World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 160.1 นี่แหละผู้ฝึกยุทธ (1)

ตอนที่ 160.1 นี่แหละผู้ฝึกยุทธ (1)

  การประลองสองรอบแรกจบลงแล้ว

  ข่าวเรื่องงานประลองเดือดพล่านอยู่ในโลกโซเชียล

   พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธและแปดมหาลัยพันธมิตรแพ้ในรอบแรก! 

   จิงอู่กับโม๋อู่ชนะทั้งคู่ ปกป้องศักดิ์ศรีของสถาบันชื่อดังไว้ได้! 

   หานซวี่จากจิงอู่ ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งประลองกับคู่ต่อสู้ขั้นสอง เอาชนะข้ามขั้น! 

   ฟางผิงจากโม๋อู่ก้าวลงจากเวทีประลองโดยไร้บาดแผลหลังชนะมาไปสี่ตาติด 

   การประลองรอบแรก มีห้าคนได้รับบาดเจ็บสาหัส ยกเว้นฟางผิง ฟางเหวินเสียง ทุกคนได้รับบาดเจ็บน้อยใหญ่ มันโหดร้ายเกินไปไหม? 

   ซุนหมิงยวี่ ผู้ฝึกยุทธขั้นสองพ่ายแพ้ในการประลองรอบแรก มือถูกตัดขาด 

   เฉินเจียเซิง ผู้ฝึกยุทธขั้นสอง ต้องกอบกู้สถานการณ์ตัวคนเดียวโดยไร้ความหวังเอาชนะ… 

   แปดมหาลัยพันธมิตรชนะ 0 แพ้ 5 โม๋อู่แข็งแกร่งเกินไปหรือแปดมหาลัยพันธมิตรอ่อนแอกันแน่? 

   … 

  โลกโซเชียลแทบระเบิด

  เว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวีดีโอหลายแห่งได้ซื้อสิทธิ์เพื่อออกอากาศการประลอง

  ผู้ชมนับไม่ถ้วนเฝ้าดูจากบนอินเตอร์เน็ต

  จากผู้ประลอง 17 คนที่เข้าประลองสองรอบแรก 5 คนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีก 10 คนบาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง ต้องบอกเลยว่าผลลัพธ์นี้เกินความคาดหมายของผู้คนไปไกล

  พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธที่มีผู้ฝึกยุทธขั้นสองอยู่ในทีมพ่ายแพ้ย่อยยับกลายเป็นพาดหัวข่าว

  แปดมหาลัยพันธมิตรพ่ายแพ้ให้กับโม๋อู่อย่างง่ายดาย ทำให้หลายคนทอดถอนใจ

  แปดมหาลัยพันธมิตรค่อนข้างโด่งดัง แต่แล้วพันธมิตรที่เป็นการร่วมมือกันของแปดในสิบมหาลัยชั้นยอดของประเทศ ถูกนักศึกษาจากโม๋อู่จัดการราบคาบ แถมนั่นยังเป็นเพราะหัวหน้าทีมฟางผิงก้าวลงจากเวทีด้วยตัวเอง!

  ในเวลาเดียวกัน รายชื่อประลองรอบถัดไปก็ถูกประกาศบนอินเตอร์เน็ต

  วันที่ 12 มกราคม พันธมิตรมหาลัยวิชายุทธปะทะแปดมหาลัยพันธมิตร!

  วันที่ 13 มกราคม มหาลัยวิชายุทธปักกิ่งปะทะมหาลัยวิชายุทธเซี่ยงไฮ้!

  มีการคาดการณ์ว่าการประลองในวันที่ 12 จะเป็นการเจอกันระหว่างทีมสำรองเป็นส่วนใหญ่ เพราะทีมตัวจริงต่างอยู่ในสภาพไม่ดี

  การประลองวันที่ 13 น่าสนใจยิ่งกว่า ฟางผิงทำผลงานได้ไม่เลว แต่จิงอู่ก็ไม่ต่างกัน

  อีกทีมเอาชนะพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธที่มีผู้ฝึกยุทธขั้นสองมาได้ ชัยชนะที่ยากลำบากไม่ได้แปลว่าพวกเขาจะแข็งแกร่งน้อยกว่า มันเป็นเพราะพันธมิตรมหาลัยวิชายุทธแข็งแกร่งมากจนทำให้พวกเขาต้องสู้จนถึงขนาดนั้น

  งานประลองกลายเป็นที่จับตามองอีกครั้ง

  คนหนุ่มสาวไม่ได้สนใจเรื่องความโหดเหี้ยมของการประลองที่ถูกระบุไว้ในข่าว

  ผู้ฝึกยุทธสมควรเป็นเช่นนี้แหละ!

  จะมีใครบ้างที่ไม่เคยฝันถึงการเป็นผู้ฝึกยุทธ?

  ผู้ฝึกยุทธควรตรงไปตรงมาและห้าวหาญ อิสระไร้ซึ่งข้อจำกัด หากปราศจากเลือด ชีวิตของผู้ฝึกยุทธจะไปมีความหมายอะไร?

  ตรงกันข้ามกับข่าว คนส่วนใหญ่พึงพอใจกับการประลองที่เกิดขึ้น!

  พวกเขาได้เห็นดาราออกกระบวนท่าสวยงามใช้การจริงไม่ได้บนทีวี ได้เห็นนักการเมืองพูดแต่เรื่องไม่สลักสำคัญ ได้เห็นนักธุรกิจสั่งสมความมั่งคั่งจากความปรองดอง…

  ตอนนี้ พวกเขาได้เห็นนักศึกษามหาลัยวิชายุทธต่อสู้ถวายชีวิตเพื่อเกียรติยศ นี่แหละคือผู้ฝึกยุทธที่พวกเขาจินตนาการไว้!

  …

  ณ โม๋อู่

  ฟางหยวนยิ้มกว้างจนหน้ากลมขึ้น เธอจับแขนฟางผิงแน่น  พี่สุดยอดมาก! 

   แน่นอน! พี่บอกแล้วว่าพวกเขาไม่ครณามือพี่หรอก พี่แค่ปล่อยพวกเขาไป ไม่งั้นพี่เอาชนะห้าคนติดไปแล้ว 

   พี่ วันมะรืน พี่เอาชนะคู่ต่อสู้โดยไม่เจ็บตัวได้ไหม? 

   พี่ขึ้นประลองคนสุดท้าย  ฟางผิงหัวเราะก่อนจะพูดต่อ  มั่นใจเถอะ วันนี้พี่ไม่ได้เอาจริงด้วยซ้ำ 

   ถ้าทีมจิงอู่คิดว่าพี่มีแค่นี้ น้องก็รอดูไป! พี่จะฟันพวกเขาเป็นชิ้นๆด้วยดาบเดียว! 

  ฟางผิงกล่าวด้วยท่าทีไม่จริงจัง พวกอู๋จื้อเห่าจึงไม่ได้จริงจังกับคำพูดเขา

  แน่นอน ต่อให้ไม่พูดแบบนี้ ในสายตาพวกเขา ความแข็งแกร่งของฟางผิงก็ไม่มีใครเทียบได้แล้ว

  อู๋จื้อเห่าถอนหายใจ  ฉันรู้ว่านายเก่ง แต่นายเทพเกินไปแล้ว! เราไม่ได้เตรียมใจมาก่อน เราเป็นห่วงนายมาก! 

  ตอนบ่ายพวกเขาค่อนข้างเป็นห่วงฟางผิง แต่สุดท้ายพวกเขากลับได้นั่งดูฟางผิงไล่หวดคนแทน

  ฟางผิงมั่นใจตัวเอง แต่เขาก็ส่ายหน้า  พวกเราเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง ก็ถูกแหละมีขั้นสองอยู่ด้วยสองคน แต่เราก็ยังอยู่ล่างสุดในโลกยุทธจักร 

   ถ้าเกิดฉันไร้เทียมทานในหมู่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งขั้นสองแล้วไงล่ะ? 

   แล้วพวกขั้นสามล่ะ? 

   เส้นทางยุทธยาวเกินไป พวกนายคิดว่าฉันแข็งแกร่ง แต่ฉันไม่ได้คิดว่าตัวเองแข็งแกร่งอะไรขนาดนั้น ผู้ฝึกยุทธขั้นสามข้างทางก็จัดการฉันได้ง่ายๆ 

   แน่นอนถ้าเขาเป็นผู้ฝึกยุทธที่ไม่มีอะไรนอกจากปราณและเลือด ฉันก็ฟันเขาให้ตายได้… 

  ถานเจิ้นผิงรู้สึกถึงความหดหู่ที่คุ้นเคยอีกครั้ง!

  ฟางผิงมองข้ามผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งขั้นสอง และถ้าเขาต้องเลือกสังหารใคร เขาจะเลือกผู้ฝึกยุทธขั้นสามที่มีแต่ปราณและเลือด หมายความยังไง?

  เหล่าถานยังคงนิ่งเงียบ ส่วนฟางผิงก็พูดต่อ  นอกจากนี้ ถ้าพวกเราคนจากเมืองหยางเฉิงต้องนับถือใคร มองเป็นเป้าหมาย มันควรเป็นหวังจินหยางมากกว่า! 

   พี่หวังเป็นขั้นสาม… 

  ฟางผิงขัดจังหวะ  ขั้นสามงั้นเหรอ? เขาเป็นขั้นสี่แล้ว! พี่หวังติดอันดับที่ 27 ในรายชื่อผู้ฝึกยุทธสามขั้นล่าง! อย่าคิดว่าอันดับที่ 27 แล้วจะอ่อนแอ เขากวาดผู้ฝึกยุทธขั้นสามทั้งปักกิ่งจนจิงอู่ยังกลัวเขา 

   เราต้องตั้งเป้าหมายเล็กๆก่อน เราต้องตามเขาให้ทันก่อนเป็นปรมาจารย์! 

   นี่เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกยุทธควรตั้งเป้าให้บรรลุ! 

  ทุกคนรู้สึกโง่งม พวกเขาไม่เห็นรู้เลย!

  ถานเจิ้นผิงประหลาดใจเช่นกัน เขาพูดตะกุกตะกัก  เขา…เขาเป็นขั้นสี่แล้ว? 

   ใช่ 

   เขา…เขาอยู่ระดับเดียวกับผู้บัญชาการของเมืองรุ่ยหยางแล้ว! 

   ผู้บัญชาการอาจเทียบเขาไม่ได้ด้วยซ้ำ 

  ฟางผิงเม้มปาก ผู้บัญชาการต่างมณฑลแบบนั้นไม่ได้ขัดเกลาฝีมือมานานแค่ไหนแล้ว? 

  พวกเขาต้องไม่ได้อ่อนแอ เพราะถ้าพวกเขาอ่อนแอ พวกเขาย่อมไม่ได้ยศผู้บัญชาการ

  ถ้าไม่มีถ้ำใต้ดินในพื้นที่ของตน พวกเขามีโอกาสต่อสู้น้อยนิด หลังไม่ได้ใช้มานาน มันก็พูดยากแล้วว่าพวกเขาเหลือฝีมือเท่าไหร่

  ทั้งกลุ่มตกอยู่ในความเงียบ การมาเซี่ยงไฮ้รอบนี้ทำให้พวกเขาท้อแท้ในหลายๆความหมาย

  ฟางผิงกลายเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งสูงสุดแล้ว คงบรรลุขั้นสองในเวลาไม่นาน เขาแข็งแกร่งมาก มากจนอาจล้มผู้ฝึกยุทธขั้นสองได้ด้วยซ้ำ

  หวังจินหยางก็บรรลุขั้นสี่แล้ว!

  สองคนนี้ คนนึงเป็นรุ่นพี่พวกเขาหนึ่งปี อีกคนเป็นเพื่อนร่วมชั้น

  แต่เมื่อเทียบกับทั้งสองคน พวกเขาด้อยกว่ามาก!

  หลิวรั่วฉีเหมือนจะนึกอะไรออก เธอถาม  ฟางผิง ดาบนายฟันอาวุธคนอื่นได้ ดาบนาย… 

   หลอมมาจากอัลลอยเกรดดี 

  หลิวรั่วฉีไม่มีอะไรถามอีก อู๋จื้อเห่ากล่าวด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ  นายซื้อเองเหรอ? 

   ใช่ ฉันเก็บเงินมานาน ซื้อทีเกือบล้มละลาย 

   เชี่ย! 

  อู๋จื้อเห่าจะพูดอะไรได้อีก?

  เขาลูบหัวฟางหยวนและพูดอย่างไม่พอใจ  สาวน้อย เธอยังคิดขายลายเซ็นพี่ชายหาเงินอีกเหรอ? เล่นงานพี่ชายเธอดีกว่า! 

   ถ้าเธอโกงดาบจากพี่ชายได้ เธอไม่จำเป็นต้องไปตั้งสมาคมหยวนผิงด้วยซ้ำ! 

   พี่ชายของเธอกินเม็ดยาราคา 1.8 ล้านตอนอยู่บนเวทีประลอง และลำพังดาบของเขาก็มีมูลค่าสูงกว่าสิบล้านแล้ว! 

  ฟางหยวนงุนงง

  อู๋จื้อเห่ายืนอยู่ตรงนั้นขมขื่นเกินกว่าจะพรรณนาเป็นคำพูด เจ้าหมอนี่ใช้ดาบที่หลอมมาจากอัลลอยเกรดดี!

  เขาไม่มีปัญญาซื้อมีดเกรดเอฟด้วยซ้ำ!

  ฟางผิงกินยาปราณและเลือดขั้นหนึ่งราวกับมันเป็นเยลลี่รูปถั่ว ส่วนเขากินยาขั้นสามัญตามต้องการไม่ได้ด้วยซ้ำ

  การเอาตัวเองไปเทียบ ไม่ต่างอะไรกับการทำให้ตัวเองอกแตกตายเลย!

  ฟางผิงตบหัวอีกฝ่ายและพูดอย่างเคืองๆ  อย่าพาน้องฉันเสียคน! 

   เธอต้องให้ฉันพาเสียคนด้วยเหรอ? พวกนายสองพี่น้องมีโอกาสเป็นคนไม่ดีกว่าคนอื่นอีก…โดยเฉพาะมาข่มเหงคนซื่อสัตย์อย่างพวกเรา! 

  อู๋จื้อเห่าทั้งข่มขื่นทั้งสลดใจ มันกระเทือนใจเกินไปแล้ว

  ฟางหยวนงงกับข้อกล่าวหา ‘นายเหมือนคนไม่ดีมากกว่าอีก!’

  ฟางหยวนไม่ได้สร้างปัญหาให้อู๋จื้อเห่า เธอหันไปมองฟางผิงและพูดเสียงหวาน  พี่…ดาบใหญ่พี่แพงขนาดนั้นเลยเหรอ? 

  มากกว่าสิบล้าน!

  รูม่านตาของเด็กสาวแทบกลายเป็นรูปเงินหยวน

  มือน้อยๆของเธอเอื้อมไปจับกล่องไม้ของฟางผิงโดยไม่รู้ตัว!

  สิบล้าน? สิบล้านเท่าไหร่?

  ฟางผิงเขกหัวเธออย่างอารมณ์เสีย  น้องวางแผนอะไร? 

   ไม่มี! 

  ฟางหยวนรีบปฏิเสธ เธอพูดทันที  พี่ชายเจ๋งที่สุด! รอบหน้าจัดการพวกเขาให้หมดเลย! 

   ไม่ต้องมายอ! 

  ฟางผิงหัวเราะ จากนั้นก็ถอนหายใจเบาๆ  ขยันกันหน่อยนะ อนาคตยังอีกยาวไกล แต่ไม่ใช่สำหรับเราที่เป็นผู้ฝึกยุทธหรือเตรียมผู้ฝึกยุทธ ชีวิตของพวกเราสั้นนัก 

   พวกเรามีเวลาไม่มาก พวกเราต้องฝึกฝีมือให้เร็วที่สุด 

   จื้อเห่า พอกลับไป พวกนายต้องกดดันตัวเองให้มากกว่านี้ 

   เป็นผู้ฝึกยุทธให้เร็วที่สุด 

  ฟางผิงไม่ได้พูดถึงเรื่องสนับสนุน แม้ว่าเขาจะไม่ขาดยาปราณและเลือดสามัญเลยก็ตาม

  เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ เป็นเส้นทางที่พวกเขาต้องก้าวเดินด้วยตัวเอง

  ฟางผิงเคยไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว พึ่งพาตัวเองดีกว่าต้องไปพึ่งพาคนอื่น

  ถ้าไม่มีความสามารถเป็นผู้ฝึกยุทธ งั้นเขาไปเป็นคนธรรมดาดีกว่า

  ถ้าเป็นผู้ฝึกยุทธแล้ว แต่ไม่คว้าทุกโอกาสที่จะทำให้ตนเองแข็งแกร่งขึ้น มันก็ไม่ใช่เรื่องดีเหมือนกัน

  ยิ่งกว่านั้น ฟางผิงก็ต้องใช้เม็ดยาพวกนี้ เขาต้องหาทุนเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ก็ต่อเมื่อเขาแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น เขาถึงจะหาทุนได้มากขึ้น

  วันที่ 11 ฟางผิงไม่ได้ฝึกฝน เขาพาฟางหยวนและคนอื่นๆเดินเที่ยว

  เวลานี้ฟางผิงเริ่มดังหน่อยๆแล้ว

  เมื่อเขาออกไปข้างนอก ก็มีคนจำเขาได้และตะโกนเรียกเขาว่า  หัวหน้าทีมโม๋อู่  เสียงดัง ทำให้หลายคนไล่ตามพวกเขาไปทั่ว

  อันที่จริงฟางผิงค่อนข้างเคลิบเคลิ้ม

  ชื่อเสียงเงินทอง…อ่า เพราะแบบนี้สินะคนส่วนใหญ่ถึงแสวงหาชื่อเสียงและเงินทองเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟ

  ความร้อนแรงของงานประลองกระตุ้นให้คนหนุ่มสาวใฝ่หาวิชายุทธ และผู้ฝึกยุทธปราณและเลือดขัดเกลาฝีมือตนเองให้มากขึ้น

  …

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท