World’s Best Martial Artist – ตอนที่ 206 ขั้นสามชั้นกลาง

ตอนที่ 206 ขั้นสามชั้นกลาง

  แผนกโลจิสติกส์

  ฟางผิงนั่งอยู่ที่ออฟฟิศแลกเปลี่ยนมาสักพักแล้ว

  เฒ่าหลี่กำลังงีบหลับ ไม่สนใจเขา

  ฟางผิงจ้องมองตารางแลกเปลี่ยน หลังจากนั้นสักครู่เขาก็ตัดสินใจฉับพลัน  อาจารย์ ผมอยากได้อันนี้! 

  เฒ่าหลี่เหลือบตามองแวบหนึ่งก่อนจะมองฟางผิงด้วยแววตาสงสัย  มั่นใจเหรอ? 

   ผมมั่นใจ! 

   เธอจะซื้อไปทำบ้าอะไรล่ะ? 

  เฒ่าหลี่ยังรู้สึกแปลกๆไม่หาย เขาชำเลืองมองเล็กน้อยแล้วกล่าว  นี่เป็นเม็ดยาขั้นห้า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมาแลกเปลี่ยนบ่อยๆ ของแบบนี้ไม่มีในตารางแลกเปลี่ยนด้วยซ้ำ ที่จริงมันไม่ได้มีไว้ให้นักศึกษาแลก มันมีไว้ให้อาจารย์ 

   ผมอยากได้อันนี้แหละ 

  ฟางผิงสีหน้าแน่วแน่ พูดด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด  ผมได้ยินมาว่าเม็ดยาเสริมสร้างร่างกายมีไว้ให้ผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางโดยเฉพาะ แปรเปลี่ยนจากภายในสู่ภายนอก มีประสิทธิภาพอันน่าตกใจ แม้แต่อวัยวะภายในก็ถูกขัดเกลาไปด้วย อาจารย์ประสิทธิภาพขนาดนี้ไม่ได้หลอกลวงใช่ไหม? 

   ไม่หลอกลวงอยู่แล้ว! 

  เฒ่าหลี่มองเขาด้วยสายตาพิจารณา จากนั้นสักครู่เขาถึงพูดขึ้นมา  ผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางที่ฝึกฝนอวัยวะภายใน อาจกล่าวได้ว่าในขั้นตอนนี้มันจะแปรเปลี่ยนร่างกายมนุษย์ให้กลายเป็นร่างทองคำ! 

   นอกจากส่วนหัวแล้ว ผู้ฝึกยุทธขั้นหกสูงสุดจะไม่มีจุดอ่อนทางกายภาพส่วนอื่นอีก 

  เพื่อเป็นการสาธิต เฒ่าหลี่หยิบกริชอัลลอยบนโต๊ะขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจแล้วฟันใส่แขนตัวเองหลายที จนมีเสียงโลหะเสียดสีกันดังขึ้น

   เห็นไหมเจ้าหนู? พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่ส่วนหัว ฉันนอนตรงนี้ปล่อยให้เธอแทงมาได้เต็มที่เลย ถ้าเธอฆ่าตาแก่คนนี้ได้ถือว่าเธอร้ายกาจมาก! 

  ฟางผิงสีหน้าดูอึมครึม กล่าวอย่างกลัดกลุ้ม  อาจารย์ ผมไม่ได้มาดูอาจารย์โชว์เทพ ผมแค่อยากซื้อเม็ดยาสักสองสามเม็ดและปรึกษาเรื่องผลของเม็ดยา 

   เธอพูดอะไรกัน? 

  เฒ่าหลี่กล่าวอย่างไม่พอใจ  ตอนนี้ฉันแสดงผลของเม็ดยาให้ดูแล้วไง? 

   เม็ดยาเสริมสร้างร่างกายจะช่วยเปลี่ยนแปลงร่างกายมนุษย์ แต่นั่นไม่ใช่ผลกระทบหลักของเม็ดยา ตาแก่คนนี้แค่อยากบอกเธอว่าอย่าสิ้นเปลืองเกินไป 

   ถ้าเธอใช้เม็ดยาเสริมสร้างร่างกายตอนนี้ อย่างดีที่สุด มันก็แค่เพิ่มความแข็งแกร่งทางกายภาพได้เล็กน้อย 

   มันเปลี่ยนแปลงอวัยวะภายใน แต่มันอันตรายเป็นอย่างยิ่ง เธออาจทนต่อฤทธิ์ของเม็ดยาที่รุนแรงแบบนั้นไม่ได้… 

   อาจารย์ งั้นตามความเห็นของอาจารย์ ถ้าผมใช้เม็ดยาเสริมสร้างร่างกายตอนนี้ ความแข็งแกร่งทางกายภาพของผมจะทนต่อความคืบหน้าการขัดเกลากระดูกของขั้นสามชั้นกลางได้ไหม? 

  เฒ่าหลี่ไม่พูดอะไร เขาตบร่างกายของฟางผิงอยู่สองสามครั้ง

  หลังครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็กล่าว  ถ้าเธออยากลองจริงๆ เธอก็ลองได้ เม็ดยาเสริมสร้างร่างกายสามเม็ดก็น่าจะพอแล้ว 

   แต่ครั้งแรกจะอันตรายกว่านิดหน่อย เพราะยามีฤทธิ์สูงมาก 

   แถมมันยังเม็ดละ 200 คะแนน เธอมั่นใจเหรอว่าอยากใช้ 600 คะแนนซื้อเม็ดยาพวกนี้? 

   เพียงเพื่อให้กายเนื้อทนต่อขั้นตอนการขัดเกลากระดูกขั้นสามชั้นกลางได้ล่วงหน้าเท่านั้น? 

   สิ้นเปลืองมากขนาดนี้ ครั้งหน้าเธอจะมีหน้ามีพูดอีกไหมว่าครอบครัวยากจน? 

  ฟางผิงถอนหายใจอย่างจนปัญญา  อาจารย์ ผมก้าวหน้าช้าเกินไป ช้าจนผมไม่รู้เลยว่าจะฝึกฝนจนบรรลุสามขั้นกลางได้เมื่อไหร่ ไม่ต้องพูดถึงสามขั้นบนเลย 

   ผมก็อยากค่อยๆไป เก็บเงินไว้สักหน่อย 

   แต่ผมทำไม่ได้ ถ้าผมช้า ผมก็จะถูกคนอื่นทิ้งไว้ข้างหลัง… 

   ผมไม่ได้พูดถึงเด็กปีหนึ่ง ผมพูดถึงคนอื่น 

  เฒ่าหลี่หัวเราะ จากนั้นเขาก็ส่งเสียงดังเฮอะแล้วพูด  งั้นอย่างน้อย เธอต้องแลกเปลี่ยนเม็ดยาป้องกันอวัยวะภายใน เม็ดละ 90 คะแนน สามเม็ดก็ 270 คะแนน 

   แต่ละครั้ง เธอต้องใช้เม็ดยาป้องกันอวัยวะภายในก่อนแล้วค่อยใช้เม็ดยาเสริมสร้างร่างกาย 

   ด้วยวิธีนี้ มันจะไม่ส่งผลกระทบต่ออวัยวะภายในนัก มันจะปลอดภัยกว่า แถมประสิทธิภาพยังดีกว่า 

   รวมแล้ว 870 คะแนน หลังทำไปสามครั้ง ความแข็งแกร่งของกายเนื้อของเธอถึงจะสมบูรณ์ มันมากเกินพอที่จะทนต่อความแข็งแกร่งของขั้นสามชั้นกลาง 

   870 คะแนน… 

  ฟางผิงพึมพำ ชีวิตสมัยนี้อยู่ยากจริงๆ

  เขาคิด ‘ฉันแค่อยากฝึกให้ถึงขั้นสามชั้นกลางให้เร็วที่สุด แต่มันแพงมาก นี่ยังไม่นับรวมการขัดเกลากระดูกที่ค่าใช้จ่ายหมดเร็วกว่าถูกปล้นเสียอีก!’

  เฒ่าหลี่ยิ้ม  เพราะงั้นฉันเลยขอแนะนำเลยว่าอย่ากังวลมากไป อันที่จริงการที่เธอฝึกมาจนถึงขั้นสามตอนนี้ก็ยากมากแล้ว… 

   ไม่ ผมจะชักช้าต่อไปไม่ได้ ผมได้ยินว่าฉินเฟิ่งชิงใกล้ขั้นสี่แล้ว เซี่ยเหล่ยก็กำลังจะบรรลุขั้นสามสูงสุด 

   อาจารย์ ผมต้องฝึกให้ถึงขั้นสามสูงสุดให้เร็วที่สุด พอถึงตอนนั้นผมจะได้มีเวลาฝึกปรือวิชาต่อสู้ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น 

   ผมไม่สนใจอะไรอื่นแล้ว…อาจารย์ ถ้าผมแลกไป ผมคงไม่เหลือคะแนน ผมจะใช้เงินแทน ช่วยลดให้ผมหน่อย ตอนนี้ผมเหลือเงินไม่มากจริงๆ 

  เฒ่าหลี่หัวเราะเยาะ  เม็ดยาเสริมสร้างร่างกายไม่ใช่เม็ดยาขัดเกลาร่างกาย เม็ดยาขัดเกลาร่างกายเป็นของขายไม่ออก ในขณะที่สำหรับผู้ฝึกยุทธสามขั้นกลางแล้ว เม็ดยาเสริมสร้างร่างกายเป็นของขายดี 

   รวมเม็ดยาป้องกันอวัยวะภายในสามเม็ด ฉันจะคิดแค่ 25 ล้าน ตาแก่คนนี้จะยอมให้เธออีกครั้ง 

   ยี่สิบห้า?  ฟางผิงอึกอักอยู่ในใจ ขณะที่เขากำลังเปิดปากพูด เฒ่าหลี่ก็หาวก่อนจะพูดออกมา  ไม่ต้องพูด จะเอาหรือไม่เอา? 

   ผมเอา! 

  ฟางผิงกัดฟันยอมซื้อ!

  ถ้าเขาบรรลุขั้นสามชั้นกลางในสามวัน เขาก็จะทันวันประเมิน

  เวลานี้เขายังมีเงินสดมากกว่า 45 ล้าน ซึ่งมันเพียงพอสำหรับตอนนี้แล้ว

  หลังเขาบรรลุชั้นกลาง เขาจะพักสักไม่กี่วันแล้วค่อยมุ่งสู่ชั้นสูง

  เมื่อเขาก้าวเข้าสู่ขั้นสามชั้นสูง เขาจะละทิ้งการฝึกยุทธแล้วเน้นฝึกปรือวิชาต่อสู้เพื่อให้มั่นใจว่าก่อนจะเข้าถ้ำใต้ดิน เขาจะกลายเป็นยอดฝีมือที่แท้จริง

  เฒ่าหลี่ไม่เสียเวลาเปล่า เขาเอาเม็ดยาป้องกันอวัยวะภายในขั้นสามให้ฟางผิงสามเม็ด

  ส่วนเม็ดยาเสริมสร้างร่างกาย เขาให้ฟางผิงไปเอาที่เขตใต้ เพราะมันไม่มีอยู่ตรงนี้

  สิบนาทีต่อมา ฟางผิงก็ได้รับเม็ดยาอยู่ในมือ เวลาเดียวกันเขาก็เสียเงินไป 25 ล้าน แถมเขายังไม่รู้เลยว่าประเมินรอบนี้เขาจะได้เงินคืนมาหรือเปล่า

  เมื่อผ่านออฟฟิศรับคะแนน ฟางผิงก็ได้มา 120 คะแนนที่สะสมมาในเดือนนี้

  อย่างไรก็ตาม ค่าทรัพย์สินของเขาเพิ่มขึ้นมาแค่สี่แสนเท่านั้น!

  ฟางผิงตะลึง เขานิ่งไปอยู่พักหนึ่งก่อนจะนึกอะไรบางอย่างได้ ก่อนหน้านี้เขาเคยสัญญากับพวกฟู่ชางติ่งไว้ว่าจาก 300 คะแนนที่ได้ทุกเดือน เขาจะแบ่งให้พวกเขา 100 คะแนน

   บัดซบ ระบบแอบฟังบทสนทนาของฉันเหรอ? 

  มันเป็นครั้งแรกเลยที่ฟางผิงเจอกับสถานการณ์แบบนี้ แต่ก่อนมีอยู่บ่อยครั้งที่ค่าทรัพย์สินไม่ถูกเพิ่ม แต่คะแนนที่เขาได้รับมาไม่ถูกนับรวมเข้ากับบัญชีเขา นี่เป็นครั้งแรกเลย

  ไม่สิ นี่มันก็เหมือนกับคะแนนในแพล็ตฟอร์มแลกเปลี่ยนของโม๋อู่ คะแนนผ่านมือเขา แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นของเขา

   หมดคำจะพูด! 

  ฟางผิงรู้สึกกลัดกลุ้มเป็นอย่างยิ่ง แต่หลังจากครุ่นคิดดู เขาก็บ่นอะไรไม่ได้เหมือนกัน มันก็เป็นเหมือนภารกิจครั้งก่อน ภารกิจเป็นเหมือนบัญชีรวม ไม่ใช่ของฟางผิงคนเดียว

  …

  เมื่อกลับมาหอพัก ฟางผิงก็ไปห้องของฟู่ชางติ่ง ใช้คอมพิวเตอร์โอน 100 คะแนนให้อีกฝ่าย ส่วนพวกเขาจะแบ่งกันยังไง ฟางผิงไม่สนใจ

  หลังจากนั้นฟางผิงก็แขวนป้าย ‘ห้ามรบกวน’ บนประตูห้อง

  …

  ความเจ็บปวดเสียดแทงเข้าถึงกระดูก!

  เมื่อเขากินเม็ดยาเสริมสร้างร่างกายขั้นห้า ฟางผิงก็แทบสบถเสียงดัง!

  เฒ่าหลี่บอกว่ากินยาครั้งแรกจะอันตรายมากกว่า แต่อันตรายจะลดลงไปมากหากใช้เม็ดยาป้องกันอวัยวะภายใน ดังนั้นฟางผิงน่าจะทนไหว

  แต่เฒ่าหลี่ไม่ได้บอกเขาว่ามันจะเจ็บขนาดนี้!

  เขารู้สึกเหมือนกล้ามเนื้อทั้งตัวถูกฉีกเป็นชิ้นๆ อวัยวะภายในกระตุกไม่หยุด

   โคตรเจ็บ! 

  ฟางผิงเจ็บปวดมากจนสติเริ่มเลือนราง

  เหงื่อเม็ดโตหยดลงกับพื้น ผสมปนกับหยาดเลือดจนแยกไม่ออก

   ฉันอยากแข็งแกร่งไปเพื่ออะไรกัน? 

   เพื่อทนกับความเจ็บปวด? 

   เพื่อทรมาณตัวเอง? 

   หรือเป็นเพราะเหตุผลที่น่าหัวเราะอย่างกอบกู้โลกจริงๆ… 

  ขณะที่ฟางผิงเจ็บปวดเจียนตาย เขาก็อดครุ่นคิดถึงคำถามเหล่านี้ไม่ได้

   อยากทำให้ถ้ำใต้ดินสงบและคืนความสงบสุขให้กับมวลมนุษย์ ฉันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน…ความคิดเหลวไหล! 

   เสี่ยงชีวิตเพียงเพื่อแสดงความสำเร็จเชิงยุทธ มันคุ้มไหม? 

   บางทีถ้าฉันใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ ไม่สนใจเรื่องพวกนี้ ฉันอาจมีชีวิตที่ดีกว่าก็ได้… 

  ความคิดต่างๆแวบเข้ามาในหัว

  และจู่ๆก็มาภาพนึงปรากฏขึ้นมาในใจ เป็นภาพของอาจารย์โม๋อู่ที่กลับมาจากการต่อสู้ ภาพไป๋รั่วซียิ้มทั้งๆที่เสียแขนไป…

  จากนั้นสมองเขาก็จินตนาการถึงการบุกรุกของถ้ำใต้ดิน พ่อแม่น้องสาวล้วนเสียชีวิตต่อหน้าต่อตาเขา ส่วนตัวเขาไม่มีไม่มีกำลังแม้แต่จะสู้กลับ

   ฉันไม่ได้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ที่ฉันทำไปก็เพื่อชีวิตของตนเองกับชีวิตของครอบครัว… 

   ทนเจ็บในวันนี้ยังดีกว่าต้องไปร้องไห้ในอนาคต! 

   … 

  ฟางผิงไม่รู้ว่าเวลาผ่านมาแค่ไหนแล้ว เมื่อความเจ็บปวดทุเลาลง เขาก็ทรุดตัวลงกับพื้น หอบหายใจอย่างหนัก

   ถ้ำใต้ดิน หนานเจียง ครอบครัว… 

  ฟางผิงรำพึงเบาๆ เขาหอบเล็กน้อยและเผยรอยยิ้มออกมา  นั่นสินะ ฉันแค่หวังไว้ว่าจะมีกำลังปกป้องตัวเองก่อนที่ถ้ำใต้ดินจะเปิดฉากบุกรุกครั้งใหญ่ อย่าใจบุญเกินควรหรือคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ 

   ดังนั้นต่อให้ฉันต้องฝึกอะไร ฉันก็จะทำ ไม่ว่าฉันจะต่อสู้เพื่ออะไร ฉันก็จะสู้ 

  …

  สามวันต่อมา

  วันที่ 3 พฤษภาคม

   เสร็จแล้ว! 

  ฟางผิงสีหน้าซีดเซียวเล็กน้อย แต่จิตใจเขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

  เดือนเมษา เขาฝึกฝนทั้งเดือน แก้ไขข้อบกพร่องของตนเอง เดือนพฤษภาคม เวลาเพียงสามวันฟางผิงก็บรรลุขั้นสามชั้นกลางได้สำเร็จ

  ค่าทรัพย์สิน : 17.5 ล้าน

  ปราณและเลือด : 500แคล (820แคล)

  จิตใจ : 450เฮิรตซ์ (499เฮิรตซ์)

  ขัดเกลากระดูก : 151 ชิ้น (90%) 55 ชิ้น (30%)

   ปราณและเลือดเกิน 800แคล กระดูกอกกับกระดูกซี่โครงก็ขัดเกลาเสร็จแล้ว ฉันเหลือแค่กระดูกสันหลัง 26 ชิ้นกับกระโหลกเท่านั้น! 

  ฟางผิงขยับกายเล็กน้อย ร่างกายส่งเสียงกรอบแกรบ

   ฉันยังมีค่าทรัพย์สิน 12.5 ล้าน เงินสดอีก 20 ล้าน บวกกับรางวัลที่จะได้จากมหาลัย บรรลุขั้นสามชั้นสูงน่าจะไม่เป็นปัญหาอะไรมากใช่ไหม? 

  ฟางผิงไม่มั่นใจนัก ตอนนี้เขาตระหนักแล้วว่า ความคาดหวังก็คือความคาดหวัง ความจริงก็ส่วนความจริง

  บางครั้ง เงินกับค่าทรัพย์สินก็หมดเร็วกว่าที่เขาคิด

  ฟางผิงหยิบดาบเฟิ่งจุ่ยที่อยู่ข้างๆ กวัดแกว่งอยู่สองสามที ฟางผิงรู้สึกเหมือนมันจะไม่ลื่นไหลนัก แต่นี่เป็นหนึ่งในผลที่ตามมาของการขัดเกลากระดูกเร็วเกินไป

  หลังพักผ่อนอยู่พักหนึ่ง ฟางผิงก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะดูเวลาแล้วเดินออกไปข้างนอก

  …

  ณ ห้องเรียน

  ถังเฟิงขมวดคิ้วเล็กๆ เหลือบตามองฟางผิงที่พึ่งเข้ามา เจ้าหนูนี่ไปทำไมอะไรมา สองสามวันมานี้เขาก้าวหน้าเร็วมาก

  เรื่องนี้ถังเฟิงไม่พูดอะไร เขากล่าว  กำหนดการถูกกำหนดแล้ว สถานที่การประเมินปีนี้คือ…หนานเจียง! 

  ฟางผิงแววตาสั่นไหว หนานเจียง?

   การประเมินครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการประเมินเท่านั้น มันเป็นภารกิจใหญ่ด้วย! 

   ไม่ใช่แค่เรา แต่มหาลัยวิชายุทธปักกิ่งกับมหาลัยอื่นอีกสองสามมหาลัยก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน! 

   ครั้งนี้ มันเป็นภารกิจร่วมกัน 

  หลังถังเฟิงอธิบาย ทุกคนก็ค่อยๆเข้าใจเนื้อหาการประเมิน

  ราวกับว่าหนานเจียงได้รับยืนยันแล้วว่าเป็นตำแหน่งถัดไปที่ทางเข้าถ้ำใต้ดินเปิดออก

  เวลานี้ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วมากมายมารวมตัวกันอยู่หนานเจียง จากการตัดสินของเบื้องบน อาจเป็นไปได้ว่าเมื่อทางเข้าใหม่ปรากฏ ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วจะพยายามเปิดทางเข้าแล้วปล่อยให้สิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดินหลุดออกมา

  พอทางเข้าถ้ำใต้ดินใหม่ปรากฏ จะมียอดฝีมือมากมายมารวมตัวกันเช่นกัน

   เพราะมันเป็นทางเข้าใหม่ หนานเจียงจึงไม่มีข้อได้เปรียบเหมือนทางเข้าอื่น หนานเจียงขาดประสบการณ์ในการตอบโต้ รวมถึงขาดผู้ฝึกยุทธมากประสบการณ์จำนวนมาก เขตอื่นจะมาช่วยเหลือ และรัฐบาลกลางจะส่งกองกำลังเพื่อป้องกันทางเข้าใหม่เช่นกัน 

   อย่างไรก็ตาม เรื่องทางเข้าเปิดครั้งแรก เรายังไม่มีหนทางระบุตำแหน่งเจาะจง กองทัพจะมาประจำการได้อย่างไร ผู้ฝึกยุทธควรป้องกันตำแหน่งไหน ล้วนแต่เป็นปัญหาใหญ่ 

   การเปิดของทางเข้าจะเกิดขึ้นเร็วมาก 

   แม้จะอยู่ในหนานเจียง แต่ถ้ากองกำลังอยู่ไกลเกินไป จะส่งกำลังคนไปก็ต้องใช้เวลา 

   เป้าหมายของผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วนั้นเรียบง่ายมาก ใช้ประโยชน์จากช่วงเวลานั้นในการเปิดทางเข้า 

  ถังเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา  เวลานี้ พวกมันเสียสติไปแล้ว ไม่กี่ปีมานี้ ด้วยความแข็งแกร่งของรัฐบาลที่เพิ่มขึ้น โอกาสของพวกมันจึงมีน้อยลงเรื่อยๆ ตอนนี้จึงเป็นโอกาสสุดท้ายของพวกมัน! 

   เวลานี้ หนานเจียงเริ่มมีผู้ฝึกยุทธระดับสูงของลัทธิชั่วมารวมตัวกันเป็นจำนวนมากแล้ว 

   รัฐบาลย่อมไม่ดูดายเฝ้าดูพวกมันสร้างความหายนะ พวกกลุ่มตัวตลกที่อยากฉกฉวยผลประโยชน์ตอนเกิดความวุ่นวาย เพ้อฝัน! 

   รัฐบาลจะไม่รอกวาดล้างพวกมันตอนทางเข้าถ้ำใต้ดินเปิด 

   ดังนั้นการกวาดล้างจึงเริ่มต้นตั้งแต่ตอนนี้! 

   ครั้งนี้ภารกิจของแต่ละมหาลัยคือการกวาดล้างจุดรวมพลขนาดใหญ่ จำไว้ ไม่ว่าพวกมันจะเด็กหรือแก่ ก็ต้องกำจัดพวกมันให้หมด! 

   พวกคุณสังหารผู้ฝึกยุทธไปเท่าไหร่ สังหารไปกี่กลุ่มจะเป็นมาตรฐานของการประเมิน 

   ครั้งนี้เราไม่ได้ดูแค่ความแข็งแกร่งส่วนบุคคล ความสามัคคีของทีมและช่วงเวลาที่เข้าร่วมการต่อสู้ล้วนเป็นสิ่งสำคัญมาก 

   พวกเธอจะอยากเข้าร่วมการต่อสู้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการพิจารณาของพวกคุณเอง 

   นี่ถือว่าเป็นการประเมินการต่อสู้แบบทีม ไม่ได้ดูที่ความแข็งแกร่งของคนๆเดียว จำไว้ให้ดี! 

   แน่นอนถ้าคุณคิดว่าทำลายแหล่งกบดานของศัตรูได้ด้วยตัวเอง งั้นก็แล้วแต่คุณเลย อย่างไรก็ตามพวกคุณเป็นกลุ่มผู้ฝึกยุทธขั้นสองขั้นสาม ถ้าคุณอยากจัดการพวกมันด้วยตัวเอง คุณจะมีโอกาสตายมากขึ้น 

   … 

  ถังเฟิงพูดอยู่พักหนึ่ง ฟางผิงก็รอจนเขาพูดจบถึงจะเอ่ยถาม  จุดรวมพลขนาดใหญ่พวกนี้ ปล่อยให้กองทัพติดอาวุธเข้าจัดการจะไม่ดีกว่าเหรอ? 

  ถังเฟิงส่ายหน้า  ตอนนี้พวกเขากำลังฝึกทหารของหนานเจียงอยู่ คุณเข้าใจความหมายไหม? 

   อาจารย์กำลังพูดถึง… 

   ถูกต้อง ฝึกกำลังพลสำหรับทางเข้าถ้ำใต้ดิน การจะดึงกำลังคนมาจากเขตอื่นนั้นเป็นเรื่องยากมาก อย่างมากพวกเขาก็ส่งมาได้แค่ผู้นำระดับกลางถึงระดับสูงไม่กี่คน 

   กองกำลังทหารพื้นฐานแล้วส่วนใหญ่จะประกอบด้วยทหารใหม่ 

   คราวนี้ พวกเขาจะใช้โอกาสนี้เพื่อให้ทหารใหม่คุ้นชินกับรูปแบบการต่อสู้ด้วยอาวุธเย็น แถมการเจอกับผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วยังเป็นโอกาสที่ดีที่จะให้พวกเขาคุ้นชินกับมัน 

   เมื่อเทียบกับสิ่งมีชีวิตถ้ำใต้ดิน ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วไม่มีระบบแบบแผน พวกมันไม่ค่อยแข็งแกร่ง พวกมันจึงเป็นคู่มือที่เหมาะสมที่สุด 

   จะมีคนล้มตายไปบ้างแน่นอน แต่คนที่ล้มตายในตอนนี้ก็เพื่อให้อีกหลายคนรอดชีวิตในอนาคต 

  ฟางผิงพยักหน้าเล็กน้อย  คนลัทธิชั่วพวกนี้ไม่ทราบการเคลื่อนไหวใหญ่โตของฝั่งเราเลยเหรอ? 

   พวกมันทราบ 

  ถังเฟิงพูดต่ออย่างไม่แยแส  ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว เราจะให้พวกมันลิ้มลองบ้าง เรารู้อยู่ก่อนแล้วว่าลัทธิชั่วมารวมตัวกัน เราจึงให้กองทัพและผู้ฝึกยุทธทุกแห่งล้อมปราบพวกมัน จงใจให้พวกมันมารวมตัวกันอยู่พื้นที่เดียวโดยไม่รู้ตัว 

   เป้าหมายเพื่อให้มีการฝึกทหารขนาดใหญ่ครั้งเดียวจบ 

   แม้จะเป็นการฝึกทหารใหม่ แต่ตอนนี้ก็มีปรมาจารย์เก้าท่านอยู่ที่หนานเจียงปิดล้อมสนามรบไว้แล้ว แถมยังมีกองทัพสมัยใหม่ที่มีเทคโนโลยีขั้นสูงพร้อมรับคำสั่งอยู่บริเวณรอบนอก 

   อีกฝ่ายเลือกได้ว่าจะสู้กับผู้ฝึกยุทธ หรือจะหนีแล้วร่างระเบิดด้วยกระสุนนับไม่ถ้วน! 

   ในความเห็นของคุณ เนื่องจากพวกมันรู้ผลอยู่แล้ว พวกมันจะเลือกอะไรล่ะ? 

   งั้นตอนนี้เรากำลังเจอกับกลุ่มสัตว์ที่อยู่ในกรงงั้นเหรอ? 

   คุณจะพูดอย่างนั้นก็ได้ เพราะงั้นพวกคุณจึงต้องระวังตัวให้ดี เนื่องจากมันเป็นการฝึกทหาร…จึงมีการอนุญาตให้มีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เหมาะสม และมันยังจำเป็นอีกด้วย 

   ตราบใดที่จำนวนผู้เสียชีวิตไม่เกินสามสิบเปอร์เซ็นต์ งั้นสนามรบจะเป็นของพวกคุณตลอด! 

   สามสิบเปอร์เซ็นต์! 

  นัยน์ตาดำฟางผิงหดลงเล็กน้อย จำนวนบาดเจ็บล้มตายที่พวกเขาตั้งไว้สูงเหลือเกิน

  ถังเฟิงกล่าวอย่างเย็นชา  แม้แต่ในการต่อสู้กับลัทธิชั่วที่ไม่แข็งแกร่ง เราก็กำหนดอัตราเสียชีวิตไว้ที่สามสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว นั่นหมายความว่าที่ถ้ำใต้ดิน พวกคุณมีโอกาสเสียชีวิตถึงเก้าสิบเปอร์เซ็นต์! 

  ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ

   พวกคุณควรเตรียมตัวให้พร้อม เราจะออกเดินทางคืนนี้แล้วไปรวมกับทีมอื่น 

  …

  ฟางผิงถอนหายใจ เขากำลังจะกลับไปหนานเจียงอีกครั้ง

  อย่างไรก็ตามครั้งนี้ต่างจากครั้งก่อนๆ ครั้งก่อนเขาไปทำภารกิจ และถือโอกาสนั้นกลับไปเยี่ยมบ้าน

  คราวนี้เขากำลังเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ

   ทางเข้าถ้ำใต้ดินจะปรากฏในหนานเจียงจริงๆ 

  ฟางผิงถอนหายใจเบาๆ ดูเหมือนอีกสองปี หนานเจียงจะตกอยู่ในความโกลาหล

  คืนนั้น ฟางผิงเดินทางไปวิลล่าหมายเลขแปด

  หลู่เฟิ่งโหรวไม่ได้อยู่ในวิลล่า เขาก็ไม่มั่นใจว่าเธอไปไหน

  เมื่อเห็นแบบนั้น ฟางผิงก็ไม่ได้อยู่รอ เขาได้ยินว่าลูกสาวของหลู่เฟิ่งโหรวล่วงลับเวลานี้ ช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา สภาพจิตใจของหลู่เฟิ่งโหรวเลยไม่ค่อยดีนัก บางทีเธออาจไประบายอารมณ์ที่ถ้ำใต้ดินก็ได้

 

World’s Best Martial Artist

World’s Best Martial Artist

Status: Ongoing

ฟางผิงใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในที่สุดก็ตัดสินได้ว่าเขาไม่ได้ฝันไปหรือไม่ได้ถ่ายหนัง…อย่าไร้สาระน่า ถ้าการถ่ายหนังชุบความเป็นหนุ่มของเขากลับมาได้ งั้นกองถ่ายก็คงไปถ่ายทำที่สวรรค์ได้แล้ว!

หลังยืนยันว่าเขากลับมาเกิดใหม่ ฟางผิงก็รู้สึกถึงความตื่นตระหนกก่อนจะค่อยๆยอมรับความจริง

ความจริงอะไรงั้นเหรอ? ความจริงที่ว่าเขากลับมาเกิดใหม่ในร่างตัวเองตอนเด็ก และเนื่องจากเขามีความรู้ของอนาคตติดตัวมาด้วย เขาจะทำวันนี้ให้ดีที่สุดแล้วกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ในแวดวงธุรกิจ! เขาจะรวย!

นั่นเป็นความคิดของเขาจนกระทั่งเพื่อนเขามาขัดจังหวะ

“สรุปนายจะลงทะเบียนสอบวิชาการต่อสู้ไหม?”

อะไรนะ? พูดเล่นเหรอ? หรือเขาส่งบทผิด? วิชาการต่อสู้คืออะไร? ทำไมถึงมีค่าลงทะเบียนหมื่นหยวน? หัวของเขาเต็มไปด้วยประโยคคำถาม ไม่นานฟางผิงก็ตระหนักว่าเขาอาจไม่ได้โชคดีเหมือนที่เขาคิดไว้ตอนแรก…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท