World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 162 ท่าไม้ตายของโม๋อู่

ตอนที่ 162 ท่าไม้ตายของโม๋อู่

   สมาชิกคนแรกของโม๋อู่ จ้าวเสวี่ยเหมย เป็นหนึ่งในผู้หญิงไม่กี่คนในงานประลอง นี่เป็นการประลองรอบแรกของเธอ 

   สมาชิกคนแรกของจิงอู่ เว่ยซู่เจี๋ย เขาอาจแพ้ให้กับเฉินเจียเซิง แต่เขาก็ถอนตัวมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เห็นได้ชัดว่าเว่ยซู่เจี๋ยก็แข็งแกร่งไม่แพ้กัน 

   … 

  ขณะที่หลิวหัวหรงแนะนำตัวผู้ประลอง ผู้ฝึกยุทธทั้งสองก็ขึ้นมาบนเวทีประลองแล้ว

  เว่ยซู่เจี๋ยก็ใช้พลองยาว

  ในหมู่ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่ง ดาบกับพลองเป็นอาวุธที่ผู้เริ่มต้นใช้กันมากที่สุด รองลงมาเป็นกระบี่ ส่วน หอก ขวาน ง้าว เป็นอาวุธที่หาคนใช้ยาก

   โม๋อู่ จ้าวเสวี่ยเหมย! 

   จิงอู่ เว่ยซู๋เจี๋ย! 

  เมื่อทั้งสองแนะนำตัวกันเสร็จ ข้างเวทีประลองก็มีเสียงดังสนั่น  โม๋อู่ต้องชนะ จิงอู่แพ้ไปซะ! 

   โม๋อู่ต้องชนะ! 

   จิงอู่ต้องชนะ หนึ่งเก็บห้า! 

   … 

  ทั้งสองมหาลัยชั้นยอดต่างก็มีผู้คนมากมายมาชมการประลอง แต่ความแค้นระหว่างโม๋อู่จิงอู่ไม่มีที่สิ้นสุด

  อันดับหนึ่งและอันดับสอง มันหาได้ยากอยู่แล้วที่ทั้งสองจะมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน

  แม้แต่ก่อนงานประลองระดับประเทศจะประกาศสู่สาธารณะ ทั้งสองมหาลัยชั้นยอดก็มีการจัดการประลองกันส่วนตัวทุกปี แต่ส่วนใหญ่โม๋อู่จะแพ้

   เงียบ! 

  ยอดยุทธตะโกนขัดจังหวะเสียงเชียร์ผู้ชม

  กรรมการไม่ได้รีบเริ่มการประลอง เมื่อผู้ชมเงียบเสียงลง เขาถึงประกาศ  เริ่ม! 

  สิ้นเสียงพูด จ้าวเสวี่ยเหมยและเว่ยซู่เจี๋ยก็เคลื่อนไหวพร้อมกัน!

  เว่ยซู่เจี๋ยเปิดฉากการโจมตีด้วยท่าฟาดพลอง!

  พลองนี้ระเบิดปราณและเลือดออกมาทรงพลังมากจนหลายคนแปลกใจ

  …

   สารเลว! 

  หลังเวที หยางเสี่ยวม่านสบถด้วยความโกรธ!

  การประลองรอบที่แล้ว เว่ยซู๋เจี๋ยปกปิดความสามารถที่แท้จริงไว้!

  การประลองรอบก่อน เขาประลองกับเฉินเจียเซิง เว่ยซู่เจี๋ยระเบิดปราณและเลือดสูงสุดเพียง 30แคล จิงอู่อาจวางกับดักโม๋อู่ ไม่ให้เว่ยซู่เจี๋ยแสดงฝีมือเต็มที่ แน่นอนมันเป็นไปได้เช่นกันว่าต่อให้เขาระเบิดพลังเต็มที่ เขาก็ยังไม่ใช่คู่มือเฉินเจียเซิง ยังไงเสียเขาก็มีฟางเหวินเสียงเก็บกวาดให้

  รอบก่อน เขาแพ้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้หลายคนดูแคลนเขา โม๋อู่ก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

  ครั้งนี้ เว่ยซู่เจี๋ยเปิดฉากโจมตี กระบวนท่าแรกก็ระเบิดปราณและเลือดถึง 50แคลแล้ว!

  จ้าวเสวี่ยเหมยไม่ได้ขัดเกลากระดูกแขน เธอขึ้นเวทีประลองวางแผนจะเดินเกมรุก เมื่อเริ่มการประลอง เธอก็หวดอีกฝ่ายเต็มกำลัง

  ขณะที่หยางเสี่ยวม่านกำลังเดือด ถังเฟิงก็ขมวดคิ้ว  มันอาจเป็นกับดักไว้ดักฟางผิง  เขาพึมพำ

  เว่ยซู๋เจี๋ยเป็นคนแรก อิงจากลำดับรอบก่อน ถ้าฟางผิงเป็นคนแรก เขาก็ต้องเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย

  ถ้าฟางผิงดูแคลนอีกฝ่าย เขาอาจถูกสวนกลับ

  ฟางผิงไม่สนใจที่พวกเขาพูด สายตาเขาจับจ้องมองที่เวทีประลอง

  …

  เว่ยซู่เจี๋ยระเบิดปราณและเลือด 50แคล เห็นได้ชัดว่ามันเกินความคาดหมายของเสวี่ยเหมย

  อย่างไรก็ตามเธอถอยไม่ได้ หลบไม่ได้

  แต่เธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะหลบอยู่แล้ว

  วินาทีถัดมา ทั้งสองก็ปะทะกัน!

  ปัง!

  เกิดเสียงดังก้อง จ้าวเสวี่ยเหมยถอยไปหลายก้าว หน้าแดงระเรื่อ แต่ก็ไม่ได้กระอักเลือดออกมา

  เว่ยซู่เจี๋ยบรรลุเป้าหมายในกระบวนท่าเดียว แต่เขาก็ไม่ผ่อนคลาย เขาตามติดอีกฝ่ายทันที หมายโจมตีเป็นครั้งที่สอง

  จ้าวเสวี่ยเหมยแกว่งพลองขวางการโจมตี เกิดเสียงดังปัง พลองยาวสั่นไหวรุนแรง เลือดสดๆไหลออกมาจากง่ามมือ

  จ้าวเสวี่ยเหมยเม้มปากแน่น เธอก้าวถอยไปอีกหลายก้าว แต่ไร้ซึ่งเสียงโอดครวญหลุดจากปาก

  จ้าวเสวี่ยเหมยรับการโจมตีสองครั้งติดได้ เขารู้สึกประหลาดใจเล็กๆ ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะรับการโจมตีทั้งสอง เขาเข้าใจความสามารถของจ้าวเสวี่ยเหมยเป็นอย่างดี เธอเป็นแค่ผู้ฝึกยุทธขัดเกลาหนึ่งครั้ง

  ปราณและเลือดของเว่ยซู่เจี๋ยมีเกือบ 300แคล นอกจากต้องรักษาปราณและเลือดที่จำเป็นค้ำชีพเอาไว้ เขายังโจมตีสุดกำลังได้อีกอย่างน้อยสี่ถึงห้าครั้ง

  หากโจมตีสำเร็จอีกครั้ง มันคงสร้างความเสียหายให้อวัยวะภายในของจ้าวเสวี่ยเหมยอย่างรุนแรง

  เว่ยซู๋เจี๋ยไม่สนใจว่าในหัวของผู้หญิงคนนี้คิดอะไรอยู่ เนื่องจากเธอยืนกรานรับการโจมตีเขา เขาก็ไม่คิดปฏิเสธคำเชิญ!

  ก่อนที่ทุกคนจะตอบสนอง เว่ยซู่เจี๋ยกวาดพลองเป็นแนวนอน เสียงลมพัดหวีดหวิว

  ปัง!

  กระบวนเพลงที่สาม มีเสียงดังก้องอีกครั้ง

  จ้าวเสวี่ยเหมยมือสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ พลองยาวก็สั่นไม่หยุด จนหลุดออกจากมือจ้าวเสวี่ยเหมย ตกลงบนพื้นเสียงดัง

  เว่ยซู่เจี๋ยยิ้มกว้าง เธอรับการโจมตีสุดกำลังไปสามกระบวน ตอนนี้จ้าวเสวี่ยเหมยบาดเจ็บสาหัสแล้ว!

   เป็นผู้หญิงที่กล้าหาญจริงๆ! 

  แม้สมองจะคิดเช่นนั้น แต่เว่ยซู่เจี๋ยก็ไม่ได้แสดงความเมตตา

  ชั่วพริบตา เขาปลดปล่อยกระบวนท่าที่สี่!

  จุดประสงค์หลักของการประลองวันนี้คือสร้างความเสียหายให้กับทีมหลักของโม๋อู่ เขาไม่มีเจตนาจะประลองกับคนถัดไป เป้าหมายของเขาคือการเอาชนะโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ

  ขณะที่กระบวนท่าที่สี่มาถึงตัว จ้าวเสวี่ยเหมยที่ถอยร่นตลอดเวลาพลันเพิ่มความเร็วขึ้น พุ่งตัวไปข้างหน้า!

  หลังหลบปลายพลองระยะเผาขน จ้าวเสวี่ยเหมยก็คว้าปลายพลองด้วยท่วงท่าที่คาดไม่ถึง!

  เว่ยซู่เจี๋ยไม่ได้แตกตื่นลนลาน จ้าวเสวี่ยเหมยหมายคว้าอาวุธเขาทั้งๆที่ไม่ได้ขัดเกลากระดูกแขน มันจะง่ายดายปานนั้นได้อย่างไร!

  เวลานั้นเอง จ้าวเสวี่ยเหมยที่ปิดปากมาโดยตลอดก็เปิดปากอย่างฉับพลัน ศรโลหิตพุ่งใส่หน้าเว่ยซู่เจี๋ย!

  เว่ยซู่เจี๋ยคาดไม่ถึงว่าจ้าวเสวี่ยเหมยจะสะสมเลือดไว้เต็มปากเพื่อใช้ในการนี้

  ศรโลหิตพุ่งตรงมาชั่วพริบตา แถมระยะห่างของทั้งสองก็สั้นอยู่แล้ว

  ศรโลหิตพุ่งเข้าใส่ดวงตาของเว่ยซู่เจี๋ย บังคับให้เขาต้องปิดตา กระนั้นเขาก็ไม่ได้ช้าลง มือขวาปล่อยพลอง กำหมัดเล็งใส่จ้าวเสวี่ยเหมยอย่างดุดัน!

  จ้าวเสวี่ยเหมยไม่หลบ เมื่อเว่ยซู่เจี๋ยยิงหมัดใส่เธอ จ้าวเสวี่ยเหมยก็ฉวยโอกาสที่เขาปิดตา ฟาดขาอย่างรุนแรง เธอเล็งที่หว่างขาของอีกฝ่าย!

  เธอเลือกบอบช้ำทั้งสองฝ่าย!

  เพื่อทำลายเว่ยซู่เจี๋ย เธอยินดีรับหมัดเต็มกำลัง!

  ตั้งแต่กระบวนท่าแรกของเว่ยซู่เจี๋ย จ้าวเสวี่ยเหมยก็รู้ทันทีว่าเธอไม่ใช่คู่มือเขา แทนที่จะเจ็บฝ่ายเดียว เธอเลือกลากเขาเจ็บไปพร้อมกับเธอ!

  ปัง!

  ไหล่ซ้ายของจ้าวเสวี่ยเหมยถูกโจมตีเข้าเต็มเปา กระดูกส่งเสียงกรอบแกรบ

  เสี้ยววินาทีถัดมา จ้าวเสวี่ยเหมยก็เตะเข้าที่จุดอ่อนไหวของอีกฝ่ายอย่างไร้ปราณี!

   อ้าก! 

  เสียงกรีดร้องไม่ได้ออกจากปากจ้าวเสวี่ยเหมย มันมาจากเว่ยซู่เจี๋ย!

  เว่ยซู่เจี๋ยคาดไม่ถึงว่าคู่ต่อสู้ของเขาจะใช้การโจมตีเข้าแลก

  ยิ่งกว่านั้น ด้วยวิสัยทัศน์ที่พร่ามัววูบเดียว เขาก็ถูกลูกเตะของจ้าวเสวี่ยเหมยแล้ว!

  เสียงคร่ำครวญระคายหูดังขึ้น จากนั้นเว่ยซู่เจี๋ยก็ล้มตัวคุกเข่ากับพื้น ครวญครางด้วยความเจ็บปวด

  จ้าวเสวี่ยเหมยถูกโจมตีอย่างแรงมาสามกระบวนท่า บวกกับหมัดตรงเต็มกำลัง อวัยวะภายในบาดเจ็บสาหัสแล้ว เมื่อเว่ยซู่เจี๋ยคุกเข่าลงกับพื้น จ้าวเสวี่ยเหมยก็ทรุดตัวลงเสียงดัง หยาดเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกจากปากไม่ต่างกับก๊อกน้ำรั่ว

  กรรมการขมวดคิ้วเล็กน้อย ประกาศโดยไม่รอช้า  จ้าวเสวี่ยเหมยชนะ หามเธอไป! 

  เว่ยซู่เจี๋ยล้มก่อน ดังนั้นกรรมการจึงประกาศให้จ้าวเสวี่ยเหมยชนะ อย่างไรก็ตามเวลานี้แพ้ชนะไม่สำคัญเลย

  ทั้งสองได้รับบาดเจ็บสาหัส อาการบาดเจ็บของจ้าวเสวี่ยเหมยดูร้ายแรงกว่าเว่ยซู่เจี๋ยเสียอีก

  เว่ยซู่เจี๋ยบาดเจ็บส่วนลับ ไม่มีใครรู้ว่าอาการจะร้ายแรงแค่ไหน สำหรับผู้ชายแล้ว มันเลวร้ายยิ่งกว่าการบาดเจ็บสาหัสยิ่งนัก

  …

   เชี่ย น่ากลัวมาก! 

  ฟู่ชางติ่งเอามือกุมหว่างขาตัวสั่นเครือ จากนั้นเขาก็เอ่ยถามทันที  น่าจะไม่เป็นไรใช่ไหม? 

   ไปขึ้นประลองเถอะ พวกเราจะไปดูที่ห้องพยาบาล! 

  เมื่อเขาพูดจบ ฟางผิงก็รีบไปห้องพยาบาล ห้องพยาบาลฉุกเฉินตั้งอยู่ที่หลังโรงยิมสำหรับงานประลองยุทธโดยเฉพาะ

  …

  ไม่นาน ฟางผิงกับพวกก็มาถึงห้องพยาบาล

  หยางเสี่ยวม่าน เฉินหยุนซี ขอบตาแดงก่ำ พวกเธอจ้องมองจ้าวเสวี่ยเหมยที่กระอักเลือดออกมาไม่หยุด  เสวี่ยเหมย… 

   คุณหมอ เสวี่ยเหมย เธอ… 

   อวัยวะภายในบอบช้ำ เธอโชคดีแล้วที่รอดมาได้ พักฟื้นไม่ต่ำกว่าหนึ่งเดือนเพื่อรักษาอวัยวะภายใน ห้ามเคลื่อนไหวรุนแรงสามเดือน อย่างน้อยเธอจะไม่ตาย… 

  หมอเคยเห็นสถานการณ์คล้ายๆกันมาหลายครั้ง ทีมแพทย์ที่อยู่ที่นี่ได้รับการฝึกอบรมสำหรับถ้ำใต้ดินโดยเฉพาะ

  ขอแค่เธอมีชีวิตอยู่ และยอมสละเม็ดยาและทรัพยากร ภายใต้สถานการณ์ปกติ เธอจะฟื้นฟูจนหายดี

  แน่นอน ถ้าอย่างกรณีมือของซุนหมิงยวี่ถูกตัดขาด ต่อให้ต่อกลับเข้าไปได้ มันก็อาจส่งผลกระทบเล็กน้อยในภายหลัง

  อย่างไรก็ตามเวลาฝึกฝนจะถูกล่าช้าไปอย่างน้อยสองเดือน นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้

  เมื่อได้ยินว่าจ้าวเสวี่ยเหมยรักษาได้ ทุกคนก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความโล่งอก เลือดที่ไหลทะลักจากปากของเธอก็หยุดลงเช่นกัน เธอยังมีสติดี ฝืนเปล่งคำพูดออกจากปาก  ฉะ…ฉัน…ไม่เป็นไร… 

  ฟางผิงยังคงนิ่งเงียบ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่จ้าวเสวี่ยเหมยแสดงดื้อรั้น

  เธอรู้ว่าตัวเองเอาชนะไม่ได้ แต่เธอก็ตั้งเป้าบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย ด้วยเหตุนี้ เธอจึงทำลายเว่ยซู่เจี๋ย

  พอเขาครุ่นคิดเรื่องนี้ จู่ๆฟางผิงก็นึกสงสัย เว่ยซู่เจี๋ยจะเป็นไงบ้างนะ?

  เป็นไปได้ไหมว่าเขาไร้สมรรถภาพแล้ว?

  ถ้าเป็นแบบนั้น สำหรับผู้ชายแล้ว มันเป็นชะตากรรมที่เลวร้ายยิ่งกว่าซุนหมิงยวี่ซะอีก

  เว่ยซู่เจี๋ยอยู่ห้องพยาบาลอื่น แถมยังมีคนจิงอู่อยู่กันหลายคน ฟางผิงคิดว่ามันคงไม่เหมาะเท่าไหร่ที่จะไปชมเรื่องสนุก

   พักผ่อนเถอะ  ฟางผิงพูด

  เมื่อเห็นไป๋รั่วซีมาด้วย เขาจึงเอ้อระเหยอีก เพราะการประลองยังคงดำเนินต่อ

  …

  ผู้ฝึกยุทธระเบิดพลังสูงสุด เสี่ยงชีวิตบนลานประลอง ผลการประลองจึงถูกตัดสินอย่างรวดเร็ว

  เมื่อพวกฟางผิงกลับมา พวกเขาก็ทันเห็นฟู่ชางติ่งคำรามบ้าคลั่ง หอกในมือแทงต้นขาหลงเทาตอกติดกับพื้นแน่น!

   กล้าดียังไงมาข่มเหงศิษย์โม๋อู่ ตาย! 

  ฟู่ชางติ่งไม่รู้อาการของจ้าวเสวี่ยเหมย อย่างไรก็ตาม มันเห็นได้ชัดว่าอาการบาดเจ็บของเธอไม่ใช่เบาๆ เวลานี้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ภายใต้การระเบิดพลังสูงสุด เขาแทบถูกโจมตีตาย!

  ถ้าไม่ใช่เพราะหลงเทาตอบสนองได้เร็วพอ คงเป็นหน้าอกเขาแล้วที่ถูกตอกติดกับพื้น

  เวลานั้น หานซวี่และนักศึกษาคนอื่นของจิงอู่ก็กลับมาถึงเช่นกัน

  เมื่อเขาเห็นสถานการณ์ตรงหน้า หานซวี่ก็มีสีหน้าถมึงทึง คนอื่นจากจิงอู่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่

  เว่ยซู่เจี๋ยถูกจ้าวเสวี่ยเหมยเล่นงานบาดเจ็บสาหัส หมอบอกว่าพวกเขาจะพยายามเต็มที่เพื่อรักษาสิ่งนั้นเอาไว้ อย่างไรก็ตามเขาอยู่ในสภาพวิกฤต ต่อให้รักษาได้ เขาก็ร่วมประลองไม่ได้อีก

  ตอนนี้หลงเทาบาดเจ็บสาหัสไปอีกคน แถมฟู่ชางติ่งยังพูดจาสามหาว พวกเขาจะไม่โกรธได้ยังไง

  หลังอาจารย์จิงอู่บนชั้นสองพูดยอมแพ้ ทีมแพทย์ก็หามเขาออกจากเวทีทันที

  การประลองพึ่งเริ่มมาห้านาที แต่มีสามคนแล้วที่บาดเจ็บสาหัสออกจากสนามไป!

  หานซวี่ไม่รอให้กรรมการประกาศ เขาคว้าหอกยาวก้าวขึ้นบนเวทีประลองทันที

  เมื่อฟู่ชางติ่งเห็นแบบนั้น เขาก็ยิ้มเยาะ  ทำไมนายยังใช้หอกอยู่อีก? ทำไมไม่เอาดาบออกมา? 

   ฟู่ชางติ่ง นายคิดว่านายเอาชนะฉันได้งั้นเหรอ? 

  หานซวี่พูดอย่างราบเรียบด้วยน้ำเสียงอดทน  นายหัดใช้หอก? นายเคยเจอหอกฉัน ต้องนอนเป็นผักสองเดือน หรือมันกลายเป็นเงามืดในใจนายไปแล้ว…? 

  ฟู่ชางติ่งตอบเชิงดูแคลน  ยกเรื่องเก่าๆมาพูดจะมีประโยชน์อะไร? 

   อดีตก็คืออดีต นายคิดว่าคนฝึกวิชาหอกทุกคนจะได้อิทธิพลมาจากนายงั้นเหรอหานซวี่? น่าขัน! 

   ฉันแปลกใจมากที่เห็นนายกังถังซ่งถิงร่วมงานประลอง ฉันคิดว่าโม๋อู่มีอัจฉริยะคับคั่ง ต่อให้พยายามหนักแค่ไหน พวกนายสองคนก็ไม่ควรร่วมงานประลอง  หานซวี่กล่าว  แต่ก็ช่างเถอะ ถ้าตอนนั้นฉันจัดการนายได้ง่ายๆ ตอนนี้ฉันก็ทำได้เหมือนกัน! 

   ก็ลองดู! 

  เสียงพูดไม่ทันหาย ก็เกิดเสียงอื่นแทรกขึ้นมาเบาๆ เงาหอกพุ่งมาข้างหน้า!

  หานซวี่ไม่ได้ป้องกันการโจมตี เขาเคลื่อนกายวูบ ย้ายจากตำแหน่งเดิมไม่ต่างกับเงา

  ฟู่ชางติ่งเคยเห็นวิชาก้าวย่างของอีกฝ่ายมาก่อน หอกยาวพลันเปลี่ยนจากท่าแทงเป็นกวาดโดยไม่ลนลาน เขาใช้ตัวเองเป็นศูนย์กลาง กวาดหอกไปทั่วทุกทิศทาง!

  วินาทีถัดมา เงาของหานซวี่ก็ปรากฏขึ้น

   แต่เดิมฉันวางแผนออมแรงสักหน่อย แต่พอมาคิดดู ฉันควรเลิกเล่นและหันมาจัดการนายซะ ด้วยหอกในมือ ฉันจะสลักความทรงจำไว้ในสมองนาย ตราบใดที่ฉันหานซวี่ใช้หอก นายไม่มีทางเป็นคู่มือฉัน! 

  หานซวี่ยังเจียดเวลามาพูด เหตุผลหนึ่งเพราะเขาพยายามทำลายสมาธิฟู่ชางติ่ง อีกเหตุผลหนึ่งคือ มันแสดงให้เห็นว่าเขายังไม่ได้เอาจริงเลย

  ฮึ่ม!

  มีเสียงดังมาจากบนอากาศ หอกของหานซวี่กวาดออกไปอย่างรวดเร็ว ปะทะเข้ากับหอกยาวของฟู่ชางติ่ง

  ปัง!

  ประกายไฟกระเซ็นทั่ว

  ช่วงเวลาถัดมา แขนของหานซวี่ก็ขยายใหญ่ ขมับยุบลงไป

  หลิวหัวหรงที่สังเกตการประลองอยู่ตลอด อุทานออกมา  ขัดเกลาสามครั้ง ไม่สิ ขัดเกลากระดูกแขนแล้ว บางทีอาจสูงกว่าสามสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ… 

  หานซวี่ขัดเกลากระดูกขาแล้ว แขนเขาขยายขึ้นฉับพลัน ทำให้ระเบิดปราณและเลือดอย่างเข้มข้น

   ตอนแรก ผมคิดว่าหานซวี่แค่มีท่าก้าวย่างที่รวดเร็ว ดูเหมือนผมจะประเมิณต่ำไป เขาระเบิดปราณและเลือดที่ 60แคล…ไม่ได้ด้อยกว่าฟางผิงเลย 

  เฉินเสวี่ยเยี่ยนพูดต่อ  ฟางผิงเจอคู่ต่อสู้แล้ว หานซวี่เร็วกว่าเขา ยิ่งกว่านั้นยังบรรลุกระบวนท่าร้ายแรงแล้ว 

   แต่พวกเขาอาจไม่ได้เผชิญหน้ากัน 

   … 

  ขณะที่พวกเขาออกความเห็น ฟู่ชางติ่งกับหานซวี่ก็แลกเปลี่ยนกระบวนท่ากันกว่าสิบกระบวนแล้ว

  หานซวี่ไม่ได้ระเบิดพลังทุกการโจมตี แต่กระบวนท่าเขาเร็วกว่าฟู่ชางติ่ง ไม่นานฟู่ชางติ่งก็ถูกบังคับให้อยู่ในตำแหน่งเสียเปรียบ

  สีหน้าของฟู่ชางติ่งแดงก่ำ ในใจเกรี้ยวกราด

  ชั่วเวลานั้น ฟู่ชางติ่งคำรามด้วยความเกรี้ยวกราด  เจอเพลงหอกตระกูลหลัวของฉันหน่อยเป็นไง! 

  หลังเขาพูด หอกยาวในมือก็ถูกเหวี่ยงออกไปจนเกิดคลื่นในอากาศ

  สีหน้าหานซวี่ดูอึมครึม

  หานซวี่ไม่อยากรับการโจมตี เขาจึงเปลี่ยนฝีเท้า ก้าวหลบหลีก

  แต่เหตุการณ์ต่อจากนั้นทำให้ทุกคนโง่งม

  ฟู่ชางติ่งกวัดแกว่งหอกยาว แต่เขาดันปล่อยมือโดยไม่คาดคิด ทำให้อาวุธลอยเคว้งกลางอากาศ เขาไม่ห่วงเรื่องผู้ชมบาดเจ็บ เพราะรอบๆมีปรมาจารย์อยู่กันคับคั่ง

  หอกยาวหมุนเคว้งออกนอกเวทีประลอง พุ่งตรงไปทางล่างเวที โดยไม่ต้องรอให้ยอดยุทธบนชั้นสองลงมือ กรรมการจับหอกดัง‘หมับ’ได้อย่างง่ายดาย

  เมื่อโยนอาวุธทิ้งไปแล้ว ฟู่ชางติ่งก็เสือกเท้าพุ่งเข้าหาหานซวี่

  สมาธิของหานซวี่อยู่ที่หอกยาว เมื่อเขาได้สติกลับมา ฟู่ชางติ่งก็เข้าประชิดตัวแล้ว

  ทั้งสองเคลื่อนไหวเร็วยิ่ง ไม่กี่วินาทีต่อมา ก็มีร่างเงากระเด็นออกมาพร้อมกับเสียงดังปัง

  ทุกคนมองตามร่างเงา มันเป็นฟู่ชางติ่ง

  ฟู่ชางติ่งหน้าซีดขาว เลือดกระอักออกจากปาก แต่เขาก็ยังยิ้มอย่างภูมิใจ

  จากนั้นเขาก็ชำเลืองมองชั้นสองอย่างรวดเร็ว

  คำว่า‘ยอมแพ้’ไม่มีทางหลุดจากปากเขา!

  บนชั้นสอง ถังเฟิงมีสีหน้าจนปัญญา  ยอมแพ้! 

  เวลานั้น ทุกคนถึงกลับไปสนใจหานซวี่ ใบหน้าของหานซวี่ซีดขาวลงเล็กน้อยเช่นกัน อย่างไรก็ตามเขาดูดีกว่าฟู่ชางติ่ง

  แน่นอน ที่ฟู่ชางติ่งยิ้มอย่างพึงพอใจย่อมมีเหตุผล

  ขอบตาของหานซวี่ช้ำเลือดจนเป็นสีม่วง เขาลืมตาอย่างยากลำบาก แม้แต่จมูกเขาก็มีเลือดหยดลงมาติ๋งๆ

  หานซวี่ไม่ได้ผลาญปราณและเลือดจนหมด แต่ขอบตาเขาบวมเป่งขึ้นเรื่อยๆ เขาแทบลืมตาไม่ขึ้น

  ผู้ฝึกยุทธขั้นหนึ่งที่สูญเสียการมองเห็น เป็นเรื่องยากที่จะจำแนกตำแหน่งจากเสียง หานซวี่พลังต่อสู้ลดลงมาก

   สู้ได้ดี! 

  ฟางผิงดูฟู่ชางติ่งก้าวลงจากเวทีประลองและเอ่ยปากชม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่หาได้ยาก

  หานซวี่หน้าบวมแบบนี้ เขาอาจไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหยางเสี่ยวม่านในรอบหน้า

  ฟู่ชางติ่งหอบหายใจ ฝืนยิ้มออกมา  ไม่เท่าไหร่หรอก ดูหน้าเขาสิ ฉันจะทำให้เขาประลองจนถึงรอบชิงด้วยหัวหมูแบบนี้! 

  อารมณ์ของทีมย่ำแย่ลงหลังเห็นอาการของจ้าวเสวี่ยเหมย แต่ตอนนี้พวกเขารู้สึกดีขึ้นมาก หัวเราะกันเฮฮา

  หยางเสี่ยวม่านสวมถุงมือต่อสู้ แค่นเสียงเย็น  ดูฉันนะ ไอ้พวกที่กล้าทำร้ายผู้หญิง ฉันจะทำให้พวกมันขายหน้า! 

  คำพูดของเธอสื่อถึงทั้งจิงอู่และฟางผิง

  ฟางผิงกลอกตามองบน หลังคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าวเตือน  การมองเห็นของหานซวี่มีปัญหา เธอน่าจะจัดการได้ แต่ฟางเหวินเสียงไม่ได้อ่อนแอ อย่าปล่อยให้ตัวเองบาดเจ็บมากนัก วันมะรืน เรายังต้องประลองกับพวกเขาอีก 

   ฉันรู้! 

  มันพูดยากว่าหยางเสี่ยวม่านจะทำตามคำแนะนำเขาไหม แต่เธอก็ก้าวขึ้นเวทีประลองแล้ว

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท