ราชันเร้นลับ 836 : “โยนอาหาร”
ทันใดนั้น เงาดำทวีความคมชัดและก่อตัวเป็นรูปร่าง มอบความรู้สึกเย็นและชุ่มฉ่ำ ห่อหุ้มร่างกายไคลน์โดยสมบูรณ์ ราวกับยุงที่ถูกแช่ในอำพัน
ร่างไคลน์แบนราบกลายเป็นแผ่นกระดาษ ก่อนจะสลายกลายเป็นโคลนสนิม
กระดาษคนตัวแทน!
ในวินาทีที่สัมผัสถึงอันตราย ชายหนุ่มใช้กระดาษคนตัวแทนหนีรอดมาได้!
ไคลน์ที่สวมเสื้อคลุมสีดำโผล่อีกฝั่งของโต๊ะอาหาร อ้าปากเตรียมส่งเสียง ‘ปัง’
ทันใดนั้น สติไคลน์พร่ามัวกะทันหัน ทัศนียภาพรอบตัวเลือนรางลง ขาดความคมชัด
ชายหนุ่มเข้าใจทันทีว่าตนกำลังเผชิญกับสิ่งใด – พลังกระชากเข้าสู่ดินแดนความฝัน!
และด้วยเหตุนี้ ไคลน์สามารถยืนยันได้ว่า ความสามารถในการครองสติท่ามกลางความฝัน มิได้เกิดจากการพึ่งพาพลังของมิติหมอก หากแต่เป็นความพิเศษของตัวเอง!
หลังจากดิ้นรนสักพัก ไคลน์ปลุกตัวเองให้ตื่นจากภวังค์ เห็นเงาดำในบ้านกำลังถาโถมเข้าหาประหนึ่งกระแสน้ำ
ปัง!
ชายหนุ่มเปิดปาก ยิงกระสุนอัดอากาศที่ทรงพลังใส่เป้าหมาย
กระสุนนัดดังกล่าวทะลวงผ่านเงาดำ เกิดเป็นรูโหว่ในจุดหนึ่ง
เงาดำรอบรูโหว่แปรสภาพกลายเป็นสายน้ำ หลั่งไหลเข้าไปเติมเต็มช่องว่างดังกล่าว เปลี่ยนให้สภาพแวดล้อมกลับเป็นปรกติชั่วคราว เมื่อเห็นดังนั้น ไคลน์ไม่ปล่อยโอกาสหลุดลอย รีบกลิ้งตัวไปด้านข้าง ถ่ายพลังวิญญาณจนถุงมือข้างซ้ายกลายเป็นสีซีดค่อนไปทางเขียว
ซ่า! จุดเดิมที่ไคลน์เคยยืนถูกฝูงเลือดเนื้อจากเงามืดถาโถมเข้าใส่ ชุ่มชโลมพรมสีแดงเข้มที่เต็มไปด้วยเชื้อราประหลาด
ไคลน์พบว่าตนอ่อนแอลงอย่างอธิบายไม่ถูก แต่ก็ไม่มัวเสียเวลาขบคิดหาสาเหตุ รีบกระจายน้ำแข็งไปทั่วฝ่าเท้า เปลี่ยนบรรยากาศให้กลายเป็นเย็นเยียบ
เงาดำบนพรมถูกแช่แข็งอย่างรวดเร็ว ภายใต้ชั้นน้ำแข็งสีใส เงาดำยุบพองตัวราวกับมีชีวิต
‘แช่แข็ง’ ของ ‘ซอมบี้’ !
ไคลน์กลิ้งตัวอีกครั้งเพื่อย้ายตำแหน่ง ขณะเดียวกันก็เปลี่ยนผิวถุงมือข้างซ้ายให้ดูคล้ายตุ่มเล็กๆ สีดำจำนวนมาก มอบความรู้สึกลุ่มลึกและมืดมน
ตามด้วยการหันหน้าเข้าหาเงาดำใต้น้ำแข็ง พ่นคำพูดชั่วร้ายที่เต็มไปด้วยความหมายกัดกร่อน
“เชื่องช้า!”
เพียงพริบตา ไคลน์เห็นเงาดำเริ่มหยุดยุบพองตัว เคลื่อนไหวช้าลงจากปรกติ ทว่า สติไคลน์เองก็เข้าสู้ภาวะเชื่องช้าไม่ต่างกัน ส่งผลให้พลาดการโจมตีซ้ำใส่เป้าหมาย
‘วาจากัดกร่อน’ ของชายหนุ่มถูกบิดเบือน แม้จะเล็งไปที่เงาดำ แต่กลับถูกบิดเบือนให้ส่งผลต่อทุกสิ่งภายในห้อง รวมถึงตัวไคลน์
ภายในเสี้ยวลมหายใจ ไคลน์หลุดพ้นจากภาวะเฉื่อยชา กลิ้งตัวไปทางโต๊ะอาหารโดยปราศจากความลังเล หยิบจากที่มีสเต๊กถูกกินเหลือไว้ครึ่งหนึ่ง ขว้างตรงไปทางเงาสุดแรง
ระหว่างนี้ แม้ถุงมือจะยังเป็นสีดำสนิท แต่กลับมอบความรู้สึกชั่วร้ายและสูงสง่า
ติดสินบน!
ชายหนุ่มกำลัง ‘ติดสินบน’ ศัตรูด้วยสเต๊ก ส่งผลให้พลังโจมตี พลังป้องกัน และสมดุลร่างกายอ่อนแอลง!
ทันใดนั้น เงาดำพลันหดตัวและหนีไปยังมุมห้อง ปล่อยให้จานกระแทกกับแผ่นน้ำแข็งที่เริ่มละลาย
ถัดมา เงาดังกล่าวลอยขึ้นด้านบน แปรสภาพเป็นบุคคลในเสื้อคลุมยาวสีดำ
บนฝ่ามือของบุคคลดังกล่าว หนังสือโปร่งใสเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นพร้อมกับเสียงสวดมนต์
“ข้าบรรลุ ข้าประจักษ์ ข้าบันทึก”
ทันทีที่เสียงสวดมนต์ดังขึ้น หนังสือพลิกหน้าด้วยตัวเอง หอกเพลิงอันร้อนระอุผุดขึ้นจากความว่างเปล่าตรงหน้า
มิสเตอร์ A? เสียสติไปแล้วรึไง? ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ทำไมถึงกล้าใช้พลังพิเศษในขอบเขตของไฟ? หัวใจไคลน์เริ่มเต้นแรง ความคิดมากมายแล่นผ่าน ก่อนจะพุ่งตรงไปหาอีกฝ่ายในท่าง้างมือซ้ายไปด้านหลัง
ยุบพองหิวโหยถูกย้อมด้วยสีดำเข้มที่เปี่ยมความชั่วร้าย ดาบเพลิงแมกมาขนาดมหึมาก่อตัวขึ้นจากความว่างเปล่า แผ่แสงสีฟ้าอ่อนไปทั่วบริเวณ
ตึง!
ไคลน์กระทืบพื้นเสียงดัง ลำตัวและหัวไหล่บิดกลับ ก่อนจะวาดแขนซ้ายไปข้างหน้าเต็มแรง
กล้ามเนื้อท่อนแขนชายหนุ่มกำลังพองตัวถึงขีดสุดขณะฟันดาบแมกมาเสยจากล่างขึ้นบน!
เปรี้ยง! ดาบเล่มยักษ์ฟันปะทะหอกเปลวเพลิง เกิดประกายแสงสีฟ้าอ่อนและแดงส้ม กระจัดกระจายไปทุกทิศ ส่งผลให้ไฟลามติดไปบนเก้าอี้และผ้าม่าน
เสียงเอะอะโวยวายจากถนนด้านนอกเงียบลงสักพักแล้ว ร่างอันเลือนรางบนถนนล้วนกำลังมองเข้ามาในบ้านอย่างเงียบงัน
หลังจากทำลายหอกเพลิงสำเร็จ ไคลน์งอเข่าลงหนึ่งข้างพร้อมกับใช้มือขวาดีดนิ้ว
เป๊าะ!
เปลวไฟทั้งหมดภายในห้องดับสนิททันที
ไคลน์ไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย พยายามสัมผัสถึงสายตาที่มองเข้ามาจากด้านนอก สายตาที่พยายามทะลวงผ่านผ้าม่านเพื่อมองหาความผิดปรกติภายใน
ชายสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทเองก็มิได้เคลื่อนไหว ราวกับเมื่อครู่แสร้งเสียสติ ดูเหมือนว่ามันเองก็สัมผัสถึงอันตรายที่เหนือจินตนาการจากด้านนอก
ภายในบ้านอันมืดมิดที่มีเพียงแสงจันทร์สีแดงเจือจางส่องผ่านผ้าม่าน ไคลน์อยู่ในท่าคุกเข่า ส่วนอีกฝ่ายยืนพิงผนัง ดูราวกับเป็นรูปปั้นหินสองรูป
ท่ามกลางความเงียบที่แสนอึดอัด กระแสเวลาไหลผ่านอย่างเชื่องช้า ไคลน์นับหนึ่งถึงสิบภายในใจ แต่รู้สึกราวกับผ่านไปไม่ต่ำกว่าหนึ่งชั่วโมง
ในที่สุด เสียงคำรามของสัตว์ร้ายดังขึ้นอีกครั้ง ดังอย่างต่อเนื่องสลับกับหยุดพัก ร่างอันเลือนรางด้านนอกเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง วนเวียนไปมาบนถนน
ขณะเดียวกัน ไคลน์ประสบความสำเร็จในการควบคุมด้ายวิญญาณของเป้าหมายขั้นต้น ส่งผลให้พฤติกรรมของชายในผ้าคลุมยาวสีดำเฉื่อยชาลงอย่างเห็นได้ชัด!
โดยไม่รีรอ ชายหนุ่มโน้มตัวลงเล็กน้อย เดินวนไปมารอบเป้าหมาย เตรียมตอบโต้การขัดขืนจากอีกฝ่าย รอจนกว่าจะเปลี่ยนเหยื่อให้กลายเป็นหุ่นเชิดสำเร็จ
ทันใดนั้น ไคลน์เกิดคันจมูกกะทันหัน จำต้องอ้าปากจามอย่างมิอาจควบคุม
ฮัดเช่ย!
ไคลน์จามรุนแรงจนสูญเสียการควบคุมด้ายวิญญาณ นอกจากนั้น ลำคอเริ่มเจ็บแปลบพร้อมกับน้ำมูกที่คั่งจมูก
มันกำลังป่วย!
ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ชายหนุ่มป่วยกะทันหัน!
หลังจากสงสัยว่าอีกฝ่ายคือมิสเตอร์ A ไคลน์ก็เตรียมรับมือกับ ‘อาการป่วย’ ของแม่มดทันที เพราะในอดีตเคยสู้กับมิสเตอร์ A และต้องเสียเปรียบครั้งใหญ่จากอาการป่วย ทว่า ท่ามกลางการต่อสู้อันดุเดือด ชายหนุ่มประเมินสิ่งหนึ่งพลาดไป ลืมว่าตนเพิ่งเผชิญอาการป่วยจาก ‘แม่มัดตัวจริง’ พานาเทียมาเมื่อครู่ ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันต่ำลง จึงไม่ควรรอควบคุมให้สมบูรณ์ แต่ต้องรีบปิดฉากในตอนที่ควบคุมขั้นต้นสำเร็จ!
ฮัดเช่ย!
ขณะจามเสียงดัง ไคลน์กลิ้งตัวอีกครั้งพร้อมกับเปลี่ยนยุบพองหิวโหยเป็นพลัง ‘บารอนแห่งความเน่าเปื่อย’ หวังใช้ความสามารถในการบิดเบือน ช่วยบรรเทาอาการป่วยลง
แน่นอน เป็นเพราะการ ‘ติดสินบน’ เมื่อครู่ อาการป่วยของไคลน์จึงไม่ร้ายแรงเท่าที่ควร เพียงควบคุมด้ายวิญญาณได้ลำบาก ยังไม่หมดสภาพในการต่อสู้
ขณะกำลังม้วนตัว หางตาไคลน์ชำเลืองไปเห็นศัตรูออกจากสภาวะเงาดำ ผ้าคลุมศีรษะหลุดลงไปด้านหลัง เผยให้เห็นใบหน้าอันงดงามคล้ายสตรี ไม่ใช่ใครนอกจากมิสเตอร์ A
ผู้ส่งสารของชุมนุมแสงเหนือรายนี้ สามารถเอาตัวรอดในสภาพแวดล้อมอันเลวร้ายได้จวบจนปัจจุบัน!
อย่างไรก็ตาม ดวงตาของมันกำลังแดงก่ำ จ้องมองไคลน์ราวกับเห็นอาหารแสนโอชะ เผยความหิวกระหายโดยไม่ปิดบัง
ปัจจุบัน ไคลน์ยังคงมีหวัง ยังเหลือเรี่ยวแรงพอจะดวลกับอีกฝ่าย
สิ่งที่ชายหนุ่มกังวลมากที่สุดไม่ใช่มิสเตอร์ A หากแต่เป็น ถ้าการต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะเกิดระเบิดหรือเปลวไฟขึ้น และนั่นจะดึงดูดความสนใจจากสิ่งมีชีวิตอันตรายด้านนอก ยากรอดกลับไปแบบมีชีวิต!
มันกำลังหิว… ความหิวกระหายทำให้มิสเตอร์ A ขาดเหตุและผลโดยสิ้นเชิง อาจถึงขั้นไม่สนใจสิ่งมีชีวิตบนถนน… ถ้าเราสามารถบรรเทาความหิวของมันได้สักนิด ช่วยให้มันหยุดโจมตีจนกว่าพระจันทร์สีแดงจะถูกหมอกปกคลุม… แถวนี้มี ‘อาหาร’ ให้มันกินบ้างไหม? ท่ามกลางความคิดมากมาย ไคลน์เกือบจะหั่นเนื้อตัวเองและโยนให้อีกฝ่าย
แต่โชคยังดี มันฉุกคิดบางสิ่งได้ทัน
มันพกอาหารติดตัวมาด้วย!
สิ่งนั้นคือเห็ดตากแห้งที่แฟรงค์·ลีส่งมาถึง อีกฝ่ายระบุว่า เห็ดชนิดนี้เกิดจากการผสมข้ามสายพันธุ์ระหว่างเนื้อวัวและเลือดของนักบวชกุหลาบ ตราบใดที่มีปลาและน้ำ มันสามารถขยายพันธุ์ได้อย่างต่อเนื่อง
เนื่องจากเป็นพืชสายพันธุ์ใหม่ ไม่มีความเกี่ยวข้องกับนักบวชกุหลาบ ไคลน์จึงกล้าเก็บรวมไว้กับผงสมุนไพรที่ตนใช้ประจำอย่างบุปผาหลับใหล โดยไม่กังวลว่า ‘แก่นผนึก’ หลังประตูยานิสจะตรวจพบความผิดปรกติ
ฮัดเช่ย! หลังจากหนึ่งจามและหนึ่งกลิ้ง ไคลน์ล้วงหยิบเห็ดตากแห้ง โยนไปทางมิสเตอร์ A
บางทีอาจเป็นเพราะกลิ่นเนื้อ หรืออาจเป็นเพราะมีบางสิ่งเชื่อมโยงกับนักบวชกุหลาบ มิสเตอร์ A หยุดการพลิกหนังสือมายาทันที รีบคว้าเห็ดแห้งใส่ปากเคี้ยวและกลืนโดยไม่ลังเล
ความหิวกระหายในดวงตาบรรเทาลงหลายส่วน แต่สายตาที่มองมาทางไคลน์ยังไม่แปรเปลี่ยน
ไคลน์โยนเห็ดแห้งที่เหลือไปหาอีกฝ่าย และแน่นอน มิสเตอร์ A รีบคว้าและกินจนหมด
สายตาของมันเริ่มคลายความอาฆาต หลังจากมองออกไปนอกหน้าต่างที่มีร่างเลือนรางเดินผ่านไปมา มิสเตอร์ A ถอยหลังกลับเข้าไปในมุมมืด ผสานเป็นหนึ่งเดียวกับเงา
ฟู่ว… ไคลน์ถอนหายใจเงียบ ถอยหนีไปอีกมุมหนึ่งของห้อง
มิสเตอร์ A ยังไม่ตายจริงๆ … ต้องยอมรับว่า ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ พลังของนักบวชกุหลาบช่วยได้มาก… โดยเฉพาะเรื่องที่สามารถเก็บเลือดเนื้อสำรองไว้ในร่างกาย นำออกมากินในยามจำเป็น เพียงเท่านี้ก็ช่วยยืดอายุขัยได้นาน… แน่นอน การที่มิสเตอร์ A ยังไม่ถูก ‘ท่านหญิงสิ้นหวัง’ พานาเทียจัดการ ก็พอจะบอกได้ว่าชายคนนี้แข็งแกร่ง… อย่างไรก็ตาม พลังครึ่งเทพที่มิสเตอร์ A มันบันทึกไว้ในหนังสือ ป่านนี้คงถูกใช้ไปเกือบหมด… ไคลน์ครุ่นคิดหลายสิ่ง เรียบเรียงคำพูดเพื่อถามหยั่งเชิงอีกฝ่าย
“มีเบาะแสในการหลบหนีหรือยัง?”
บรรยากาศยังคงเงียบ มิสเตอร์ A ไม่ยอมสนทนาด้วย
เสียสติไปแล้วจนคุยไม่รู้เรื่อง? ไคลน์ไตร่ตรองสักพัก พ่นชื่อหนึ่งออกจากมาก
“เลโอมาสต์”
นี่คือชื่อของ ‘นักบุญมืด’ แห่งชุมนุมแสงเหนือที่มีสองบุคลิก
หลังจากเงียบงันสักพัก ในที่สุดเสียงอันแหบพร่าของมิสเตอร์ A ก็ดังขึ้น
“ท่านถูกส่งมาที่นี่ด้วยหรือ?”
เป็นอย่างที่คิด หมอนี่สนใจแต่หัวข้อที่เกี่ยวกับชุมนุมแสงเหนือ… ไคลน์ตอบอย่างใจเย็น
“เปล่า… ชายคนนั้นถูกขังอยู่ในสมรภูมิแห่งเทพ”
โดยไม่รอคำตอบจากมิสเตอร์ A ไคลน์เสริมทันที
“ทำไมนายถึงไม่เข้าไปในวิหาร?”
มิสเตอร์ A พึมพำเสียงแหบพร่า
“ที่นั่นอันตราย… อันตรายมาก… ข้างนอกก็เช่นกัน… ทุกหนแห่งล้วนอันตราย ทุกคนที่เคยหายตัวไป จะโผล่ออกมาอีกครั้งในยามจันทร์แดงกระจ่าง”
ยังไม่ทันกล่าวจบ แสงจันทร์สีแดงเข้มที่ส่องลอดผ่านผ้าม่าน จางลงจากเมื่อครู่หลายเท่า