World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 92

ตอนที่ 92

ตอนที่ 92 ยอดยุทธได้รับความสําคัญ

โจวหยุนพาทั้งสองไปที่วงเวียนใหญ่ และแนะนําอาคารของมหาลัยไปตลอดทาง

กว่าเขาจะพาทั้งสองไปที่แผนกต้อนรับก็ผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้ว

ถึงกระนั้นพวกเขาก็ไม่ได้ไปสํารวจสถานที่เล็กๆ มหาลัยขนาด 30,000 มู่ไม่ใช่ที่ๆจะสํารวจเสร็จได้ไวนัก

เมื่อพวกเขามาถึงแผนกต้อนรับ เขาก็ได้พบกับคนเดิมที่ฟางผิงพบครั้งก่อน

ไม่ใช่แค่คนเดียวเท่านั้นที่กําลังต้อนรับนักศึกษาใหม่ มีเคาน์เตอร์ลงทะเบียนมากกว่าสิบตัว

ผู้หญิงที่ฟางผิงพบครั้งก่อนกําลังยุ่งอยู่กับการลงทะเบียนนักศึกษาและมอบกุญแจเช่นกัน

เวลานี้ ผู้หญิงคนนั้นพึ่งลงทะเบียนใหม่เด็กใหม่เสร็จและเงยหน้าขึ้นมา

ผู้หญิงคนนั้นจําฟางผิงได้ทันที เธอทักทายเขาด้วยรอยยิ้ม “นักศึกษาฟางผิง มาทางนี้!”

โจวหยุนชะงักไปชั่วครู่ จากนั้นเขาก็ชําเลืองมองฟางผิง “นายรู้จักคนที่นี้ด้วยเหรอ?”

“ผมมามหาลัยก่อนกําหนด คุณป้าคนนี้แหละที่ช่วยผมจัดเตรียมโรงแรมของทางมหาลัยให้ครั้งก่อน”

“โอ้ ดีแล้วที่นายรู้จักคนที่นี่ นายจะได้ไม่ต้องไปต่อแถว”

โจวหยุนก็พอใจเช่นกัน เขาพาฟางผิงกับกัวเซิ่งไปที่เคาน์เตอร์

” อาจารย์ พวกเขาไม่ต้องต่อแถวเหรอ? มันน่าจะเป็นตาผมแล้วไม่ใช่เหรอ?”

เมื่อฟางผิงกับพวกเดินผ่านไป นักศึกษาใหม่ที่อยู่ตรงหน้าหญิงกลางคนก็อดถามขึ้นมาไม่ได้

หญิงกลางคนมองนักศึกษารุ่นพี่ที่อยู่ข้างๆ เด็กหนุ่มที่รับผิดชอบพาเด็กใหม่มาเผยรอยยิ้มออกมา ” 138แคล”

หญิงกลางคนกล่าวเสียงเบา “ตามกฏของมหาลัย ยอดยุทธมีความสําคัญที่สุด”

“ห้ะ?”

นักศึกษาใหม่อึ้ง เขาไม่คิดเลยว่าจะได้คําตอบแบบนี้

ผู้หญิงคนนั้นไม่ได้สนใจเขาอีก มันเป็นความจริงที่นักศึกษามหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ต่างเป็นอัจฉริยะ คนที่มีปราณและเลือด 138แคลถือว่าเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะในมหาลัยวิชายุทธทั่วไป

อย่างไรก็ตามมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้มีกระทั่งนักศึกษาที่เป็นผู้ฝึกยุทธถึงกลุ่มใหญ่ ถ้าเกิดนักศึกษาเหล่านั้นเกิดไม่พอใจขึ้นมาล่ะ?

นี่ไม่ใช่การหลอกลวง มันเป็นกฏของมหาลัยจริงๆ!

ยอดยุทธมีความสําคัญที่สุด!

ถ้าใครไม่พอใจ งั้นก็ควรขยันฝึกฝนเพื่อเพิ่มปราณและเลือดแล้วทะลวงขั้นไปซะ!

ถ้าเขาโวยวายเรื่องนี้ที่แผนกต้อนรับ คนประเภทนี้ก็คงไปได้ไม่ไกลนัก ดังนั้นหญิงกลางคนจึงไม่ใส่ใจนักศึกษาแบบนี้นัก

เธอไม่สนใจความรู้สึกของนักศึกษาใหม่ เมื่อฟางผิงเดินเข้ามา หญิงกลางคนก็ยิ้มกว้าง “นักศึกษาฟางผิง โรงแรมที่คุณพักโอเคไหม? ถ้าคุณไม่พอใจ คุณร้องเรียนที่นี่ได้เลย”

“ขอบคุณครับคุณป้า ผมพอใจมาก ผมไม่อยากออกด้วยซ้ำ”

“ดีแล้ว”

หญิงกลางคนยิ้มอีกครั้งและพูด “ฉันช่วยคุณดูให้แล้ว หอพักที่คุณได้ไม่เลวเลย ฉันเลยไม่ได้เปลี่ยน”

ขณะที่เธอพูด เธอก็ไม่ได้ตรวจสอบบัตรประชาชนและหนังสือรับเข้าเหมือนที่ทํากับคนอื่น เธอป้อนข้อมูลเขาเข้าคอมพิวเตอร์โดยตรง

ไม่ถึงนาที หญิงกลางคนก็ส่งกุญแจให้เขา “เขตนักศึกษาใหม่เขตหนึ่ง ห้อง 86″

ฟางผิงรับกุญแจมาอย่างรวดเร็ว แต่เขางงงวยเล็กน้อย การกําหนดหอพักของมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ต่างจากที่เขาจินตนาการไว้เล็กน้อย

โจวหยุนที่ยืนอยู่ข้างๆรู้สึกอิจฉา “นายถูกจัดสรรให้อยู่เขตหนึ่งโดยตรงเลย ฉันจําได้ตอนที่ฉันมาตอนปีแล้ว ฉันอยู่เขตสาม…”

หญิงกลางคนเม้มปาก “คุณเป็นนักศึกษาเก่าแล้ว แต่คุณยังต้องให้ฉันสอนอีกเหรอ?”

“ยิ่งคุณแข็งแกร่ง คุณก็ได้รับการปฏิบัติดีขึ้น นักศึกษาฟางผิงไม่เหมาะที่จะอยู่เขตหนึ่งหรือ?”

โจวหยุนไม่ได้โกรธ เขายิ้มและพยักหน้า “นั่นก็จริง ป้าจาง ช่วยเด็กใหม่อีกคนที่ผมพามาด้วยสิ”

เขาชี้ไปที่กัวเซิ่งที่ค่อนข้างสับสนุนงง

หญิงกลางคนไม่ปฏิเสธ เธอรับบัตรประชาชนและหนังสือรับเข้ามาจากเด็กหนุ่มร่างท้วม จากนั้นก็ป้อนข้อมูลเขา

เธอเม้มปากเล็กน้อย “เขตหนึ่ง ห้อง 199″

“จิ๊ จิ๊…”

โจวหยุนหันหน้าไปมองกัวเซิ่งและยิ้มแห้งๆ ” ตาแก่ของนายจ่ายไปเท่าไหร่?”

กัวเซิ่งหน้าแดง “เปล่านี่ นี่ไม่ใช่การจัดสรรหอพักปกติเหรอ?” เขาถามเสียงเบา

“ฮ่าๆๆ”

โจวหยุนระเบิดเสียงหัวเราะ นักศึกษารุ่นพี่สองสามคนที่อยู่ใกล้ๆก็อดหัวเราะไม่ได้

ก่อนที่โจวหยุนจะได้เปิดปาก ก็มีคนหัวเราะแล้วกล่าว ”เขตหนึ่งมี 200 ห้อง ร้อยห้องแรกถูกจัดสรรตามผลสอบ”

“ร้อยห้องหลังถูกจัดสรรตามสปอนเซอร์”

“นายรู้ไหมว่าฉันหมายถึงค่าสปอนเซอร์อะไร?”

“ฉันกล้าเดิมพันเลยว่าครอบครัวนายต้องสปอนเซอร์อย่างน้อยสองแสน!”

“สองแสน? ปราณและเลือดเขาไม่สูง ฉันว่าอย่างน้อยสามแสน”

ราคาห้องเขตหนึ่งเพิ่มขึ้นแล้วเหรอ?”

นักศึกษารุ่นพี่คุยกันอย่างโจ่งแจ้ง เด็กหนุ่มหน้าแดงปานมะเขือเทศ

การยัดเงินใต้โต๊ะก็แย่พอแล้ว แต่คนพวกนี้ดันรู้เรื่อง!

เมื่อเห็นพวกเขาหัวเราะคุยกันสนุกสนาน หญิงกลางคนก็พูดอย่างหงุดหงิด “เสียงดังอะไรกัน? ทรัพย์สินก็เป็นทรัพยากรเช่นกัน ใช้ทรัพยากรมีอะไรแปลก?”

“ยิ่งกว่านั้น ค่าสปอนเซอร์สุดท้ายก็ถูกใช้กับพวกคุณ”

“มันเหมือนกับคนรวยจุนเจือคนจน ไม่งั้น นักศึกษายากจนจะเอาทรัพยากรมาจากไหน?”

หลังได้ยินแบบนั้นก็ไม่มีใครหัวเราะอีก

บางที่มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้อาจไม่โลกสวยและมุ่งเน้นผลกําไรมาก แต่พวกเขาปฏิบัติต่อนักศึกษาค่อนข้างยุติธรรม

ถ้าคุณแข็งแกร่ง พวกเขาก็จะมอบทรัพยากรให้ ถ้าคุณไม่แข็งแกร่ง พวกเขาก็ต้องพยายามเต็มที่เพื่อไม่ให้ล้าหลังมากเกินไป

การกําหนดหอพักเป็นวิธีหาเงินที่ชัดเจน ขั้นต่ำสองแสนเป็นเรื่องปกติ หนึ่งร้อยห้องรวมแล้วจะได้มากกว่ายี่สิบล้านทุกปี บางครั้งก็อาจได้ถึงสี่สิบห้าสิบล้าน

เงินก้อนนี้จะเอาไปใช้ที่ไหน?

ตามที่หญิงกลางคนพูด มันถูกใช้กับนักศึกษาโม่อู่ มหาลัยไม่ได้ต้องการเงิน เพราะพวกเขาไม่ได้ขาดเงิน

(ผู้แปล : โม๋อู่ คําย่อมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ โรงแรมโม่อู่ที่ผู้แปลใช้ตอนแรกถูกแล้วนะครับ แต่ผู้แปลเบลอเลยเผลอไปใช้คําว่าโม่ตที่เป็นฉายาเมืองเซี่ยงไฮ้)

แน่นอน เงินไม่กี่ล้านไม่มากสําหรับผู้ฝึกยุทธ และทุกคนมีแต่จะได้มากขึ้น ไม่มีน้อยลง

กระนั้น นี่ยังบ่งบอกให้ครอบครัวที่ร่ำรวยรู้ว่าพวกเขาสามารถใช้ความมั่งคั่งเพื่อแลกกับการที่จะได้อยู่ดีกว่าคนอื่น

นอกจากนี้มันยังเป็นการบอกให้นักศึกษาที่ยากจนว่าเงินก้อนนี้ทางมหาลัยไม่ได้เอาไป ถ้าคุณขยันฝึกฝน เงินจะเป็นของคุณ ไม่สําคัญว่าที่พักของคุณจะแย่ไหม เพราะถ้าคุณแข็งแกร่งขึ้น คุณก็จะได้ทุกอย่าง!

ดังนั้นทุกคนจึงหัวเราะเรื่องเงินใต้โต๊ะของเด็กรวยที่แลกเปลี่ยนให้ได้ที่พักดีขึ้น แต่ไม่มีใครถือว่ามันเป็นเรื่องใหญ่

มีบางสิ่งที่นักศึกษายอมรับได้ถ้าพวกเขาทํากันอย่างเปิดเผย

ถ้าพวกเขาแอบทํา แล้วคนอย่างกัวเซิ่งได้ไปอยู่เขตหนึ่ง คงมีคนมากมายที่ไม่พอใจเขา

หลังกัวเซิ่งได้กุญแจ โจวหยุนก็เลิกเล่น “ไปกันเถอะ ฉันจะพาพวกนายไปดูหอพัก จากนั้นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันแล้ว ทางมหาลัยจะจัดการให้”

“คุณป้า ผมไปแล้ว ไว้มีเวลาผมจะมาหาคุณใหม่”

ฟางผิงบอกหญิงกลางคน ไม่สําคัญว่าหญิงกลางคนจะปฏิบัติต่อเขาเป็นอย่างดีเพราะความแข็งแกร่งไหม แต่ยังไงเธอก็เป็นกันเองกับเขามาก

หญิงกลางคนยิ้มและพยักหน้าโดยที่ไม่ได้ตอบอะไร เธอหันไปช่วยคนอื่นลงทะเบียนต่อ

เมื่อฟางผิงกับคนอื่นออกมา นักศึกษาที่อยู่หลังฟางผิงตอนลงทะเบียนเมื่อกี้ก็พูดอย่างเคืองๆ “อาจารย์ นักศึกษาคนนั้นปราณและเลือดสูงเท่าไหร่?”

ยอดยุทธได้รับความสําคัญที่สุด ต่อให้เขารู้เรื่องนี้ แต่เขาไม่รู้เรื่องของฟางผิง เขาย่อมรับเรื่องนี้ไม่ได้

” ขัดเกลาสองครั้ง”

หญิงกลางคนไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ เธอกล่าวอย่างรวดเร็ว ”เขตสาม ห้อง 168″

นักศึกษาที่ถามคําถามไม่มีอารมณ์ฟังการจัดสรรหอพักของตัวเองอีก เขารู้เรื่องขัดเกลาสองครั้ง ไม่เหมือนกับกัวเซิ่งที่ไม่รู้อะไรเลย

เขาไม่มั่นใจรายละเอียดการขัดเกลาสองครั้ง แต่เขารู้ว่าการขัดเกลาสองครั้งต้องทะลวงผ่านคอขวด 150แคล

โม่อู่เป็นแหล่งรวมตัวกันของอัจฉริยะอย่างแท้จริง เขาบังเอิญเจออัจฉริยะที่ทะลวงขอบเขตปราณและเลือด 150แคลได้อย่างง่ายดาย

นักศึกษาใหม่ไม่ดื้อรั้นอีก ปราณและเลือดเขา 138แคล เขารู้ว่ามันยากแค่ไหน

อีกฝ่ายทะลวงไปเกิน 150แคล ไม่ว่าเขาจะเป็นอัจฉริยะหรือมาจากครอบครัวฐานะดี มันก็ไม่จําเป็นต้องให้เขาไม่พอใจ

“รุ่นพี่โจว การแบ่งสรรหอพักมันต่างกันยังไง?”

หลังพวกเขาออกจากอาคารต้อนรับ ฟางผิงก็เอ่ยถามโดยไม่หยุดฝีเท้า

” หอพักของนักศึกษาใหม่ถูกแบ่งเป็นสี่เขต ทุกเขตมีอยู่ 200 ห้อง”

“เขตหนึ่งเป็นห้องคนเดียว เขตสองเป็นห้องสองคน เขตสามเป็นห้องสามคน และเขตสี่เป็นห้องสี่คน ซึ่งรองรับนักศึกษาได้ทั้งหมด 2000 คน”

“ทุกเขตจะสํารองส่วนหนึ่งของห้องไว้เพื่อการจัดสรรในอนาคต”

” พวกนายถูกจัดสรรไปอยู่เขตหนึ่ง ซึ่งเป็นห้องคนเดียว”

” ห้องคนเดียว…”

ฟางผิงพูดไม่ออก โม่อู่ร่ำรวยมาก พวกเขามีนักศึกษาแค่พันกว่าคน แต่มีห้องพัก 800 ห้อง

โจวหยุนยิ้มบางๆ ” ปกติมาก การสร้างหอพักไม่ได้มีค่าใช้จ่ายมากนัก”

“ยิ่งกว่านั้นยังมีศิษย์เก่าจากโม่อู่ที่ทําธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สร้างหอพักให้มหาลัยโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย”

“ส่วนเรื่องพื้นที่ โม่อู่มีพื้นที่สามหมื่นมู่ และมีนักศึกษาเพียง 6000 คนเท่านั้น นายคิดว่าพวกเขาจะมีพื้นที่ไม่พออีกเหรอ?”

พวกเขาไม่ขาดเงินไม่ขาดพื้นที่ หอพักก็สร้างฟรี ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาอยากทําให้นักศึกษารู้สึกถึงความด้อยกว่า พวกเขาคงทําห้องคนเดียวให้นักศึกษาทุกคนไปแล้ว

เหตุผลเดียวที่พวกเขาไม่ทําห้องคนเดียวให้ทุกคนก็เพื่อกระตุ้นให้นักศึกษาต้องการพัฒนาตนเอง

หอพักตั้งอยู่ทางตะวันออกของมหาลัย มันไม่ใช่แค่เขตนักศึกษาใหม่เท่านั้น แต่ยังมีหอพักของนักศึกษาปีอื่นด้วย

เมื่อพวกเขามาถึงหอพัก ฟางผิงก็ตระหนักว่าเขามองโลกแคบเกินไป

นี่ไม่ใช่หอพักที่เขาจินตนาการไว้ นี่เป็นย่านวิลล่าระดับไฮเอนด์!

มันไม่มีอาคารหอพักสูงตระหง่าน ทั้งหมดเป็นทาวน์เฮาส์สูงสองถึงสามชั้น

สองฝั่งข้างทางมีต้นไม้ใบเขียวให้ร่มเงาและดอกไม้เบ่งบานงามสะพรั่ง

ทาวน์เฮาส์ทั้งหมดตั้งอยู่รอบทะเลสาบจําลองก่อรูปเป็นวงแหวน

ฟางผิงพูดไม่ออก กัวเชิงอ้าปากค้างเบิกตากว้าง “คล้ายกับบ้านฉันเลย มหาลัยรวยมาก…”

เมื่อได้ยินแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าครอบครัวของเด็กหนุ่มร่างท้วมมั่งคั่งพอควร

แต่มันก็ไม่แปลก เขาควักเงินสองสามแสนแลกกับหอพัก มันไม่ใช่สิ่งที่คนยากจนจะทําได้

โจวหยุนพึงพอใจกับสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขายิ้ม “ผู้ฝึกยุทธมักกดดันอยู่บ่อยๆ ถ้าแม้แต่หอพักก็คับแคบ เราคงเป็นบ้าเข้าสักวัน”

“มหาลัยให้สภาพแวดล้อมนี้แก่เราเพื่อให้เราจัดการกับความรู้สึกและอารมณ์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม

“แน่นอน มีแต่โม่อู่ของเราเท่านั้นที่เป็นแบบนี้!”

“แม้แต่มหาลัยวิชายุทธปักกิ่งก็ไม่ได้มองการณ์ไกลอย่างเรา!”

โจวหยุนภูมิใจกับโม่อู่อย่างเห็นได้ชัด เมื่อเขาพูดถึงมหาลัยวิชายุทธปักกิ่ง แม้ว่าเขาจะไม่ได้ดูถูก แต่เขาก็ทําเต็มที่เพื่อไม่ให้ดูแคลนพวกเขา

ขณะที่เขาพูด โจวหยุนก็พาเด็กใหม่ที่กําลังอึ้งๆอยู่ทั้งสองไปที่เขตนักศึกษาใหม่เขตหนึ่ง

เขตนักศึกษาใหม่เขตหนึ่งอยู่ที่มุมตะวันออกเฉียงใต้ของเขตหอพัก เวลานี้เขตอื่นเงียบมากและมีผู้คนน้อยนิด แต่ในเขตนักศึกษาใหม่มีคนอยู่มากมาย

ฟางผิงกับพวกได้พบกับนักศึกษาคนอื่นที่มาลงทะเบียนวันนี้ระหว่างทางมา

อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่รู้จักกัน นอกจากตอนที่โจวหยุนพบกับคนคุ้นเคย พวกเขาไม่ได้คุยกันเลย

ไม่กี่นาทีต่อมา ฟางผิงก็มาถึงห้องของตนเอง

เขตหนึ่ง ห้อง 86

ห้องหมายเลข 86 อยู่บนชั้นสอง เขตนักศึกษาใหม่เขตหนึ่งเป็นทาวน์เฮาส์สองชั้น ชั้นบนเป็นร้อยหนึ่งแรก ส่วนชั้นล่างเป็นห้อง 101-200

โครงสร้างโดยรวมจําลองตามรูปแบบหอพักของมหาลัยและห้องพักของโรงแรม

แต่ละฝั่งทางเดินมีห้องอยู่ฝั่งละห้าสิบห้อง

ห้องของฟางผิงอยู่ระหว่างห้อง 85 กับ 87 ห้อง 85 อยู่ทางซ้ายและห้อง 87 อยู่ทางขวา และมีห้อง 15 อยู่ตรงหน้า

เวลานี้บางห้องก็มีชื่อคนติด บางห้องก็ไม่มี ห้องรอบๆเขาเงียบมาก บางทีพวกเขาคงยังไม่มา

เมื่อเขาเปิดประตูห้องเข้าไป ฟางผิงก็ประหลาดใจจนไม่รู้จะประหลาดใจยังไงแล้ว

มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องฝึกฝน ห้องหนังสือ ห้องน้ำ และแม้แต่ห้องครัว!

ฟางผิงประเมิณห้องคร่าวๆ มันอาจไม่เล็กกว่า 120 ตารางเมตร

นี่คือห้องคนเดียว!

แถมมันเป็นแค่หอพักนักศึกษาใหม่ โม่อู่ไม่สามารถอธิบายแค่คําว่าร่ำรวยได้อีกต่อไป!

ถ้าเขตอื่นมีโครงสร้างเหมือนกัน แม้แต่เขตสี่ห้องพักสี่คนก็ไม่ได้แย่แน่นอน ไม่รู้มีครอบครัวห้าหกคนมากแค่ไหนที่เบียดเสียดกันอยู่ในห้องที่ไม่ถึงร้อยตารางเมตร

ในห้องนอน มีเตียง ตู้เสื้อผ้า โซฟา มีครบเกือบทุกอย่าง

มันถูกเก็บกวาดสะอาดสะอ้าน มันขาดของใช้จําเป็นไม่กี่ชิ้นที่นักศึกษาต้องไปซื้อเอง

ฟางผิงอดคิดถึงพ่อแม่ไม่ได้ พวกท่านเป็นห่วงว่าเขาจะกินดีอยู่ดีไหม แถมยังให้เขาสนิทกับเพื่อนร่วมห้องเข้าไว้

“ฉันมีเพื่อนร่วมห้องเหรอ?”

ฟางผิงสงสัย “ทั้งห้องมีฉันคนเดียว ฉันไม่มีเพื่อนร่วมห้องเว้นแต่จะนับคนข้างห้องด้วย”

หลังสํารวจห้องเล็กน้อย ฟางผิงก็ไม่สนใจอีก

โจวหยุนออกไปแล้วหลังพาเขามาถึงชั้นล่าง แต่ก่อนที่เขาจะไป โจวหยุนได้มอบกําหนดการกิจกรรมต่อไปให้พวกเขา

ตอนเช้าเป็นการแบ่งสรรหอพักให้นักศึกษาที่พึ่งมาถึง มีกําหนดการให้นักศึกษาไปซื้อของใช้ประจําวันและบอกลาพ่อแม่

ตอนบ่ายสาม ทุกคนต้องไปรวมกันที่สนามหนึ่ง โม่อู่มีเจ็ดแปดสนามได้ ฟางผิงไม่ได้ดูแผนที่ละเอียดนัก

วันนี้มีเพียงงานเดียวเท่านั้น คือการไปรวมตัวกัน

แปดโมงเช้าวันพรุ่งนี้ ทุกคนจะไปรวมกันที่อาคารฝึกฝนการต่อสู้จริง ฟางผิงรู้ว่ามันคือการเลือกสาขา

หลังจากนั้นก็ไม่มีกําหนดการอะไรอีก รอการแบ่งสรรสาขาเสร็จถึงจะกําหนดการต่อไป มันเป็นตารางงานที่สั้นมาก

“ฉันต้องซื้อของใช้ประจําวัน และต้องไปเอากระเป๋าที่โรงแรม

หอพักของมหาลัยดีมาก แถมยังตั้งอยู่บริเวณที่สะดวกมาก ดังนั้นฟางผิงจึงไม่มีแผนอยู่โรงแรมต่อ

“อืมฉันลืมอะไรไปรึเปล่า?”

ฟางผิงพลันนึกเรื่องบางอย่างได้ เขาใช้เวลาอยู่ครู่นึงก่อนจะพึมพําออกมา “ฉันไม่ต้องจ่ายค่าเทอมเหรอ?”

เขาจําได้ว่าในหนังสือยอมรับเข้าไม่ได้พูดถึงว่ามันฟรี ถ้าเขาจําไม่ผิด มันมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน ทําไมพวกเขาไม่ทวงเขาล่ะ?

ฟางผิงคิดจนหัวแทบระเบิด แต่หลังคิดสักพักเขาก็เลิกสนใจ ถ้าพวกเขาไม่ขอให้เขาจ่าย งั้นมันก็ไม่สําคัญ บางทีโม่อ่อาจไม่สนใจค่าเทอมพวกนี้และไม่ได้ต้องการก็ได้

ขณะที่ฟางผิงกําลังจะออกไปซื้อของใช้จําเป็น ก็มีคนมาเคาะประตูห้องเขา

“มีใครอยู่ไหม?”

“ฉันมาจากห้องข้างๆ”

เห็นได้ชัดว่ามีคนมาแล้วและกําลังจะมาพบปะเพื่อนใหม่

แม้สาขาและอาจารย์ของพวกเขายังไม่ได้แบ่งสรร แต่ความเป็นไปได้ที่คนที่อาศัยอยู่ในร้อยห้องแรกเขตหนึ่งถูกแบ่งสรรให้อยู่ห้องเดียวกันนั้นสูงมาก

ร้อยห้องแรกถูกแบ่งสรรตามผลสอบเข้ามหาลัย ฟางผิงเข้าร้อยห้องแรกได้เนื่องจากปราณและเลือด 149แคลของเขา

ฟางผิงยังสงสัยอีกว่าทางมหาลัยคงรู้เรื่องขัดเกลาของครั้งของเขาแล้ว พวกเขาถึงจัดสรรให้เขาอยู่ร้อยห้องแรก

ไม่งั้นแม้ว่าปราณและเลือดเขาจะไม่ต่ำ แต่ผลสอบวัฒนธรรมศึกษาและทั่วไปศึกษาเขาทําได้กลางๆเท่านั้น

ที่มหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้ มีผู้ฝึกยุทธ 52 คนและ 9 คนที่ขัดเกลากระดูกสองครั้งแล้ว ยังมีคนที่มีปราณและเลือดเกิน 150แคลที่ยังไม่ขัดเกลาสองครั้งอีก

สรุปแล้ว ถ้ามันอิงผลการสอบ ไม่มีทางเลยที่เขาจะติด 100 อันดับแรก

ฟางผิงเลิกคิดมากเกินไปและไปเปิดประตู แม้ว่าการอยู่คนเดียวจะสงบสุขดี แต่การได้รู้จักเพื่อนร่วมห้องในอนาคตก็ไม่เลวเช่นกัน

======

จะเริ่มเข้าเนื้อเรื่องหลักแล้วนะครับ หลังจากปูพื้นฐานมานาน

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท