World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 150.2 ทีมตัวจริง (2)

ตอนที่ 150.2 ทีมตัวจริง (2)

  ผ่านไปไม่ถึงนาที ถังซ่งถิงก็เหนื่อยหอบ เขาล่าถอยไปข้างๆ หน้าผากเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อ

   หยุด! 

  ถังเฟิงตะโกนเพื่อยุติการต่อสู้

  เวลานี้ มือซ้ายของจ้าวเสวี่ยเหมยเป็นสีแดงเลือด แต่แววตาของเธอจ้องมองถังซ่งถิงอย่างบ้าคลั่งราวกับอยากสู้ต่อ

  ถังซ่งถิงสบถในใจขณะสะบัดแขนไปมา เขาพูดไม่ออก สุดท้ายเขาก็ตะโกน  ยอมแพ้! 

  ‘ผู้หญิงคนนี้เสียสติไปแล้ว!’

  นี่เป็นการแลกเปลี่ยนวิชากัน แต่มันกลายเป็นการฆ่าฟัน เพราะเธอไม่สนใจอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย

  หลังยอมรับความพ่ายแพ้ จ้าวเสวี่ยเหมยก็สงบลง เธอเดินไปข้างๆเพื่อพันผ้าพันแผลที่มือ ทั้งหยางเสี่ยวม่านทั้งเฉินหยุนซีก็รีบเข้ามาช่วย แต่พวกเธอมองจ้าวเสวี่ยเหมยด้วยสายตาแปลกๆ

  ฟางผิงหมดคำจะพูด แท้จริงแล้วจ้าวเสวี่ยเหมยแข็งแกร่งกว่าถังซ่งถิงงั้นเหรอ?

  ย่อมไม่ใช่ อย่างน้อยที่สุดเธอก็อาจอ่อนแอกว่า ไม่งั้นถังเฟิงย่อมไม่เลือกถังซ่งถิงให้อยู่ทีมตัวจริง

  จ้าวเสวี่ยเหมยเสียสติไปแล้วแน่นอน!

  ทุกกระบวนท่าของเธอทำให้เกิดอันตรายโดยไม่จำเป็น เธออาจสูญเสียแขนขาได้ง่ายๆ อย่างไรก็ตามเธอไม่ได้สนใจเลย กลับกันเป็นถังซ่งถิงที่ลังเล ระหว่างการต่อสู้ เขาเสียโอกาสไปมากมายเพราะความลังเล สุดท้ายการตัดสินใจละทิ้งดาบก็ทำให้เขาพ่ายแพ้

  ถังเฟิงมองจ้าวเสวี่ยเหมยด้วยสายตาชื่นชม แต่จากนั้นก็มองฟางผิงด้วยสายตาไม่พอใจ

  ฟางผิงกลัดกลุ้ม ‘อะไรกัน คราวนี้ฉันล่วงเกินใครอีก?’

  สีหน้าของถังฟิงบ่งบอกชัดเจนว่า ‘ฟางผิง คุณเป็นลูกผู้ชาย แต่คุณดุร้ายไม่เท่าจ้าวเสวี่ยเหมยด้วยซ้ำ!’

  ฟางผิงรู้สึกเหมือนไม่ได้รับความเป็นธรรม!

  ‘ฉันไม่จำเป็นต้องทุ่มสุดตัว ทำไมฉันต้องออกแรงเต็มที่ด้วย? มีแต่คนอ่อนแอเท่านั้นที่ต้องต่อสู้อย่างสิ้นหวังแบบนี้ ในฐานะผู้แข็งแกร่ง มันไม่โง่ไปหน่อยเหรอที่ต้องสู้เหมือนคนบ้าแบบนี้?’

  แน่นอนเขาเข้าใจถังเฟิงเช่นกัน

  สิงโตถังมีฉายาว่า ‘ราชสีห์คลั่ง’ คนบ้าคลั่งอย่างเขารู้วิธีเพิ่มความแข็งแกร่งแค่วิธีเดียวนั่นก็คือการต่อสู้ชี้เป็นชี้ตาย

  หลังบ่นพึมพำกับตัวเอง ถังเฟิงก็เบือนสายตาออกไปแล้วยิ้ม  จ้าวเสวี่ยเหมยจะอยู่ทีมตัวจริง ส่วนถังซ่งถิงจะอยู่ทีมสำรอง มีใครอยากยื่นคำท้าอีกไหม? 

  จากนั้นก็มีอีกสองสามคนที่ตัดสินใจท้าประลองสมาชิกทีมสำรอง

  อย่างไรก็ตามไม่มีทีมสำรองคนไหนอีกที่ท้าทีมตัวจริง

  เฉินหยุนซีแข็งแกร่งพอที่จะลอง แต่เธอเงียบตลอด ถังเฟิงก็ไม่ได้บังคับเช่นกัน

  หลังผ่านช่วงเช้า ทั้งทีมก็ยังคงเดิม มีความเปลี่ยนแปลงแค่ถังซ่งถิงกับจ้าวเสวี่ยเหมย

  ความกลัดกลุ้มบนใบหน้าถังซ่งถิงแทบไม่หายไป เขารู้สึกว่ามันน่าอับอายอย่างไม่น่าเชื่อ!

  …

  หลังทีมถูกตัดสิน

  ถังเฟิงกล่าวทันที  มีเวลาอีก 9 วันก่อนถึงพิธีเปิด ตั้งแต่พรุ่งนี้เราจะไปมหาลัยอื่นเพื่อประลองอุ่นเครื่อง! 

   ทีมสำรองจะไปก่อน ทีมตัวจริงจะไปข่ม! 

   มหาลัยอื่นไม่อยากแพ้น่าเกลียดนัก แม้ว่าพวกเขาจะไม่เอาทีมตัวจริงขึ้นสังเวียน แต่พวกเขาก็ไม่ให้คนอ่อนแอขึ้นสังเวียนเช่นกัน 

   นอกจากนี้จ้าวเสวี่ยเหมยกับคนอื่นๆใกล้บรรลุขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว ช่วงไม่กี่วันนี้ให้ฝึกให้หนักที่สุด คุณต้องบรรลุขั้นหนึ่งสูงสุดก่อนงานประลอง! 

  ยังมีหวังที่จ้าวเสวี่ยเหมยกับถังซ่งถิงจะบรรลุขั้นหนึ่งสูงสุด ทั้งสองเหลือกระดูกไม่กี่ชิ้นก็บรรลุขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว

  ยกเว้นเฉินหยุนซี อีกสามคนในทีมสำรองก็ใกล้แล้วเช่นกัน

   ในการประลองกระชับมิตร มหาลัยแรกที่เราจะไปคือมหาลัยครุศาสตร์หัวตง แห่งที่สองคือมหาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีหัวหนาน ทั้งสองมหาลัยนี้เป็นสมาชิกแปดมหาลัยพันธมิตร 

   แม้ว่าพวกเขาอาจไม่แข็งแกร่งเท่าโม๋อู่จิงอู่ แต่อย่าดูแคลนความแข็งแกร่งของพวกเขาไป 

   วิเคราะห์ความแข็งแกร่งของพวกเขาจะเป็นผลดีต่อทุกคน แม้ว่าจะเป็นเพลงช่วงสั้นๆก็ตาม พวกคุณควรใช้โอกาสนี้แก้ไขข้อบกพร่องของตนเองและดูว่าตนเองขาดเหลืออะไร 

  ฟู่ชางติ่งและพวกไม่สนใจแง่มุมนี้มากนัก โอกาสที่ทีมตัวจริงจะได้แสดงความแข็งแกร่งนั้นมีน้อยมาก ครั้งนี้ส่วนสำคัญคือทีมสำรอง

  สิ่งที่ทำให้ฟู่ชางติ่งสนใจก็คือหัวกะทิของมหาลัยอื่น เมื่อถังเฟิงพูดจบ ฟู่ชางติ่งก็เอ่ยถาม  อาจารย์ เราไม่ไปมหาลัยวิชายุทธแห่งประเทศจีนงั้นเหรอ? 

   ผมได้ยินมาว่าเว่ยปินจากมหาลัยวิชายุทธแห่งประเทศจีนค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว… 

   เพราะมหาลัยวิชายุทธแห่งประเทศจีนอยู่เมืองหลวง เราไม่ได้ไปที่นั่น แต่ไม่ช้าก็เร็วเราก็จะรู้เองว่าเว่ยปินแข็งแกร่งแค่ไหน 

   กลับกันฉันรับรองได้เลยว่าหานซวี่แข็งแกร่งมาก! 

  ถังเฟิงพูดเบาๆ  หานซวี่อาจเป็นผู้ฝึกยุทธขัดเกลาสามครั้ง อย่างน้อยที่สุดเขาขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว หรืออาจบรรลุขั้นสองแล้วด้วย 

   กลับกันโม๋อู่… 

  ถังเฟิงชำเลืองมองฟางผิงด้วยสายตาดูแคลนและกล่าวอย่างไม่พอใจ  คู่ต่อสู้ของฟางผิงจะเป็นหานซวี่ ดังนั้นห้ามแพ้เด็ดขาด! 

   ถ้าฟางผิงแพ้ อัตราแลกเปลี่ยนทรัพยากรจะเพิ่มขึ้น 10% ไปอีกสามปี! 

  ฟางผิงแทบกระอักเลือด เขาร่ำร้องอย่างไม่พอใจ  อาจารย์ถัง ไม่ไร้เหตุผลเกินไปหน่อยเหรอ? 

   คุณพูดถูก ฉันตั้งใจสร้างความลำบากให้คุณ…คุณเป็นคนกล้าหาญไม่ใช่หรือถึงกล้าเรียกฉันว่าสิงโตถังกับเพื่อนๆ หืม? 

   อะแฮ่ม…ผมไม่รู้ว่าอาจารย์พูดเรื่องอะไร ต้องมีคนพูดจาลับหลังผมแน่นอน หยางเสี่ยวม่านกับจ้าวเหล่ยมีปัญหากับผมตั้งแต่เริ่มแรกแล้ว… 

   ฉันได้ยินมากับหู! 

   ผมว่าอาจารย์ได้ยินผิดแน่นอน… 

   ฉันขั้นหกสูงสุด หูฉันไม่มีทางมีปัญหา 

  ถังเฟิงแค่นเสียงและพูดอย่างหงุดหงิด  ถ้าคุณเอาชนะหานซวี่ได้ คุณจะเรียกฉันต่อหน้าเพื่อนๆยังไงก็ได้ ฉันจะไม่รังควานคุณอีก 

   แต่ถ้าคุณแพ้ล่ะก็…เหอะเหอะ! 

   อาจารย์อย่าทำแบบนี้ ผมมีอาจารย์เหมือนกันนะ อาจารย์รู้ไหม… 

   หลู่เฟิ่งโหรวไม่มีปัญหากับเรื่องนี้ ทำไมคุณถึงมีปัญหา? 

  ฟางผิงรู้สึกอยากกระอักเลือดขึ้นมาอีกครั้ง ‘ฉันเป็นยอดอัจฉริยะของโม๋อู่จริงๆใช่ไหม? งั้นทำไมฉันถึงรู้สึกว่าทุกคนเกลียดฉัน! 

  โชคดีคำพูดถัดไปของถังเฟิงทำให้เขาสบายใจขึ้นบ้าง  ถ้าคุณเอาชนะหานซวี่ ทางมหาลัยจะมอบรางวัลให้ 100 คะแนน! 

   แค่ 100 คะแนน? คุณพระ เขาเป็นอันดับหนึ่งของประเทศนะ… 

   ไม่ว่าคุณจะพูดยังไง มันก็ผ่านเกาเข่ามาหลายเดือนแล้ว ไม่มีใครรู้ว่าหานซวี่แข็งแกร่งขึ้นแค่ไหน เขาอาจแข็งแกร่งไม่เท่าทีมสำรองก็ได้… 

   งั้น…ก็ได้ 

  ฟางผิงมีสีหน้าจนใจและเศร้าสลด แต่ถังเฟิงคิด ‘เจ้าเด็กนี่ต้องกระโดดโลดเต้นอยู่ในใจเป็นแน่’

  ฟางผิงรู้สึกว่าเขาไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างแรง แต่เขาก็พูดไม่ได้ว่าเขามีความสุขหรือไม่ การเผชิญหน้ากับคนของจิงอู่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การต่อสู้กับหานซวี่ก็เช่นกัน

  เนื่องจากพวกเขาถูกลิขิตให้ต้องประมือกัน ฟางผิงจึงไม่อยากแพ้เช่นกัน

  ถ้าเขาชนะ เขาก็จะได้รับรางวัลพิเศษซึ่งถือเป็นรางวัลที่ไม่คาดคิด

  ส่วนถ้าเขาแพ้…ฟางผิงคร่ำครวญในใจ ‘แค่แพ้ เขาต้องแลกทรัพยากรแพงขึ้น 10% มันเกินไปหน่อยไหม!’

  ถ้าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เขาพิจารณาอย่างจริงจังว่าจะเปลี่ยนมหาลัย ‘ฉันสงสัยจังว่าจิงอู่จะยอมรับนักศึกษาจากโม๋อู่ไหม’

  ถังเฟิงย่อมไม่สนใจความคิดของฟางผิง

  อาจารย์ต้องพยายามใช้สมองคิดอย่างหนักเพื่อคิดวิธีกระตุ้นฟางผิง

  …

  เมื่อจัดการทีมเสร็จและยืนยันว่าจะไปมหาลัยครุศาสตร์หัวตง ทุกคนก็แยกย้ายกันไป

  ระหว่างทางไปหอพัก ฟู่ชางติ่งก็พูดอย่างหนักอึ้ง  ฟางผิง นายต้องระวังหานซวี่ และไม่ใช่แค่เขา หลี่หรานก็ด้วย 

   ฉันรู้จักสองคนนี้ดี 

   พวกเขาเป็นอัจฉริยะชื่อดังในโรงเรียนมัธยมปลายปักกิ่ง ฉันเคยเห็นฝีมือของทั้งสองมาหลายครั้ง ฉันบอกได้เลยว่าสองคนนี้แข็งแกร่งมาก… 

   นายเทียบกับพวกเขาแล้วเป็นไง? 

   ครั้งก่อนฉันอ่อนแอกว่าพวกเขาเล็กน้อย แต่ตอนนี้…ก็ไม่แน่!  ฟู่ชางติ่งพูดโดยไม่มีคำว่าถ่อมตน

   งั้นก็ไม่น่ามีปัญหา 

   นะ…นายหมายความว่ายังไง? 

   ถ้านายไม่มีปัญหา แล้วฉันจะมีปัญหาได้ไง? 

  ฟู่ชางติ่งดูรำคาญ เขาแค่นเสียง  ไว้มาดูกัน! เมื่อพวกเขาจัดการนายจนกองอยู่กับพื้น มันจะเป็นเวลาให้ฉันเปล่งประกาย ฉันจะจัดการพวกเขาและให้ทุกคนรู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นอันดับหนึ่งที่แท้จริงของโม๋อู่! 

   นายน่ะเหรอ? ไปเอาชนะจ้าวเหล่ยก่อนค่อยมาคุย เจ้าหมอนั่นแพ้ด้วยน้ำมือฉัน! 

   ไม่เกี่ยว ครั้งก่อนจำนวนขัดเกลากระดูกของทุกคนต่างกัน แต่ตอนนี้เราเป็นขั้นหนึ่งสูงสุดเหมือนกันแล้ว… 

  ฟางผิงแสร้งหาวและไม่สนใจเขาอีก ‘ไม่ใช่แค่นายสักหน่อยที่แข็งแกร่งขึ้น!’

  ‘นายคิดว่าหลายวันมานี้ฉันไม่ขยันฝึกงั้นเหรอ?’

  ��

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท