World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 33

ตอนที่ 33

ตอนที่ 33 แบ่งของ

ไม่กี่นาทีต่อมา

หวงปินไม่ได้ถูกมัดอีก แต่เขาก็ยังแน่นิ่งอยู่บนพื้น มีเพียงหน้าอกเท่านั้นที่ขยับขึ้นลง

ในทางกลับกันหวิงจินหยางค้นตัวและพบของบางอย่างเหมือนหยก เขายัดมันใส่กระเป๋า

หวังจินหยางลุกขึ้นยืนเดินมาหาฟางผิง เขาครุ่นคิดอยู่ครู่นึงก่อนจะพูดขึ้น

“นายใช้ยาเสริมสร้างกระดูกกับยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นสองไม่ได้ ดังนั้นฉันจะให้ยาเสริมสร้างกระดูกกับยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นหนึ่งให้แทน นายจะใช้ได้ตอนพยายามทะลวงเป็นผู้ฝึกยุทธ”

“แน่นอนราคามันไม่ใช่ถูกๆเหมือนกัน”

หวังจินหยางมองเขาครุ่นคิดดูสักครู่ก่อนจะกล่าวอีกครั้ง “ฉันจะจ่ายส่วนต่างให้อีกล้านนึง”

ยาเสริมสร้างกระดูกขั้นสองกับยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นสองมีราคาตลาดรวม 3 ล้านหยวน

อย่างไรก็ตามเม็ดยาขั้นหนึ่ง ยาเสริมสร้างกระดูกราคา 5 แสนหยวนกับยาป้องกันอวัยวะภายใน 6 แสนหยวน รวมเป็น 1.1 ล้านหยวน

พูดอีกนัยนึงหวังจินหยางเอาของราคา 1.9 ล้านหยวนไป แถมเขายังโยนเงินอีกล้านนึงมาจ่ายส่วนต่างด้วย นั่นหมายความว่าเขาได้ผลประโยชน์น้อยกว่าหนึ่งล้านเสียอีก

แต่กระนั้น เขายังเอาตัวหวงปินไปแลกเงินรางวัลได้อีก 5 แสนหยวน

หวังจินหยางไม่ได้คิดถึงความเป็นไปได้ที่กรมสืบสวนของเมืองหยางเฉินจะถามหาสินสงครามเหล่านี้ แถมหวงปินก็ไม่มีโอกาสพูดถึงเช่นกัน

แน่นอนหวังจินหยางไม่ได้พูดถึงของที่เขาพึ่งได้

หลังได้ยินข้อเสนอเขา ฟางผิงก็ไม่ได้พูดถึงของที่หวังจินหยางเอาไปเช่นกัน เขากล่าวอย่างเร่งรีบ “ไม่เป็นไรครับพี่หวัง ถ้าแบบนั้นคุณไม่ได้น้อยกว่าผมเหรอ?”

หวังจินหยางมองเขาอย่างล้ำลึกแล้วกล่าวหลังหยุดไปชั่วครู่ “นายเป็นคนฉลาด เราจะได้ร่วมงานกันอีกแน่นอนในอนาคต”

“เพราะงั้นฉันจะพูดความจริง เราจะได้ไม่เป็นศัตรูกันในอนาคต”

“เม็ดยาพวกนี้มีราคาแพง แต่ฉันยังหาซื้อได้”

“ตอนนี้ฉันกำลังจะทะลวงขั้นต่อไปแล้ว ฉันยังหาเม็ดยาได้ แต่ฉันต้องการของชิ้นนึง และมันราคาแพงมาก”

“แม้แต่ฉันตอนนี้ก็ไม่มีปัญญาซื้อ”

“นั่นเป็นของที่ฉันพึ่งหยิบมาเมื่อกี้ ตอนนี้นายใช้ไม่ได้”

“นายใช้ยาขั้นสองไม่ได้เหมือนกัน ถ้านายเอาไปขาย นายจะดึงดูดความสนใจมาก เอามาให้ฉันดีที่สุด”

“แต่ไม่ต้องห่วง พอฉันบรรลุ ฉันจะหาทรัพยากรที่จำเป็นได้ง่ายขึ้น”

“ถ้าในอนาคตนายต้องการอะไร นายก็มาหาฉันได้”

“นั่นเป็นทั้งหมดที่ฉันต้องพูด ถ้านายโอเค นายไม่ต้องสนใจเรื่องหวงปินอีก ฉันจัดการทุกอย่างเอง”

ฟางผิงรู้ แต่เขาแสร้งทำเป็นเลอะเลือนอย่างเต็มที่

เนื่องจากหวังจินหยางพูดเอง ฟางผิงก็ไม่คลุมเครืออีกต่อไป เขาพยักหน้าแล้วกล่าว “ถ้าแบบนั้น ผมก็ขอรับน้ำใจไว้ ถ้าไม่มีความช่วยเหลือจากพี่หวัง ผมอาจไม่ได้อะไรเลย”

“ฮ่าๆ นายก็พูดเกินไป”

ไม่ว่าเมืองหยางเฉิงจะตระหนี่แค่ไหน พวกเขาก็ยังมอบรางวัลให้ 80-100 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย

แต่ถึงกระนั้น โดดเด่นมากไปก็ไม่ใช่ความคิดที่ดี

ฟางผิงเห็นด้วย หวังจินหยางจึงยิ้มกว้าง

ต่อให้เขาอยากเอาทุกอย่างไปเอง ฟางผิงก็ทำอะไรไม่ได้

อย่างไรก็ตามนักเรียนมัธยมปลายที่โหดเหี้ยมคนนี้วางแผนจัดการได้กระทั่งผู้ฝึกยุทธขั้นสองสูงสุด

เขามีปราณและเลือดไม่เลว มีความกล้าหาญมาก ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้มากที่เขาจะกลายเป็นนักศึกษาวิชายุทธ

ครั้งนี้ถ้าเขายึดของทุกอย่างไปเอง ผลประโยชน์แค่ไม่กี่ล้าน เขาก็จะกลายเป็นศัตรูของฟางผิงในอนาคต

พอเขาทะลวงขั้นสาม ยังไงเงินไม่กี่ล้านไม่ได้มีความหมายกับเขามากนัก

มันจำเป็นด้วยเหรอที่จะสร้างศัตรูนิสัยโหดเหี้ยมแบบนี้?

นอกจากนี้เขายังได้สิ่งที่ต้องการแล้ว มันดีกว่าที่เขาคาดหวังไว้อีก

ฟางผิงมองรอยยิ้มกว้างของอีกฝ่าย หลังคิดอยู่ครู่นึง เขาก็กล่าว “ผมไม่เอาเงิน กลับกันผมอยากได้เคล็ดวิชาพื้นฐานแทน…”

“เคล็ดวิชา?”

หวังจินหยางเลิกคิ้วและพยักหน้า “เคล็ดวิชาพื้นฐานไม่คุ้มนัก พอนายเข้ามหาลัยวิชายุทธได้ นายจะได้เอง”

“แม้ว่ามันไม่ได้รับอนุญาตให้ถ่ายทอดให้คนนอก อันที่จริงมันไม่ได้สำคัญนัก”

“นายมีเงินมียาแล้ว ถ้านายมีเคล็ดวิชาด้วย นายก็พร้อมพัฒนาเป็นผู้ฝึกยุทธในอนาคตแล้ว”

“แต่ฉันขอเตือน ถ้านายลองฝึกเคล็ดวิชาเองสุ่มสี่สุ่มห้าโดยไม่มีคนแนะนำ นายจะมีปัญหาเอา”

“แน่นอน ถ้ามีอะไรที่นายไม่เข้าใจ นายมาปรึกษาฉันได้ทุกเมื่อ”

“แต่ช่วงนี้ฉันกำลังทะลวงขั้นต่อไป ฉันอาจไม่มีเวลาตอบคำถามนายเท่าไหร่…”

หลังให้คำแนะนำเล็กน้อย หวังจินหยางก็เงียบเสียงไป ฟางผิงไม่ได้โง่ คนโง่ย่อมจัดหวงปินไม่ได้ เขาพอเข้าใจแล้ว

“เงินล้านหยวน เดี๋ยวฉันจะเอาให้นาย ทั้งโอนธนาคารทั้งเงินสด ฉันสะดวกหมด”

“ฉันไม่มีหนังสือเคล็ดวิชาติดตัว แต่ฉันจะส่งมาให้หลังกลับไปเมืองเจียงเฉิง”

“ส่วนเม็ดยา…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฟางผิงก็หยิบเอาขวดยาเสริมสร้างกระดูกกับขวดยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นสองออกมาแล้วมอบให้หวังจินหยาง

หวังจินหยางก็ไม่ได้เกรงใจเช่นกัน เขารับขวดยามาแล้วเปิดดู แววตาเขาปรากฏร่องรอยความดีใจ

ตอนนี้เขามียาพร้อมสิ่งจำเป็นพร้อม

เขามีทุกอย่างพร้อมทะลวงขั้นต่อไปแล้ว

พอเขากลับไปมหาลัย เขาจะยื่นขอทรัพยากรเพิ่ม เตรียมความพร้อมให้ดีกว่าเดิมแข็งแกร่งกว่าเดิม

ตอนแรกเขามีโอกาสทะลวงขั้นสามไม่สูงนัก แต่ตอนนี้เขามีความมั่นใจมาก

เขาจะไปถึงขั้นสามในหนึ่งปี!

ความคิดนี้ทำให้แววตาของหวังจินหยางเปล่งประกายเจิดจรัส!

ต่อให้รวมนักศึกษาปีสุดท้าย ตอนนี้จะมีนักศึกษามหาลัยวิชายุทธหนานเจียงกี่คนเชียวที่มีโอกาสชนะเขา?

เมื่อรับยาจากฟางผิงมา หวังจินหยางก็หยิบยาสองขวดจากกระเป๋ามอบให้ฟางผิง

มันเป็นยาเสริมสร้างกระดูกขั้นหนึ่งกับยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นหนึ่ง

…..

ตอนนี้ทั้งสองตกลงเงื่อนไขกันแล้ว หวังจินหยางก็เดินไปหาหวงปินและมองอีกฝ่ายอยู่พักนึง

หลังพิจารณาสักครู่ เขาก็หันไปมองฟางผิงแล้วพูด “นายไปได้เถอะ ฉันจะจัดการเจ้าหมอนี่คืนนี้”

ฟางผิงลังเลเล็กน้อย เขากล่าวเสียงต่ำ “แต่เจ้าหน้าที่เมืองหยางเฉิง…”

“มันไม่มีโอกาสได้พูด!”

“อือออ…”

หวงปินเริ่มได้สติ เมื่อเขาได้ยินแบบนั้น เขาก็ดิ้นรนทันที

หวังจินหยางไม่สนใจ เขากำหมัดขวาแน่นแล้วกระแทกใส่หัวหวงปินอย่างฉับพลันและกล่าวอย่างใจเย็น “มันเป็นฆาตกรที่ขัดขืนการจับกุมแล้วถูกฆ่าคาที่!”

ความหนาวเย็นแล่นผ่านหัวใจฟางผิง เขาพยักหน้าหงึกๆ เขาไม่ได้ดูหวงปิน ไม่ได้ตรวจสอบว่ายังมีชีวิตอยู่ไหม เขาหยิบของที่ไม่ได้เอาไปแล้วเตรียมเดินไป

ตอนเขากำลังเดินไป จู่ๆหวังจินหยางก็กล่าว “หลังสอบวิชายุทธ เว้นแต่นายจะเข้ามหาลัยดังทั้งสองได้ นายมาเข้ามหาลัยวิชายุทธหนานเจียงจะดีที่สุด แม้ว่าผลการสอบจะเกินเกณฑ์ที่กำหนดก็ตาม”

“ฉันจะทะลวงผ่านปีนี้ และเทอมหน้า ฉันจะลงสมัครตำแหน่งประธานสมาคมวิถียุทธ!”

“ถ้าผู้สำเร็จราชการจางบรรลุอีก เขาจะเพิ่มทรัพยาการฝึกฝน ฉันจะสนับสนุนนายเช่นกัน”

ฟางผิงพยักหน้าอีกครั้ง หวังจินหยางไม่ได้อ่อนแอ อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้กลัวหวงปิน จากการวิเคราะห์ของฟางผิง มันหมายความว่าเขากำลังจะทะลวงผ่านขั้นสามเช่นกัน

ผู้ฝึกยุทธขั้นสามควรเป็นผู้ทรงพลังในหมู่นักศึกษา

เข้ามหาลัยที่มีคนรู้จักคอยช่วยเหลือน่าจะดีกว่าเข้ามหาลัยวิชายุทธอื่น

ส่วนมหาลัยดังทั้งสอง ฟางผิงไม่เคยเก็บไปคิดเลย

มันยากเกินไป!

ต่อให้เขาขยันขึ้น เขาก็ยังมีโอกาสไม่มากนัก วิธีเดียวที่จะเข้าได้ก็คือการเป็นผู้ฝึกยุทธก่อนสอบวิชายุทธ แต่มันจะทำให้เขาอ่อนวัฒนธรรมศึกษา

แต่ตอนนี้มีเวลาเหลือเพียงยี่สิบกว่าวันเท่านั้น ฟางผิงไม่เพ้อฝันว่าเขาจะเป็นผู้ฝึกยุทธได้

“ขอบคุณครับ เทอมหน้า ผมคิดว่าคุณอาจได้เห็นผมที่มหาลัยวิชายุทธหนานเจียง”

“ดี ฉันจะรอ!”

“…”

…..

ด้านนอก

ฟางผิงละความคิดอื่นและเลิกสนใจหวงปิน

ชายคนนี้ตายแน่นอน

ส่วนอีกฝ่ายสมควรตายไหม? เขาควรรู้สึกผิดไหม? ฟางผิงไม่ได้คิดถึง

คำพูดก่อนหน้านี้ของหวังจินหยางทำให้ฟางผิงเข้าใจอะไรบางอย่าง

ผู้ฝึกยุทธกับการต่อสู้เป็นของคู่กัน

พวกเขาต่อสู้เพื่อสถานะที่สูงขึ้น เพื่อทรัพยากร เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้น

เพื่อผลประโยชน์เหล่านี้ หวังจินหยางไม่ลังเลเลยที่จะทำให้หวงปินหุบปากไปตลอดกาล

ถ้าฟางผิงเอาของไปทั้งหมด เจ้าหน้าที่ก็จะมาหาเขาแล้วร้องขอของคืน

แต่ถ้าหวังจินหยางเอาไป พวกเขาไม่มีหลักฐานหรือพยาน ณ จุดนั้นต่อให้เขาเอาของไปแล้วไงล่ะ? ใครจะพูดเรื่องนี้กัน?

นี่เป็นความแตกต่างของความแข็งแกร่งและสถานะของพวกเขา

คนที่ไม่มีความแข็งแกร่งไม่มีสถานะไม่มีสิทธิ์พูด

ฟางผิงส่ายหน้าและปัดความคิดพวกนี้ทิ้งไป กลับกันเขาหันมาคำนวณผลประโยชน์แทน

เขามียาบำรุงเลือดลม 18 เม็ด ยาปราณและเลือดธรรมดา 8 เม็ด ยาปราณและเลือดขั้นหนึ่ง 3 เม็ด ยาเสริมสร้างกระดูก 1 เม็ด และยาป้องกันอวัยวะภายใน 1 เม็ด

นอกจากนี้เขายังมีเงินสด 2 แสนหยวนจากหวงปิน แถมหวังจินหยางยังโอนเงินให้เขาอีกล้านหยวนพร้อมกับหนังสือเคล็ดวิชา

มูลค่าตลาดของเม็ดยาคือ 3.4 ล้าน!

เขามีเงินสดอีก 1.2 ล้าน!

ต่อให้เขาไม่รวมเคล็ดวิชา ครั้งนี้เขาได้รับเงินกว่า 4.5 ล้าน!

“ฆ่าคนวางเพลิงนี่รวยจริงๆ…”

ฟางผิงพึมพำกับตัวเอง เขายังไม่ได้ก่ออาชญากรรมจริง แต่เขาก็ได้รับประโยชน์มากมายในคราเดียว

นั่นไม่ใช่ผลประโยชน์ทั้งหมดที่ฟางผิงได้รับเช่นกัน

ตอนนี้ ฟางผิงตระหนักว่าค่าทรัพย์สินของเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน

ทรัพย์สิน : 2403800

ปราณและเลือด : 1.2

จิตใจ : 1.1

ค่าทรัพย์สินแปลกๆ ต่อให้เขาไม่นับเงินล้านที่หวังจินหยางจะให้เพิ่ม แต่จากการคำนวณของฟางผิง มันควรเป็นทรัพย์สินราว 3.5 ล้านหยวน

แต่ตอนนี้มันหายไป 1.1 ล้าน

ฟางผิงเดาว่าระบบอาจคำนวณราคาแบบเปรียบเทียบของสิ่งของ

ในตลาดเม็ดยาอาจมีราคากว่า 3.3 ล้าน แต่มันไม่ได้หมายความว่ามันจะมีราคาสูงขนาดนั้นจริง

ก่อนที่ฟางผิงจะขายยาเปลี่ยนเป็นเงินสด มูลค่าของยาจะไม่สอดคล้องกัน

ยกตัวอย่าง หวังจินหยางซื้อที่มหาลัยได้ราคาถูกกว่า

ในทางกลับกันผู้ฝึกยุทธที่ซื้อผ่านช่องทางอื่นจะต้องซื้อในราคาแพงกว่ามาก

สรุป ระบบควรคำนวณจากมูลค่าจริง ไม่ใช่ราคาตลาด เป็นผลให้ยามีมูลค่าน้อยลงไปหนึ่งในสาม

ถ้างั้น มันก็สมเหตุสมผล

“ชิ ระบบนี้เป็นรุ่นผลิตจำนวนมากที่แอบอ้างเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะ! ฉันจะไปรีวิวแง่ลบ!”

ฟางผิงพึมพำกับตัวเอง แต่สีหน้าเขาดูมีความสุข!

เขามีทรัพย์สิน 2.4 ล้าน ถ้าเขารวมอีกหนึ่งล้านที่หวังจินหยางจะโอนให้…

แม้แต่ฟางผิงก็ไม่คิดว่าจะได้รับค่าทรัพย์สินมากขนาดนี้ในเวลาอันสั้น

ผลประโยชน์ครั้งนี้เกินกว่าจินตนาการของเขาเสียอีก!

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท