ไคลน์ไม่มีเวลามัวคิดเล็กคิดน้อย ทันทีที่เข้าสู่สถานะ ‘ปกปิด’ ชายหนุ่มสั่งให้ ‘ผู้ชนะ’ เอ็นยูนสลับตำแหน่งกับหุ่นเชิดใหม่ที่เป็นอดีตโจรสลัด
ทันทีหลังจากนั้น มันกระตุ้นยุบพองหิวโหยและพาหุ่นเชิดเอ็นยูนกับโจนาสไปยังสุสานในแคว้นอาโฮว่า
เนื่องจากภาพฉายทางประวัติศาสตร์จะถูกดึงออกมาได้มากที่สุดเพียงสามภาพในเวลาเดียวกัน ไคลน์จึงไม่มีทางเลือกนอกจากใช้ร่างจริงพาหุ่นเชิดมาด้วย เพราะถ้าส่งภาพฉายทางประวัติศาสตร์มาแทน นั่นจะเป็นการสิ้นเปลือง ‘โควตา’ ที่สำคัญสำหรับอัญเชิญภาพฉายอื่น ส่วนหุ่นเชิดที่ยังหลงเหลือในจัตุรัสรำลึก มันจะไม่ตายในทันที ยังมีชีวิตอยู่ได้อีกราวครึ่งชั่วโมงในสภาพเหม่อลอย แต่ก็ไม่ใช่สถานะที่ผิดปกติในการฟังสุนทรพจน์ และต่อให้ไคลน์ไม่กลับไป ก็จะมีถุงมือแดงจากโบสถ์รัตติกาลมาช่วยเก็บกวาดให้
ขณะเดียวกันด้านนอกสุสานลับในแคว้นเชสเตอร์ตะวันออก แบร์นาแดตซึ่งสวมชุดสีเหลืองของเด็กสาวและหมวกอ่อนสีดำทรงโบราณ ถูกรายล้อมด้วยเถาวัลย์ที่งอกเงยจากความว่างเปล่า
ผมยาวสีเกาลัดของเธอถูกปล่อยลงตามธรรมชาติ คิ้วยาวตรงได้สัดส่วน ดวงตาคล้ายกับอัดแน่นไปด้วยน้ำทะเลสีคราม
จ้องมองกำแพงภูเขาตรงหน้า ราชินีเงื่อนงำยื่นมือขวาออกไปพร้อมกับสร้างสัญลักษณ์จากความว่างเปล่า
เพียงตวัดปลายนิ้ว หยดเลือดสีแดงสดที่ดูคล้ายกับอัญมณีเลอค่า ไหลออกจากความว่างเปล่าและแข็งตัว
เพียงพริบตาสัญลักษณ์ซับซ้อนที่เกิดจากการเรียงทับของ ‘ประตู’ ถูกวาดเสร็จ พวกมันสั่นระริกราวกับกำลังเชื่อมต่อเข้ากับที่ใดสักแห่ง
ไม่กี่อึดใจถัดมา สัญลักษณ์โลหิตขยายตัวกลายเป็นประตูมายาโปร่งแสง มองเข้าไปด้านในจะเห็นสุสานขนาดใหญ่ที่สร้างจากหินสีดำ
แบร์นาแดตย่างกรายเข้าไปทันที ผ่านกรอบประตูมายาจนกระทั่งบรรยากาศกลายเป็นมืดสลัว
แสงสว่างส่องมาจากเสาหินทั้งสองฝั่งทางเดินและตะไคร่น้ำประหลาดที่เกาะอยู่บนกำแพง พวกมันช่วยกันมอบแสงสว่างจนเธอสามารถมองเห็นสุสานลับที่ตั้งอยู่ภายในสายหมอกด้านล่าง
สัญลักษณ์ของมิสเตอร์ประตูใช้ได้จริง!
ทันใดนั้นพิธีกรรมบางอย่างถูกประกอบขึ้นอย่างรวดเร็วในชั้นใต้ดิน ส่งผลให้จุดแสงเริ่มทยอยมารวมตัวกันและควบแน่นกลายเป็นร่างหนึ่งกลางอากาศ
ร่างดังกล่าวมีคางเหลี่ยม ผมสีดำ ดวงตาสีฟ้า จมูกโด่ง เคราดกหนา สีหน้าแววตาเคร่งขรึม
รูปลักษณ์เช่นนี้นับว่าคุ้นตาชาวโลเอ็นเป็นอย่างมาก เพราะเหมือนกับใบหน้าที่ถูกพิมพ์บนธนบัตรสิบปอนด์ทุกประการ และแน่นอน ต่อให้คนที่ไม่เคยจับธนบัตรสิบปอนด์มาก่อน ก็ต้องเคยเห็นรูปปั้นที่มีใบหน้าดังกล่าวตามสถานที่สำคัญของอาณาจักร เช่นจัตุรัสรำลึก
ผู้ก่อตั้งและผู้พิทักษ์ของอาณาจักรโลเอ็น ปฐมกษัตริย์ วิลเลียมออกัสตัสที่หนึ่ง
ตัวตนที่สมควรถูกเรียกว่า ‘ท่าน’ !
อาศัยความช่วยเหลือจากพิธีกรรม ท่านสามารถหายตัวจากเบ็คลันด์มาปรากฏกายที่นี่ได้ในพริบตา!
สีหน้าแบร์นาแดตยังคงเรียบเฉย เพียงพลิกฝ่ามือ สมบัติชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้น
วัตถุดังกล่าวมีสีทอง รูปทรงคล้ายกาน้ำใบเล็ก มีไส้เทียนยื่นออกจากปากกา
ทันทีที่มือขวาของแบร์นาแดตถูไถไปบนผิววัตถุที่ปกคลุมด้วยสัญลักษณ์ซับซ้อน ไส้ตะเกียงลุกไหม้เงียบงัน
ละอองแสงที่สว่างขึ้นดูคล้ายกับไอน้ำที่ลอยสูง ก่อตัวเป็นร่างสีทองซีดอันพร่ามัวและบิดเบี้ยว
“ผู้เป็นนิรันดร์แห่งตะเกียงวิเศษเอ๋ย ความปรารถนาที่สองของข้าคือได้รับความแข็งแกร่งของ ‘จักรพรรดิความรู้’ เป็นเวลาหนึ่งวัน” แบร์นาแดตฉวยโอกาสที่วิลเลียมออกัสตัสยังเคลื่อนย้ายร่างกายไม่สมบูรณ์ กล่าวเป็นภาษาคนยักษ์ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สมบัติที่อยู่ในมือเธอมีชื่อว่า ‘ตะเกียงวิเศษประทานพร’ กล่าวกันว่ามาจากยุคสมัยที่หนึ่ง ถึงแม้เจ็ดโบสถ์หลักจะไม่เคยครอบครองสิ่งนี้ แต่มันก็มีรหัสของสมบัติปิดผนึก
ศูนย์-ศูนย์ห้า!
สมบัติชิ้นนี้สามารถบรรลุความปรารถนาของผู้ถือได้สิบข้อ แต่จะมาในรูปแบบที่บิดเบี้ยวและเต็มไปด้วยผลลัพธ์ที่ยากจะคาดเดา
ไม่เคยมีอดีตเจ้าของคนใดเผชิญจุดจบที่ดี ไม่เว้นแม้แต่โรซายล์กุสตาฟ
มหาจักรพรรดิได้ตักเตือนบุตรสาวของตนว่า สำหรับพรสองข้อแรก ต้องไตร่ตรองคำพูดให้รอบคอบและเตรียมการอย่างถี่ถ้วนเสียก่อน แต่ห้ามขอพรข้อที่สามเด็ดขาด ไม่ว่ายังไงก็ห้าม!
…
แคว้นอาโฮว่า ใกล้กับสุสานลับ ไคลน์มาเยือนที่นี่อย่างเงียบงันโดยปราศจากพิรุธ
แม้ว่าเวลาจะกระชั้นชิดเข้ามา แต่ชายหนุ่มก็มิได้บุ่มบ่ามบุกเข้าไปในสุสานอย่างประมาท เพียงเหยียดแขนขวาจับอากาศตรงหน้า
หลังจากทำแบบเดิมซ้ำห้าครั้ง กล้ามเนื้อแขนไคลน์พลันหดเกร็งประหนึ่งกำลังดึงวัตถุที่หนักมาก
เมื่อดึงมือขวากลับ ร่างหนึ่งถูกวาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
ร่างดังกล่าวมีผิวสีแทน รูปร่างสันทัด ผมสีดำ ดวงตาสีน้ำตาล ใบหน้าอ่อนโยนและมีไฝเม็ดเล็กใต้ติ่งหูขวา ไม่ใช่ใครนอกจากอะซิกอายเกส
ทว่าแตกต่างจากอะซิกที่ไคลน์รู้จัก ร่างดังกล่าวมีดวงตาเย็นชาสุดขีด แต่งกายในเสื้อคลุมสีดำเข้มปักด้ายสีทอง เหนือศีรษะสวมมงกุฎรูปนกที่สร้างจากทองคำ สายตามองต่ำราวกับกำลังดูแคลนสิ่งมีชีวิตทั้งปวง
นี่คืออดีตกงสุลมรณะ เทวทูตลำดับสอง!
ไคลน์ไม่มัวจ้องมอง เหยียดแขนจับอากาศอีกครั้ง
ในหนนี้ คล้ายกับมันไม่ได้จับสิ่งใดออกมา แต่ในความจริงเป็นการเรียกตัวเองเมื่อสิบวินาทีที่แล้วซึ่งอยู่ในสถานะถูกปกปิด!
จากนั้น ไคลน์โยนขวดโลหะให้ภาพฉายตัวเองก่อนจะหายตัวเข้าไปในช่องว่างประวัติศาสตร์
สติฟื้นคืนมาอยู่ในร่างอดีตด้วยความคล่องแคล่ว
ไคลน์ในสถานะปกปิด นำกงสุลมรณะอะซิก ไปยังที่ตั้งสุสานลับซึ่งมองไม่เห็นทางเข้า จากนั้นก็หยิบขวดโลหะเมื่อครู่และใช้พลังวิญญาณดึงเลือดสีแดงสดราวกับอัญมณีออกมา วาดเป็นสัญลักษณ์สีแดงของมิสเตอร์ประตูกลางอากาศอย่างว่องไว
สัญลักษณ์เสร็จสมบูรณ์อย่างรวดเร็ว เชื่อมต่อกับบางจุดภายในสุสานและขยายตัวเป็นประตูมายา
ไคลน์ในสถานะปกปิดและกงสุลมรณะอะซิก เดินผ่านกรอบประตูส่งตัวเองเข้าไปในสุสานปลายทาง
ขณะเดียวกันบรรดาเวรยามต่างตระหนักถึงผู้บุกรุกและเริ่มประกอบพิธีกรรม แต่สิ่งที่พวกมันเห็นกลับมีเพียงกงสุลมรณะซึ่งก้มมองทุกคนด้วยสายตาดูแคลน
ที่ใดสักแห่งภายในกรุงเบ็คลันด์ ขณะอดีตยุคแห่งนันวีลล์ ดริงก์ออกัสตัส เตรียมใช้เส้นทางที่เปิดออกโดยพิธีกรรมเพื่อมุ่งหน้าไปยังสุสานลับปลายทาง ชายที่อยู่ด้านข้างขมวดคิ้วและโพล่งขึ้น
“นั่นมันอะซิกอายเกส…ไม่สิ ท่าทีแข็งเกินไป คล้ายกับภาพฉายทางประวัติศาสตร์ที่ปราชญ์โบราณของลัทธิเร้นลับเรียกออกมา…งานนี้ให้ข้าจัดการเอง ท่านอยู่ที่นี่เพื่อคอยรับมือกับปราชญ์โบราณที่อาจซ่อนตัวในความมืด แม้พวกมันจะยังไม่ใช่เทวทูตแต่ก็น่ารำคาญพอตัว”
ดริงก์ออกัสตัส ชายชราซึ่งค่อนข้างเย่อหยิ่ง ผมสีดำมีสีเงินแซมพอประมาณ ใบหน้าเกลี้ยงเกลาแสยะยิ้มหลังจากได้ยิน
“ปราชญ์โบราณก็อยู่ด้วยกันไม่ใช่หรือ? แม้จะเป็นสถานะปกปิด แต่ข้าสัมผัสได้จากความผิดปรกติรอบตัว…เจ้านั่นกำลังตบตาเรา ทำให้เราเข้าใจว่าเป็นการหลอกโจมตีที่นี่ด้วยภาพฉายทางประวัติศาสตร์ ส่วนตัวจริงเตรียมโจมตีสุสานอื่น…แต่ความจริงแล้วกำลังซ่อนตัวอยู่ข้างภาพฉายของอะซิก รอจนกระทั่งพวกเรานำกำลังหลักไปไว้ที่อื่น มันจะอาศัยสถานะปกปิดลอบเข้าไปทำลายสุสาน…นอกจากนั้นไม่ว่าตัวจริงจะอยู่ด้วยกันหรือไม่ แต่ในเมื่ออีกฝ่ายอัญเชิญภาพฉายระดับเทวทูตออกมาแล้ว ต่อให้เจ้าใช้งานสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์ แต่การกำจัดทิ้งก็ไม่ใช่เรื่องง่าย หากการต่อสู้ส่งผลกระทบไปถึงสุสาน สิ่งที่พวกเราทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า…และถึงอีกฝ่ายจะหลอกสามชั้นด้วยการนำตัวจริงไปบุกสุสานอื่น เจ้านั่นก็คงอัญเชิญเทวทูตตนใหม่ออกจากช่องว่างประวัติศาสตร์ไม่ได้แล้ว ส่งผลให้เจ้าจัดการได้ค่อนข้างง่าย”
ขณะกล่าววรรคแรก ดริงก์ออกัสตัสได้เดินผ่านประตูที่เปิดจากพิธีกรรมเข้าไปแล้ว ส่วนรายละเอียดช่วงหลังเป็นการพูดผ่านภาพมายาที่ยังตกค้างอยู่
ภายในสุสานลับแห่งแคว้นอาโฮว่า อะซิกอายเกสซึ่งมีสีหน้าเฉยเมยและเย็นชา ชำเลืองไปรอบตัวก่อนจะขยายร่างกลายเป็นงูยักษ์ซึ่งปกคลุมพื้นที่ว่างด้านบนสุสาน
งูยักษ์ดังกล่าวดูกึ่งมายากึ่งจริง คล้ายกับก่อตัวจากสิ่งที่มนุษย์มิอาจทำความเข้าใจ ร่างกายทุกส่วนปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีเขียวเข้มขนาดใหญ่ ตามซอกเกล็ดมีขนนกสีขาวงอกแซม บนเกล็ดอัดแน่นด้วยสัญลักษณ์ประหลาดที่มีรูปร่างแตกต่างกัน เพียงจ้องมองด้วยตาเปล่าก็มากพอจะทำให้คนเป็นเปลี่ยนเป็นซอมบี้
นี่คือ ‘เทพงูขนนก’ ในตำนานทวีปใต้ เบ้าตาลุกโชนด้วยเพลิงสีซีด ปีกขนาดมหึมาแผ่ออกจากแผ่นหลัง
ท่ามกลางเสียงสายลม งูขนนกที่กำลังลอยกลางอากาศ โน้มตัวไปด้านหน้าพร้อมกับพ่นเพลิงสีซีดออกมาปกคลุมสุสาน
…แม้ภาพฉายทางประวัติศาสตร์ของมิสเตอร์อะซิกจะอ่อนแอกว่าตัวจริงพอสมควร แต่ก็ยังแข็งแกร่งมากอยู่ดี…สมแล้วที่เป็นบุตรแห่งเทพมรณา กงสุลมรณะแห่งจักรวรรดิไบลัม…ไคลน์ซึ่งเคยทดลองอัญเชิญบนเกาะ คาดไม่ถึงว่าอะซิกอายเกสในร่างอดีตจะแข็งแกร่งขนาดนี้
ในเวลาเดียวกัน ละอองแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งมาจากส่วนลึกของสุสาน ส่งผลให้เปลวไฟสีซีดชะงักงัน มิอาจพุ่งไปข้างหน้าได้มากกว่าเดิม
วินาทีถัดมาละอองแสงก่อตัวเป็นร่างมนุษย์ ไม่ใช่ใครนอกจากเทวทูตลำดับสอง ‘ผู้สร้างสมดุล’ ดริงก์ออกัสตัส
เมื่อเห็นอีกฝ่าย ไคลน์ในสภาพถูกปกปิดพลันเปลี่ยนท่าทีกลายเป็นแข็งทื่อและไร้ชีวิตชีวา เคลื่อนไหวจากสัญชาตญาณได้เพียงอย่างเดียว เนื่องจากจิตของไคลน์ถูกส่งกลับไปยังช่องว่างประวัติศาสตร์ซึ่งอยู่นอกสุสานลับเรียบร้อยแล้ว
จากนั้นชายหนุ่มเทเลพอร์ตไปยังด้านนอกสุสานลับทางตอนล่างของแม่น้ำทัสซอค หยิบขวดโลหะอีกใบออกมาพร้อมกับใช้พลังวิญญาณวาดสัญลักษณ์สีแดง
เพียงพริบตา สัญลักษณ์เลือดเสร็จสมบูรณ์และกลายเป็นประตูมายา ไคลน์กับหุ่นเชิดโจนาสและเอ็นยูนพากันย่างกรายเข้าไป
แน่นอนว่าในแม่น้ำและป่าด้านนอก ไคลน์เปลี่ยนหลายชีวิตให้เป็นหุ่นเชิดเตรียมรอไว้แล้ว
…
ใกล้กับโบราณสถานหมายเลขหนึ่งแถบชานเมืองเบ็คลันด์ ร่างหนึ่งออกจากสถานะล่องหน
ผมสีดำขลับ ใบหน้ากลมกลึงและอ่อนโยน เจือความอ่อนหวานเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวน่าหลงใหล ไม่ใช่ใครนอกจากแม่มดทริสซี่
หลังจากทริสซี่เข้าใกล้โบราณสถานหมายเลขหนึ่ง เธอหยิบขวดโลหะออกมาและใช้เลือดด้านในวาดสัญลักษณ์ของมิสเตอร์ประตู
ประตูมายาก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว
…………………………