ตอนที่ 59 พูดความจริงไม่ง่ายเลย
นอกศูนย์ประเมิณ
นักเรียนหลายคนที่ประเมิณแล้วยังไม่ได้กลับไป
หลังฟางผิงออกจากห้องวัด อู๋จื้อเห่าก็รีบวิ่งมาถาม “เป็นไงบ้าง?”
“ไม่รู้ เรายังไม่ได้เห็นผลลัพธ์”
“นั่นก็…”
อู๋จื้อเห่ากังวลเล็กน้อย “เรายังต้องรอจนวันมะรืนถึงจะรู้ ฉันโคตรกังวล”
ฟางผิงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย เขามองไปรอบๆก่อนจะถาม “พวกจางฮ่าวล่ะ?”
“พวกเขากลับโรงแรมแล้ว…”
อู๋จื้อเห่าถอนหายใจเบาๆ “พวกจางฮ่าวอาจไม่ผ่าน พวกเขาค่อนข้างสลด…”
ฟางผิงไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป ถ้ามันเกิดขึ้นกับเขา เขาก็เสียใจเหมือนกัน
หลังคุยกันสักครู่ ฟางผิงก็อยากกลับโรงแรม แต่แล้วก็มีคนที่อยู่ข้างหลังร้องตะโกนเรียก “ฟางผิง!”
ฟางผิงหันหน้ากลับไปแล้วเห็นถานเจิ้นผิงกำลังเดินมาหาเขา
…..
หลังจากนั้นสักครู่
ในซอกมุมนึง
ถานเจิ้นผิงหัวเราะ “เธอสะเพร่าอะไรแบบนี้ เธอไม่กลัวไม่ได้เงินเหรอ?”
ฟางผิงตอบอย่างเฉยเมย “เป็นไปได้ยังไง? บุคคลสำคัญอย่างผู้อำนวยการจินจะยักยอกเงินเล็กน้อยแบบนี้เหรอ?”
“อีกอย่าง ผมไม่จำเป็นต้องห่วงในเมื่อมีลุงถานอยู่”
“เด็กคนนี้…น่าสนใจจริงๆ…”
ถานเจิ้นผิงหัวเราะให้ตัวเอง จากนั้นเขาก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนเธอจะไม่แปลกใจเลยที่มาถึงขีดจำกัดแล้ว”
ฟางผิงยิ้ม “จะเป็นแบบนั้นได้ไง? ผมยังประหลาดใจมาก ผมไม่คิดเลยว่าปราณและเลือดผมจะถึง 149แคลแล้ว…”
“ฮ่าๆๆ…”
ถานเจิ้นผิงหัวเราะ เด็กคนนี้คิดจะโกหกอีก
แค่ดูก็บอกได้แล้วว่าฟางผิงไม่แปลกใจเลย ความมั่นใจของเขาเปิดเผยว่าเขามาถึงขีดจำกัดนานแล้ว
ถานเจิ้นผิงอุทานในใจ ‘คนรุ่นหลังน่ากลัวขึ้นทุกที’
“ฉันจะจัดการที่เหลือเอง ผู้อำนวยการจินไม่เสี่ยงเปิดเผยเรื่องนี้”
“ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณครับ”
ฟางผิงหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋า มันเป็นขวดยาที่มีเม็ดยาปราณและเลือดธรรมดาที่เขากินไป
“ลุงถานนี่ของคุณ”
ถานเจิ้นผิงมองเขาแล้วยิ้ม “เธอใจกว้างมาก เธอไม่เสียดายเหรอ?”
“จะเป็นไปได้ยังไง? ถ้าไม่มีลุงถาน ผมคงไม่ได้อะไร อย่างน้อยนี่ก็เป็นสิ่งที่ผมควรทำ…”
ถานเจิ้นผิงยิ้มอีกครั้งแล้วรับขวดยามา
ช่วงที่ควรถ่อมตัวก็ควรถ่อมตัว ที่ควรเสแสร้งหน่อยก็ควรเสแสร้ง แต่ถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ควร
ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่นึง ฟางผิงเห็นอู๋จื้อเห่ามองมาจากด้านหลัง หลังคิดเล็กน้อย เขาจึงเอ่ยถาม “ลุงถานรู้ระดับปราณและเลือดของพวกอู๋จื้อเห่าไหม?”
“อู๋จื้อเห่า…”
อู๋จื้อเห่าทิ้งความประทับใจให้กับถานเจิ้นผิง เขาเป็นนักเรียนคนแรกที่ได้ 120แคล
“เขาทำได้ไม่เลว 120แคล เขาไม่น่ามีปัญหากับเกณฑ์เข้ามหาลัยวิชายุทธ”
“120แคล?” ฟางผิงพูดอย่างประหลาดใจ “ค่อนข้างสูงทีเดียว ลุงถาน บอกผลของคนอื่นได้ไหม?”
“เธอสนใจเรื่องนี้ด้วยเหรอ?”
ถานเจิ้นผิงหัวเราะ “พวกเขามีหลายคนเกิน ฉันจำได้ไม่หมด”
“โจวปินจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งมาถึง 128แคล เฉินเจี๋ย 122แคล อู๋จื้อเห่า 120แคล”
“โดยรวมแล้ว ปีนี้เมืองหยางเฉิงทำได้ไม่เลวเลย มีนักเรียนหกคนจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับหนึ่งที่มีปราณและเลือดเกิน 120แคล”
“มีสองคนจากโรงเรียนมัธยมปลายอันดับสองและมีอีกคนมาจากโรงเรียนแถบชานเมือง…”
“รวมทั้งหมดแปดคน!”
ผู้สมัครสอบแปดคนจากเมืองหยางเฉิงมีปราณและเลือดเกิน 120แคล ถานเจิ้นผิงยอมรับเลยว่าเขาคาดไม่ถึง
แน่นอน ฟางผิงผิดปกติ
และอู๋จื้อเห่าก็อีกคน
เกณฑ์ปราณและเลือดเพิ่มขึ้นทุกปี นั่นคือเหตุผลที่ปีนี้ถึงมีผู้สมัครสอบที่โดดเด่นถึงแปดคน
“คนที่มีปราณและเลือดเกิน 120แคลเข้ามหาลัยวิชายุทธได้ไม่มีปัญหา”
“คนที่ต่ำกว่า 120แคล…ไม่ค่อยง่ายนัก”
“มหาลัยวิชายุทธหนานเจียงปีนี้จะรับนักเรียนเพิ่ม ดังนั้นปราณและเลือด 116-119 แคลก็ยังมีหวัง”
ถานเจิ้นผิงไม่คิดมากที่จะบอกฟางผิง เขาพูดต่อด้วยการวิเคราะห์ของตนเอง “มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ นอกจากนี้ถ้าเธอสอบวัฒนธรรมศึกษาได้คะแนนดี เธออาจได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษ”
“มันไม่ใช่เรื่องแปลกถ้านักเรียนที่มีปราณและเลือด 116แคลและได้คะแนนสอบวัฒนธรรมศึกษาดีจะถูกยอมรับ”
“อาจมีคนจากเมืองหยางเฉิงมากกว่า 10 คนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธได้”
ถานเจิ้นผิงกล่าวอย่างมีความสุข “มันเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว มันเกินความคาดหมายไปมาก”
ปีก่อนมีเก้าคนจากเมืองหยางเฉิงที่เข้ามหาลัยวิชายุทธ แต่ปีนี้อาจมีมากกว่านั้น แม้ว่าผู้อำนวยการจินยังไม่พอใจ แต่มันก็ยังดีขึ้น
ส่วนเขตอื่นอย่างอันผิง…ชะตากรรมของพวกเขาขึ้นอยู่กับอารมณ์ของผู้อำนวยการจิน พวกเขาอาจจบเห่แล้วก็ได้
แน่นอน มันไม่ได้เกี่ยวข้องกับพวกฟางผิง
ทั้งสองคุยกันอีกครู่นึงก่อนที่ฟางผิงจะสังเกตเห็นว่าถานเจิ้นผิงยกแขนขึ้นดูนาฬิกา เขาจึงกล่าวทันที “ลุงถาน ผมไม่รบกวนแล้ว ผมจะกลับแล้วครับ”
“ตกลง หลังผู้อำนวยการจินเสร็จเรื่อง ฉันจะไปหาเธอ”
ฟางผิงตรวจสอบค่าทรัพย์สินทันทีเมื่อถานเจิ้นผิงจากไป
แววตาเขาเปล่งประกายด้วยความสุขเมื่อเห็นว่าค่าทรัพย์สินไม่เปลี่ยนไป
แม้เขาจะมอบเม็ดยาไปแล้ว ค่าทรัพย์สินยังคงมีเท่าเดิม นี่เป็นข่าวดี!
เขาไม่รู้ว่าถ้าเขาเอาไปขาย ระบบจะคำนวณค่าทรัพย์สินให้เขายังไง
ระบบจะเพิ่มส่วนต่างให้ หรือค่าทรัพย์สินจะเท่าเดิม? นี่เป็นสิ่งที่เขาทดสอบได้
จากสมมติฐานของเขา อย่างแรกเป็นไปได้มากกว่า ท้ายที่สุดแล้วธุรกิจก็มักจะเล่นกับส่วนต่างของราคา
แต่ถ้ามันไม่นับ เขาก็คงสะสมทรัพย์สินได้ยาก
…..
เขาเดินกลับไปหาพวกเพื่อนๆ
อู๋จื้อเห่าถามทันที “ฟางผิง ผู้อำนวยการถานว่ายังไง?”
ฟางผิงตอบด้วยรอยยิ้ม “จะเป็นไรได้? มันย่อมเกี่ยวกับปราณและเลือด”
“จริงเหรอ? ฉันเท่าไหร่?”
อู๋จื้อเห่าตื่นเต้นมากจนตัวสั่นสะท้าน เมื่อเทียบกับรู้ผลตอนมะรืน การรู้ผลล่วงหน้าทำให้เขากังวลได้อย่างแปลกใจ
“นายเหรอ?”
ฟางผิงส่ายหน้าแล้วถอนหายใจ “น่าเสียดาย…”
“ห๊ะ? เป็นไปได้ยังไง?”
อู๋จื้อเห่ากล่าว เขาสลดใจเล็กน้อย “ฉันว่าฉันอยู่ในสภาพดีสุดแล้วนะ ก่อนการประเมิณ ปราณและเลือดฉันสูงกว่า 116แคลแล้ว”
“แถมฉันยังกินยาปราณและเลือดอีก แถมยังใช้เคล็ดระเบิดอารมณ์…”
อู๋จื้อเห่าคาดว่าปราณและเลือดเขาอย่างน้อยก็คงมีสัก 118แคล
แต่ฟางผิงบอกว่าน่าเสียดาย มันหมายความว่าเขาประเมิณตัวเองสูงไปเหรอ?
ฟางผิงหัวเราะกับความทุกข์ของอีกฝ่าย นายจินตนาการตอนสับฉันเป็นชิ้นๆงั้นเหรอ ฉันทำให้นายตกใจบ้าง!
เมื่อเห็นสีหน้าสลดใจเขา ฟางผิงก็กล่าวอย่างอารมณ์ดี “นายมีแค่ 120แคล”
“อะไรนะ?”
“จริงเหรอ?”
อู๋จื้อเห่าได้สติกลับมา เขาถามด้วยความตกใจ “นายไม่ได้โกหกฉันใช่ไหม?”
“ฉันจำเป็นต้องโกหกด้วยเหรอ? 120แคลอ่อนแอเกินไป ฉันรู้สึกอายที่จะโกหกนาย…”
“ปราณและเลือดฉัน 120แคลจริงอะ?”
อู๋จื้อเห่ามีสีหน้าหลากหลาย สีหน้าเขาเปลี่ยนไปมาครู่นึงก่อนจะสบถออกมา “บัดซบ! งั้น’น่าเสียดาย’มันหมายความว่ายังไง?”
“ฉันบอกแล้ว นายอ่อนแอเกินไป ระดับของนายต่างจากฉันมาก ฉันเลยบอกน่าเสียดาย…”
“เวรเอ้ย!”
อู๋จื้อเห่าช็อค แต่อารมณ์เขาดีขึ้นมาก เขาพูดต่อ “แล้วนายล่ะ?”
“149แคล!”
“หยุด! ฉันถามจริงๆ”
ฟางผิงหันหน้าไปมองอู๋จื้อเห่า เขารู้สึกหมดคำจะพูด “นายไม่เชื่อฉัน?”
“ถุ้ย! มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่เชื่อ!”
ก็ได้ ฟางผิงยอมรับความพ่ายแพ้
เขาครุ่นคิดครู่นึงก่อนจะตอบ “125แคล?”
“ไม่เลว ไม่เลว ไม่เบาเลยนะ ปราณและเลือดของนายสูงมาก นายยังถึงเกณฑ์รับรางวัลด้วย…”
อู๋จื้อเห่าพูดกับตัวเอง ส่วนฟางผิงมีสีหน้าแปลกๆ
บัดซบ เขาบอกความจริง อีกฝ่ายดันไม่เชื่อ แต่พอฉันโกหก อีกฝ่ายเชื่ออย่างไม่ลังเลเลย
เขาไม่รู้จะรู้สึกยังไงดี ฟางผิงไม่ได้พยายามอธิบาย พูดตามตรง ต่อให้เขาประกาศให้คนอื่นรู้ก็คงมีคนไม่มากนักที่จะเชื่อเขา
มีแต่นักเรียนชั้นยอดเท่านั้นที่อาจเชื่อคำพูดเขา คนอื่นๆสัมผัสไม่ได้เอง พวกเขาย่อมไม่เชื่อเขา
อู๋จื้อเห่าถามเรื่องคนอื่น
ฟางผิงก็บอกของหวงปินกับคนอื่นให้ฟัง ส่วนพวกหยางเจี้ยน เขาไม่รู้ แต่คงต่ำกว่า 120แคลแน่นอน
อู๋จื้อเห่าดีใจมาก แต่เขาก็นึกได้ว่าต้องคำนึงถึงความรู้สึกคนอื่น หลังกลับไปโรงแรม เขาจึงไม่ได้พูดถึงผลประเมิณ
…..
ณ เมืองหยางเฉิง
ย่านจิ่งหูหยวน
ฟางหยวนเตือนพ่อให้ทิ้งโทรศัพท์ไว้บ้าน
เธอจ้องมองโทรศัพท์ตั้งแต่เช้า
หลังเที่ยงวัน ฟางผิงก็ยังไม่โทรหาเธอ เธอจึงโทรหาฟางผิงแทนด้วยความใจร้อน
“ฟางผิง นายประเมิณร่างกายเสร็จยัง?”
“พึ่งเสร็จ พี่กำลังกินข้าว”
“นายได้เท่าไหร่?”
“ปราณและเลือดพี่อยู่ที่ 149แคล…”
ฟางหยวนไม่พอใจ เธอพูดอย่างโมโห “นายจริงจังหน่อยได้ไหม? พ่อกับแม่ก็รออยู่ นายได้เท่าไหร่กันแน่?”
“เอ้อ มันประกาศผลยัง?”
ปลายสาย ฟางผิงเหนื่อยหน่าย คนซื่อสัตย์อย่างเขาถูกคนพวกนี้บังคับให้โกหก
“ตามใจ ปราณและเลือดพี่สูงกว่า 120 แคลแน่นอน พี่ไม่มีปัญหาเข้ามหาลัยวิชายุทธ อย่างน้อยน้องเชื่อพี่ใช่ไหม?”
“จริงเหรอ?”
“จริงกว่านี้ไม่ได้แล้ว!”
“นายผ่านเหรอ?”
ฟางหยวนยังคงไม่เชื่อ แต่แววตาเธอเปี่ยมไปด้วยความสุข
“ยังมีสอบอีกหลายขั้น แต่อย่างน้อยพี่ก็ผ่านประเมิณร่างกาย…”
ฟางหยวนไม่ได้สนใจสิ่งที่เขาพูดต่อจากนั้น สำหรับเธอกับพ่อแม่ ตราบใดที่เขาผ่านประเมิณร่างกาย มันก็ไม่ใช่ปัญหาแล้ว
อย่างน้อยนั่นก็เป็นสิ่งที่ฟางหยวนคิด
บางครั้งฟางผิงก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือ แต่เธอรู้ว่าเวลานี้เขาไม่ได้โกหกเธอ ปราณและเลือดเขาสูงกว่า 120แคล!
พอคิดแล้ว สาวน้อยก็อยู่นิ่งไม่ไหวอีก เธอวางสายทันที
เธอต้องประกาศข่าวดี!
เธอต้องบอกพ่อแม่ เอาไปโม้…ไม่สิ เอาความสุขนี้ไปแบ่งปันกับเพื่อนร่วมชั้น!
…..
ขณะที่ฟางหยวนวางสายอย่างเร่งรีบ ฟางผิงรู้สึกโมโหมาก
อู๋จื้อเห่านั่งอยู่ตรงข้ามบอกเขาอย่างจริงจัง “ฟางผิง นายโกหกน้องอีก…นายก็รู้ มันไม่ใช่นิสัยที่ดีเลย”
“หยุด!”
ฟางผิงโกรธมากจนอยากอัดใครสักคน
บัดซบ ปราณและเลือดฉัน 149แคลจริงๆ! ทำไมไม่มีใครอยากเชื่อเขา?!
ฟางผิงหวังว่าผลการประเมิณจะรีบถูกประกาศออกมา คนพวกนี้จะได้ถูกตบหน้าอย่างแรงจนตกตะลึงไป