ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1123 : หลังการสำรวจ

ราชันเร้นลับ 1123 : หลังการสำรวจ

เหนือสายหมอกสีเทา หลังจากเห็นทีมสำรวจของเมืองเงินพิสุทธิ์เริ่มเดินทางกลับ และวังราชาคนยักษ์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มเติม ชายหนุ่มถอนหายใจยาวด้วยท่าทีอิดโรย

หลังจากรับชมถ่ายทอดสดนานเกือบสองชั่วโมง พลังวิญญาณของมันใกล้ถึงขีดจำกัด ทนได้อย่างมากไม่เกินสิบห้านาที

“การสำรวจคราวนี้ทำกำไรเหนือจินตนาการของเราไปมาก…เหมาะสมแล้วที่จะมอบสูตรโอสถอัศวินสีเงินให้เมืองเงินพิสุทธิ์” ไคลน์ลูบหน้าผากพร้อมกับใช้ความคิด “อา…ด้วยข้อมูลทางประวัติศาสตร์ที่เข้มข้น เราคงย่อยโอสถปราชญ์โบราณทันทีที่ดื่มเข้าไป…แต่ปัญหาคือ ปัจจุบันเรายังย่อยโอสถจอมเวทพิสดารไม่เสร็จ”

พิจารณาจากการตอบรับในช่วงที่ผ่านมา ข่าวลือเกี่ยวกับตำนานภูตผีช่วยได้มากทีเดียว…หากมิสเมจิกเชี่ยนเขียนนิยายเสร็จและตีพิมพ์เมื่อใด ใช้เวลาบ่มเพาะสักพักก็น่าจะสมบูรณ์…

แต่เธอเพิ่งเริ่มเขียนได้แค่ไม่กี่วัน ต้นฉบับจะเสร็จตอนไหน…

ทำไมเธอถึงไม่ทำงานหนักขึ้นอีกวันละสองสามชั่วโมง?

ครั้งหน้าที่ไปรับ เราจะกำชับเรื่องนี้…

ทันใดนั้น ไคลน์ฉุกคิดบางสิ่งได้ นั่นคือเรื่องที่มันยังค้างค่าตอบแทนของแอนเดอร์สันในภารกิจระบุตำแหน่งพลเรือโทโรคภัย

รอให้หมอนั่นช่วยเดนิสกลายเป็น ‘นักวางแผน’ ก่อนก็แล้วกัน…นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของสัญญา…พิธีกรรมเลื่อนลำดับของ ‘อัศวินเลือดเหล็ก’ นั้นไม่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะกับ ‘นักล่า’ …ต้องใช้นักล่าที่เก่งกาจการยั่วยุและวางแผน สร้างทีมด้วยสมาชิกอย่างน้อยสามสิบคนและสร้างมิตรภาพร่วมกัน พัฒนาให้ทุกคนแข็งแกร่ง ร่วมมือเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เมื่อถึงระดับที่มองตาก็รู้ใจ ให้ดื่มโอสถเข้าไป…ยิ่งทีมแข็งแกร่งและมีสายสัมพันธ์แน่นแฟ้นมากเท่าใด ประสิทธิภาพของพิธีกรรมก็ยิ่งยอดเยี่ยม…

เมื่อเห็นทีมสำรวจเมืองเงินพิสุทธิ์เดินทางกลับอย่างปลอดภัยมาได้สักพักระยะ ไคลน์ตัดสินใจออกจากมิติเหนือสายหมอก ทิ้งตัวเองลงบนเตียงและหลับฝันดี

ในค่ายหมู่บ้านยามบ่าย หลังจากพักผ่อนฟื้นฟูร่างกาย ในที่สุดสีหน้าของเดอร์ริคก็กลับมามีกำลังวังชา ไม่ซีดเผือดอีกต่อไป

ขณะกำลังกินขนมปังหญ้าผิวดำ ร่างหนึ่งโผล่ขึ้นจากเงาด้านนอกประตูและกล่าวเสียงแผ่ว

“เดอร์ริค เจ้าเมืองเรียกพบ”

“ครับ” เดอร์ริคยืนขึ้นตามสัญชาตญาณ “ขอบคุณครับ”

มันเตรียมใจจะเข้าพบเจ้าเมืองและส่งมอบสูตรโอสถอัศวินสีเงินอยู่แล้ว

หลังจากผู้ส่งสารกลับเข้าไปในเงามืด เด็กหนุ่มเดินออกจากประตูห้องพักและตรงมายังลานกว้างภายในค่ายที่มีกองไฟสว่าง

เดอร์ริคเห็นสมาชิกที่ไม่ได้เข้าร่วมทีมสำรวจวังราชา จับกลุ่มสองสามคนและพูดคุยบางสิ่งด้วยสีหน้าตื่นเต้น

ทุกคนได้ทราบแล้วว่า สามารถมองเห็นทะเลได้จากวังราชาคนยักษ์ นั่นแปลว่าทะเลต้องอยู่ไม่ไกล หากค้นพบเส้นทางที่ถูกต้องก็สามารถไปถึงได้ในเวลาอันสั้น

นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญในการต่อลมหายใจของเมืองเงินพิสุทธิ์ นับตั้งแต่การค้นพบคนนอกอย่างแจ็ค

ชาวเมืองเงินพิสุทธิ์ซึ่งถือครองเส้นทางที่ใช้พลังรุ่งอรุณเป็นหลัก ในที่สุดก็ได้เห็นแสงแห่งรุ่งอรุณของจริง

ความอดทนและการรอคอยอันยาวนาน ในที่สุดก็ผลิดอกออกผล

เดอร์ริคเข้าใจหัวอกของทุกคน เพราะมันก็เคยคิดแบบเดียวกัน ทว่า หลังจากได้ฟังเรื่องราวเกี่ยวกับ ‘ซากสมรภูมิเทพ’ ของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ เด็กหนุ่มตระหนักได้ทันทีว่าการเดินทางไปอีกฟากหนึ่งของทะเลไม่ใช่เรื่องง่าย

เหนือสิ่งอื่นใด การที่เทวทูตมืด ซาสเรียหลับใหลอยู่ในวังพำนักของราชาคนยักษ์และปิดกั้นเส้นทางสำคัญ คือปัญหาที่ยังแก้ไม่ตกในปัจจุบัน

ได้แต่หวังว่ามิสเตอร์ฟูลจะอวยพร…อา…แม้แต่เด็กชายแจ็คก็ยังเข้ามาถึงซากปรักหักพังของวิหารได้ หมายความว่ายังมีเส้นทางเข้าออกอื่นนอกจากวังราชาคนยักษ์อยู่…เดอร์ริคแอบหวังเล็ก ๆ พลางเดินอ้อมกองไฟไปยังห้องเจ้าเมืองที่อยู่อีกฝั่ง

ทันใดนั้น มันเห็นใครบางคนกำลังนั่งเงียบใต้เงาก้อนหินใหญ่

เป็นชายวัยยี่สิบ สูงกว่าเดอร์ริคมาก ถือกำไลข้อมือสีทองที่ห้อยกระดิ่งเล็กสามใบ ดวงตากำลังเหม่อลอย

เดอร์ริคจำหน้าได้ เพราะอีกฝ่ายคือสามีของแอนเทียน่า โดโลเรส อัศวินรุ่งอรุณลำดับ 6

ในเมืองเงินพิสุทธิ์ ก่อนอายุสิบแปด ทุกคนสามารถมีความรักได้อย่างอิสระ แต่หากอายุถึงสิบแปดแล้วยังไม่ได้แต่งงาน จะถูกจัดแจงให้แต่งงานกับเพศตรงข้ามทันที เช่นเดียวกันกับพ่อหม้ายแม่หม้ายที่เป็นโสดเกินกว่าสามปี

นี่คือมาตรการสำหรับรักษาจำนวนประชากร แม้จะฟังดูขัดต่อหลักสิทธิมนุษยชน แต่สำหรับเมืองเงินพิสุทธิ์ที่ต้องดิ้นรนในความมืด พวกมันไม่มีทางเลือกมากนัก แถมวิธีนี้ยังช่วยให้ทุกคนมีเครือญาติที่ค่อนข้างใหญ่ ลดโอกาสตายโดยไม่ถูกญาติฆ่าจนกลายเป็นวิญญาณมาร

โดโลเรสและแอนเทียน่าเป็นเพื่อนบ้านบนถนนเส้นเดียวกัน รู้จักกันตั้งแต่ยังเด็ก มีความรู้สึกดี ๆ ให้กันเสมอ จนกระทั่งตกลงคบหากันหลังจากเข้าร่วมภารกิจลาดตระเวนในทีมเดียวกัน และในภายหลังได้พัฒนาไปเป็นสามีภรรยา

เนื่องจากเห็นว่าลูกยังเล็ก โคลิน·อีเลียดจึงทิ้งหนึ่งคนไว้ในค่าย และให้อีกหนึ่งคนเข้าร่วมทีมสำรวจวังราชาคนยักษ์

ในแง่หนึ่ง เดอร์ริคไม่มีปัญหากับการจัดทีมของเจ้าเมือง แต่อีกแง่หนึ่งก็รู้สึกเศร้าเมื่อได้เห็นท่าทีที่โดโลเรสแสดงออก ราวกับมองเห็นตัวเองเมื่อครั้งต้องฆ่าพ่อแม่กับมือ

นับตั้งแต่ออกเดินทางจนกระทั่งกลับถึงค่าย ระยะเวลาผ่านไปเพียงครึ่งวัน แต่สำหรับโดโลเรส ชีวิตของมันพลิกผันโดยสิ้นเชิง

หลังจากเงียบไปพักหนึ่ง เดอร์ริคถอนสายตากลับและเดินต่อ ย่างก้าวหนักแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว

พร้อมกันนั้น มันฉุกคิดถึงข่าวลือในอดีต:

คนเลี้ยงแกะโลเฟียร์เคยมีสามี แต่เสียชีวิตระหว่างภารกิจสำรวจ เดิมที เรื่องทำนองนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนและไม่ควรค่าแก่การรื้อฟื้น แต่สิ่งที่พิเศษออกไปก็คือ ทีมสำรวจซากปรักหักพังทุกคนที่กลับมาพร้อมกับเธอ ในภายหลังได้กลายเป็นบ้าทั้งหมด ส่งผลให้มีข่าวลือประหลาดแพร่กระจายภายในเมืองเงินพิสุทธิ์:

ระหว่างภารกิจสำรวจ อาวุโสโลเฟียร์กินสามีของเธอเข้าไป!

ท่ามกลาง ‘ค่ำคืน’ ที่มีความถี่สายฟ้าต่ำ อากาศภายนอกค่อนข้างเย็น เดอร์ริคที่ตัวสั่นเทารีบสลัดความคิดฟุ้งซ่าน หันกลับมาสนใจทางเดินตรงหน้า

มันเร่งฝีเท้าจนกระทั่งถึงจุดหมายในเวลาไม่นาน ยกมือขึ้นมาเคาะประตู

“เข้ามา” โคลิน·อีเลียดกล่าวเสียงแผ่ว

เดอร์ริคเดินเข้าไป พบเจ้าเมืองแต่งกายในเสื้อลินินและเสื้อนอกสีเข้ม กำลังเช็ดดาบทั้งสองเล่มด้วยน้ำมัน

โคลิน·อีเลียดไม่หยุดมือ เพียงเงยหน้าขึ้นและกล่าวกับเดอร์ริคที่ประตู

“คุณมีความเห็นอย่างไรบ้างกับภารกิจสำรวจครั้งล่าสุด”

เจ้าเมืองอยากถามอะไรมิสเตอร์ฟูล? เดอร์ริคซึ่งได้รับอิทธิพลทางความคิดมาจากแฮงแมน เกิดคำถามโดยสัญชาตญาณ

เมื่อมิอาจถอดรหัสความนัยแฝงของเจ้าเมือง เดอร์ริคตัดสินใจปิดประตูและตอบอย่างสุขุม

“อาจมีเส้นทางอื่นที่นำไปสู่ทะเล…วังราชาคนยักษ์อาจเป็นเส้นทางหลัก แต่ที่นั่นก็อันตรายเกินไป พวกเราต้องการข้อมูลเพิ่มเติม”

โคลิน·อีเลียดพยักหน้า

“ราชาเทวทูตสมคบคิดกับตัวตนระดับทวยเทพเพื่อ…ต่อต้านพระองค์? และความสำเร็จของพวกท่าน ส่งผลให้ดินแดนแห่งนี้ถูกทอดทิ้ง?”

แม้เดอร์ริคจะไม่เคยได้ยินคำอนุมานเช่นนี้มาก่อน แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะสรุปผล หลังจากได้ฟังข้อมูลมากมายภายในชุมนุมทาโรต์

“ครับ น่าจะเป็นแบบนั้น”

โคลินเงียบงัน กระทั่งมือที่เช็ดดาบก็ยังขยับช้าลง

ไม่กี่วินาทีถัดมา มันวางมือจากทุกสิ่งและเดินสองสามก้าวมาทางเด็กหนุ่ม

“เหล่าผู้สมคบคิดยังคงเคลื่อนไหวอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเล?”

เดอร์ริคเงียบไปสักพัก

“ใช่ครับ…แต่ก็ไม่มากนัก”

โคลิน·อีเลียดพยักหน้า เป็นนัยว่าไม่มีอะไรจะถาม

เดอร์ริครีบพูด

“ท่านเจ้าเมือง ในตอนที่ผู้พิฆาตแสง เมิร์สกอร์กอนเสียชีวิต ผมได้รับสูตรโอสถที่ไม่สมบูรณ์ของอัศวินสีเงิน… ประกอบด้วยวัตถุดิบเสริมและพิธีกรรมสำหรับเลื่อนลำดับ”

เมื่อกล่าวจบ เดอร์ริคทราบทันทีว่าตนโกหกได้ห่วยแตก ไม่ว่าใครก็มองออก เพราะในเหตุการณ์ดังกล่าว มันเอาแต่ปิดตาสนิท

แต่มันก็คิดข้ออ้างที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว

ถ้าเป็นมิสเตอร์แฮงแมน เขาต้องคิดคำแก้ตัวได้ดีกว่านี้แน่…ขณะเดอร์ริคครุ่นคิด มันได้ยินเสียงเจ้าเมือง

“เยี่ยมมาก…มีอะไรบ้าง?”

“…” เดอร์ริคผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบอธิบายพิธีกรรมและวัตถุดิบเสริม

นักล่าปีศาจโคลินฟังอย่างเงียบงัน ตามด้วยถอนหายใจยาว

“ผลงานของคุณในคราวนี้…มหัศจรรย์มาก…เมืองเงินพิสุทธิ์จะมีอนาคตสดใสอย่างที่ไม่เคยเป็น ขีดจำกัดของพวกเราจะกลายเป็นลำดับสามไม่ใช่แค่ลำดับสี่อีกต่อไป…ภายในขอบเขตบางอย่าง ความเสี่ยงของภารกิจจะลดลงอย่างมาก”

เมื่อขีดจำกัดของเส้นทางกลายเป็นลำดับสามทำไมความเสี่ยงถึงลดลงแค่ในบางขอบเขต? แม้เดอร์ริคจะร่วมยินดี แต่มันก็ไม่เข้าใจคำพูดอีกฝ่าย

แต่มันทราบดี ตนยังไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้เรื่องนั้น จึงเก็บความสงสัยไว้ปรึกษากับชุมนุมทาโรต์ในภายหลัง

เด็กหนุ่มกล่าวคำอำลาและหันหลังเปิดประตู

“เดอร์ริค…” โคลิน·อีเลียดเรียกหยุดไว้

เดอร์ริคมองกลับไปด้วยความฉงน และพบว่าสีหน้าของเจ้าเมืองค่อนข้างเคร่งขรึม

โคลินเงียบไปสักพักก่อนจะส่ายหน้า

“ระวังโลเฟียร์”

“ครับ ท่านเจ้าเมือง” เดอร์ริคตอบด้วยความจริงใจ

กรุงเบ็คลันด์ เขตเหนือ

จากคฤหาสน์กวางมูส เฮเซลเดินทางกลับเข้าเมืองด้วยรถม้า เตรียมแวะไปยัง ‘กองทุนการกุศลเพื่อการศึกษา’ เพื่อพบมิสออเดรย์และปรึกษาเกี่ยวกับการบริจาค ความช่วยเหลือ และเรื่องอื่น ๆ

หลังจากได้พบปะกันหลายหน เธอค่อนข้างประทับใจสตรีสูงศักดิ์รายนี้ รู้สึกว่าอีกฝ่ายมีบรรยากาศผ่อนคลาย นอกจากนั้น อารมณ์แปลกประหลาดที่คอยก่อตัวภายในใจ มักจะบรรเทาลงทุกครั้งที่ได้พบกัน ความทรงจำที่เคยลืมเลือนก็ฟื้นกลับคืนมาทีละนิด

เราน่าจะเคยมีอาจารย์…เกิดอะไรขึ้นในตอนนั้น? เพียงแค่นึกถึง เราก็ตัวสั่นทันที…เฮเซลมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยแววตาเศร้าสร้อย

รถม้าของเธอกำลังแล่นผ่านถนนเบิร์คลุน

ทันใดนั้น ชายคนหนึ่งที่แต่งกายในชุดบุรุษไปรษณีย์ ขี่จักรยานตัดหน้ารถม้าด้วยท่าทีผ่อนคลาย

เฮเซลสำรวจอีกฝ่ายหัวจรดเท้าและพบกับแว่นตาขาเดียวที่ตาข้างขวา

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท