังไปตระกูลกู้อีก เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่าครับ ?”

คนในสำนักงานตระกูลเฉินที่มีหน้าที่มาต้อนรับเอ่ยถามขึ้น

แววตาของท่านหลงดุดัน และมองผ่านกระจกมองหลัง

“พูดมาก อยากจะถูกตัดลิ้นหรือยังไง”

“ขอ ขอโทษด้วยครับท่านหลง”

พนักงานต้อนรับตกใจมาก และรีบเอ่ยขอโทษอย่างรวดเร็ว จากนั้นจึงสตาร์ทรถ

ท่านหลงมองออกไปด้านนอกหน้าต่างอย่างใช้ความคิด

เรื่องของเฉินตง เขายังไม่แจ้งต่อตระกูลเฉิน

ดีที่ครั้งนี้เฉินตงเดินทางมาที่นี่เพียงลำพัง

หรือจะพูดง่ายๆ ก็คือ ตระกูลเฉินไม่รับรู้ถึงการเดินทางของเฉินตงในครั้งนี้

ตอนนี้เฉินเต้าหลิน “หายตัวไป” ตระกูลเฉินก็เหมือนมังกรที่ไร้หัว เกิดความขัดแย้งของแต่ละฝ่ายเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา

หากรายงานเรื่องที่เฉินตงเกิดเรื่องให้ตระกูลเฉินรับรู้ ในความคิดของท่านหลงรู้สึกว่าจะยิ่งส่งผลเสียมากกว่าผลดี

แม้แต่การเดินทางของเขาในครั้งนี้ ก็พยายามเก็บเป็นความลับมากที่สุด

ไม่กระโตกกระตาก ถือเป็นวิธีเดียวที่จะปกป้องเฉินตงได้

ดังนั้น ถึงแม้ตอนนี้จะมาถึงแล้ว ท่านหลงก็เลือกที่จะไม่ไปพักอยู่ที่สำนักงานของตระกูลเฉิน แต่เลือกที่จะไปบ้านตระกูลกู้แทน

ตอนที่ท่านหลงไปถึงตระกูลกู้ ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

สิ่งที่ทำให้ท่านหลงรู้สึกตกใจเล็กน้อยก็คือ ไฟในบ้านตระกูลกู้ยังคงสว่างไสว

“ท่านหลง ผมจะรออยู่ด้านนอกนะครับ”

เจ้าหน้าที่ต้อนรับของสำนักงานโค้งคำนับแล้วพูด

ท่านหลงแสดงสายตาที่น่ากลัวราวกับมีดที่แหลมคมออกมา ทำให้เขาไม่กล้าพูดอะไรมากอีก

“ไปเถอะ ฉันมีธุระส่วนตัวต้องจัดการนิดหน่อย”

ท่านหลงโบกมือ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

หลังจากที่เจ้าหน้าที่ต้อนรับขับออกไปแล้ว เขาจึงเดินเข้าไปแล้วกดออดหน้าประตูของบ้านตระกูลกู้

ไม่ช้า ก็มีคนรับใช้เดินออกมา

“ท่านหลงใช่ไหมครับ ?”

“ฉันต้องการพบคุณกู้”

ท่านหลงเดินเข้าไปในคฤหาสน์ โดยมีคนรับใช้เดินนำ

หลังจากเข้าไปในบ้าน กลับไม่พบแม้แต่เงาของกู้ชิงหยิ่ง และกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยา

เขาขมวดคิ้วแล้วถามว่า : “คุณนายน้อยกับคุณกู้สองสามีภรรยาล่ะ ?”

คนรับใช้พูดด้วยท่าทีโศกเศร้า : “จู่ๆ คุณนายน้อยก็หมดสติไป คุณกู้กำลังตามหมอมารักษาครับ”

เปรี้ยง !

ท่านหลงหน้าถอดสีทันที รีบลุกขึ้นแล้วเดินตรงขึ้นไปชั้นบน

ตอนที่เขาเดินเข้าไปในห้องด้วยความหวาดกลัว

ภาพที่เห็น ทำให้หัวใจของเขาหล่นฮวบลงทันที

กู้โก๋ฮั๋วส่งสัญญาณให้ท่านหลงเงียบเสียง

ส่วนหลี่หวั่นชิงที่อยู่ข้างๆ เขา ก็ปิดหน้าปิดตาร้องไห้อยู่

กู้ชิงหยิ่งนอนอยู่บนเตียง ไม่ขยับเขยื้อน สีหน้าเรียบเฉย แววตาเหม่อลอย

ส่วนข้างเตียง มีหมอสองคนกำลังทำการวินิจฉัยด้วยสีหน้าแปลกๆ

ท่านหลงเฝ้ามองด้วยความกังวล ดวงตาของเขากำลังจ้องมองใบหน้าที่ซีดเซียวจนไม่เป็นผู้เป็นคนของกู้ชิงหยิ่ง เขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสาร และท้องที่ป่องขึ้นมาเล็กน้อย ทำให้ดวงตาของเขาแดงก่ำ

“ท่านหลง ออกมาคุยด้านนอกเถอะ”

กู้โก๋ฮั๋วพาท่านหลงเดินออกมาด้านนอกด้วยความอ่อนล้า

กู้โก๋ฮั๋วยืนอยู่ตรงทางเดินแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ซึ่งเป็นภาพที่เห็นได้น้อยมาก

“เกิดเองอะไรขึ้นกันแน่ครับ ?” ท่านหลงถามอย่างเคร่งเครียด

กู้โก๋ฮั๋วไม่ได้ตอบ แต่กลับสูบบุหรี่อย่างหนัก

บุหรี่หนึ่งมวล สูบหมดเพียงแค่สามครั้ง

หลังจากโยนก้นบุหรี่ลงไปบนพื้นอย่างไม่แยแส เขาจึงพูดขึ้นว่า : “ตงเอ๋อทรยศเสี่ยวหยิ่ง หลังจากกลับมา เสี่ยวหยิ่งก็เอาแต่ร้องไห้ กินไม่ได้นอนไม่หลับ ตอนที่ตงเอ๋อมาถึงที่นี่ เสี่ยวหยิ่งกับตงเอ๋อก็พบหน้ากันครั้งหนึ่ง แต่ไม่ได้มีโอกาสที่จะพูดคุยกัน จากนั้นตงเอ๋อก็มาเกิดเรื่องขึ้น”

“เดิมทีเสี่ยวหยิ่งก็กำลังตั้งท้องอยู่ เป็นเพราะเรื่องที่ถูกหักหลัง ทำให้เกิดความกดดันขึ้นในจิตใจอย่างหนัก จึงอ่อนล้าทั้งกายและใจ ประกอบกับที่ตงเอ๋อมาเกิดเรื่องขึ้น ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอของเธอไม่อาจทนรับไหวได้อีก”

กู้โก๋ฮั๋วลูบหน้าแล้วพูดด้วยความรู้สึกผิด : “คืนนี้แม่ของเธอรู้สึกเป็นห่วงเธอ จึงคิดที่จะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอ ใครจะไปคิดว่าเมื่อเข้ามาในห้อง จะพบว่าเธอนอนหมดสติอยู่ที่พื้นเสียแล้ว ตอนนี้เธอฟื้นขึ้นมาแล้ว แต่คุณก็เห็นสภาพเมื่อครู่นี้แล้วนี่……”

เมื่อพูดถึงตอนท้าย กู้โก๋ฮั๋วก็ถอนหายใจออกมา

น้ำตาเอ่อล้นอยู่ในดวงตา

“ฉันเป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ทำได้แค่มองดูลูกสาวมีสภาพเช่นนี้ แต่กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย”

ท่านหลงตบไหล่กู้โก๋ฮั๋ว แล้วพูดปลอบใจ : “ไม่เป็นไรหรอกครับ ทุกอย่างต้องดีขึ้นแน่นอน ในเมื่อผมมาแล้ว ผมจะต้องหาทางหาคุณชายให้เจอให้ได้”

“พวกเราเข้าไปด้านในเถอะ”

กู้โก๋ฮั๋วเช็ดน้ำตาที่หางตา แล้วแสร้งทำเข้มแข็งเดินเข้าไปในห้อง

ท่านหลงเดินตามไปด้านหลัง

และตอนนี้ หมอทั้งสองคนก็ได้วินิจฉัยเสร็จเรียบร้อยแล้ว

มีคนหนึ่งพูดขึ้นว่า

“เด็กปลอดภัยดีครับ แต่สถานการณ์ของลูกสาวคุณตอนนี้ ถือว่าน่าเป็นห่วงมาก”

เมื่อได้ยินว่าเด็กไม่เป็นไร ท่านหลงและกู้โก๋ฮั๋วสองสามีภรรยา ก็ถอนหายใจออกมาพร้อมกัน

แต่คำพูดครึ่งหลังของหมอ ทำให้ทั้งสามคนต้องตกใจ

“หมอคะ ลูกสาวของฉันเป็นอะไรคะ ?” หลี่หวั่นชิงถามด้วยน้ำเสียงสะอึกสะอื้น

หลังจากที่กู้ชิงหยิ่งฟื้นขึ้นมา ก็เอาแต่นั่งนิ่งเหมือนกับหุ่นไล่กา

สิ่งนี้ทำให้หลี่หวั่นชิงและกู้โก๋ฮั๋ว รู้สึกเหมือนมีมีดกรีดที่หัวใจ

ทว่า

หมอกลับพูดว่า : “ลูกสาวของคุณไม่เป็นไรครับ”

กู้โก๋ฮั๋วขมวดคิ้ว : “เดี๋ยวบอกว่าอันตรายมาก เดี๋ยวบอกว่าไม่เป็นไร มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ ?”

“คุณกู้ ร่างกายของลูกสาวคุณไม่ได้เจ็บป่วยอะไร และสภาพจิตใจป่วยจนยากเกินเยียวยาแล้ว”

หมอพูดอย่างจริงจังว่า : “ถ้าหากไม่สามารถแก้ไขปมในใจของเธอได้โดยเร็ว ด้วยสภาพของลูกสาวคุณในตอนนี้ ไม่ช้าตัวเธอเองก็จะต้องพังทลายลงอย่างสมบูรณ์ แม้กระทั่งเด็กในท้องก็……”

เงียบสักพัก หมอก็หันไปเก็บอุปกรณ์ พลางพูดว่า : “คุณกู้คงเคยได้ยินคำว่าความโศกเศร้าน่ากลัวยิ่งกว่าการอกหักใช่หรือไม่ ?”

“มีวิธีรักษาลูกสาวของผมไหม ? หรือว่ามียาที่พอจะช่วยรักษาได้ไหม ?”

กู้โก๋ฮั๋วร้อนใจจนดวงตาแดงก่ำ

“ขอโทษด้วยครับ เรื่องปัญหาภายในจิตใจ ไม่มียาที่จะรักษาได้” หมอส่ายหัว จากนั้นทั้งสองก็เดินจากไป

“เสี่ยวหยิ่ง……”

หลี่หวั่นชิงร้องไห้และนั่งลงข้างๆ เตียง ยกมือขึ้นโบกด้านหน้าดวงตาที่ดูว่างเปล่าของกู้ชิงหยิ่ง : “แม่อยู่นี่ หนูมองแม่สักครั้งได้ไหม?”

“ลูกรัก พูดอะไรหน่อยสิ พ่อกับแม่อยู่นี่ ลูกอย่าทำให้พวกเราตกใจแบบนี้สิ” กู้โก๋ฮั๋วนั่งคุกเข่าลงข้างๆ เตียง แล้วจับมือของกู้ชิงหยิ่งเอาไว้

แต่กู้ชิงหยิ่งไม่มีปฏิกิริยาใดๆ ยังคงนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

ท่านหลงเดินเข้าไปข้างๆ เตียงด้วยความโศกเศร้า

มองดูกู้ชิงหยิ่งที่ซูบผอมผิดหูผิดตา แม้แต่เขา ก็อดไม่ได้ที่จะหลั่งน้ำตาออกมา

ท่านหลงตะโกนออกมาเบาๆ ด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ : “คุณนายน้อย กระผมมาเยี่ยมคุณแล้ว……”

เสียงตะโกนนี้

ทำให้แววตาของกู้ชิงหยิ่งสั่นคลอนเล็กน้อย

จากนั้น ก็มีหยาดน้ำตาไหลรินออกมาจากหางตา

ริมฝีปากที่ซีดและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ค่อยๆ ขยับ

“คนโง่ของฉัน……หายไปแล้ว……”

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

The Winner is king ผู้ชนะเลศคือราชา

เฉินตงกับหวางหนันหนันแต่งงานกัน3ปี ถูกภรรยาที่ยกน้องชายเป็นหัวแก้วหัวแหวนบีบคั้น แล้วยังถูกดูถูกเหยียดหยาม วันหนึ่งได้กลับตระกูลมหาเศรษฐี เขาสาบานว่าต้องกอบกู้ศักดิ์ศรีกลับคืนมา ต้องทำให้คนที่ดูถูกเขาเสียใจกับสิ่งที่ทำ ให้คนที่เหยียดหยามเขาต้องชดใช้อย่างสาสม

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท