World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 126.1 พระเจ้าส่งฉันมากอบกู้โลกใบนี้! (1)

ตอนที่ 126.1 พระเจ้าส่งฉันมากอบกู้โลกใบนี้! (1)

ห้องเรียนเงียบสงัดไปชั่วขณะ
ทุกคนยังคงย่อยสิ่งที่ได้ยินมา
ไม่นานหยางเสี่ยวม่านก็พูดขึ้น “อาจารย์บอกว่าข้อมูลนี้จะบอกให้นักศึกษาทราบเมื่อเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสาม ถ้าอาจารย์บอกเราล่วงหน้า มันก็แปลว่า…”
ไป๋รั่วซีเอาผมทัดหลังหูและพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อาจารย์ก็ไม่มั่นใจ”
“ในปี 1920 มีทางเข้าถ้ำใต้ดินเพียงสามแห่งเท่านั้น แม้ว่าสถานการณ์จะตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย แต่รัฐบาลก็ยังควบคุมสถานการณ์ไว้ได้”
“ดังนั้นรัฐบาลชั่วคราวจึงเลือกที่จะซ่อนมันไว้”
“ด้วยวิธีนี้ พวกเขาจะป้องกันการตื่นตระหนกเป็นวงกว้างได้”
“สถานการณ์ยังคงดำเนินต่อมาแบบนั้นจนถึงช่วงไม่กี่ปีมานี้”
“แต่แล้วอินเตอร์เน็ตก็ถือกำเนิดขึ้น…”
ไป๋รั่วซียิ้มอย่างขมขื่น “อาจารย์บอกไม่ได้ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าเป็นเรื่องดีหรือไม่ ในอดีต ถ้าเจ้าหน้าที่ระดับสูงต้องการปกปิดอะไรสักอย่าง มันเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะข่าวแพร่กระจายไปไม่ไว”
“แต่ตอนนี้ การเก็บเป็นความลับยากขึ้นเรื่อยๆ!”
“นอกจากนี้สถานการณ์ยังเลวร้ายลง อาจารย์เดาว่าคนที่รู้เรื่องนี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายในอนาคตทุกคนจะได้ทราบเรื่องนี้”
“อาจารย์บอกเธอล่วงหน้าเพราะเธอเป็นส่วนหนึ่งของเหล่าหัวกะทิ แน่นอนมีอีกเหตุผลนึง…”
“เนื่องจากสถานการณ์ที่เลวร้ายในถ้ำใต้ดิน เราจึงต้องการกำลังคนเพิ่ม ผู้ฝึกยุทธในปัจจุบันล้วนอยากแข็งแกร่งขึ้นและอยากได้ทรัพยากรมากขึ้น แต่ทรัพยากรมีอยู่จำกัด”
“ในขณะเดียวกัน มหาลัยวิชายุทธทั่วไปก็พยายามแย่งชิงทรัพยากรเช่นกัน…เอาล่ะ บางทีมันอาจไกลตัวไปหน่อย”
“อันที่จริง ทุกคนอยู่ฝั่งเดียวกัน ทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อปกป้องถ้ำใต้ดิน เราจึงบอกไม่ได้ว่าใครผิดใครถูก”
“อย่างไรก็ตามโม๋อู่คัดค้านเรื่องแบ่งทรัพยากร ตอนนี้เรากำลังป้องกันหนึ่งในทางเข้าถ้ำใต้ดินและต้องการทรัพยากรจำนวนมาก แม้ว่าความแข็งแกร่งของเธอจะยังไม่ถึงขีดสุด แต่พวกเธอก็กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญแล้ว”
“อาจารย์บอกเรื่องนี้ให้เธอรู้เพื่อให้เธอต้องคว้าแชมป์ให้ได้!”
“ถ้าเราชนะ ทางมหาลัยจะเลี้ยงดูพวกเธอได้เหมือนเดิม ถ้าเราแพ้ เราจะต้องเลือกระหว่างสละบางคนไปหรือเพิ่มความยากในการได้รับทรัพยากร”
“ยกตัวอย่าง ตอนนี้เราสามารถมอบ 10 คะแนนให้ได้ง่ายๆ แต่อาจารย์เกรงว่า เราคงให้ง่ายๆแบบนั้นไมได้อีก”
“ในอนาคต การฝึกฝนของพวกเธอก็จะมีแต่ยากขึ้น สุดท้ายเราอาจเป็นเหมือนมหาลัยวิชายุทธทั่วไปที่ส่วนใหญ่จบการศึกษาด้วยขั้นหนึ่งและนักศึกษาอัจฉริยะเป็นแค่ขั้นสองเท่านั้น”
“ก่อนหน้านี้ อ่อนแอกว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่…”
“แต่ตอนนี้…”
ไป๋รั่วซีส่ายหน้าเบาๆ ตอนนี้สถานการณ์เริ่มตึงเครียด มีความเป็นไปได้ที่ผู้ฝึกยุทธทุกคนต้องเข้าสู่ถ้ำใต้ดินในอนาคต!
ถ้าเป็นแบบนั้น คนอ่อนแอก็จะตายไวขึ้น
ไป๋รั่วซีไม่จำเป็นต้องเจาะจงรายละเอียด ทุกคนฉลาดพอที่จะเข้าใจว่าเธอจะสื่อถึงอะไร
ฟางผิงขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว เพราะเวลานี้ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าหลู่เฟิ่งโหรวอยากจะพูดอะไรกันแน่
นอกจากนี้เขายังตระหนักอีกว่าทำไมผู้ฝึกยุทธขั้นสามถึงมีอัตราเสียชีวิตมากกว่า
นั่นหมายความว่าในไม่ช้าผู้ฝึกยุทธต่ำกว่าขั้นสามก็จะเป็นแบบนั้นด้วยใช่ไหม?
ถ้าสถานการณ์พัฒนาจนถึงขั้นลากประชาชนทุกคนมาเกี่ยวข้อง ทุกคนก็จะตกอยู่ในอันตรายและทำให้เกิดสงครามกลางเมืองได้ง่าย
มันเป็นเพราะทุกคนยังไม่รู้ ทุกคนจึงใช้ชีวิตได้อย่างสงบสุข ถ้าพวกเขาทราบเรื่อง ประชาชนทั่วไปจะยังนั่งนิ่งได้อยู่เหรอ?
เมื่อพวกเขาคิดว่าตนเองอาจเผชิญกับวิกฤตความเป็นความตาย เมื่อรู้ว่าเซี่ยงไฮ้มีทางเข้าถ้ำใต้ดิน เขาเกรงว่าทั้งเซี่ยงไฮ้คงตกอยู่ในความโกลาหล
ประชาชนหลายสิบล้านคนคงพยายามหลบหนีจากเซี่ยงไฮ้เพื่อหาที่หลบภัยที่ไม่มีทางเข้าอยู่ใต้เท้าของตน
ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น มหานครอย่างเซี่ยงไฮ้ก็จะถูกทิ้งร้าง จากนั้นเศรษฐกิจทั้งประเทศจีนจะพังทลายลงในไม่กี่ปี
บางครั้ง การชนะสงครามก็ขึ้นอยู่กับเงินและความสามารถในการผลิต ไอลีนโนเวล
ถ้าไม่มีเงิน ไม่มีผลผลิต รัฐบาลก็จะไม่มั่นคง สุดท้ายจะไม่มีทรัพยากรเพียงพอแบ่งให้ผู้ฝึกยุทธอีก
คลาสฝึกพิเศษคาบแรกทำให้ฟางผิงและเพื่อนร่วมคลาสรู้สึกว่างเปล่า ภาระอันหนักหน่วงถูกส่งต่อมาให้พวกเขาทำให้พวกเขารู้สึกหนักอึ้ง
ฟางผิงรู้สึกหายใจไม่ออก เขาสงสัยว่าพวกเขาจะถึงจุดจบเมื่อเข้าไปยังถ้ำใต้ดินไหม
ไม่มีใครไม่กลัวตาย!
ไม่แม้แต่ฟางผิง!
เมื่อผู้ฝึกยุทธประมือกัน มันเป็นการประลองกันอย่างยุติธรรม เพราะทั้งสองฝ่ายต่างก็กลัวตายกันทั้งคู่ อย่างไรก็ตามการต่อสู้กับสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดินนั้นต่างออกไป ‘สิ่งมีชีวิตของถ้ำใต้ดินกลัวตายไหม?’
หลังไป๋รั่วซีพูดจบ เธอก็ยิ้มแล้วกล่าว “แน่นอนเรายังไม่ถึงขั้นนั้น อย่ากังวลมากนัก”
“ประเทศจีนมีปรมาจารย์มากมาย มียอดยุทธมากมาย ปกติแล้วพวกเขาจะเป็นคนจัดการกับเรื่องถ้ำใต้ดิน”
“ไม่ว่าพวกเธอจะเข้าถ้ำใต้ดินไหมทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับพวกเธอเอง”
“ถ้ำใต้ดินเต็มไปด้วยภัยอันตราย แต่มันก็เต็มไปด้วยโอกาสมากมาย”
“ที่ซุกซ่อนอยู่ในถ้ำใต้ดินคือทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ยิ่งกว่าของเรา พวกเธอจะได้รับสิ่งดีๆมาจากที่นั่น”
“หนึ่งในนั้นเป็นเหมืองพลังงาน แร่พลังงานขนาดเท่าเล็บมือสามารถแลกเปลี่ยนกับเม็ดยาระดับสูงได้”
“แม้ว่าแร่ชิ้นใหญ่จะพบได้แต่ส่วนลึกของถ้ำใต้ดิน แต่ส่วนนอกของถ้ำใต้ดินก็พอหาได้เช่นกัน เหมืองพลังงานเป็นของที่ใช้กันทั่วไปของสิ่งมีชีวิตในถ้ำใต้ดิน”
“ยิ่งกว่านั้น อาวุธและเม็ดยายังหาได้จากถ้ำใต้ดินอีกด้วย”
“ดังนั้น พวกเธออย่าได้กังวลเรื่องนี้กันนัก การที่ประเทศจีนมีผู้ฝึกยุทธและยอดยุทธมากมายก็เป็นผลมาจากถ้ำใต้ดิน ต่อให้สถานการณ์ย่ำแย่ แต่มันก็มีสิ่งดีๆซ่อนอยู่”
หลังไป๋รั่วซีทำให้นักศึกษาสงบลงได้ เธอก็เริ่มบรรยายถึงเรื่องแปลกๆแต่ก็น่าสนใจ
หลังช่วงพัก นักศึกษาก็รู้สึกดีขึ้น
ฟางผิงที่สงบลงเล็กน้อยเอ่ยถามขึ้นมา “อาจารย์ จำนวนทางเข้าถ้ำใต้ดินจะเพิ่มขึ้นไหม? มันมีรูปแบบยังไงบ้าง?”
เขาเป็นห่วงว่ามันจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นบ้างถ้าหากทางเข้าโผล่ขึ้นมาใต้เมืองหยางเฉิง
ไป๋รั่วซียิ้ม “มันมีสัญญาณเมื่อทางเข้าเปิด ไม่ต้องห่วงหรอก ยอดยุทธจะสัมผัสได้อย่างรวดเร็วและจะลงมือทันที”
“ส่วนรูปแบบ…ทางเข้าถ้ำใต้ดินจะเปิดเฉลี่ยทุกๆห้าปี”
ตั้งแต่ปี 1920 จนถึงตอนนี้ มีทางเข้าเกิดขึ้น 19 แห่งใน 88 ปี จากการคำนวณแล้วทางเข้าใหม่จะปรากฏขึ้นมาในอีกประมาณ 4 ปี
นั่นเป็นเหตุผลที่ทำไมรัฐบาลถึงพบว่ายิ่งนานขึ้น สถานการณ์ก็ยิ่งควบคุมได้ยากขึ้น
เมื่อจำนวนทางเข้าเพิ่มขึ้น กำลังคนที่มีอยู่ย่อมลดน้อยลง สุดท้ายอันตรายก็จะทวีความรุนแรงขึ้น
ถ้าสถานการณ์ดำเนินต่อไปแบบนี้ พวกเขาเกรงว่าอาจมีวันหนึ่งที่ประชาชนทุกคนจะถูกเกณฑ์เข้ากองทัพเพื่อปกป้องประเทศชาติ
ถ้าเวลานั้นมาถึง มันคงเป็นจุดจบของโลก
…..
บรรยากาศยังคงแลดูหดหู่
ไป๋รั่วซียิ้มขึ้นมาอย่างฉับพลัน “เอาล่ะ วันนี้อาจารย์พูดเรื่องถ้ำใต้ดินแค่นี้แหละ ยังไงก็ตาม พวกเธอยังมีหนทางอีกยาวไกลกว่าจะมาคิดเรื่องนี้”
“กฎที่ผู้ฝึกยุทธต้องอย่างน้อยขั้นสามถึงเข้าถ้ำใต้ดินได้ยังไม่ถูกยกเลิก ไม่ต้องห่วง”
“เนื่องจากเราต่างก็เป็นผู้ฝึกยุทธ เรามาพูดหัวข้อที่ผู้ฝึกยุทธสนใจกันดีกว่า”
“ทุกคนรู้ไหมว่ามีการจัดอันดับปรมาจารย์และอันดับอาวุธทุกประเภท รวมถึงประเทศจีนด้วย?”
ปกติแล้วผู้ฝึกยุทธจะสนใจอันดับมาก ทั้งอันดับผู้ฝึกยุทธและอาวุธ
เมื่อไป๋รั่วซีพูดเรื่องนี้ ทุกคนก็พูดขึ้นมาทันที “ครับพวกเรารู้ มันมีให้ดูบนโลกออนไลน์ด้วย”
“บนอินเตอร์เน็ตไม่มีอันไหนถูกต้อง คนธรรมดาจะรู้เรื่องนี้ได้ยังไง?”
ไป๋รั่วซีดูถูกการจัดอันดับบนโลกออนไลน์ แต่เธอก็ฝืนหัวเราะ “การจัดอันดับบนอินเตอร์เน็ตเป็นการจัดอันดับทุกคนที่เรารู้จักกันดี อย่างอาจารย์ใหญ่โม๋อู่หรืออาจารย์ใหญ่จิงอู่ แต่ยอดยุทธจากมหาลัยวิชายุทธแห่งอื่นหรือในกองทัพและกรมสืบสวนล่ะ? คนนอกไม่มีข้อมูลเรื่องพวกเขามากนัก”
“ที่จริงภายในมหาลัยวิชายุทธ หรือหน่วยงานหลักทั้งสาม กองทัพ กรมสืบสวน และกระทรวงศึกษา จะมีการจัดอันดับความแข็งแกร่งที่เจาะจงยิ่งขึ้น”
“มหาลัยวิชายุทธอยู่ในหมวดหมู่ของกระทรวงศึกษา”
“ตอนนี้พวกเธอทุกคนลงนามข้อตกลงรักษาความลับแล้ว อันดับเหล่านี้จะเปิดเผยให้พวกเธอได้”
“แต่วันนี้อาจารย์ไม่ได้เตรียมมา ไว้พรุ่งนี้อาจารย์จะแสดงอันดับให้ทุกคนได้เห็น”
“อันดับปรมาจารย์ขึ้นอยู่กับหน่วยงานหลักทั้งสาม ส่วนอันดับของมหาลัยวิชายุทธจะแบ่งแยกเป็นอาจารย์และนักศึกษา”
“มันรวมถึงอันดับขั้นกลาง อันดับสามขั้นล่าง…”
“ถ้าพวกเธอสนใจ เราจะมาคุยกันต่อในคาบความรู้ทั่วไปคาบหน้า”
”…”
ไป๋รั่วซีรู้ว่าหัวข้ออะไรจะดึงดูดความสนใจของนักศึกษา และมันก็เบี่ยงเบนความสนใจของพวกเขาได้ตามคาด
ทุกคนคุยกันเรื่องอันดับด้วยความสนใจ
เมื่อเห็นว่าเหล่านักศึกษาคุยเรื่องนี้กัน ไป๋รั่วซีก็โล่งอก
นักศึกษาอัจฉริยะของโม๋อู่ควรเป็นแบบนี้แหละ!
นักศึกษา 50 คนนี้ไม่ได้รับเลือกจาก 1580 คนเท่านั้น พวกเขาเป็นอัจฉริยะในหมู่อัจฉริยะ ถูกรับเลือกจากผู้สมัครเกือบสิบล้านคนจากทั่วประเทศ แน่นอนมีนักศึกษาที่โดดเด่นอยู่ที่มหาลัยวิชายุทธปักกิ่งด้วยเช่นกัน
ในหมู่นักศึกษานับล้าน พวกเขาเป็นคนที่ได้รับเลือกให้เข้าคลาสฝึกพิเศษ
ถ้าพวกเขายอมรับความจริงไม่ได้และถูกความกลัวครอบงำ งั้นโลกทั้งใบอาจจบเห่แล้วก็เป็นได้
แม้ว่าพวกเขาจะยังไม่ได้เรียนเรื่องทฤษฎีวิชายุทธหรือวิชาต่อสู้เป็นคาบแรก แต่ฟางผิงก็รู้สึกว่าความรู้ที่พวกเขาได้รับมาคุ้มค่าไม่แพ้กัน!
ในที่สุดเขาก็ไขข้อข้องใจทั้งหมดได้สักที
แม้ว่าไป๋รั่วซีจะยังไม่ได้เปิดเผยอะไรนัก แต่ฟางผิงพอเข้าใจแล้ว คำถามที่เหลือ อย่างต้นกำเนิดของถ้ำใต้ดิน เขารอจนแข็งแกร่งขึ้นก่อนก็ได้ เขารู้ว่าเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้น เขาจะรู้เรื่องทุกอย่างที่เขาอยากรู้ ไม่งั้นก็แปลว่าคนอื่นก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
…..

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท