World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 131 เรียกเก็บค่าคุ้มครอง

ตอนที่ 131 เรียกเก็บค่าคุ้มครอง

นอกสนามประลอง
ฟางผิงหยุดพูด ส่วนหลู่เฟิ่งโหรวที่กำลังขับรถอยู่ก็กล่าวขึ้นมา “การเดิมพันของฉันไม่เกี่ยวกับนาย อย่าปฏิเสธคำแนะนำของอาจารย์ ชีวิตของการเป็นอาจารย์ไม่ใช่เรื่องง่าย”
ฟางผิงหัวเราะแห้งๆ “เป็นไปได้ยังไง”
“ท่าทางนายบอกแบบนั้น”
“ไม่ใช่จริงๆ”
ฟางผิงรีบปฏิเสธอย่างรวดเร็วแล้วหันไปมองจ้าวเสวี่ยเหมย “ศิษย์น้อง ยังไงอยู่มหาลัยตอนนี้ก็ไม่ค่อยได้ใช้เงินหรอก ทำไมฝากกับศิษย์พี่ล่ะ?”
สีหน้าของจ้าวเสวี่ยเหมยเปลี่ยนไป สุดท้ายเธอก็ส่ายหน้าแรงๆแล้วพูด “ไม่ ขอบคุณ”
“แล้ว…เลิกเรียกฉันว่าศิษย์น้องได้มั้ย?”
จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ชิน เธอไม่เคยเห็นฟางผิงทำตัวกระตือรือร้นมากขนาดนี้มาก่อน
“ฟางผิง ทำไมไม่จีบเสวี่ยเหมยล่ะ? พอเธอเป็นผู้หญิงของนาย เงินเธอก็จะเป็นของนายไม่ใช่เหรอ?” หลู่เฟิ่งโหรวพูดติดตลก
“อาจารย์!”
แม้แต่ทอมบอยจ้าวเสวี่ยเหมยก็รู้สึกอายๆเล็กน้อย
ฟางผิงหัวเราะ “ตอนนี้ผมยังไม่ได้คิดเรื่องพวกนั้น แต่พอผมหาแฟนเมื่อไหร่ ผมจะมาขอคำแนะนำจากอาจารย์”
“ฟางผิง!”
จ้าวเสวี่ยเหมยถลึงตามองเขา
หลังพูดหยอกล้อ ฟางผิงก็หัวเราะแล้วเปลี่ยนหัวข้อ “อาจารย์ เรากำลังกลับมหาลัยใช่ไหม?”
“ใช่ พวกนายยังเป็นนักศึกษาใหม่ ออกมาเปิดโลกก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องออกมานานเกินไป”
สำหรับฟางผิงและนักศึกษาคนอื่นๆ การเรียนอยู่ในมหาลัยเป็นหนทางที่ดีกว่า
ยิ่งกว่านั้นเนื้อหาการฝึกฝนจะเริ่มเข้มข้นขึ้นหลังคลาสฝึกพิเศษ หลู่เฟิ่งโหรวแค่ทำตามหน้าที่อาจารย์ พาทั้งสองออกมาเปิดโลกเล็กๆน้อยๆ
“ถ้าอยากมาที่นี่อีกครั้งก็มาได้เลย แต่นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการฝึกฝนเท่านั้น”
“พอถึงขั้นสองขั้นสาม กลับมาที่นี่อีกคงไม่มีประโยชน์”
“การต่อสู้กับผู้ฝึกยุทธเพื่อสังหารคนหรือเพื่อเงิน มันไม่ใช่เป้าหมายสูงสุดของเรา”
“ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือการเมือง เป้าหมายสูงสุดของผู้ฝึกยุทธคือการแข็งแกร่งขึ้น เพื่อผลักดันไปข้างหน้า และเพื่อกำจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ในถ้ำใต้ดิน”
ฟางผิงพยักหน้าเข้าใจ
หลู่เฟิ่งโหรวหยุดพูดและขับรถมุ่งหน้ากลับมหาลัย
…..
ฟางผิงรถจากรถที่หน้าประตูมหาลัย
มีอาคารพาณิชย์เก่าๆอยู่นอกโม๋อู่
ฟางผิงเดินไปที่ล็อบบี้ ดิสแทนซ์จำกัดอยู่บนชั้นหกของอาคาร พวกเขาได้เช่าครึ่งชั้นทำเป็นสำนักงาน
นับตั้งแต่เช่าสำนักงานและทาบทามหลี่เฉิงเจ๋อ ฟางผิงก็แทบไม่ได้ย่างเท้าเข้ามาเลย
ด้วยการทำธุรกรรมไปมา บวกกับอีก 8 ล้านครั้งก่อน ฟางผิงลงทุนไปเกือบ 10 ล้านแล้ว
แม้เขาค่อนข้างมั่นใจว่าหลี่เฉิงเจ๋อไม่กล้าหักหลัง แต่เขาก็ไม่ควรเพิกเฉยปล่อยให้หลี่เจ๋องเจ๋อทำคนเดียวเป็นเวลานาน มันอาจล่อใจเขาให้ทรยศก็ได้
หลังขึ้นลิฟต์ เขาก็มาถึงชั้นหกอย่างรวดเร็ว
เมื่อออกมาจากลิฟต์ ฝั่งซ้ายเป็นดิสแทนซ์จำกัด ส่วนทางขวาเป็นบริษัทเงินกู้เล็กๆ ทางฝั่งดิสแทนซ์จำกัดจะเงียบกว่า ส่วนทางขวามีเสียงร้องอึกทึก
ไม่มีแผนกต้อนรับที่ดิสแทนซ์จำกัด สาเหตุนึงเป็นเพราะบริษัทยังเล็ก นอกจากนี้มันยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายอีกด้วย เพราะดิสแทนซ์จำกัดมีงานไม่มากนัก
ฟางผิงเดินไปต่อ เขาเปิดประตูโดยไม่เคาะและเดินตรงเข้าสำนักงาน
เมื่อเขาเข้ามาในห้อง ก็มีพนักงานเห็นเขาแล้วถามอย่างเร่งรีบ “สวัสดีครับ คุณมาหาใครครับ?”
“ผู้จัดการหลี่เฉิงเจ๋ออยู่ไหม?”
“ครับ เขาอยู่ด้านในสุดของสำนักงาน”
“ขอบคุณ”
หลังฟางผิงพูดขอบคุณ เขาก็เดินตรงเข้าไป ไม่มีใครพยายามห้ามเขาเลย
ฝ่ายบริหารของบริษัทหละหลวม ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย สุดท้ายก็ตัดสินใจว่ามันเป็นเรื่องปกติ
ปัจจุบันมีพนักงานไม่มากนัก แถมพนักงานส่งของก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ พนักงานที่อยู่ตอนนี้เป็นผู้ที่รับผิดชอบเว็บไซต์กับพัฒนาธุรกิจ ฟางผิงมองรอบๆคาดว่ามีประมาณ 30 คนเท่านั้น
มันเป็นบริษัทเล็กๆที่ก่อตั้งได้ไม่นาน ฝ่ายบริหารหละหลวมจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
…..
“คุณจาง ผมบอกแล้ว บริษัทไม่ใช่ของผม เถ้าแก่ของเราเป็นคนอื่น”
“…”
“ผมรู้ว่าการเป็นพันธมิตรกันส่งผลดีต่อเรา แต่ผมเป็นแค่พนักงานพาร์ทไทม์ ผมตัดสินใจแทนเถ้าแก่ไม่ได้”
“…”
“นอกจากนี้ เงื่อนไขของคุณรุนแรงเกินไป…”
“…”
“ผมจะนำคำพูดของคุณไปบอก ไม่ต้องห่วง”
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
“เอาล่ะ ผมขอตัวก่อน ผมยังมีเรื่องต้องทำ ผมจะโทรกลับไปหลังเถ้าแก่ตอบผม”
“เข้ามา!” หลี่เฉิงเจ๋อพูดหลังวางสาย
เมื่อฟางผิงผลักประตูเดินเข้าไป หลี่เฉิงเจ๋อก็ประหลาดใจเล็กน้อย เขารีบลุกขึ้นแล้วกล่าว “คุณฟาง ทำไมคุณถึงมาหาล่ะ?”
“ผมพึ่งไปทำธุระมาแล้วเดินผ่านมาพอดี…”
ฟางผิงยิ้ม มองรอบๆ ออฟฟิศของหลี่เฉิงเจ๋อทั้งเล็กและเรียบง่าย มันเทียบไม่ได้เลยกับของโรงแรมโม๋ตู
ฟางผิงพูดเข้าเรื่อง “มีคนมาชวนเป็นพันธมิตรเหรอ?”
“เป็นตัวแทนมากกว่า”
หลี่เฉิเจ๋ออธิบาย “เนื่องจากคุณเพิ่มเงินลงไปในบัญชีอีก 8 ล้าน นอกจากขยายการส่งอาหารแล้ว จุดส่งของก็ขยายเพิ่มอีกมาก ปัจจุบันมีจุดส่งของด่วน 20 จุดในเมืองมหาวิทยาลัย”
“ในเมืองมหาวิทยาลัย จุดส่งของ 40-50 จุดก็พอครอบคลุมทั้งเขตเมืองแล้ว”
“ปัจจุบัน มีบริษัทขนส่งขนาดกลางหลายแห่งที่ไม่มีธุรกิจในเมืองมากนัก”
“หวังว่าเราจะเป็นตัวแทนธุรกิจพวกเขาในเมืองนี้ได้นะ”
เมื่อเขาพูดจบ หลี่เฉิงเจ๋อก็ลังเล “คุณฟาง อันที่จริงผมคิดว่าเราจำเป็นต้องเป็นตัวแทน”
“เราทำธุรกิจได้โดยอาศัยชื่อเสียงของพวกเขา แน่นอนนั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก สิ่งสำคัญคือเราใช้ช่องทางของพวกเขาได้”
“ช่องทางปัจจุบันของเราจำกัดแค่ในเมืองมหาวิทยาลัยเท่านั้น”
“เราไม่มีจุดกระจายสินค้า ศูนย์กลางคลังสินค้า สถานีขนส่งหรือรถบรรทุกในส่วนอื่นของประเทศ”
“ด้วยสถานการณ์เหล่านี้ เราไม่อาจถูกยอมรับว่าเป็นธุรกิจบริษัทขนส่งระดับภูมิภาค ไม่มีทางดำเนินต่อไปได้อีก ดังนั้นเราได้แต่รอให้เราขยายตัวเอง”
“บริษัทส่งของและบริการส่งอาหารต่างกัน ธุรกิจของบริษัทส่งของมาจากทั่วประเทศ ส่วนส่งอาหารมาจากคนในพื้นที่เท่านั้น”
“สรุป บริการส่งอาหารค่อยๆขายได้ทีละจุด ส่วนบริษัทส่งของไม่สามารถ…”
อันที่จริงสำหรับบริษัทส่งอาหารแล้ว การวางช่องทางค่อนข้างง่ายและมันยังแยกกันได้อีกด้วย
อย่างไรก็ตามบริษัทส่งของจะทำไม่ได้หากไม่มีช่องทางทั่วประเทศ เว้นแต่ว่าลูกค้าจะเป็นคนที่อาศัยอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัยแล้วอยากส่งของให้กับคนอื่นในท้องที่ ไม่งั้นจะรับงานไม่ได้เลย
ตอนนี้การส่งของในเมืองเดียวกันใช้งานไม่ได้ แถมยังไม่เป็นที่นิยม บริษัทส่งของเกือบทั้งหมดเป็นรูปแบบผู้บริโภคกับผู้บริโภค(customer-to-customer)
ฟางผิงไตร่ตรองอยู่ครู่นึงแล้วกล่าว “แล้วถ้าทำหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัทท้องถิ่นให้พวกเขาในนามดิสแทนซ์จำกัดล่ะ?”
“ดิสแทนซ์จำกัดจะดำเนินการกระจายสินค้าในภูมิภาคก่อน เน้นอีคอมเมิร์ซเป็นหลัก ปัจจุบันการส่งของแบบนี้มีสินค้าให้ส่งค่อนข้างน้อย”
“แม้ว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซจะเล็ก แต่มันก็จัดส่งยาก มีกลุ่มเป้าหมายมากกว่า แต่กำไรไม่ดีเท่าการจัดส่งจำนวนมาก”
“ถ้าเราทำหน้าที่เป็นตัวแทนอีคอมเมิร์ซใต้ดิสแทนซ์จำกัด งั้นเราอาจทำหน้าที่เป็นตัวแทนบริษัทส่งของหลายๆแห่งได้”
หลี่เฉิงเจ๋อพูดทันที “คุณหมายความว่า ตอนนี้เราจะเป็นตัวแทนส่งของอีคอมเมิร์ซระดับภูมิภาคในเมืองมหาวิทยาลัยใช่ไหม?”
“ถูกต้อง เราทำได้ไหม?”
หลี่เฉิงเจ๋อคิดชั่วครู่แล้วตอบอย่างลังเลเล็กน้อย “ตอนนี้บริษัทส่งของแห่งอื่นก็ไม่ใช่ว่าไม่มีตัวแทนในเมืองมหาวิทยาลัย…”
“ราคาของเราดีกว่า บริการของเราเป็นมืออาชีพมากกว่า การดำเนินงานของเราตอนนี้เน้นที่การบริการ”
“ถ้าการบริการของเราแย่กว่า แม้ว่าเรื่องอื่นจะดี แต่มันก็คงไม่เพิ่มชื่อเสียงของเรา”
“ในอุตสาหกรรมส่งของปัจจุบัน ผมตระหนักดีว่าส่วนใหญ่เป็นแฟรนไชส์ พูดตามตรง จุดกระจายสินค้าแฟรนไชส์ ไม่ได้เป็นปัจจัยกระทบชื่อเสียงของเรา!”
“ยังไงเสียสำหรับพวกเขา ถ้ามีของให้ส่ง ไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องบริการ”
“สำหรับแฟรนไชส์หนี่เจีย ชื่อเสียงพวกเขาแย่อยู่แล้ว เปลี่ยนแบรนด์และร่วมแฟรนไชส์ มันก็ยังเป็นงานส่งของเหมือนเดิม”
“เราต่างออกไป เราต้องการเป็นแบรนด์ของตัวเอง ดังนั้นเราจะไม่มีการหลอกลวงแน่นอน”
“นี่เป็นจุดแข็งของเรา”
“แต่ก็เป็นจุดอ่อนเช่นกัน”
“เหตุผลที่ทำไมบริษัทส่งของถึงอยากให้คนอื่นเข้าร่วมเป็นเพราะค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมน้อย และพวกเขายังอยากขยายขนาดและอิทธิพลด้วย” หลี่เฉิงเจ๋อเตือน
“เราจะใช้ป้ายร้านของเราเปิดตลาดของตัวเอง พวกเขาจะเข้าใจแน่นอน”
“ผมมั่นใจว่ามีคนเห็นด้วย!” ฟางผิงกล่าวอย่างหนักแน่น
หลี่เฉิงเจ๋อพยักหน้าแล้วพูด “บริษัทใหญ่ๆอาจเป็นไปไม่ได้ แต่มันควรมีบริษัทขนาดเล็กและบริษัทขนาดกลางที่รับเงื่อนไขนี้ได้ แม้ว่าด้วยวิธีนี้ เราจะได้เข้าครอบครองธุรกิจในช่วงแรก แต่ผมเกรงว่ามันจะไม่มีกำไรเลย”
“ไม่เป็นไร เมื่อเราเริ่มแบรนด์ของตัวเอง นั่นก็คือเงิน”
เมื่อพูดจบ ฟางผิงก็พูดต่อ “แล้วจนถึงตอนนี้ ธุรกิจส่งอาหารเป็นยังไงบ้าง?”
“ไม่เลว แต่มีคนอื่นทำตามแล้ว!” ไอลีนโนเวล
สีหน้าของหลี่เฉิงเจ๋อรัดตึงขึ้นเล็กน้อย “มันไม่ยากเพราะต้นทุนไม่สูง ปัจจุบันทางตะวันออกของเมืองมหาวิทยาลัยมีมหาลัยอื่นที่ถูกแพล็ตฟอร์มส่งอาหารแย่งไปแล้ว”
“ประชาสัมพันธ์ โปรโมท บริการ ความเป็นมืออาชีพ”
ฟางผิงกล่าวคำพูดไม่กี่คำและเอ่ยเตือน “เราจะบริการก่อนเพื่อให้ผู้คนรู้สึกถึงความเป็นมืออาชีพ!”
“เสื้อผ้าควรใหม่และเป็นเครื่องแบบเหมือนกัน เราต้องให้ความสำคัญกับเครื่องแต่งกาย ไม่งั้นเราจะดูไม่น่าเชื่อถือ”
“สัญลักษณ์ของดิสแทนซ์จำกัดควรเห็นได้ชัด งานของเราต้องมีประสิทธิภาพ ค่าคอมมิชชั่นของพนักงานส่งของควรสูงมากกว่าบริษัทอื่นอย่างเหมาะสม”
“นอกจากนี้แพล็ตฟอร์มต้องกระชับและชัดเจน ผมเห็นแพล็ตฟอร์มส่งอาหารออนไลน์แล้ว มันซับซ้อนไปหน่อย อาหารที่แตกต่างกันต้องโดดเด่นและแบ่งออกเป็นส่วนๆ”
“และต้องสะดวก!”
“เราควรซัพพอร์ตเงินสดและจ่ายเงินออนไลน์ มีวิธีจ่ายเงินหลายวิธี ดังนั้นเราควรพยายามรวมวิธีชำระเงินทั้งหมดในปัจจุบันเข้าด้วยกัน”
“อีกเรื่อง เราควรเตรียมแพล็ตฟอร์มมือถือด้วย”
“แพล็ตฟอร์มมือถือเหรอครับ?”
“พูดง่ายๆก็คือ มันเป็นแพล็ตฟอร์มให้กับโทรศัพท์มือถือ สมัยนี้คนส่วนใหญ่อย่างน้อยที่สุดก็ต้องพกโทรศัพท์มือถือติดตัว”
“ต่างประเทศเข้าสู่ยุคสมาร์ทโฟน 3G แล้ว เราต้องรีบตามให้ทันเช่นกัน”
“เมื่อคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะถูกแทนที่ด้วยโทรศัพท์มือถือ ธุรกิจทางมือถือจะกลายเป็นกระแสหลัก”
“เรายังมีเวลาเตรียมตัว สมาร์ทโฟน 3G พึ่งออก เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อมที่จะเปลี่ยนทุกเมื่อ”
“เมื่อมันเข้าถึงได้อย่างราบรื่น เราควรเชื่อมต่อกับพอร์ตโทรศัพท์มือถือเป็นคนแรกเพื่อเริ่มธุรกิจ”
“ผมไม่ได้จำกัดแค่ส่งอาหาร แต่รวมถึงส่งของด้วย คุณเข้าใจที่ผมสื่อใช่ไหม?”
“ปัจจุบันบริการส่งของนั้นยุ่งยากมาก”
“อนาคต เมื่อมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านโทรศัพท์มือถือ เราจะไปรับและส่งพัสดุ สร้างลูกข่ายส่งของเฉพาะ เราจะนำหน้าคนอื่น”
“เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อชื่อเสียงของเราเป็นที่ยอมรับ ตลาดจะขยายตัวเช่นกัน”
ฟางผิงพูดต่อ “ผมไม่ได้รีบหากำไร เพราะเราต้องใช้เวลาเตรียมตัว เมื่อ 3G กลายเป็นกระแสหลัก เราก็คงพร้อมแล้ว เราจะก้าวหน้านำคนอื่น พอถึงตอนนั้น เราไม่จำเป็นต้องกลัวไม่ได้เงินเลย”
หลังฟังอยู่ครู่นึง หลี่เฉิงเจ๋อก็อดถามไม่ได้ “คุณฟาง คุณคิดเองทั้งหมดเลยเหรอ?”
ฟางผิงเป็นแค่เด็กใหม่ กลายเป็นว่าอีกฝ่ายเชี่ยวชาญด้านธุรกิจกว่าเขาอีก ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าเขารอบรู้หลายอย่างและมีวิสัยทัศน์ดีมาก
แน่นอน เขากล้าหาญมากเช่นกัน
ตอนนี้ 3G พึ่งเริ่มในต่างประเทศ มาตรฐาน 3G ในประเทศพึ่งผ่านการรับรองและยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการ
ฟางผิงหัวเราะ “ผมแค่ชอบอ่านข่าวตอนว่างๆ เราจะตามไม่ทันถ้าเราเอาแต่ก้าวไปทีละขั้นอย่างปลอดภัย”
“ถ้าเราอยากรุ่ง เราก็ทำได้แต่หาวิธีใหม่ๆ”
“ถ้ามันประสบความสำเร็จก็ดี ถ้าไม่ก็น่าเสียดาย”
หลี่เฉิงเจ๋อยังคงรู้สึกชื่นชม
หลังจากนั้นสักครู่เขาก็ลังเลเล็กน้อย “คุณฟาง บริษัทตอนนี้…”
“เงินทุนหมด?”
“ไม่ใช่ครับ เงิน 8 ล้านที่คุณให้มาครั้งก่อนไม่ได้หมดเร็วขนาดนั้น”
หลี่เฉิงเจ๋อส่ายหน้าแล้วอธิบาย “เพราะคุณไม่แสดงตัว ผมเลยเป็นผู้รับผิดชอบ ก่อนหน้านี้เราประกาศไปว่าบริษัทของเราก่อตั้งขึ้นโดยนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ ดังนั้นทุกคนจึงกลัวเล็กน้อยและไม่ได้ลงมือทำอะไร”
“อย่างไรก็ตามเพราะคุณไม่ได้แสดงตัวขณะที่เรายังคงขยายตัวออกไปเรื่อยๆ จึงมีบริษัทบางแห่งที่เริ่มเคลื่อนไหว…”
“มีบริษัทส่งของหลายแห่งที่เปิดดำเนินการในเมืองมหาวิทยาลัย รวมถึงร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดใกล้มหาลัยด้วย…”
“พวกเขาสร้างปัญหาเหรอ?”
“ไม่ใช่สร้างปัญหา มันเป็นแค่ตัวอย่างและคำเตือน”
“คำเตือน?”
“ครับ ไม่นานมานี้มีการตอบกลับจากพนักงานส่งของมาบ้าง ตอนนี้บางมหาลัยไม่ปล่อยให้คนของเราเข้าไปในอาคาร”
“ปกติเราเข้าได้ แถมคนของเราก็มีระเบียบวินัยมาก แต่ตอนนี้ทางมหาลัยไม่ยอมให้เราเข้าไปแล้ว ในมหาลัยที่ไม่ยอมให้เราเข้าไป ก็มีบริษัทอื่นมาเริ่มทำธุรกิจแทน”
“ผมเดาว่าพวกเขาน่าจะเล่นลูกไม้ใส่เรา”
ฟางผิงไตร่ตรอง “ก่อนอื่นเลย เราควรแก้ปัญหานี้ด้วยวิธีสันติ ถ้าเราผ่านไปได้ มันจะเป็นรากฐานให้มีเส้นสายดีขึ้น”
“ไม่งั้นก็โทรหาผม ผมจะดูอีกทีว่าจะแก้สถานการณ์ยังไง”
“ครับ”
“…”
หลังให้คำแนะนำและคำเตือน ฟางผิงก็ไม่ได้อยู่ต่อ เขาออกไปจากบริษัทอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูค่าทรัพย์สินที่ลดลงเหลือน้อยกว่าสิบล้านอย่างรวดเร็ว ฟางผิงก็ถอนหายใจ ไม่มีเงินก็ทำอะไรไม่ได้! เขาควรหาวิธีทำเงินอย่างอื่นไหม?
แม้ว่าบริษัทส่งของจะทำเงินได้ แต่มันก็ไม่เกิดขึ้นในชั่วข้ามคืนแน่
นี่เป็นการลงทุนเพื่ออนาคตของฟางผิง ในช่วงนี้เขาต้องใช้วิธีอื่น
…..
ฟางผิงครุ่นคิดหาวิธีหาเงิน แต่ก็ยังอับจนหนทาง จนกระทั่งมาถึงมหาลัย
เมื่อเขามาถึงหอพัก ฟางผิงก็พบนักศึกษาใหม่หลายคนอยู่ชั้นล่าง รวมถึงเจ้าอ้วนที่เขาเจอตอนมามหาลัยใหม่ๆด้วย
หลังได้ยินนักศึกษาใหม่พูดถึงแผนการในวันหยุดสุดสัปดาห์ ฟางผิงก็คิดเล็กน้อย ‘ฉันสงสัยจังว่าจะเก็บค่าคุ้มครองจากพวกเด็กใหม่ได้ไหม?’
ในหมู่นักศึกษาใหม่โม๋อู่มีนักศึกษาร่ำรวยมากมาย
เงินหลักแสนหยวนเป็นจำนวนเงินแค่เล็กน้อย
ถ้าเขาทำเงินได้แสนหยวนต่อหนึ่งคน ด้วยนักศึกษาหลักพัน มันก็แปลว่าเขาทำเงินได้หลายร้อยล้านแล้ว
“เก็บค่าคุ้มครองก็เป็นอีกวิธีเหมือนกัน ถ้ามหาลัยไม่ฆ่าฉันซะก่อนน่ะนะ”
…..
ในขณะเดียวกัน
ฟางหยวนกำลังมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างโง่งม
“เจ้ใหญ่ ยอมรับหนูเข้าสมาคมได้ไหม? หนูจะจ่ายค่าสมาชิกให้!”
เด็กสาวอายุน้อยกว่าฟางหยวนอีก แถมยังผอมแห้งมีแต่หนังหุ้มกระดูก เธอกล่าวด้วยสีหน้ากระตือรือร้น “ถ้าหนูเข้าสมาคมหยวนผิง หนูจะเป็นเด็กดี เจ้ใหญ่จะสั่งให้หนูทำอะไรก็ได้”
“มะ…แม้แต่สู้ตะลุมบอน…ต่อให้หนูสู้ไม่ไหว หนูก็ช่วยผลักดันเจ้ใหญ่ได้” เด็กสาวกำหมัดแน่นด้วยสีหน้าแดงระเรื่อ
ฟางหยวนหน้างอ หลังจากนั้นสักครู่เธอก็กล่าวอย่างขมขื่น “น้องสาว เธอเข้าใจผิดรึเปล่า?”
‘นี่ไม่ใช่แก๊งนะ!’ ฟางหยวนคำรามในใจ
‘มันเป็นต้นแบบของหอการค้า เข้าใจมั้ย? เข้าใจมั้ย?’
ทำไมถึงมีคนอยากจ่ายค่าคุ้มครองและเข้าร่วมสมาคมหยวนผิงได้ล่ะ?

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท