เป็นมิตร? เมื่อได้ยินคำถามเกอร์มัน สแปร์โรว์ ฟอร์สแทบไม่เชื่อหู
ภาพของศีรษะมิสเตอร์เอกซ์ที่เต็มไปด้วยรอยแตกร้าว ความเหวอะหวะและคราบเลือด ปรากฏขึ้นภายในใจหญิงสาว
ขณะฟอร์สกำลังเรียบเรียงคำพูด จัสติส ออเดรย์ชำเลืองไปทางด้านข้างเล็กน้อยก่อนจะยิ้มให้เดอะเวิร์ล
“สิ่งที่จะทำให้ตระกูลอับราฮัมสัมผัสถึงความเป็นมิตรจากคุณ ไม่ใช่การกระทำของคุณ แต่เป็นสิ่งที่มิสเมจิกเชี่ยนเขียนลงในจดหมาย”
นั่นสินะ… ถ้าเราไม่ไปปรากฏตัวต่อหน้าอาจารย์ของมิสเมจิกเชี่ยนโดยตรง อีกฝ่ายคงรู้จักเราได้จากข่าวลือและสิ่งที่เธอเขียนบอกในจดหมายเพียงอย่างเดียว… ตราบใดที่เธอเล่าเรื่องดีๆ เกี่ยวกับเรา ทางนั้นก็จะมองเราในแง่ดีโดยไม่สนใจความเป็นจริง… ไคลน์พบว่าตนสามารถตอบคำถามของตัวเองได้ทันทีหลังจากไตร่ตรองเพียงเล็กน้อย
“อะ…?” เมจิกเชี่ยน ฟอร์สเข้าใจบางส่วนในประโยคที่มิสจัสติสพูด แต่ไม่ใช่ทั้งหมด
จัสติส ออเดรย์ชำเลืองไปทางเฮอร์มิท เดอะสตาร์ และหันกลับมาหาฟอร์ส
“คุณต้องเขียนบรรยายความเป็นมิตรของมิสเตอร์เวิร์ลให้อาจารย์รับรู้ ไม่ต้องเป็นความจริงทุกเรื่องก็ได้”
“แล้วควรเริ่มจากตรงไหน” ฟอร์สถามกลับ
ไม่ใช่ว่าเธอแต่งเรื่องไม่เก่ง ตรงกันข้าม นี่คือหนึ่งในความถนัดและพรสวรรค์ของเธอ แต่ปัญหาคือ การเขียนจดหมายเพื่อโน้มน้าวใจคนไม่เหมือนกับการแต่งนิยาย หากได้รับคำแนะนำจากนักจิตวิทยามากประสบการณ์ เธอคงเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น
จัสติส ออเดรย์ร่างเนื้อหาจดหมายไว้ในใจแล้ว จึงตอบกลับอย่างไม่เร่งรีบ
“อาจารย์ของคุณต้องสังเกตเห็นการเลื่อนลำดับที่เร็วผิดปรกติของคุณแน่ และเมื่อผนวกเข้ากับความตายของมิสเตอร์เอกซ์ รวมถึงปัญหาปลีกย่อยด้านอื่น คงไม่ใช่เรื่องแปลกหากเขาจะหวาดระแวงสังคมผู้วิเศษที่คุณเข้าร่วม”
“ใช่” ฟอร์สพยักหน้าแผ่วเบาจนแทบมองไม่เห็น เป็นนัยยืนยันคำกล่าวของมิสจัสติส
หากอาจารย์ของเธอ โดเรียน เกรย์ อับราฮัมเป็นคนประมาทเลินเล่อ คงไม่มีชีวิตยืนยาวจนถึงทุกวันนี้แน่ อาจถูกชุมนุมแสงเหนือจับตัวหรือไม่ก็ตายด้วยน้ำมือกองกำลังฝ่ายอื่นที่สนใจตระกูลอับราฮัม
จัสติส ออเดรย์กล่าวต่อ
“ในสถานการณ์เช่นนี้ เขากลับยังติดต่อกับคุณ มอบความรู้ มอบสูตรโอสถ และจัดหาวัตถุดิบให้คุณ หมายความว่าในแง่หนึ่ง เขายอมรับในอุปนิสัยและตัวตนของคุณ แต่ในอีกแง่หนึ่ง เขาคาดหวังให้คุณล้วงความลับจากสังคมผู้วิเศษแสนอันตรายที่คุณเข้าร่วม คาดหวังให้คุณพัฒนาตัวเองจนกลายเป็นลำดับสี่… เราต้องฉกฉวยประโยชน์จากความคิดดังกล่าว”
เดิมทีออเดรย์ต้องการใช้คำว่า ‘อาศัย’ ที่ฟังดูเป็นมิตรกว่า ‘ฉกฉวย’ แต่หลังจากไตร่ตรองสักพัก เธอเลือกจะเผชิญหน้ากับความจริง
เมื่อเห็นเมจิกเชี่ยน ฟอร์สทำท่าตั้งใจฟังและจัดจ์เมนต์ เดอะสตาร์ และเฮอร์มิทกำลังรอคำพูดถัดไป ออเดรย์เม้มริมฝีปากล่างเล็กน้อย
“หลังจากที่กลับไป ให้คุณเขียนจดหมายถึงเขาและบอกว่าตัวเองกลายเป็นนักท่องเที่ยวเรียบร้อยแล้ว เพื่อทำให้อีกฝ่ายมีความสุขไปพร้อมกับประหลาดใจที่คุณเลื่อนลำดับได้รวดเร็วจนน่าทึ่ง… จากนั้นก็ตอบคำถามเขา เปรยว่าสุภาพบุรุษผู้ต้องการซื้อหนอนดวงดาวเคยเล่าว่า คำสาปโบราณของตระกูลอับราฮัมดูเหมือนจะมาจากตัวตนลึกลับที่ชื่อมิสเตอร์ประตู… นี่คือปัญหาที่อาจารย์ของคุณไม่เคยบอก แต่เขากำลังอยากทราบคำตอบเป็นอย่างมาก… ไม่ต้องสงสัยเลย เขาต้องหวาดกลัวสุภาพบุรุษคนดังกล่าวแน่นอน เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะทราบเรื่องที่คุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับตระกูลอับราฮัม… อย่างไรก็ตาม แม้ภายในใจต้องการหลีกให้ห่าง แต่ลึกๆ แล้วเขาก็ยังอยากทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคำสาปและวิธีแก้ไข… ขณะเดียวกัน การแลกเปลี่ยนผ่านจดหมายจะทำให้เขารู้สึกปลอดภัยในระดับหนึ่ง อย่างมากก็แค่ย้ายที่อยู่และเปลี่ยนตัวตน หรือเปลี่ยนวิธีรับจดหมายให้ซับซ้อนขึ้น แต่มีโอกาสสูงที่เขาจะยังไม่ตัดขาดการเชื่อมต่อ… รักษาความสัมพันธ์แบบนี้ไว้ ค่อยๆ เปิดเผยเนื้อหาสำคัญมากขึ้นทีละนิด ปลุกความอยากรู้อยากเห็นในตัวอาจารย์และฉวยโอกาสดังกล่าวสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้มิสเตอร์เวิร์ล จนกระทั่งอาจารย์ของคุณสัมผัสถึงความเป็นมิตร”
กล่าวจบ ออเดรย์เว้นวรรคและหันไปมองเกอร์มัน·สแปร์โรว์อีกครั้ง
หญิงสาวเล็งเห็นว่าเดอะเวิร์ลพยายามตีสนิทตระกูลอับราฮัมเพราะมีคำขอร้องบางอย่าง แต่เธอไม่ใช่นักพยากรณ์ และมิอาจอ่านความคิดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ จึงเป็นเรื่องปรกติที่จะคาดเดาไม่ได้
ไคลน์พยักหน้าพลางยิ้มเยือกเย็นให้เมจิกเชี่ยน
“หลังจากสายสัมพันธ์ดังกล่าวถูกสร้างขึ้น ผมมีบางสิ่งจะขอร้องอาจารย์คุณ โดยแลกกับคำสัญญาว่าขจัดคำสาปให้ตระกูลอับราฮัม”
จากข้อมูลของแม่มดทริสซี่ ไคลน์พอจะเล็งเห็นวิธีขจัดคำสาปให้ตระกูลอับราฮัม แต่ก็ไม่คิดจะใช้สิ่งนี้แลกเปลี่ยนกับสูตรโอสถจอมเวทท่องมิติหรือสมบัติปิดผนึกระดับศูนย์โดยตรง
แง่หนึ่งเพราะมูลค่าของทั้งสองสิ่งแตกต่างกันเกินไปจนไคลน์รู้สึกผิดในที แต่อีกแง่หนึ่งเพราะชายหนุ่มไม่อยากนำมิสเตอร์ประตูผู้ทรงพลังและอันตรายกลับมายังโลกความจริง มันไม่อยากเป็นต้นตอที่ทำให้ผู้บริสุทธิ์จำนวนมากเดือดร้อน
สิ่งที่ชายหนุ่มกำลังวางแผนคือ วิธีที่จะ ‘บรรเทา’ ความรุนแรงของคำสาปในระดับหนึ่ง กล่าวคือคำสาปจะยังคงอยู่ แต่จะไม่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันของตระกูลอับราฮัม และยังสามารถพัฒนาให้ดีขึ้นได้เล็กน้อย
อย่างนี้นี่เอง… ผู้วิเศษลำดับกลางถึงสูงของเส้นทาง ‘จิตใจ’ นั้นน่าทึ่งมาก สามารถชักนำให้ผู้คนทำในสิ่งที่ต้องการโดยไม่รู้ตัว… เมื่อเทียบกับครั้งแรกที่พวกเราได้พบเธอ มิสจัสติสเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน ทั้งน่าสะพรึงและน่าชื่นชม… เมจิกเชี่ยน ฟอร์ส ชำเลืองไปทางซิล อ่านสายตาและพบว่าอีกฝ่ายกำลังคิดแบบเดียวกัน
หญิงสาวไตร่ตรองสักพักก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดกับเดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์
“แล้วถ้าอาจารย์ของดิฉันปฏิเสธคำขอร้องของคุณ?”
เธอคิดว่าฉันจะเชือดเขาและขโมยของหรือไง? ไคลน์รำพันเป็นภาษาจีนกลาง
“ไม่ต้องห่วง ผมจะไม่ทำอันตรายกับเขา รวมถึงไม่ใช้วิธีบีบบังคับหรือข่มขู่”
ฟู่ว… แม้ว่ามิสเตอร์เวิร์ลจะน่ากลัว แต่เขารักษาสัญญาเสมอ… ฟอร์สพยักหน้าแผ่วเบา
“ไว้กลับไป ดิฉันจะเขียนจดหมายถึงอาจารย์ตามที่มิสจัสติสแนะนำ”
ไคลน์พยักหน้าและมองไปรอบตัว
“เชิญพวกคุณหารือเกี่ยวกับแผนการล่า”
แคทลียาเป็นฝ่ายเริ่ม
“ปัญหาใหญ่ที่สุดในปฏิบัติการนี้คือการตามหานักบุญเร้นลับ โบทิส”
ฟอร์สนึกทบทวนเหตุการณ์ที่เคยเผชิญหน้าโบทิส จากนั้นก็ยกมือขึ้น
“หากฉันขอยืมสมบัติปิดผนึกชิ้นดังกล่าวจากอาจารย์มาได้ ก็สามารถพกติดตัวและตระเวนไปตามจุดต่างๆ ของเบ็คลันด์เพื่อดึงดูดให้โบทิสเข้ามาใกล้ตามกฎการดึงดูดระหว่างตะกอนพลัง… ต…แต่วิธีนี้อาจดึงดูดครึ่งเทพของเส้นทางผู้ฝึกหัดคนอื่น หรือไม่ก็ผู้นำลัทธิเร้นลับอย่างซาราธ หรือผู้เย้ยเทพ อามุนด์…”
ยิ่งพูด เสียงของฟอร์สยิ่งเบาลงเนื่องจากเริ่มตระหนักถึงอันตราย
หากซาราธหรืออามุนด์ปรากฏตัวขึ้นมา แม้เธอจะเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับสมาชิกคนอื่นในปฏิบัติการบ้าง แต่สำหรับตัวเธอเอง ชะตากรรมเดียวคือความตายแน่นอน
เฮอร์มิท แคทลียาพยักหน้าและกล่าวหลังจากครุ่นคิด
“หากเป็นแค่สมบัติปิดผนึกระดับหนึ่งของเส้นทางผู้ฝึกหัด กฎการดึงดูดจะไม่ส่งอิทธิพลกับผู้วิเศษเส้นทางใกล้เคียง ขอบเขตจะจำกัดเฉพาะเหล่าครึ่งเทพเส้นทางผู้ฝึกหัดซึ่งปัจจุบันมีจำนวนไม่มาก… จะเรียกว่าเหลือเพียงหยิบมือก็ยังได้ ส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปแบบสมบัติปิดผนึกหรือไม่ก็ตะกอนพลัง”
จู่ๆ ก็รู้สึกไม่อยากเป็นลำดับสี่… เปลือกตาเมจิกเชี่ยน ฟอร์สพลันกระตุก
แคทลียาเบือนสายตาไปหาเดอะเวิร์ล เกอร์มัน สแปร์โรว์
“ยังไม่ต้องคำนึงว่าฝ่ายเรามีสมบัติปิดผนึกระดับหนึ่งของเส้นทางผู้ฝึกหัดหรือไม่ หากต้องการให้นักบุญเร้นลับและมิสเมจิกเชี่ยนเผชิญหน้ากันโดยบังเอิญ เงื่อนไขสำคัญก็คือ ปัจจุบันเขายังต้องอยู่ในกรุงเบ็คลันด์และเป็นพวกชอบเดินเตร็ดเตร่อย่างไม่ระวังตัว”
ได้ยินคำพูดดังกล่าว เดอะสตาร์ เลียวนาร์ด กล่าวจากมุมมองเจ้าพนักงานของทางการ
“อันที่จริง นี่ไม่ใช่เรื่องยาก… ในฐานะครึ่งเทพของเส้นทางผู้ฝึกหัดซึ่งมีความคล่องตัวสูง งานของโบทิสย่อมเป็นการตระเวนสะสางปัญหาให้กับชุมนุมแสงเหนือตามสถานที่ต่างๆ แน่นอน แม้โลกนี้จะมีหัวรถจักรไอน้ำและเรือเหาะแล้วก็ตาม… ขอเพียงเราสร้างสถานการณ์บางอย่างในกรุงเบ็คลันด์โดยมีเป้าหมายเป็นชุมนุมแสงเหนือ ย่อมมีโอกาสสูงที่ชายคนนั้นจะปรากฏตัว”
ขณะกล่าว เลียวนาร์ดเหลือบมองไคลน์
เท่าที่มันทราบ ในเหตุการณ์ต่อสู้แสนโกลาหลบนยอดเขานอกเมืองบายัมซึ่งจุดประกายโดยเกอร์มัน·สแปร์โรว์ นักบุญเร้นลับ โบทิสเองก็ปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยิบถุงมือกลับไปข้างหนึ่ง
“วิธีนี้แหละ…” ออเดรย์และคนอื่นต่างพากันพยักหน้า
ทันใดนั้น เดอะเวิร์ล เกอร์มัน·สแปร์โรว์เปิดปากพูด
“ผมขอเตือนความจำสักนิดว่า ชุมนุมแสงเหนือเป็นองค์กรที่นับถือเทพมาร เมื่อคุณวางแผนจะลงมือกับพวกมันโดยมีเป้าหมายเป็นสมาชิกระดับสูง พระผู้สร้างแท้จริงอาจคาดเดาได้และมอบคำเตือนล่วงหน้า”
มีโอกาสเกิดเรื่องแบบนี้ด้วย? ดวงตาออเดรย์พลันเบิกโพลง จากนั้นก็พบว่าเฮอร์มิท เดอะสตาร์ และคนที่เหลือต่างก็ประหลาดใจไม่แพ้กัน
นี่คือสิ่งที่พวกมันไม่เคยคำนึงถึงมาก่อน
ไม่ใช่ว่าพวกมันไม่ฉลาด แต่ยังไม่มีใครในที่นี้เคยเข้าร่วมปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับตัวตนระดับสูงมาก่อน หรือต่อให้เคยก็มิได้เอะใจ
“ถ้าอย่างนั้นควรทำยังไง…” เมจิกเชี่ยน ฟอร์สอดไม่ได้ที่จะถาม
ไคลน์ตอบด้วยน้ำเสียงเชิงสั่งสอน
“ไม่จำเป็นต้องมุ่งเป้าไปที่ชุมนุมแสงเหนือโดยตรง พวกเราสามารถใช้วิธีที่นุ่มนวลกว่านั้นเพื่อล่อโบทิสออกมา”
………………………………………………