คล้ายกับหมาป่าอสูรทมิฬที่กำลังกระหน่ำโจมตีใส่ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์สัมผัสถึงบางสิ่ง มันชะลอความเร็วลงพลางหันไปจ้องวิญญาณอาฆาตที่เพิ่งปรากฏตัว
รูม่านตาที่กินพื้นที่กว่าสองในสามของดวงตาอยู่แล้วยิ่งขยายกว้างมากกว่าเก่า ประหนึ่งได้กลิ่นออร่าอันตรายที่คุ้นเคย
วิญญาณอาฆาตยกแขนขึ้นในพริบตา
‘พลังปรารถนา’ ที่ปกคลุมพื้นที่เริ่มสลายตัวด้วยอัตราเร่ง ออร่าเทพทยอยคืนกลับมาถึงลำดับ 4 ทันใดนั้นเอง บึงใต้ฝ่าเท้าหมาป่าอสูรทมิฬพลันผุดท่อนแขนมายาสีซีดเป็นจำนวนมาก พวกมันเบียดเสียดราวกับป่า จับคว้าขาตั้งแปดข้างของโคทาร์ไว้จนมันเกิดความรู้สึกเย็นเยียบและเงียบเชียบโดยมิอาจสลัดหลุดได้ชั่วขณะ
ฉวยโอกาสดังกล่าว ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ที่เคยเคลื่อนไหวร่างกายได้เชื่องช้าเนื่องจากถูกควบคุมด้ายวิญญาณ รีบเปลี่ยนเป็นร่างมายาและเลือนหายไปในทันที
บนกระจกตาสีดำของหมาป่าอสูรทมิฬ มิสผู้ส่งสารผมสีทองดวงตาสีแดงที่แต่งกายในเดรสโกธิกซับซ้อนและมีเถาวัลย์รายล้อม ปรากฏตัวขึ้นกะทันหันและประสบความสำเร็จในการสิงร่าง
พฤติกรรมของเทพแห่งความปรารถนาโคทาร์เชื่องช้าลงทันที ราวกับถดถอยจากสิ่งมีชีวิตกลายเป็นเพียงหุ่นเชิด
มันพยายามดิ้นรนขัดขืนไปพร้อมกับตอบโต้ด้วยการควบคุมด้ายวิญญาณของไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ แต่ทุกครั้งก็จะถูกก่อกวนโดยฝ่ามือสีซีดที่เกิดจากฝีมือวิญญาณอาฆาตหญิงอีกตนขยับตัวไม่สะดวก
ได้เห็นฉากดังกล่าว ไคลน์ที่พยายามคงสภาพด้ายวิญญาณเป็นวงกลมบรรจงยกไม้เท้าดวงดาวขึ้นมาชี้ไปทางม่านกำมะหยี่สีดำที่อยู่ในรูปลักษณ์ผ้าคลุม
จากนั้นก็ร่างฉากหนึ่งภายในใจ
ความมืดรอบตัวเริ่มไหลเวียนราวกับอัดแน่นไปด้วยความลับมหาศาล แสงเทียนดวงเล็กจำนวนมากทยอยสว่างขึ้นท่ามกลางความมืดจนเผยให้เห็นโต๊ะยาวที่มีเลือดเนื้อวางอยู่เต็ม
สองฝั่งของโต๊ะยาวมีร่างที่พร่ามัวจำนวนสามร่างกำลังหยิบเลือดเนื้อขึ้นมากัดกินอย่างหิวโหย
วินาทีถัดมา ร่างทั้งสามเงยหน้าและหันไปมอง ‘ม่าน’ กำมะหยี่สีดำใสเป็นตาเดียว
แรงดึงดูดปริมาณมหาศาลที่มีศูนย์กลางมาจาก ‘ม่าน’ เกิดหยุดลงกะทันหัน ม่านผืนดังกล่าวทำเพียงลอยกลางอากาศแน่นิ่งในสภาพคล้ายเสื้อคลุม ประหนึ่งกำลังหลงลืมชั่วขณะว่าตนเป็นใคร อยู่ฝ่ายใด และควรทำสิ่งใดต่อ
งานเลี้ยงแห่งการทรยศ!
งานเลี้ยงแห่งการทรยศจากเวทมนตร์นิทานปรัมปรา!
เมื่อครู่ไคลน์ทำการเลียนแบบเวทมนตร์ที่เฮอร์มิทแคทลียาเคยใช้งาน ความสามารถคือการทำให้วัตถุในมือเป้าหมายมีสติปัญญาขึ้นมาและตัดสินใจทรยศต่อเจ้าของ!
นี่คือพลังในขอบเขตลำดับ 4 ก่อนหน้านี้ไคลน์จึงมิอาจใช้งานได้เพราะติดเงื่อนไข ‘พลังปรารถนา’ ของโคทาร์
อย่างไรก็ดี เนื่องจากการเลียนแบบของไม้เท้าดวงดาวจะทำให้ประสิทธิภาพของพลังด้อยลงจากต้นฉบับมาก ผลลัพธ์จึงออกมาแค่ทำให้ ‘ม่าน’ เหม่อลอยไปชั่วขณะโดยไม่ได้โจมตีใส่เจ้าของ
และทันทีที่หลุดพ้นจากอิทธิพลของม่าน ไคลน์รีบดีดนิ้วเพื่อเสกเปลวไฟสีแดงเข้มให้ลุกท่วมร่าง
ไม่กี่อึดใจถัดมา มันหายตัวไปโผล่ที่เปลวไฟด้านข้างหมาป่าอสูรทมิฬในสภาพแต่งกายด้วยหมวกทรงกึ่งสูงและชุดกันลมสีดำตัวยาว
เปลวไฟพุ่งสูงขึ้นฟ้า ช่วยให้ไคลน์กระโจนเข้าใส่อีกฝ่ายได้สะดวก
ชายหนุ่มโค้งหลังเล็กน้อยขณะพุ่งเข้าหาหมาป่าอสูรทมิฬร่างยักษ์ด้วยไม้เท้าดวงดาว
กึก กึก กึก!
ไคลน์เร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ จนดูคล้ายกับสายลมกระโชก สิ่งที่กำลังรอคอยชายหนุ่มคือหมาป่าอสูรทมิฬซึ่งยกอุ้งเท้าหน้าขึ้นอย่างยากลำบาก
ปึก! ปึก!
ไคลน์สะบัดไม้เท้าไปทางฝั่งซ้ายและขวา กระแทกใส่อุ้งเท้าหน้าทั้งสองข้างของโคทาร์จนพวกมันชะงักไปชั่วขณะ
จากนั้นก็โน้มตัวลงและร่อนไปตามช่องว่างระหว่างขาหน้าทั้งสองข้าง
ท่ามกลางเสียงสายลมโหยหวน ไคลน์หมุนตัวกลางอากาศและกระแทกไม้เท้าดวงดาวขึ้นด้านบน
สิ้นเสียงกระแทกทื่อๆ ไม้เท้าสีดำเลี่ยมอัญมณีจำนวนมากพลันพุ่งผ่านผิวหนังของโคทาร์ที่ปกคลุมด้วยขนสั้นสีเข้ม ปลายไม้เท้าเจาะลึกเข้าไปในร่างหมาป่าอสูรทมิฬ ไคลน์ตัดสินใจออกแรงกรีดเป็นทางยาวจนเกิดบาดแผลฉกรรจ์
ฉูด!
เลือดสีดำเจือแดงเข้มพวยพุ่งราวกับกระแสน้ำทะลัก พ่นของเหลวที่มีคุณสมบัติกัดกร่อนรุนแรงของสัตว์ในตำนานลงบนร่างไคลน์
แต่ในปัจจุบัน ไคลน์อาศัยแรงปะทะถีบตัวเองให้ลอยไปอีกทางหนึ่งและเตรียมโจมตีระลอกถัดไป
ทันใดนั้นเอง ชายหนุ่มได้ยินเสียงคำรามดังต่อเนื่อง
เป็นเสียงของหมาป่าอสูรทมิฬที่กำลังถูกวิญญาณอาฆาต ‘สิงร่างเบื้องต้น’ สามารถถอดความหมายได้ว่า:
“เล…โอ…เด…โร!”
“…” ดวงตาไคลน์พลันแข็งทื่อเมื่อได้เห็นรอยยิ้มแฝงเลศนัยของโคทาร์
มันไม่ใช่คนเดียวที่สามารถกระตุ้นพลังที่หลงเหลือของทวยเทพได้ หมาป่าอสูรทมิฬก็ทำได้เช่นกัน!
แม้มันจะไม่ทราบว่าเทวทูตวายุเลโอเดโรได้กลายเป็นเทพวายุสลาตันแล้ว แต่เมื่อเห็นไคลน์ทำเป็นตัวอย่าง การเลียนแบบก็ไม่ใช่เรื่องยาก
แค่พูดตามให้ถูก มีใครทำไม่ได้ด้วยหรือ?
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
พายุสายฟ้าสีเงินสว่างกระหน่ำผ่าลงมายังเบื้องล่างอย่างมูมมามประหนึ่งน้ำไหลออกจากท่อ ทุกเส้นปกคลุมทุกสรรพสิ่งภายในปราสาทโบราณอย่างท่วมท้น
ไคลน์เกือบตอบสนองไม่ทัน หลังจากได้ยินครึ่งแรกของชื่อ มันพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะใช้พลังตัวตลกบิดหมุนร่างกาย ขาขวาถูกสะบัดเพื่อส่งร่างกายตัวเองกลับเข้ามายังใต้ท้องหมาป่าอสูรทมิฬ ส่วนไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ก็รีบกลับเข้ามาสิงในเหรียญทอง
ทันทีหลังจากนั้น ไคลน์คุกเข่าลงพร้อมกับแทงไม้เท้าดวงดาวลงไปในพื้น
เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!
พายุสายฟ้าขนาดมหึมายังคงกวาดล้างทุกสิ่งที่ขวางทาง
เมื่อสายฟ้าเริ่มสลายตัว ตอนนี้คงเรียกปราสาทโบราณของหมาป่าอสูรทมิฬว่า ‘ซากปรักหักพัง’ ไม่ได้อีกต่อไป เพราะแทบไม่มีสิ่งใดหลงเหลือนอกจากหลุมลึกขนาดใหญ่ที่ไหม้เกรียม
ภายในหลุมลึก แม้กระดาษคนก็ยังถูกป่นเป็นเถ้าถ่าน
ทันใดนั้น เนื้อดินอ่อนนุ่มที่เต็มไปด้วยเกล็ดกระจกหลากสีเกิดขยับเขยื้อนและมีมือที่ไหม้เกรียมของไคลน์โผล่ออกมา
เมื่อตระหนักว่าร่างของหมาป่าอสูรทมิฬคงทนรับความเสียหายทั้งหมดไม่ไหว ชายหนุ่มตัดสินใจใช้กระดาษคนตัวแทนและ ‘ดินยุบตัว’ เพื่อเอาตัวรอดอย่างฉิวเฉียด แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูเหมือนจะได้กลิ่นเนื้อย่างลอยโชยมาจากร่างกายตัวเอง
หลังจากคลานกลับขึ้นมาถึงพื้น ไคลน์ที่เสื้อผ้าขาดวิ่นรีบกวาดสายตาสำรวจสถานการณ์:
ซากของหมาป่าอสูรทมิฬกระจัดกระจายไปทุกทิศ สนามรบเต็มไปด้วยเศษเนื้อไร้ชีวิตชีวา
‘ม่าน’ กำลังม้วนตัวเป็นลูกบอลอยู่ตรงขอบหลุมลึกโดยไม่กระดุกกระดิก
‘พลังปรารถนา’ เลือนหายไปโดยสมบูรณ์ ออร่าเทพกลับคืนมายังบริเวณใกล้เคียงอีกครั้ง
วิญญาณอาฆาตที่เชื่อมต่อกับมรณาเทียมถูกทำลาย…
หากเป็นผู้วิเศษคนอื่นคงคิดว่าหมาป่าอสูรทมิฬต้องการทำลายตัวเองไปพร้อมศัตรู แต่สำหรับไคลน์ที่เป็นครึ่งเทพเส้นทางนักทำนายและเคยลิ้มลองสิทธิพิเศษของผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ล่วงหน้า ความคิดหนึ่งผุดขึ้นในใจทันที:
ปาฏิหาริย์คือสิ่งใด? คือการฟื้นคืนชีพจากความตายยังไงล่ะ!
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก มันไม่ลังเลเลยที่จะเรียกเทวทัณฑ์ลงมาฆ่าทุกคน จากนั้นตัวเองก็จะคืนชีพที่ใดสักแห่งในบริเวณใกล้เคียง!
เราเกือบต้องใช้โควตาคืนชีพครั้งสุดท้าย…
สำหรับประเด็นดังกล่าว ไคลน์เตรียมวิธีรับมือไว้ล่วงหน้าแล้ว มันรีบนำยันต์ที่สลักสัญลักษณ์เดอะฟูลออกมาใช้เพื่อเป็นทางผ่านในการสวดวิงวอนถึงเดอะฟูลต่อหน้ามิสผู้ส่งสาร จากนั้นก็จะใช้ระบบส่งตัวเองกลับแบบด่วนที่ปราสาทต้นกำเนิดอนุญาตภายใต้เงื่อนไขพิเศษ ปิดท้ายด้วยการอาศัยจุดแสงวิงวอนของตัวเองเพื่อสำรวจสภาพแวดล้อมด้วยตาทิพย์และมองหาจุดคืนชีพของหมาป่าอสูรทมิฬ
ในเวลาเดียวกัน ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์ออกจากเหรียญทองในกระเป๋าเสื้อไคลน์และหายตัวไปโผล่ข้าง ‘ม่าน’ ที่ขดตัวเป็นก้อน ตามด้วยกล่าวด้วยเสียงล่องลอย:
“เจ้านี่มีส่วนประกอบของตะกอนพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์หนึ่งก้อน”
ตะกอนพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์หนึ่งก้อน? นั่นสินะ… สมมติให้ตำแหน่งบริวารเร้นลับถูกครอบครองเต็มสามที่นั่ง จำนวนตะกอนผู้ชี้นำปาฏิหาริย์จะเหลือแค่หกตำแหน่ง และโคทาร์คือผู้ครอบครองก้อนสุดท้ายที่เหลืออยู่… หากจะมีตะกอนพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ส่วนเกิน มันก็ต้องมาจากตะกอนพลังบริวารเร้นลับก้อนสุดท้ายที่หายไป… ขณะได้ยินคำบอกเล่าของมิสผู้ส่งสาร สัมผัสวิญญาณของไคลน์ก็แจ้งเตือนในสิ่งเดียวกัน มันจึงนำข้อมูลไปปะติดปะต่อกับสิ่งที่วิล·อัสตินเคยเล่าให้ฟัง:
ตามปรกติแล้วจะมีตะกอนผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ทั้งหมดเก้าก้อน แต่ถ้าสมมติให้มีบริวารเร้นลับครบสามตน ทุกตนจะมีตะกอนพลังอยู่กับตัวจำนวนหนึ่งก้อน ส่งผลให้ตะกอนพลังของลำดับ 2 อย่างผู้ชี้นำปาฏิหาริย์ต้องเหลือแค่หกก้อน โดยหกก้อนประกอบด้วยของซาราธ อันทีโกนัส ตะเกียงวิเศษประทานพร โรงละครที่ไม่มีวันปิดม่าน งานเลี้ยงมื้อสุดท้าย และหมาป่าอสูรทมิฬ…
เดิมทีไคลน์ต้องการล่าโคทาร์เพื่อช่วงชิงตะกอนพลัง แต่คาดไม่ถึงว่าไม่เพียง ‘ม่าน’ จะมีตะกอนพลังของลำดับ 1 อย่างบริวารเร้นลับ แต่มันยังมีตะกอนพลังผู้ชี้นำปาฏิหาริย์รวมอยู่ด้วย หมายความว่านี่คือตะกอนพลังบริวารเร้นลับก้อนสุดท้ายที่หายไปนาน
ดูเหมือนว่าหมอกสีเทาจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มันหายตัวไป จากนั้นก็ถูกพ่นออกมาในภายหลัง… แล้วเรายังจำเป็นต้อง ‘ดักจุดเกิด’ หมาป่าอสูรทมิฬอยู่อีกไหม? ไม่ควร… เราไม่มีทางทราบได้ว่าอามุนด์หรือพระผู้สร้างแท้จริงจะเสด็จเยือนตอนไหน และปัจจุบันก็แทบไม่หลงเหลือไพ่ตายสำหรับต่อสู้อีกแล้ว ในทางกลับกัน โคทาร์ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์… มันทั้งสามารถสร้างคำปรารถนา อัญเชิญภาพฉาย และสร้างปาฏิหาริย์… ต้องไม่ลืมว่าเป้าหมายของเราคืออะไร… ตอนนี้ก็ได้สิ่งที่ต้องการแล้วไม่ใช่หรือ? ท่ามกลางกระแสความคิด ไคลน์เงยหน้าขึ้นพูดกับมิสผู้ส่งสาร
“ผมจะนำม่านผืนนี้กลับไป”
ชายหนุ่มล้มเลิกความคิดที่จะดักจุดเกิดหมาป่าอสูรทมิฬ และเปลี่ยนไปช่วงชิงม่านที่กำลังอ่อนแอแทน
ไรเน็ตต์·ไทน์เคอร์พยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะหันไปทางซากศพของหมาป่าอสูรทมิฬ
ทันใดนั้น ซากศพพลันสว่างวาบพร้อมกับแปรสภาพกลายเป็นกระต่ายหรือไม่ก็แกะสีขาว เป็นประเภทที่เนื้อฉ่ำอวบอ้วน
…
ณ จุดลับตาในบริเวณใกล้เคียง ร่างของหมาป่าอสูรทมิฬขนสั้นสีเข้มถูกร่างขึ้นจากความว่างเปล่า
มันทิ้งศพเก่าของตัวเองอย่างไม่ไยดี สิ่งแรกที่โคทาร์ทำคือการขอพรกับตัวเองและตอบสนองเอง ช่วยให้มันสามารถเทเลพอร์ตไปยังสถานที่ห่างไกลโดยไม่คิดกลับมาเหลียวแลบริเวณนี้อีก
เทพแห่งความปรารถนาไม่มัวนึกเสียดาย ‘ม่าน’ แม้แต่วินาทีเดียว การที่มันไม่คืนชีพในตำแหน่งเดิมก็เพราะหวังว่าม่านผืนดังกล่าวจะช่วยถ่วงเวลาอีกฝ่ายที่ดูเหมือนจะสนิทสนมกับรัตติกาลไว้ได้สักพัก และเป็นไปตามที่ต้องการ ม่านผืนนั้นช่วยให้โคทาร์หลบหนีไปได้อย่างราบรื่น
สิ่งที่ทำให้โคทาร์มีชีวิตยืนยาวตั้งแต่ยุคสมัยที่สองจวบจนปัจจุบันก็คือ มันซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเองอย่างมาก รู้ว่าจังหวะไหนควรโลกและไม่ควร
แสงสว่างวาบอีกครั้ง หมาป่าอสูรทมิฬที่มีกระจุกขนสีเทากึ่งกลางหน้าผากพลันเลือนหายไปในความมืด
…
ไคลน์ไม่ได้ห้ามปรามการระบายโทสะของมิสผู้ส่งสาร ชายหนุ่มเพียงเดินเข้าไปใกล้ม่านพลางพึมพำในใจ:
เทวทูตคือสิ่งมีชีวิตที่ตายยากมาก โดยเฉพาะเส้นทางนักทำนาย!
ท่ามกลางกระแสความคิด ขณะไคลน์เตรียมอัญเชิญตัวเองจากอดีตออกมาช่วยหยิบม่าน มันสัมผัสถึงออร่าที่คุ้นเคยได้เลือนราง
ออร่าดังกล่าวทั้งมืดมน สกปรก และเสื่อมทราม ทำให้ไคลน์หวนนึกถึงพระผู้สร้างแท้จริงในทันที!
ทันใดนั้นเอง ม่านลอยขึ้นในลักษณะคล้ายผ้าคลุมอีกครั้ง
ภายในผ้าคลุม ความมืดมิดหมุนวงเป็นวังวนพร้อมกับส่งเสียงทุ้มต่ำ
“เร้นลับ”
…………………………………………