บทที่ 33 รายงานตัว
บนรถไฟกลับไปซานเฉิงมีบางอย่างที่น่าขำเกิดขึ้น เมื่อหลินว่านหงรู้ว่าคะแนนในการสอบเข้าวิทยาลัยของซุนรุยนั้นสูงกว่า 700 เช่นกัน เธอก็เข้าหาซุนรุยเพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องนี้ทันที
เมื่อหลินว่านหงรู้ว่าซุนรุยกำลังจะสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยหยานจิง ดวงตาของเธอก็เป็นประกายและเมื่อเธอได้รู้ว่าพ่อของเขาเป็นนายทหารระดับกลางที่ดูแลรัฐวิสาหกิจและมีแม่เป็นหมอ เธอก็ยิ่งพอใจมากขึ้น
ไม่ว่าดูมุมไหน เธอก็คิดว่าซุนรุยนั้นดีกว่าถานเสี่ยวเทียนอย่างมาก เขาทั้งเรียนเก่งและมีภูมิหลังที่ดี ยกเว้นแต่ว่าเตี้ยกว่าและไม่หล่อเท่านั้น นี่คือลูกเขยที่สมบูรณ์แบบสำหรับเธอ!
ในที่สุดผู้ชายก็ขึ้นอยู่กับอาชีพการงานของพวกเขา
ฉู่ถิงมองดูการแสดงของแม่ของตัวเองด้วยหัวใจที่วิตกกังวลและรู้สึกหงุดหงิดที่ถานเสี่ยวเทียนมัวแต่เล่นเกม Tetris ไม่ได้กังวลอะไรเลย เธอโกรธมากจนยกเท้าเหยียบลงบนเท้าของเขา แต่ผู้ชายคนนี้หนังหนาจนไม่รู้สึกอะไรเลย
รถไฟสายสีเขียวส่ายไปมาเคลื่อนไปข้างหน้าช้าๆ ทิ้งร่องรอยของวัยเยาว์ไว้ด้านหลัง
******
เมื่อกลับมาจากเมืองซานเฉิง ถานเสี่ยวเทียนใช้ชีวิตเหมือนหมูอย่างสมบูรณ์
นอกจากจะกินและนอนทุกวันแล้วก็ออกไปเที่ยวกับหม่าเหว่ยและจางต้าเผิง เขาทำตัวราวกับโลกนี้ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล
ตอนนี้ในใจของถานเสี่ยวเทียนนั้นขัดแย้งกันอย่างมาก ใจหนึ่งเขาก็ต้องการจะเป็นนักเรียนม.ปลายต่อไป ส่วนอีกใจก็ต้องการจะไปเรียนต่อในวิทยาลัยให้เร็วที่สุด และตอนนี้ก็ถึงเวลาสมัครสอบแล้ว
วันนี้นักเรียนทุกคนมาที่โรงเรียนเพื่อขอให้ครูแนะนำเรื่องการสอบ
ถานเสี่ยวเทียนมาโรงเรียนตั้งแต่เช้าเพื่อให้เหรินชูเฟินช่วยแนะนำบางอย่าง แต่ก็มีเพื่อนร่วมชั้นมาล้อมรอบเหรินชูเฟินมากเกินไป ถานเสี่ยวเทียนจึงทำได้เพียงแค่ยืนรออยู่ที่ทางเดิน
“ถานเสี่ยวเทียน เธอประเมินภาษาอังกฤษได้กี่คะแนน”
เสียงผู้หญิงที่คมชัดมาจากด้านหลัง เมื่อถานเสี่ยวเทียนหันกลับไปก็เห็นว่าเป็นเฉินหยูครูสอนภาษาอังกฤษสาว
ถานเสี่ยวเทียนทำความเคารพ “สวัสดีครับอาจารย์เฉิน ผมคิดว่าน่าจะประมาณ 145 ถึง 150 ครับ!”
เฉินหยูพอใจมาก “ดี นักเรียนทุกคนควรจะมีความรู้สึกทางภาษาอังกฤษที่ดีที่สุด แล้วคะแนนรวมของเธอคือเท่าไหร่?”
“น่าจะ 560 ถึง 580 ครับ”
“ไม่เลว! ฉันจำได้ว่าคุณทำคะแนนได้มากกว่า 400 คะแนนในการสอบจำลองครั้งก่อน ไม่คิดเลยว่าครั้งนี้จะได้ผลดีขนาดนี้ แล้วเธออยากจะสมัครเข้ามหาวิทยาลัยไหน สาขาวิชาอะไร?”
ถานเสี่ยวเทียนลังเล “ผมต้องการไปรายงานตัวที่มหาวิทยาลัยตงไห่ครับ”
เฉินหยูแปลกใจมาก “มหาวิทยาลัยตงไห่เป็นมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เหรอ? ทำไมเธอในฐานะนักศึกษาศิลปศาสตร์ถึงอยากไปเรียนที่นั่น? ด้วยคะแนนของเธอ เธอควรไปที่มหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปินเฉิงจะดีกว่า!”
พูดจบเฉินหยูก็ยิ้มอย่างลึกลับ “ในเมื่อเธอเรียนจบแล้ว ฉันก็มีอะไรจะบอก ศิษย์สาวสวยในวิทยาลัยเก่าของครูมีมากมายราวกับก้อนเมฆเลยนะ!”
“ขอบคุณคุณครูสำหรับน้ำใจ แต่ยังผมก็ต้องการจะไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยตงไห่”
เฉินหยูหมดหนทาง “เธอดื้อมาก มากับฉันแล้วฉันจะช่วยให้เธอได้เห็น”
ถานเสี่ยวเทียนไปที่ห้องสำนักงานวิชาภาษาอังกฤษที่อยู่ด้านหลัง เฉินหยูหยิบสมุดรายชื่อวิทยาลัยที่รับสมัครและเปิดไปที่หน้าของมหาวิทยาลัยตงไห่
สิบวินาทีต่อมา เฉินหยูก็ชี้ “ดูนี่สิ!”
มองตามนิ้วของเฉินหยู ถานเสี่ยวเทียนเห็นคำสี่คำ “Technical English” (อังกฤษวิชาการ)
“วิชาเอกนี้ถือว่าดี ไม่จำกัดว่าเป็นศิลปศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ หากเธอมีพื้นฐานภาษาอังกฤษที่ดีก็สามารถเข้าได้ แต่ครูอยากเตือนเธอไว้อย่าง คะแนนขั้นต่ำที่มหาวิทยาลัยตงไห่ต้องการนั้นสูงกว่า 600 เมื่อเทียบกับคะแนนของเธอมันเสี่ยงนิดหน่อยนะ” เฉินหยูถามอีกครั้ง “ครูไม่เข้าใจ ทำไมเธอถึงต้องการไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยตงไห่?”
เมื่อออกจากห้องสำนักงานกลุ่มวิชาภาษาอังกฤษ ถานเสี่ยวเทียนก็ไปที่สวนป่าเล็กๆ จุดบุหรี่และเริ่มสูบบุหรี่เพียงลำพัง
ฉู่ถิงเองก็ไม่เข้าในที่ถานเสี่ยวเทียนยืนกรานที่จะเข้ามหาวิทยาลัยตงไห่ให้ได้เช่นเดียวกับเฉินหยู
พวกเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าอีก 20 ปีข้างหน้าจะเป็นยุคแห่งการพัฒนาของอุตสาหกรรมไอที และคนที่ร่ำรวยที่สุดในประเทศจีนเกือบทั้งหมดนั้นมาจากหรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมไอที เมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิมแล้ว ความเร็วที่อุตสาหกรรมไอทีสามารถสร้างความมั่งคั่งให้ได้นั้นอยู่คนละระดับอย่างแน่นอน
ในสามจังหวัดทางตะวันออก มหาวิทยาลัยตงไห่เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยชั้นนำด้านซอฟต์แวร์คอมพิวเตอร์และแม้แต่ทั่วประเทศ ตงไห่ซอฟต์แวร์ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของมหาวิทยาลัยตงไห่ที่ก่อตั้งขึ้นในปี 1991 และจดทะเบียนในปี 1996 ก็ถือเป็นผู้ให้บริการเอาท์ซอร์สซอฟต์แวร์นอกชายฝั่งที่มีพนักงานมากกว่า 20,000 คนซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประเทศจีน และในตอนต้นของศตวรรษใหม่ ตงไห่ซอฟต์แวร์นั้นได้รับความนิยมอย่างมาก
น่าเสียดายที่บริษัทให้ความสำคัญกับการพัฒนาซอฟต์แวร์และเพิกเฉยต่อธุรกิจด้านเครือข่าย ด้วยเหตุนี้ บริษัทจึงถูกจำกัดในอีก 10 ปีข้างหน้า
แต่ไม่ว่าในกรณีใด มหาวิทยาลัยตงไห่ก็เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีความสามารถด้านไอทีสูงสุดในเวลานี้
แน่นอนว่าถานเสี่ยวเทียนรู้ดีว่าในอีก 20 ปีข้างหน้าไอทีและอินเทอร์เน็ตจะเปลี่ยนประเทศไปมากแค่ไหน และนั่นก็คือเหตุผลที่เขาต้องเข้ามหาวิทยาลัยตงไห่ให้ได้
กลับบ้านในตอนเย็น ถานเสี่ยวเทียนขอคำแนะนำจากพ่อแม่ของเขาถานเยว่จินและซ่งชุนฮวา แม้ว่าพวกเขาจะไม่ค่อยเข้าใจ แต่ก็แนะนำเขาได้บางอย่าง
วันรุ่งขึ้น ถานเสี่ยวเทียนไปพบอาจารย์ใหญ่ อาจารย์เหรินชูเฟินที่โรงเรียนอีกครั้งเพื่อกรอกแบบฟอร์มสมัครเข้าวิทยาลัย ตัวเลือกแรกของเขาเป็นวิชาเอกภาษาอังกฤษ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีในมหาวิทยาลัยตงไห่ ส่วนตัวเลือกที่สองเป็นวิชาภาษาต่างประเทศสำหรับระดับนานาชาติที่วิทยาลัยการกีฬาเชิ่งเทียน
ในเมืองเชิ่งเทียน มหาวิทยาลัยตงไห่และวิทยาลัยการกีฬาอยู่บนถนนสายเดียวกัน แม้ว่าเขาจะล้มเหลวในการเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยตงไห่ แต่ก็ยังมีวิทยาลัยการกีฬาเชิ่งเทียนรองรับเขา วิทยาลัยทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก เขาสามารถไปที่นั่นเพื่อหาเพื่อนนักศึกษาที่เรียนเอกคอมพิวเตอร์ได้ตลอดเวลา
หลังจากออกจากโรงเรียน ถานเสี่ยวเทียนก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร หลังจากยืนรอที่ประตูโรงเรียนครู่หนึ่ง จางต้าเผิงและหม่าเหว่ยก็ออกมาทีละคน
“เลือกกันแล้วใช่ไหม?” ถานเสี่ยวเทียนยื่นบุหรี่สองมวนให้
“ที่แรกที่ฉันเลือกคือโรงเรียนอาสาสมัครตำรวจ ส่วนตัวเลือกที่สองคือสาขาอสังหาริมทรัพย์ในโรงเรียนมัธยมปลายเทคนิค บ้าจริง! ฉันยังนับถอยหลังสู่โรงเรียนมัธยมปลายอีกครั้งแล้ว” หม่าเหว่ยหยิบบุหรี่ไปอย่างไม่พอใจ
ถานเสี่ยวเทียนเบิกตากว้าง “มัธยมปลายเทคนิคแล้วยังไง? พวกที่จบจากมหาวิทยาลัยแล้วหางานทำไม่ได้ก็มีให้เห็นเยอะแยะไป อย่าคิดมากและตั้งใจเรียนเถอะ”
จางต้าเผิงสีหน้าไม่ค่อยดี “บัดซบ! พ่อของฉันจ้างคนมาทำงานวิจัยให้ฉันเพื่อที่จะให้ฉันมีคะแนนแค่พอที่จะไปเรียนต่อที่วิทยาลัยครูซานเฉิง เฮ้อ~~ ฉันคงจะไม่มีวันได้ใบปริญญา ในอนาคตฉันคงจะเป็นได้แค่คนทำสวนแน่ๆ พวกนายควรจะอุทิศตัวเองเพื่อการศึกษาเพื่อมาพัฒนามาตุภูมิของเรานะ”
ถานเสี่ยวเทียนรู้สึกตลกเมื่อได้ยินเรื่องนี้ ทั้งสามคนนั่งยองๆ สูบบุหรี่บนถนนตรงข้ามโรงเรียนพร้อมกับมองดูแผ่นโลหะที่ประตูโรงเรียน
ในตอนนั้นเอง โฟล์คสวาเกนสีน้ำเงินเข้มของตระกูลฉู่ก็ขับมาจากหัวมุมถนน ฉู่เฉียงและหลินว่านหงลงจากรถพร้อมกับฉู่ถิงที่เปื้อนน้ำตา จากนั้นทั้งสามก็รีบเข้าไปในโรงเรียน
จางต้าเผิงสะกิดถานเสี่ยวเทียน “ดูเหมือนว่ามีบางอย่างเกิดขึ้นกับหัวหน้าห้องนะ พี่เข้าไปดูเธอหน่อยสิ!”
ไม่จำเป็นต้องให้จางต้าเผิงบอก ถานเสี่ยวเทียนลุกขึ้นและเดินตามเข้าไป
เขาได้ยินเสียงร้องของหลินว่านหงในห้องทำงานของเหรินชูเฟิน “อาจารย์เหรินโปรดช่วยฉันพูดกับเด็กคนนี้ที! ดูนี่! ดูตัวเลือกที่เธอเลือกเมื่อคืนนี้ ตัวเลือกแรกของเธอคือมหาวิทยาลัยตงไห่เห็นไหม? เธอทำได้ตั้ง 700 คะแนน แต่กลับเลือกที่จะไปเรียนที่มหาวิทยาลัยตงไห่ อาจารย์เห็นไหมว่าเธอบ้าไปแล้ว”