นี่เป็นการตอบโต้งั้นเหรอ?
ฟู่ชางติ่งหน้ามุ่ย จิงอู่ยังเหลือคนสุดท้าย แม้ว่าเฉินเจียเซิงจะใช้ปราณและเลือดไปมาก แต่เขาก็อาจยังมีพลังพอสู้คนสุดท้ายอยู่
หานซวี่กับหลี่หรานก็ขึ้นประลองไปแล้ว ตอนนี้จิงอู่ลำบากแล้ว
ฟางผิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จ้องมองคนที่กำลังขึ้นเวทีมา ถ้านายอยู่ทีมจิงอู่ จะไม่มีใครเป็นปราการสุดท้ายเลยงั้นเหรอ?
พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธเลือกซุนหมิงยวี่เป็นผู้ประลองคนแรก เฉินเจียเซิงเป็นคนสุดท้าย โม๋อู่เลือกฟางผิงเป็นคนแรก จ้าวเหล่ยเป็นคนสุดท้าย
คนสุดท้ายมักจะไม่อ่อนแอเพื่อป้องกันไม่ให้ทีมแพ้พ่ายไปง่ายๆ
คนสุดท้ายของจิงอู่ พวกเขาจะอ่อนแอจริงหรือ?
คนสุดท้ายของจิงอู่ ฟางเหวินเสียง!
ฟางผิงนึกถึงคำแนะนำสั้นๆที่หลิวหัวหรงอธิบายเกี่ยวกับฟางเหวินเสียง นั่นก็คือไม่มีอะไรโดดเด่น
เขาได้อันดับเจ็ดของการสอบเกาเข่ามณฑลตงหู
สามมณฑล ตงหลิน ตงหู ตงอู๋ ล้วนอยู่ทางภาคตะวันออกของประเทศจีน อาจถือได้ว่าเป็นภูมิภาคที่พัฒนาด้านเศรษฐกิจ การได้อันดับเจ็ดของมณฑลแบบนี้อย่างน้อยก็เทียบเท่ากับสามอันดับแรกของมณฑลหนานเจียง
อย่างไรก็ตาม ผู้เข้าร่วมประลองมีอันดับหนึ่งของมณฑลอยู่มากมายก่ายกอง อัจฉริยะที่อยู่อันดับเจ็ดจึงไม่ค่อยดึงดูดความสนใจนัก
ฟางเหวินเสียงไม่ได้ใช้อาวุธยาวเช่นกัน เขาสวมถุงมือที่ปิดแขนจนมิด
ฟางผิงมองดูด้วยสายตาเจือปนด้วยความอิจฉา ของที่ปิดแขนทั้งสองข้างแบบนี้อาจถือได้ว่าเป็นอาวุธประเภทเกราะ โม๋อู่ดันไม่ยอมให้เขายืมชุดเกราะเต็มตัวซะงั้น!
ระหว่างที่ฟางผิงรู้สึกอิจฉาระคนชื่นชม ฟางเหวินเสียงก็ประกระบวนท่ากับเฉินเจียเซิงแล้ว
การควงดาบของเฉินเจียเซิงเป็นภัยคุกคามต่อผู้อื่น แต่ฟางเหวินเสียงไม่สนใจ ไม่ว่าจะโจมตีด้านหน้าหรือด้านหลัง ฟางเหวินเสียงก็ใช้สองแขนป้องกันอย่างรวดเร็ว
มีประกายไฟกระเซ็นเมื่อดาบอู๋โกวฟันใส่เกราะแขน แต่มันก็สร้างความเสียหายต่อฟางเหวินเสียงไม่ได้
เฉินเจียเซิงชนะมาสองตาติดแล้ว ปราณและเลือดเขาเริ่มร่อยหรอ ก่อนที่เขาจะได้เปลี่ยนกลยุทธ์ ฟางเหวินเสียงพลันส่งเสียงกู่ร้อง!
ผู้ชมเห็นเขาเงื้อหมัดขึ้นเหมือนดั่งกรงเล็บมังกร กระแทกใส่ดาบอู๋โกวด้วยความเร็วดุจพยัคฆ์!
เฉินเจียเซิงรับมือไม่ไหว ถอยร่นไปไม่หยุด
แต่ฟางเหวินเสียงเร็วมาก เขาไม่สนใจการโจมตีจากดาบอู๋โกว พุ่งเข้าประชิดตัว กำหมัดกระทุ้งใส่เต็มแรง!
หมัดเขย่าสวรรค์ของตระกูลฟางแห่งตงหู!
หลิวหัวหรงรู้จักกระบวนท่าของฟางเหวินเสียง เขาอธิบาย ปราณและเลือดที่ปะทุออกมาจากกำปั้นสองข้างมีเกือบ 50แคล จนถึงตอนนี้ เขามีความเข้าใจต่อวิชาล้ำลึกที่สุด!
กำปั้นของฟางเหวินเสียงระเบิดพลังออกมา ปราณและเลือดมีราวๆ 50แคล!
เฉินเจียเซิงถูกบังคับให้ถอยร่นไปทุกการโจมตี ใบหน้าซีดขาวลงเรื่อยๆ หลังปล่อยหมัดไปได้สี่ครั้งติด เฉินเจียเซิงก็กระอักเลือดออกมาคำโตจนต้องคุกเข่าลงกับพื้น เมื่อเขาเห็นหมัดสุดท้ายของฟางเหวินเสียงเล็งมาที่หัว เฉินเจียเซิงก็กัดฟันกรอด ไม่ยอมตะโกนคำว่ายอมแพ้
ชั้นบน ในที่สุดปรมาจารย์ก็ถอนหายใจออกมา ยอมแพ้!
กรรมการเคลื่อนไหวทันที เขาเข้าไปกันหมัดของฟางเหวินเสียงด้วยมือเดียว
จิงอู่ชนะ! กรรมการประกาศผลเสียงดัง!
เฉินเจียเซิงยังคงคุกเข่าอยู่กับพื้น เลือดหยดจากมุมปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
การประลองรอบแรกแพ้ย่อยยับ!
แม้ว่าเขาจะสู้จนคนสุดท้าย แต่สมาชิกหลักทั้งห้าต่างได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้แต่เขา อาการบาดเจ็บภายในก็ไม่ใช่เบาๆ
สมาชิกพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธไม่ได้อ่อนแอ แต่พวกเขาดันเจอกับจิงอู่ คู่ต่อสู้แข็งแกร่งกว่า ทุกคนในทีมพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธล้วนได้รับบาดเจ็บ
…
พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธแพ้ไปแล้ว สมาชิกหลักที่ยังสู้ได้พรุ่งนี้เหลือแค่เฉินเจียเซิงกับไป๋อิ่น
จ้าวเสวี่ยเหมยถอนหายใจ ทีมตัวจริงห้าคน มีสามคนที่หมดสภาพต่อสู้
ถ้าพรุ่งนี้พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธแพ้อีก พวกเขาจะหมดสิทธิ์ได้ประลอง
จากระบบการประลอง ถ้าฟางผิงและทีมเอาชนะแปดมหาลัยพันธมิตรได้ พวกเขาจะได้เจอกับจิงอู่ ถ้าพวกเขาเอาชนะจิงอู่และพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธแพ้ให้กับแปดมหาลัยพันธมิตร ทั้งสองฝ่ายก็จะไม่มีโอกาสได้เจอกัน
ถ้าโม๋อู่แพ้ให้กับจิงอู่ ทั้งสองฝ่ายจะได้ประมือกันสักตั้ง
แต่การประลองรอบสามจะเกิดขึ้นหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลการประลองของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธในวันพรุ่งนี้
ฟางผิงไม่ได้คิดมาก เขาหันกลับมาพูด ไปกันเถอะ ตอนบ่ายจะเป็นตาเราแล้ว
เมื่อเขากำลังเดินจากไป จู่ๆถังเฟิงก็เดินเข้ามา อาจารย์ของคุณหายไปอีกแล้ว แต่คนจากตระกูลฟางแห่งตงหูมา ฉันเลยอยากจะบอกอะไรหน่อย ถ้าคุณเอาชนะคนจากตระกูลฟางแห่งตงหูไม่ได้ เธอจะจัดการคุณแน่!
ผม…
ฟางผิงแทบกระอักเลือด ‘ทุกอย่างเอามาลงกับฉันตลอดแหละ!’
‘ให้ฉันเอาชนะหานซวี่ ให้ฉันเอาชนะห้าตาติด ให้ฉันเอาชนะฟางเหวินเสียงจากตระกูลฟางแห่งตงหู…’
ผลประโยชน์ยังไม่ทราบได้ แต่ข้อเสียมีมากมาย!
ถังเฟิงยิ้ม ไม้ต้องห่วง อาจารย์ของคุณกับคนตระกูลฟางมีความแค้นกันมาหลายปีแล้ว ถ้าคุณช่วยเธอระบายความโกรธ คุณย่อมได้ประโยชน์
ฟางเหวินเสียงใช่ไหม? ฟางผิงบ่นอุบ อีกฝ่ายแข็งแกร่งมาก ดีไม่ดีอาจไม่ได้อ่อนแอไปกว่าหานซวี่ด้วยซ้ำ
อย่างน้อยที่สุด หมัดเขย่าสวรรค์สองสามหมัดสุดท้ายก็ระเบิดปราณและเลือดประมาณ 50แคล มันเกือบอยู่ระดับการบวนท่าร้ายแรงแล้ว
เพื่อขัดเกลากระดูก นักศึกษาใหม่ไม่ได้ฝึกวิชาต่อสู้ลงลึกมากนัก
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาก็ยังเด็ก เวลาน้อยเกินไป
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะบรรลุถึงขั้นกระบวนท่าร้ายแรง
อย่างน้อย ในการประลองรอบแรก ทีมตัวจริงของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธกับจิงอู่ก็ไม่มีทีท่าว่าพวกเขาฝึกวิชาต่อสู้จนบรรลุขั้นกระบวนท่าร้ายแรง
อย่างไรก็ตาม โดยพื้นฐานแล้วพวกเขาถือว่าเชี่ยวชาญวิชาต่อสู้ ระเบิดปราณและเลือดได้ประมาณ 30แคล
ไว้ค่อยว่าอีกที ตอนนี้มันยังเร็วไป
ถ้าโม๋อู่อยากเจอกับจิงอู่ พวกเขาต้องเอาชนะการประลองรอบบ่ายก่อน พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธกับแปดมหาลัยพันธมิตรจะเจอกันในวันพรุ่งนี้ และวันมะรืนจะเป็นตาพวกเขาเจอกับจิงอู่
ถังเฟิงเงียบไปสักครู่ก่อนจะพูดออกมา ตอนบ่ายก็ระวังล่ะ อย่าคว่ำเรือ
ผมเข้าใจ
…
เมื่อฟางผิงกับคนอื่นๆเดินจากไป ผู้ชมก็เริ่มจากไปเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเวลานี้ ความกระตือรือร้นของฝูงชนเริ่มหายไป หลายคนเริ่มเงียบ
ช่วงเช้ามีการประลองทั้งหมดแปดตา ไม่มีผู้เสียชีวิต
แต่ จาก 10 คนที่ขึ้นประลอง นอกจากฟางเหวินเสียงที่เป็นคนสุดท้าย คนที่เหลือล้วนบาดเจ็บ นอกจากนี้ยังมีสามถึงสี่คนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส การประลองโหดร้ายกว่าที่พวกเขาคิด
นี่เป็นแค่การประลองรอบแรก รอบต่อไปจะเป็นยังไงล่ะ?
การประลองรอบบ่ายจะเป็นเหมือนรอบเช้าไหม?
เมื่อถึงการประลองรอบสุดท้ายเพื่อตัดสินอันดับหนึ่ง มันจะน่าเศร้าแค่ไหน?
ผู้ชมไม่รู้ ไม่เข้าใจ ทำไมนักศึกษาเหล่านี้ถึงเสี่ยงชีวิตต่อสู้จนตัวตาย!
ส่วนสมาชิกทีมตัวจริงของพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธ เว้นแต่พวกเขาจะอ่อนแอเกินไป หากมีใครพอมีเรี่ยวแรงต่อสู้ ไม่มีใครพูดยอมแพ้สักคน แม้พวกเขาจะรู้ว่าตนเองจะแพ้ก็ตาม
…
เมื่อเดินออกมานอกโรงยิม ฟางผิงก็ถอนหายใจเบาๆ
ก่อนที่เขาจะได้พูดอะไร เขาก็ได้ยินเสียงคนร้องไห้ พี่!
เมื่อสิ้นเสียงพูด ฟางหยวนก็รีบโผเข้าอ้อมแขนของฟางผิง สะอึกสะอื้น พี่ไม่ไปประลองรอบบ่ายได้ไหม? เลิกเถอะ…
ฟางผิงลูบหัวเธอเบาๆและหัวเราะออกมา น้องคิดอะไรอยู่? พี่เป็นกัปตันนะ น้องก็รู้…
พี่ อย่าไปสู้นะ พะ…พวกเขาเลือดเย็นมาก…
สีหน้าของฟางหยวนยังคงมีร่องรอยหวาดกลัวและคราบน้ำตา การประลองรอบเช้าทำให้เธอหวาดกลัว
ผู้ฝึกยุทธในจินตนาการของเธอเป็นเหมือนดวงดาราที่สุกสกาวและเป็นอิสระ
ภาพลักษณ์ของพี่ชายที่เธอจำได้ก็คือ เป็นคนที่มีรอยยิ้มทะเล้น เป็นคนเลวที่โกงเงินค่าขนมเธอและชอบบีบแก้มเธอ
พี่ชายไม่เหมือนกับผู้ฝึกยุทธที่อยู่บนเวทีวันนี้ ที่ขึ้นไปต่อสู้จนไม่สนใจชีวิต!
เด็กโง่…นี่แหละผู้ฝึกยุทธ…พี่จะไม่สู้ได้ไง… ฟางผิงพูดเบาๆ
มาถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าเขาไม่ขึ้นประลอง งั้นเขาเลิกคิดเรื่องอยู่ในแวดวงผู้ฝึกยุทธไปได้เลย
โม๋อู่ไม่ยอม กระทรวงศึกษาก็ไม่ยอม!
ในภาพใหญ่ยิ่งกว่านั้น แม้แต่รัฐบาลก็ไม่มีทางยอม!
บางครั้งผู้ฝึกยุทธประเทศจีนก็กลัวการต่อสู้ได้ แต่งานประลองครั้งแรกไม่มีที่ให้คนขี้ขลาด!
นี่เป็นงานประลองยุทธครั้งแรกที่เปิดให้ประชาชนเข้าชม ฟางผิงในฐานะหัวหน้าทีม ถ้าเขาสู้แบบไม่จริงจัง มันจะไม่ส่งผลกระทบแค่มหาลัยเท่านั้น แต่มันจะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของผู้ฝึกยุทธในสายตาทุกคนด้วย
ไม่เป็นไรน่า พี่ชายแข็งแกร่งมาก พวกคนรอบเช้าอ่อนแอกัน เพราะงั้นมันถึงเป็นแบบนี้ไง
รอบบ่ายนั่งดูพี่ชายจัดการพวกเขาเถอะ ไม่ต้องห่วง…
หลังปลอบน้องสาวจนสงบ ฟางผิงก็เห็นพวกอู๋จื้อเห่า
พวกเขามีสีหน้าไม่สบายใจเช่นกัน เมื่อเห็นฟางผิง พวกเขาก็หยุดพูด
เมื่อวันก่อน พวกเขาอิจฉาฟางผิงกัน แต่วันนี้ไม่มีความรู้สึกนั้นแล้ว
การประลองตอนเช้าทำให้พวกเขาเข้าใจแล้วว่า อัจฉริยะที่ขึ้นไปแนะนำตัวบนเวทีเมื่อวานต้องสละไปเท่าไหร่ถึงมาถึงจุดนี้ได้
ไปทำธุระของน้องเถอะ ไม่เป็นไรหรอก พี่ไปกินข้าวด้วยไม่ได้นะ พี่ต้องไปหารือกลยุทธ์กัน น้อง…
พี่! ฟางหยวนขอบตาแดงก่ำ จับเสื้อผ้าฟางผิงไว้ไม่ยอมปล่อย
เอาล่ะๆ ร้องไห้ทำไมฮึ พี่ชายของน้องไร้เทียมทาน กวาดทั้งขั้นหนึ่งโดยไม่มีคู่แข่งที่ทัดเทียม ขั้นสองพี่ก็เอาชนะมาแล้ว ตอนนี้ไม่มีปัญหาหรอก แต่ถ้าน้องยังร้องไห้อยู่ พี่อาจเกิดเรื่องก็ได้นะ…
ฟางหยวนหยุดร้องทันที แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง
ไปเถอะ ไปหลับให้สบาย ช่วงบ่ายไม่ต้องมาดูพี่ประลองหรอก พี่จะให้คนอัดคลิปไว้ให้น้อง น้องจะได้รู้ว่าพี่สุดยอดขนาดไหน…
หลังหยอกล้อเล็กน้อย ฟางผิงก็ดันฟางหยวนไปให้อู๋จื้อเห่าและเดินไปพร้อมกับฟู่ชางติ่ง