ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 1345 : พบกันอีกครั้ง

ราชันเร้นลับ 1345 : พบกันอีกครั้ง

ไคลน์หันกลับไปมอง ได้พบคนที่คุ้นเคยและไม่คุ้นเคย

มันจินตนาการถึงสถานการณ์มากมายในกรณียูโทเปียถูกโจมตี แต่ไม่เคยมีฉากนี้อยู่ในหัว

หากหุ่นเชิดของเกอร์มัน·สแปร์โรว์ถูกอามุนด์ฝังปรสิต ด้วยระดับตัวตนปัจจุบันของไคลน์และการเฝ้าจับตามองของหนอนวิญญาณเหนือปราสาทต้นกำเนิด ชายหนุ่มจะสังเกตเห็นปัญหาได้ทันท่วงที และหากเป็นการถูกซาราธขโมยด้ายวิญญาณ ความลับดังกล่าวจะถูกปกปิดได้เพียงชั่วครู่ จำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากเทวทูตอย่างจักรพรรดิความรู้หรือบริวารอำพราง จึงจะนำมาใช้ในแผนลอบโจมตีทีเผลอได้จริง มีเพียงการใส่ ‘ความเป็นคน’ จากผู้ชมเท่านั้นที่จะค่อยๆ บ่มเพาะทีละนิดจนไคลน์ไม่พบความผิดปรกติ

เพื่อป้องกันสถานการณ์ดังกล่าว ทางเดียวคือต้องหมั่นทำลายด้ายวิญญาณและปล่อยให้หุ่นเชิดเข้าสู่ภาวะความตายไปเรื่อยๆ ในกรณีนี้ ไม่ว่าจะมีความเป็นคนอยู่หรือไม่ มันก็จะตายในที่สุด

น่าเสียดายที่ไคลน์ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับวิธีนี้มาก่อน จึงทำเพียงคอยปกป้องการบุกรุกทางจิตจากบุคลิกเสมือนให้หุ่นเชิด

นี่คงเป็นพลังของ ‘นักสร้างฝัน’ สามารถมอบความเป็นคนเทียมให้กับทุกสิ่ง

เมื่อดวงตาไคลน์จดจ้องใบหน้าเคร่งขรึมเย็นชาของอีกฝ่าย มันสัมผัสได้ถึงแรงผลัก

ทันใดนั้น ชายหนุ่มเซถอยหลัง ตกลงมาจากซากเมืองโบราณ ตกลงไปในสายหมอกแห่งประวัติศาสตร์

ระหว่างนี้ มันอยากควบคุมร่างกาย แต่ก็ไม่มีอำนาจที่จะทำ เพราะไม้กางเขนไม้ที่ตอกเข้ามายังหัวใจ ได้ผนึกพลังพิเศษทั้งหมดของมัน

ไคลน์เปลี่ยนความคิด จดจ้องเกอร์มัน·สแปร์โรว์ ยกมือขึ้นและดีดนิ้ว

เป๊าะ!

หนอนวิญญาณบนปราสาทต้นกำเนิดได้รับเจตจำนงของชายหนุ่ม ทำการยกเลิกด้ายวิญญาณของหุ่นเชิด และหยิบไม้เท้าดวงดาวออกมาเตรียมโจมตีไคลน์เพื่อดับลมหายใจ

เมื่อร่างหลักตาย ไคลน์จะคืนชีพบนมิติเหนือสายหมอกและหลุดพ้นจากสถานการณ์เลวร้าย

ทันทีที่ทราบว่าอาดัมเป็นผู้อยู่เบื้องหลัง ไคลน์ก็มั่นใจว่าตนไม่มีโอกาสตอบโต้

ทันใดนั้นเอง เวทีหินโผล่ขึ้นจากความว่างเปล่าใต้ฝ่าเท้าไคลน์

เสาหินสีเข้มทยอยงอกขึ้นทีละต้น ค้ำจุนวิหารอันศักดิ์สิทธิ์และสง่างามซึ่งกำลังประกอบร่างรอบตัวไคลน์

วิหารโครงกระดูก วิหารโครงกระดูกของอาดัม อาณาจักรแห่งเทพของนักสร้างฝัน!

เปรี้ยง!

เส้นสายฟ้าสีเงินจำนวนมหาศาลถูกส่งออกจากปราสาทต้นกำเนิด ปะทะเข้ากับวิหารโครงกระดูกอย่างจัง แต่ก็ไม่สั่นสะเทือนแม้แต่น้อย

ขณะเดียวกัน ภายในวังโบราณ ร่างที่กำลังนั่งบนเก้าอี้เดอะฟูล ค่อยๆ ล้มลงและกลายเป็นวังวนหนอนโปร่งใส

วังวนดังกล่าวแผ่หนวดรยางค์ยืดยาว ฟาดใส่ทุกสิ่งอย่างบ้าคลั่ง รื้อกองขยะกระจุยกระจาย ทำลายโต๊ะทองแดงยาวลวดลายโบราณ

เมื่อร่างโคลนของไคลน์ตัดการเชื่อมต่อกับร่างหลัก โดยที่ร่างหลักยังไม่ตาย พวกมันจะเข้าสู่ภาวะคลุ้มคลั่งแบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้นกับซาราธ

ภายในเมืองโบราณก่อนยุคสมัยที่หนึ่ง เกอร์มัน·สแปร์โรว์ผู้แต่งกายด้วยหมวกผ้าไหมทรงสูงและโคตกันลมสีดำ แหงนหน้ามองปราสาทต้นกำเนิดด้วยอารมณ์ซับซ้อน

แก่นแท้ของมันคือซากศพ หลังจากถูกตัดด้ายวิญญาณ ชะตากรรมเดียวคือจุดจบ

อาดัมมอบเพียงความเป็นคน ไม่ใช่ชีวิต ส่งผลให้เกอร์มัน·สแปร์โรว์เริ่มพบความผิดปรกติในตัวเอง

เกอร์มัน·สแปร์โรว์ทิ้งตัวล้มลง ดวงตาของมันกวาดมองห้องต่างๆ ภายในเมืองโบราณ

ชีวิตของมันจบลงท่ามกลางซากเมืองเก่า

ฝ่าเท้าไคลน์สัมผัสกับใจกลางวิหารพร้อมกับพบว่า ในทุกเสา ทุกคานโค้ง และทุกหลังคาโดมล้วนมีกะโหลกของหลากหลายเผ่าพันธุ์ฝังอยู่ ส่วนใหญ่เป็นสีขาวซีด เบียดเสียดเนืองแน่น สายตามองตรงมายังผู้มาเยือน

บนผนัง หน้าต่าง และประตูของวิหารมีใบหน้าโปร่งใส่ฝังอยู่ แต่ละหน้าเผยอารมณ์บิดเบี้ยวและเจ็บปวดแสนสาหัส คอยตัดขาดภายในวิหารกับโลกภายนอกอย่างสมบูรณ์

ลึกเข้าไปในวิหารมีไม้กางเขนสูงหลายร้อยเมตร

ด้านหน้าไม้กางเขนมีแถวม้านั่งสีดำพร้อมพนักพิง

อาดัมแต่งกายในชุดคลุมสีขาวเรียบง่าย เคราสีทองอ่อน บนหน้าอกสวมจี้ไม้กางเขนสีเงิน กำลังยืนอยู่ใต้ไม้กางเขนยักษ์ หันหน้าเข้าหาแถวม้านั่งประหนึ่งนักบวชซึ่งเตรียมเทศนาสาวก

บรรยากาศรอบตัวอบอุ่น ดวงตากระจ่างใส ราวกับเตรียมชักชวนไคลน์ฟังพระคัมภีร์

ไคลน์ก้มหน้าลง จ้องมองแท่งไม้กางเขนไม้ที่เสียบอยู่กลางอกสักพัก ก่อนจะย่างกรายไปนั่งบนม้านั่งแถวหน้าสุด เลือกนั่งในตำแหน่งกึ่งกลางอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับสัตว์ในตำนานร่างสมบูรณ์ซึ่งเกิดจากการรวมตัวของหนอนวิญญาณ บาดแผลบนหน้าอกมิได้อันตรายถึงชีวิต หน้าที่หลักของมันมีเพียงผนึกการใช้พลังพิเศษโดยสิ้นเชิง

หากไม่ใช่เพราะด้านหน้ามีเทพแท้จริงยืนอยู่ ไคลน์คงฝืนใช้พละกำลังดึงแท่งไม้กางเขนออกและคลายผนึกอย่างง่ายดาย

มันกล้าไม่ลองทำ เพราะกลัวว่าความคิดของตนจะเปลี่ยนจาก ‘ไม่กล้าทำ’ ไปเป็น ‘ไม่อยากทำ’

“คิดไม่ถึงว่าเจ้าจะแทรกแซงเรื่องนี้ด้วยตัวเอง ถ้าต้องการลงมือกับข้า ไม่เห็นจำเป็นต้องรอจนถึงวันนี้” ไคลน์ก้มมองเสื้อเปื้อนเลือดพร้อมกับแสดงความสงสัย

มันมิได้ตื่นตระหนก ประหนึ่งมั่นใจอย่างมากว่าอาดัมจะไม่ฆ่าตน

อาดัมใช้มือข้างหนึ่งถือจี้ไม้กางเขนสีเงิน กล่าวด้วยเสียงอ่อนโยน ไอลีนโนเวล

“ก่อนหน้านี้ เจ้ายังพอมีประโยชน์ในหลายเรื่อง”

มันก้าวไปข้างหน้าและมองตรงด้วยดวงตาไม่สั่นไหว

“เมื่อครั้งอามุนด์มาที่นี่เพื่อขโมยวิหารกระดูก ข้าทำข้อตกลงกับเขา: หากเขาชิงศิลาเย้ยเทพแผ่นแรกมาได้ ข้าจะช่วยจับเจ้า”

อย่างนี้นี่เอง… ไคลน์กระจ่างทันที

ในแง่หนึ่ง ขณะกลายเป็นเทพ อาดัมไม่ต้องการถูกขัดขวางโดยพระผู้สร้างแท้จริงและตัวตนอื่น ในอีกแง่หนึ่ง มันต้องการครอบครองศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่ง จึงมอบไม้กางเขนเจิดจรัสและตัวช่วยอื่นๆ เพื่อให้ไคลน์ไปถึงวังราชาคนยักษ์และเปิดตำหนักบรรทมของซาสเรีย เป็นการดึงดูดสายตาของตัวตนอย่างพระผู้สร้างแท้จริง ขณะเดียวกันก็ให้น้องชายอย่างอามุนด์ คอยลงมือช่วงชิงศิลาเย้ยเทพแห่งที่หนึ่งในจังหวะสำคัญ

และถ้ามันต้องการจับตัวไคลน์ซึ่งครอบครองปราสาทต้นกำเนิดแล้วบางส่วน วิธีที่ได้ผลที่สุดคือการใช้พลังของนักสร้างฝัน

แม้อามุนด์และอาดัมมักเหินห่าง แต่พี่น้องย่อมร่วมมือกันได้ง่ายกว่าคนอื่น… ไคลน์พยักผงกศีรษะแผ่วเบา มองไปยังกระจกหลากสีด้านข้างซึ่งมีใบหน้าบิดเบี้ยวฝังอยู่

“ข้าคิดไม่ถึงว่าซาราธจะยอมร่วมมือ ไม่กลัวกลายเป็นอาหารของอามุนด์บ้างหรือ?”

ในตอนที่ไคลน์สร้างยูโทเปีย มันย่อมคิดหาวิธีรับมือการโจมตีจากอามุนด์และซาราธ แต่ไม่เคยคิดว่าอีกฝ่ายจะร่วมมือกัน

ตามความเห็นของชายหนุ่ม ซาราธมีแนวโน้มที่จะเข้าพวกกับมารดาพฤกษาแห่งแรงกระหายมากกว่า การร่วมมือกับอามุนด์บุกรุกยูโทเปียจึงฟังดูไม่สมเหตุสมผล เว้นเสียแต่จะถูกอาดัมทำให้ดูเป็นเรื่องบังเอิญโดยไม่รู้ตัว

ดวงตากระจ่างใสของอาดัมเผยความสงสารเล็กน้อย

“สำหรับซาราธ หากเจ้ากลายเป็นวันวาน ตนเองก็จะร่วงหล่นโดยสมบูรณ์ แต่ถ้าอามุนด์กลายเป็นวันวาน เขายังสามารถดำรงอยู่ด้วยระดับตัวตนและสถานะเดิม ขอเพียงแสดงความจงรักภักดีต่ออามุนด์ให้มากพอ… ราชันเร้นลับต้องการตะกอนพลังของบริวารเร้นลับแค่หนึ่งก้อน… ดังนั้น เขาจึงเลือกร่วมมือกับข้า ระหว่างแผนการ หากเขาสามารถตัดหน้าข้าและเปลี่ยนเจ้าให้กลายเป็นหุ่นเชิด ใช้เป็นบันไดก้าวไปสู่การช่วงชิงปราสาทต้นกำเนิด ถึงเวลานั้น เขาจะแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญหน้ากับอันทีโกนัสซึ่งถูกผนึกไว้ในดินแดนของรัตติกาล ได้เถลิงบัลลังก์เทพและเปิดศึกดวลครั้งสุดท้ายกับอามุนด์ แต่ถ้าตัดหน้าข้าไม่สำเร็จ เขาจะยอมรับความพ่ายแพ้และศิโรราบต่ออามุนด์… ในประเด็นนี้ ถือว่าเขาตัดสินใจได้ดีทีเดียว”

“เจ้าไม่ใช่คนที่ชอบอธิบายยืดยาว” ไคลน์ตอบอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะขมวดคิ้วถาม “การเป็นวันวาน ไม่จำเป็นต้องใช้ตะกอนพลังของลำดับ 1 ทุกก้อนในเส้นทางใกล้เคียงหรอกหรือ?”

พิจารณาจากความสัมพันธ์ระหว่างเทพสุริยันบรรพกาลกับราชาเทวทูตทั้งแปด ไคลน์ค่อนข้างมั่นใจว่าใช่ เพียงแต่ มันเคยเข้าใจว่าต้องกลายเป็นวันวานเสียก่อน จึงจะสกัดตะกอนพลังออกมาให้คนอื่นได้

อาดัมตอบอย่างสุขุม

“สำหรับเส้นทางใกล้เคียง จะใช้เพียง ‘เอกลักษณ์’ และตะกอนพลังลำดับ 1 เพียงหนึ่งก้อนเท่านั้น การฝืนครอบครองมากกว่านั้นรังแต่จะทำให้เกิดภาวะคลุ้มคลั่ง ดังนั้น หลังจากซาราธสาบานว่าจะจงรักภักดีต่ออามุนด์ เขาก็ยังมีโอกาสได้เป็นราชาเทวทูต แต่กลับกัน เขาไม่สามารถภักดีต่อเจ้าได้ เพราะนักทำนายไม่สามารถลดลำดับตัวเองให้เหลือ 2 ได้เหมือนกับนักจารกรรม ซึ่งมีพลังในการแบ่งตะกอนพลังออกมาเป็นร่างโคลนและเปลี่ยนให้มันเป็นร่างหลัก”

หุ่นเชิดของนักทำนายและร่างโคลนของนักจารกรรมมีความแตกต่างกันพอสมควร รายแรกจะทำการควบคุมผ่านด้ายวิญญาณ ส่วนรายหลังจะเป็นการควบคุมด้วยตัวเอง

ยิ่งไปกว่านั้น เทวทูตเส้นทางนักจารกรรมยังมีลำดับ 2 เป็น ‘ม้าไม้ชะตากรรม’ ซึ่งสามารถเอื้อให้ทำเช่นนั้นได้

ขณะไคลน์พยักหน้า มันเห็นอาดัมหมุนตัวกลับมา เผยให้เห็นบางสิ่งใต้ไม้กางเขนยักษ์

เป็นแผ่นศิลาสีเทา พื้นผิวมีร่องรอยเก่าแก่ มอบความรู้สึกโบราณ

ดูคล้ายกับศิลาเย้ยเทพแผ่นที่หนึ่งมาก แต่ยังขาดความรู้สึกเก่าแก่ในระดับเหนือจินตนาการ

บนแผ่นศิลามีข้อความซึ่งคล้ายกับรากของภาษาทั้งหมด เขียนบันทึกชื่อและลำดับของโอสถเรียงต่อกัน

“ศิลาเย้ยเทพแผ่นที่สอง?” ไคลน์ถามด้วยความประหลาดใจ

ดวงตาชายหนุ่มกวาดไปทั่วแผ่นศิลาในทันที โดยไม่สนใจส่วนต้น มันรีบมองไปยังส่วนท้าย

สัญชาตญาณของมันบ่งบอกว่า ที่นั่นมีข้อมูลสำคัญมากถูกบันทึกไว้

“ไม่ต้องรีบร้อน อามุนด์จะไม่ขโมยชะตากรรมของเจ้าจนกว่าเขาจะประกอบพิธีกรรมเถลิงบัลลังก์เทพเสร็จ ไม่อย่างนั้น เขาคงแบกรับชะตากรรมในการเป็นเจ้าของปราสาทต้นกำเนิดไม่ไหว จนกว่าจะถึงตอนนั้น เจ้าต้องอยู่บนอาณาจักรแห่งเทพกับข้า” อาดัมทำราวกับกำลังปลอบโยนสาวกที่มาสารภาพบาป

ฆ่าฉันเถอะ… ไคลน์รำพัน

ขณะเดียวกัน มันถอดรหัสข้อความบางส่วนของสามบรรทัดสุดท้าย

พระเจ้า, พระผู้สร้าง, ผู้รังสรรค์, มหาเทพผู้ปราดเปรื่องและทรงพลัง, เจ้าแห่งโลกดารา:

ทะเลแห่งความโกลาหล + เอกลักษณ์ของนักสร้างฝัน + เอกลักษณ์ของสุริยัน + เอกลักษณ์ของทรราช + เอกลักษณ์ของหอคอยสีขาว + เอกลักษณ์ของแฮงแมน + ตะกอนพลังของนักประพันธ์ + ตะกอนพลังของเทวทูตสีขาว + ตะกอนพลังของเทพอสนี + ตะกอนพลังของเนตรรู้แจ้ง + ตะกอนพลังของเทวทูตมืด

ราชันเร้นลับ, ราชันกาลเวลาและห้วงมิติ, ดวงประทีปแห่งชะตากรรม, ร่างอวตารปราสาทต้นกำเนิด, ผู้ปกครองโลกวิญญาณ:

ปราสาทต้นกำเนิด + เอกลักษณ์ของเดอะฟูล + เอกลักษณ์ของประตู + เอกลักษณ์ของข้อผิดพลาด + ตะกอนพลังของบริวารเร้นลับ + ตะกอนพลังของหนอนกาลเวลา + ตะกอนพลังของกุญแจดารา

ได้เห็นฉากดังกล่าว ไคลน์จ้องหน้านักสร้างฝันอาดัม ถามด้วยความฉงน

“ให้ข้าดูทำไม?”

เหตุใดถึงไม่สะกดจิตให้หลับจนกว่าอามุนด์จะเถลิงบัลลังก์เทพ?

ดวงตากระจ่างใสของอาดัมเผยความอ่อนโยน

“ว่ากันตามตรง หากอีกฝ่ายไม่ใช่อามุนด์ ข้าคงเลือกที่จะช่วยให้เจ้าเป็นผู้ปกครองโลกวิญญาณมากกว่า… พวกเราคล้ายกันในหลายสิ่ง และในบางแง่มุม พวกเราคือสหายเก่าที่เคยพบกันมาแล้วหนหนึ่ง”

กล่าวจบ มันยิ้มเล็กน้อย

“ยินดีที่ได้พบกันอีกครั้ง เร้นลับ”

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

       เป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป
ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่
     แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา
ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง
ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น
    ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว
หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’
หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม
ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด
หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด
แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป
พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง
แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย
    เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท