ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ – ตอนที่ 1174 หนี้แค้นครั้งเก่า

ตอนที่ 1174 หนี้แค้นครั้งเก่า

หลังจากร่างของหลิ่วหมิงผสานเข้ากับมังกรหมอกสีดำ กลุ่มปราณดำพลุ่งพล่านพลันทะยานฝ่าฝูงแมลงรวดเดียวถึงสามฝูงจนดึงความสนใจของแมลงยักษ์สองหัวตัวหนึ่งที่อยู่ไม่ไกลในที่สุด!

มันร้องคำรามแล้วพาปราณสีเทากลุ่มหนาเหาะเข้ามาหาหลิ่วหมิง

หลิ่วหมิงหวาดหวั่นอยู่ในใจ

ลมปราณของแมลงตัวนี้ไม่อ่อนแอ แรงกดดันใกล้เคียงกับระดับดาราพยากรณ์ขั้นกลาง หัวทั้งสองอ้าปากพ่นน้ำพิษก้อนแล้วก้อนเล่าสาดเข้าใส่หลิ่วหมิง พิษรุนแรงอย่างยิ่ง

เขาเลิกคิ้วพลางสะบัดแขนเสื้อ แสงสีเหลืองเส้นหนึ่งพุ่งออกมา มุกบรรพตธาราหกเม็ดถูกเขาเรียกออกมาพร้อมกัน เสียงครวญทุ้มต่ำดังตามออกมาทันที!

ยอดเขาสีเหลืองขนาดหลายสิบจั้งลูกหนึ่งร่วงลงมาด้วยพลังประหนึ่งภูเขาไท่ซานกดทับเหนือศีรษะ ฐานภูเขาเปล่งแสงสีเหลืองสว่าง รัศมีแสงสีเหลืองวงแล้ววงเล่ากระเพื่อมขยายออกไป

อึดใจต่อมาเสียง  ชี่  ก็ดังลั่น!

รัศมีแสงสีเหลืองถูกน้ำพิษจู่โจมดุจพายุฝนกระหน่ำจนกลายเป็นควันสีเหลืองเขียวนับไม่ถ้วนลอยพุ่งขึ้นมา โชคดีที่แม้ยอดเขาสีเหลืองเปล่งแสงวูบวาบแต่ไม่พังทลายลงทันที!

ในเวลาเดียวกันนี้ไอหมอกสีดำที่เดิมทีล้อมรอบตัวหลิ่วหมิงอยู่ก็พลันมีเสียงมังกรกู่ร้องพยัคฆ์คำรามดังขึ้น!

มังกรสามตัวกับพยัคฆ์สามตัวพลันพุ่งออกมาจากสองฟากฝั่ง แยกย้ายกันไปสามทาง บน กลาง ล่าง แยกเขี้ยวกางกรงเล็บโถมเข้าใส่แมลงสองหัว

 คุกมืด 

ยังไม่ทันที่มังกรและพยัคฆ์ซึ่งก่อตัวจากหมอกสีดำจะปะทะกับแมลงสองหัว เคล็ดวิชาที่มือหลิ่วหมิงก็แปรเปลี่ยนทันทีพร้อมกับตวาดเบาๆ

เกิดเสียงระเบิดดั่งอสนีบาตฟาด มังกรหมอกกับพยัคฆ์หมอกทั้งหมดทยอยระเบิดกลายเป็นแสงสีดำหมื่นจั้งกลืนแมลงสองหัวเข้าไปด้านใน

แม้ยุทธวิธีของหลิ่วหมิงจะไหลลื่นดุจเมฆาคล้อยสายน้ำไหล จับจังหวะได้อย่างเหมาะเจาะพอดี แต่ถึงอย่างไรคู่ต่อสู้ก็เป็นแมลงระดับดาราพยากรณ์!

เสียงกรีดร้องประหลาดดังออกมาจากแสงสีดำ ทันใดนั้นคลื่นสีเทาระลอกแล้วระลอกเล่าก็ทะลักออกมาจากแสงสีดำแล้วพุ่งพรวดไปสี่ด้านแปดทิศ

คุกมืดที่เดิมทีกำลังจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างถูกคลื่นเหล่านี้โจมตีจนเริ่มส่ายไหวใกล้พังทลาย

หลิ่วหมิงเคยมีประสบการณ์ต่อสู้กับแมลงระดับดาราพยากรณ์มาก่อนย่อมไม่มีทางปล่อยให้อีกฝ่ายดิ้นหลุดออกไปได้เช่นนี้ ทันใดนั้นดวงตาเขาก็ทอประกายวาวโรจน์ จี้ดรรชนีเข้าใส่ยอดเขาสีเหลืองด้านหน้าอย่างว่องไว

ยอดเขาสีเหลืองสั่นสะท้านครู่หนึ่งก็ลอยขึ้นจากพื้น ต่อจากนั้นเงาแม่น้ำสีดำสายแล้วสายเล่าพลันปรากฏ

เมื่อยอดเขาสีเหลืองถูกแม่น้ำสีดำโอบล้อม มันก็ขยายขนาดขึ้นครึ่งเท่าอย่างกะทันหันแล้วพาพลังอันไร้ที่สิ้นสุดลอยไปอยู่เหนือคุกมืดทันที

แสงเรืองรองสีเหลืองที่สาดลงมาจากยอดเขาอาบไปทั่วท้องฟ้าทำให้คุกมืดที่เดิมปั่นป่วนใกล้จะพังทลายมั่นคงขึ้นในทันที

แมลงสองหัวคล้ายจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เงาแมลงยักษ์สองหัวขนาดมหึมาอย่างยิ่งตัวหนึ่งจึงปรากฏขึ้นบนแผ่นหลังทันที ร่างกายมหึมาของมันบิดดิ้นอย่างบ้าคลั่ง ปล่อยคลื่นสีเทาคลุ้มคลั่งออกมาดุจคลื่นสมุทร

 ปัง! 

หลังจากแมลงสองหัวปล่อยร่างพลังเวทออกมา ในที่สุดก็ทลายแสงสีดำของคุกมืดที่หลิ่วหมิงใช้ขังมันไว้ได้สำเร็จ!

ทว่าพริบตาที่หนีรอดออกมาได้อย่างหวุดหวิด แม่น้ำเส้นยาวสีดำหลายเส้นบนยอดเขายักษ์สีเหลืองพลันพร่าเลือนหายวับเข้ามาเลื้อยรัดหลายทบบนร่างแมลงสองหัวอย่างว่องไวประหนึ่งเส้นเชือก

ต่อจากนั้นแสงเรืองรองสีเหลืองผืนใหญ่พลันสาดลงมา แมลงสองหัวรู้สึกว่าอากาศรอบตัวถูกบีบอัด ร่างกายหนักอึ้งอย่างยิ่งจนไม่อาจยืนมั่นคงบนท้องฟ้าได้

หลิ่วหมิงหัวเราะหยัน สองแขนขยับส่งเคล็ดวิชาหลายสายออกไปพร้อมกัน มุกบรรพตธาราที่กลายเป็นภูเขายักษ์เปล่งแสงจิตวิญญาณวูบหนึ่งแล้วดิ่งร่วงลงไปทันที

บึ๊ม!

ยอดเขายักษ์สีเหลืองกระแทกลงบนหัวของแมลงสองหัวอย่างหนักหน่วง แต่ร่างพลังเวทของมันดันเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด

หลิ่วหมิงหัวเราะหยันเย็นชา นิ้วมือทั้งห้าของมือข้างหนึ่งกลายเป็นเงาเลือนรางลูบผ่านจุดหนึ่งตรงข้างเอว

ฝักกระบี่สีเทาฝักหนึ่งปรากฏขึ้นข้างเอว ทันใดนั้นแสงสีทองเลือนรางสายหนึ่งก็พุ่งหายวับไป ทิ้งไว้เพียงลายคลื่นกระเพื่อมล่องหนวงหนึ่ง

แมลงสองหัวที่กำลังยุ่งจนไม่มีเวลาว่างเหมือนจะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจางๆ ใบหน้ามนุษย์บิดเบี้ยวผิดรูปสองดวงจึงร้องคำรามออกมาพร้อมกัน ปราณรอบร่างสั่นสะเทือน มันคิดจะสลัดให้หลุดเพื่อที่จะหนี

ในตอนนี้เองลูกบอลน้อยสีทองลูกหนึ่งพลันปรากฏดุจภูตพรายตรงหน้าผากบนหัวด้านขวาของแมลง จากนั้นพริบตาเดียวก็ยืดยาวเป็นกระบี่น้อยสีทองเล่มหนึ่งเสียบหายเข้าไป

 ฟึบ  กระบี่น้อยสีทองทะลวงออกมาจากกลางหว่างคิ้วตรงหัวฝั่งซ้ายของแมลงสองหัว จากนั้นหมุนติ้วรอบหนึ่งก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย

เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังของลูกกลอนกระบี่ เปลือกภายนอกที่แลดูแข็งแกร่งอย่างยิ่งของแมลงสองหัวกลับอ่อนแอประหนึ่งเต้าหู้ สีหน้ากับการเคลื่อนไหวของแมลงตัวนี้หยุดชะงักในเวลาเดียวกัน ร่างพลังเวทซึ่งผุดออกมาจากร่างก็ส่งเสียงดัง  ฟู่  แล้วสลายไปทันที

ขณะเดียวกันฝ่ามือของหลิ่วหมิงเพิ่งละออกจากข้างเอว นับตั้งแต่เขาเรียกฝักกระบี่ว่างเปล่าออกมาจนกระทั่งสังหารแมลงระดับดาราพยากรณ์ตัวนี้ ตั้งแต่ต้นจนจบกินเวลาไม่ถึงสองสามลมหายใจ!

ยอดเขายักษ์สีเหลืองที่ไม่มีร่างพลังเวทขวางไว้อีกร่วงลงมาทันที

 บึ๊ม!  เสียงดังสนั่น

แมลงสองหัวและแมลงระดับล่างที่หนีไม่ทันรอบด้านอีกกลุ่มใหญ่ถูกยอดเขายักษ์ทับหายไปไม่เหลือ

หลิ่วหมิงกวักมือข้างหนึ่ง ยอดเขายักษ์สีเหลืองกลายเป็นมุกบรรพตธาราสีเหลืองขมุกขมัวหกลูกลอยมาหาเขาอีกครั้ง จากนั้นเขาก็หมุนตัวครั้งหนึ่งทะยานเข้าไปยังการต่อสู้วงถัดไปอย่างไม่รั้งรอ

สถานการณ์ตอนนี้ ปรมาจารย์ระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์ทั้งหลายของเผ่ามนุษย์ย่อมไม่มีเวลาว่างสนใจผู้ฝึกฝนระดับแก่นแท้อย่างเขา เขาจึงได้แต่อาศัยพลังของตนรักษาชีวิตท่ามกลางศึกอันชุลมุนนี้!

สถานการณ์ของศิษย์หัวกะทิคนอื่นเช่นพวกฉิวหลงจื่อก็ไม่ดีไปถึงไหนเช่นเดียวกัน

ถึงตอนนี้ภารกิจวางยาพิษนับว่าเสร็จสมบูรณ์แล้ว แมลงระดับล่างยังตายกันเป็นเบืออย่างรวดเร็ว เรื่องหลังจากนี้มิใช่สิ่งที่พวกเขาจะจัดการได้ ดังนั้นกลุ่มคนที่เข้ามาอยู่ในดงศัตรูเหล่านี้ยามนี้จึงได้แต่พยายามสังหารแมลงระดับสูงจำนวนหนึ่งอย่างสุดกำลัง

จากเริ่มแรกเกือบสองร้อยคน ตอนนี้เหลือเพียงน้อยนิดสามถึงสี่สิบคน สิ่งนี้เพียงพอพิสูจน์ได้ว่าคนเหล่านี้พลังไม่ธรรมดา แต่แมลงจำนวนนับอนันต์ที่ดาหน้าเข้ามาก็ยังชวนให้รู้สึกว่าพวกเขามีพลังไม่เพียงพอ…

หลิ่วหมิงใช้มุกบรรพตธาราประสานกับลูกกลอนกระบี่สังหารแมลงระดับแก่นแท้ติดกันไปสิบกว่าตัวในเวลาสั้นๆ ชั่วจิบชา

เวลานี้มุกบรรพตธาราหกเม็ดวนเวียนอยู่รอบตัวเขา แสงเรืองรองสีเหลืองแถบแล้วแถบเล่าวนเวียนจากบนจรดล่างปกป้องตลอดทั้งร่างเอาไว้ ทำให้แมลงระดับกลางกับระดับล่างไม่อาจเข้าใกล้ได้แม้แต่น้อย

ทว่าเมื่อเขากวาดสายตาไปรอบด้านก็ยังพบกองทัพแมลงมากมายมหาศาลอยู่ทุกหนทุกแห่ง มองไปไม่เห็นจุดจบอย่างสิ้นเชิง ในใจเขาอดไม่ได้หัวเราะอย่างขมขื่น

ตัวเขาในตอนนี้แม้มีโอสถและยันต์ฟื้นพลังจิตวิญญาณระดับสูงไม่น้อยคอยช่วยเหลือ แต่พลังเวทก็เหลือเพียงครึ่งเดียวแล้ว ต้องรีบผละหนีจากสนามรบให้เร็วที่สุด มิเช่นนั้นผลลัพธ์ที่ตามมาคงไม่อาจคาดคิด

หลิ่วหมิงบุกทะลวงจนไปหยุดยืนอยู่ตรงมุมที่ไม่สะดุดตาจุดหนึ่งของสนามรบ ทว่าการสังหารแมลงระดับสูงจำนวนมากติดกันกลับสะดุดตาเกินไปจนดึงความสนใจของผู้ที่มีพลังระดับดาราพยากรณ์กับระดับเชี่ยวชาญมหัศจรรย์เหล่านั้นมาจนได้

เมื่อเทียนเกอเจินเหรินกับจินเลี่ยหยางพบว่าหลิ่วหมิงบังคับอาวุธเวทมุกบรรพตธาราที่เสร็จสมบูรณ์หกเม็ดพร้อมกัน ใบหน้าก็แสดงสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย

เทียนเกอเจินเหรินสีหน้าค่อนข้างเป็นไปในทางตกตะลึง

แม้เขารู้ว่าหลิ่วหมิงได้อาวุธเวทมุกบรรพตธาราที่ไม่สมบูรณ์มาจากเศษซากโลกบนสิบสองเม็ด แต่การหลอมหกเม็ดให้เสร็จสมบูรณ์ในระยะเวลาสั้นๆ เช่นนี้ก็เหนือความคาดหมายอย่างสิ้นเชิง

ดวงตาของจินเลี่ยหยางเป็นประกายวิบวิบ ท่าทางปลื้มปิติกับผลงานของหลิ่วหมิง

ในเวลาเดียวกันนี้ปรมาจารย์โลหิตเสวียนอู๋ฉางกับพระสนมพิษอู่เจียงเย่ว์ที่เข่นฆ่าสังหารอย่างเหิมเกริมอยู่มารวมตัวกันไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใด พวกเขาสองคนล้วนมองมายังจุดที่หลิ่วหมิงอยู่

 เอ๋ อาวุธเวทใดบดขยี้แมลงระดับดาราพยากรณ์ได้ในทันที! ประเดี๋ยวก่อน กลิ่นอายเหมือนจะคุ้นเคยอยู่บ้าง ให้ข้าดูดีๆ หน่อยซิ  เสวียนอู๋ฉางมองครั้งสองครั้งก็เอ่ยออกมาพร้อมกับที่สีหน้าเปลี่ยนไป

 ก็แค่เด็กน้อยที่มีอาวุธประหลาดคุ้มครองกายผู้หนึ่งเท่านั้น เสวียนอู๋ฉาง เจ้าอย่าลืมว่าพวกเรามาช่วยราชินีหนอนผีเสื้อกวาดล้างผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์หยิ่งทะนงเหล่านี้ อย่าเสียสมาธิ!  หญิงงามผู้มีรูปโฉมเลิศล้ำข้างกายเขาหัวเราะอย่างชั่วร้าย

 เหอะ อู่เจียงเย่ว์ เรื่องนี้ต้องให้เจ้ามาเตือนข้าหรือ? แต่อาวุธเวทที่เจ้าหนูด้านโน้นใช้อยู่เหมือนจะเป็นมุกบรรพตธารา ครั้งนั้นข้าเสียเวลาพันปีสร้างร่างแยกร่างหนึ่งปะปนเข้าไปในเศษซากโลกบนหมายจะค้นหามุกบรรพตธาราเพื่อทลายโซ่ปราบมารที่พันธนาการร่างข้าอยู่ แต่ปรากฏว่าร่างแยกกลับถูกคนสังหารอย่างไม่คาดคิด มุกบรรพตธาราก็ตกไปอยู่ในมือผู้อื่น! มิเช่นนั้นข้าจะต้องอาศัยพวกต่างเผ่านี่มาช่วยหรืออย่างไร!  เสวียนอู๋ฉางได้ยินพลันแค่นเสียงหยันแล้วเผยสีหน้าเกรี้ยวกราดออกมาเล็กน้อย

 คิกๆ! ข้ายังคิดอยู่ว่ายามนั้นร่างแยกของเจ้าถูกผู้ใดทำลาย คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเจ้าหนูผู้นี้  หญิงงามได้ฟัง เริ่มแรกก็อึ้ง ทว่าทันใดนั้นสีหน้าเย้นหยันก็ปรากฏบนใบหน้า

 พูดไร้สาระให้มันน้อยๆ ! เจ้า เลี่ยเจวี๋ยเทียนกับมู่เชียนอิ่งช่วยราชินีหนอนผีเสื้อตัวนี้เปิดทางต่อไป พลังของพวกเจ้าเพียงพอบดขยี้ผู้ฝึกฝนระดับล่างของเผ่ามนุษย์เหล่านี้แล้ว! ข้าจะไปจัดการเจ้าหนูคนนี้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!  เวลานี้เสวียนอู๋ฉางคล้ายไม่มีกะจิตกะใจโต้แย้งอันใดกับนางมากนัก เขาเหล่ตามองครู่หนึ่งก็พาแสงโลหิตที่พลุ่งพล่านทั่วร่างพุ่งพรวดไปยังทิศทางที่หลิ่วหมิงอยู่

จุดที่หมอกโลหิตพัดผ่าน บนร่างผู้ฝึกฝนเผ่ามนุษย์พลันมีแสงสีเลือดจุดแล้วจุดเล่าปรากฏ ต่อจากนั้นแสงสีเลือดเหล่านี้ก็กลายเป็นประกายโลหิตสายแล้วสายเล่าทะลวงออกมาจากร่างของผู้ฝึกฝน จนพวกเขาถูกสูบเลือดกลายเป็นร่างมนุษย์แห้งๆ

เพียงครู่เดียวผู้ฝึกฝนระดับล่างของเผ่ามนุษย์หลายร้อยคนก็สิ้นชีพ

 ผ่านไปหลายปีเช่นนี้ยังไม่ปรับปรุงตัวแม้แต่นิด หากไม่ใช่เจ้าเห็นแก่เรื่องส่วนตัวเป็นใหญ่เช่นนี้ ยามนั้นพวกเราจะถูกเจ้าเฒ่าหมัวหยาเล่นงานทีละคนจนถูกผนึกไว้นานเช่นนี้ได้อย่างไร! เอาเถิด ฆ่าผู้ฝึกฝนระดับล่างเหล่านี้จนเอียนแล้ว ทำงานสำคัญก่อนก็แล้วกัน! 

อู่เจียงเย่ว์พึมพำอยู่ที่เดิมสองสามประโยคจากนั้นปราณสีเขียวรอบร่างก็ปั่นป่วนอย่างรุนแรงก่อนจะเหาะมุ่งไปยังทิศเหนือ

หลิ่วหมิงผู้กำลังเข่นฆ่าอย่างเมามันฉับพลันขยับจมูกฟุดฟิด เขาได้กลิ่นคาวโลหิตฉุนแสบจมูกลอยมาจากด้านหลัง พร้อมกันนั้นแรงกดดันจิตวิญญาณอันน่าหวาดกลัวที่ทำให้เขารู้สึกไม่อาจต้านทานก็โถมเข้ามาด้วย

เขารีบหันกลับไปมองแล้วพบว่าทะเลโลหิตกว้างใหญ่ที่อยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้กำลังพุ่งเร็วจี๋มาหาตน

หลิ่วหมิงหน้าถอดสี สมองครุ่นคิดเร็วจี๋ เขาคาดเดาเจตนาของผู้ที่มาเยือนได้อยู่เลือนราง เคล็ดวิชาที่มือจึงเปลี่ยนผันอย่างว่องไวในทันใด

เงาภูเขาน้อยที่สร้างจากมุกบรรพตธาราสั่นสะเทือนอยู่กลางท้องฟ้า หลังจากบดขยี้แมลงระดับล่างร้อยตัว มันก็กลายเป็นมุกกลมสีเหลืองหกเม็ดลอยพุ่งกลับเข้าไปในแขนเสื้อของเขา

หลิ่วหมิงหมุนตัวทันที ฝ่ามือตบอสูรสมุทรแปดขาตรงหน้าอก แสงสีเงินฉายวาบบนแผ่นหลัง ขณะที่ปีกเนื้อคู่หนึ่งกางออก ร่างกายขยับหายวับไม่กี่ครั้งก็เหาะหนีไปไกลร้อยกว่าจั้งของอีกทิศทางหนึ่ง

 

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ

ตำนานเซียนปีศาจสะท้านภพ


เด็กหนุ่มที่เติบโตท่ามกลางนักโทษบนเกาะมฤตยู

หลังหนีออกจากที่คุมขังสำเร็จก็จับพลัดจับผลูเข้าไปในนิกายปีศาจ

และกลายเป็นการเปิดประตูเข้าสู่พิภพอันกว้างใหญ่อย่างที่เขาคาดไม่ถึง

ทว่าภายใต้ความบังเอิญนี้

เขากลับต้องเผชิญหน้ากับวิกฤตถึงชีวิต ที่อาจจะสูญเสียตัวตนกลายเป็นจอมปีศาจอยู่ตลอดเวลา…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท