โง่เขลา!
กลุ่มคนไร้วินัย!
ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าเงินที่เราลงทุนไปหลายแสนล้านกับมหาลัยวิชายุทธมันคุ้มค่าไหม!
…
ขณะที่พวกฟางผิงกำลังหารือเรื่องแผนและพักผ่อนเตรียมต่อสู้ตามกำหนดการ ห่างออกไปห้ากิโลเมตร ที่ค่ายชั่วคราว มีคนสบถอย่างเดือดดาล
ถังเฟิงกับคนอื่นๆต่างก็อยู่ที่นี่ เวลานี้ไม่มีใครส่งเสียงสักคน
อย่างไรก็ตามหลังคนๆนี้ระเบิดความโกรธออกมา ถังเฟิงก็ตอบอย่างใจเย็น คุณคาดหวังอะไรกับมือใหม่? ยอดฝีมือต่างก็เริ่มตั้งแต่อ่อนแอ ประสบการณ์ได้มาจากการเติบโต
หลังระดมเงินหลายแสนล้านให้กับมหาลัยวิชายุทธ ยอดฝีมือมากมายก็ได้รับการเลี้ยงดูเป็นอย่างดี คุณไม่รู้เหรอว่าพวกเขาสละตัวเองในถ้ำใต้ดินไปมากแค่ไหนแล้ว?
งั้นกองทัพล่ะ?
เอากองทัพมาเทียบกับมหาลัยวิชายุทธ พวกเขาเหนือกว่าไหมล่ะ?
พูดเป็นเล่น!
ยอดฝีมือจากกองทัพของคุณมีแค่ไหนเชียว? หันมาดูยอดฝีมือจากมหาลัยวิชายุทธ เรามีมากขนาดไหน!
ถังเฟิงยิ้มอย่างเย็นชาแล้วพูดออกมาเบาๆ ไม่มีใครปฏิเสธผลงานของกองทัพ ฉันถังเฟิงก็นับถือนักรบธรรมดาที่เผชิญกับความตายอย่างไม่เห็นแก่ตัวเช่นเดียวกัน
แต่นักศึกษามหาลัยวิชายุทธของฉันจะกลายเป็นขยะไร้ประโยชน์อย่างที่คุณพูดถึงได้ยังไงกัน?
เจ้าหน้าที่ทหารที่กล่าวตำหนิเมื่อสักครู่พูดอย่างเดือดดาล หรือฉันไม่ควรตำหนิ? คนอย่างคุณสั่งสอนลูกศิษย์ยังไงกัน!
ค่าย 300 คน ห่างออกไปเพียงสิบห้ากิโลเมตรเป็นฐานที่มั่นของลัทธิชั่ว!
แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ?
พวกเขาคิดว่าตัวเองกำลังไล่ล่าผู้ฝึกยุทธอาชญากรที่กำลังหลบหนีอยู่รึไง?
อีกฝ่ายจะนั่งอยู่เฉยๆรอให้พวกเขาจู่โจมเหรอ?
แคมป์ใหญ่แบบนี้ แต่ไม่มีใครคิดจะส่งคนเฝ้ายามตอนกลางคืนเลย!
เมื่อผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วพวกนี้ซุ่มโจมตีพวกเขา คุณคิดว่าคนพวกนี้จะต้องตายกันไปคน?
ถังเฟิงเจื่อนไปเล็กน้อย อาจารย์ที่นำทีมจิงอู่ขมวดคิ้วหน่อยๆ เขากล่าว พวกเขามองข้ามประเด็นนี้ไปจริงๆ ทว่า ก่อนหน้านี้ภารกิจที่ทุกคนทำไปเป็นภารกิจเดี่ยว อย่างมากพวกเขาก็แค่ทำภารกิจทีมเล็กๆ
พวกเขาไม่เคยมีประสบการณ์โอบล้อมฐานที่มั่นขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อน คุณพูดได้เลยว่าพวกเขาเป็นมือใหม่ของแท้
ทุกคนมาจากหลายมหาลัย ไม่มีใครพิจารณาเรื่องนี้ถือเป็นความผิดพลาดที่ร้ายแรงมากจริงๆ
แต่ว่านายพลหลิว คำพูดสุดท้ายของคุณกำลังปฏิเสธผลงานของนักศึกษามหาลัยวิชายุทธ คุณถอนคำพูดนี้ดีกว่า
มียอดฝีมือระดับปรมาจารย์หลายสิบคนจากมหาลัยวิชายุทธ ใครบ้างที่ไม่ทำคุณูปการในถ้ำใต้ดิน!
แม้แต่ผู้บัญชาการทหารสูงสุดหลี่ก็ไม่ปฏิเสธผลงานของมหาลัยวิชายุทธ แต่นายพลหลิว คุณกำลังปฏิเสธผลงานพวกเขาด้วยประโยคเดียวอย่างนั้นเหรอ?
ชายที่ถูกเรียกว่านายพลหลิวแค่นเสียงเบาๆ ฉัน…ฉันยอมรับว่าคำพูดของฉันค่อนข้างลำเอียง
แต่กลุ่มนักศึกษาที่คุณถือว่าเป็นหัวกะทิ พวกเขาเป็นหัวกะทิจริงเหรอ?
ทหารถือประสิทธิภาพเป็นที่สุด!
ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่ววันนี้ล้วนเป็นสัตว์ที่ติดกับดัก พวกมันจะนั่งอยู่เฉยๆรอความตายเหรอ?
ถ้าไม่ใช่เพราะหวั่นเกรงกองทัพกับยอดฝีมือที่โอบล้อมอยู่รอบนอก พวกมันคงบุกเข้าไปนานแล้ว!
ยิ่งกว่านั้น นักศึกษาพวกนี้ต่างก็ได้รับแจ้งแล้วว่าเส้นทางหลังเขาไม่ถูกปิด
นักศึกษาพวกนี้ไม่เคยคิดเลยเหรอ พอพวกเขามุ่งหน้าไปหมู่บ้านผานสือพรุ่งนี้ อีกฝ่ายจะละทิ้งหมู่บ้านจนกลายเป็นหมู่บ้านร้าง จากนั้นก็เข้าป่าไป เริ่มทำสงครามกองโจรกับพวกเขา? แต่พวกเขาดันกลับเข้าไปพักผ่อนในค่าย แทนที่จะรีบโอบล้อมหมู่บ้านผานสือทันทีที่เราออกมา…
ไม่มีใครพูดอะไร แต่อาจารย์มหาลัยวิชายุทธบางคนรู้สึกอับอายเล็กน้อย
นายพลหลิวพูดต่อ ฉันว่าเราจำเป็นต้องสอนบทเรียนให้กับนักศึกษาพวกนี้! ผู้บัญชาการเฉิน!
อยู่!
ไป ไปหมู่บ้านผานสือ ล่อผู้ฝึกยุทธมาสักสองสามคนมาลอบจู่โจมแคมป์ของนักศึกษา!
เอ่อ…
ชายร่างกำยำชุดทหารยืนอยู่ข้างๆอย่างอักอ่วน ถังเฟิงถอนหายใจเบาๆแล้วพยักหน้า ล่อผู้ฝึกยุทธมาสักสองสามคน ห้ามเกินห้าคน ที่เหลือไล่ไป!
รับทราบ!
เนื่องจากมีคนจากมหาลัยวิชายุทธเห็นด้วย ผู้บัญชาการเฉินจึงไม่ลังเลอีก เขาพาผู้ฝึกยุทธของกองทัพสองสามคน มุ่งหน้าไปหมู่บ้านผานสืออย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นแบบนั้น นายพลหลิวก็กล่าวอย่างใจเย็น รอบนี้คุณคิดว่าเด็กใหม่กลุ่มนี้จะตายกันกี่คน?
ถังเฟิงขมวดคิ้วมุ่น อาจารย์จากจิงอู่ก็ขมวดคิ้วเช่นเดียวกัน จะดีที่สุดถ้าไม่มีใครตาย
ถ้าพวกเขาตาย พวกเขาก็ควรเสียสละในสนามรบ!
ถ้าทุกคนในกองทัพมีทัศนคติเหมือนอย่างคุณ ทหารใหม่ทั้งหมดของคุณคงถูกฆ่าไปนานแล้ว!
หลิวซื่อผิง เลิกเอาทัศนคติเลี้ยงลูกแบบอินทรีมาใช้ก่อน อย่าคิดว่าเพียงเพราะคุณมีกองทัพคอยสนับสนุนแล้วคุณจะอยู่ยงคงกระพัน!
มหาลัยวิชายุทธของฉันบ่มเพาะอัจฉริยะมากมายมาโดยตลอด!
เลิกใช้มหาลัยวิชายุทธของเราเป็นเวทีส่งเสริมตัวเองได้แล้ว จากปรมาจารย์สามร้อยคน ครึ่งหนึ่งมาจากมหาลัยวิชายุทธ ถ้าคุณอยากตายก็ไม่มีใครห้าม ไปถ้ำใต้ดินนู่น อย่ามายกตนข่มกลุ่มเด็กใหม่ตรงนี้!
หลิวซื่อผิงเดือดดาลเล็กน้อย ฉันใช้คนเป็นเวทีงั้นเหรอ? ฉันมุ่งเป้าไปที่ใครรึยัง?
ฉันทำใจคุ้นกับวิธีของคุณไม่ได้!
ต่อให้มีปรมาจารย์อยู่ด้วย ฉันก็พูดเหมือนเดิม!
ทุกวันนี้สถานการณ์กำลังวิกฤต เมื่อเราไปช่วยเหลือสงคราม เราจะมีเวลามาเล่นเกมโง่ๆพวกนี้ไหม!
ถ้าพวกเขาถูกโยนเข้าถ้ำใต้ดิน ผู้ที่ออกมาได้ก็มีแต่หัวกะทิ เป็นหัวกะทิที่ฉันหลิวซื่อผิงยอมรับ!
ฮึ่ม คุณมีแต่กล้ามเนื้อไม่มีสมองจะไปรู้อะไร!
ฉันมีแต่กล้ามเนื้อไม่มีสมองงั้นเหรอ? ต่อให้ฉันมีแต่กล้ามเนื้อ แต่ฉันก็ยังรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้วิกฤตมาก อาจารย์มหาลัยวิชายุทธของคุณก็สิ้นชีพในสนามรบไปตั้งมากมายเช่นกัน ทำไมคุณถึงยังผ่อนปรนให้กับนักศึกษาพวกนี้?
ถังเฟิงพูดอย่างไม่สบอารมณ์ คุณดูแลเรื่องของตัวเองก็พอ จะสั่งสอนนักศึกษายังไงเป็นเรื่องของมหาลัยวิชายุทธ!
สายตาแคบสั้น!
นักศึกษาทุกคนที่เข้ามหาลัยวิชายุทธทุกคน ต่างมีคุณสมบัติที่จะเป็นปรมาจารย์!
พวกเขาก้าวหน้าได้อย่างรวดเร็วในช่วงแรกแล้วได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือขั้นถึงตาย กองทัพจะจัดหาอัจฉริยะที่มีศักยภาพเป็นปรมาจารย์จำนวนมากให้กับเราเหรอ?
ขอโทษที่พูดตรงๆ นักรบกระดูกเหล็กที่คุณเลี้ยงดูมามีประสิทธิภาพมากกว่าปรมาจารย์ไหม?
ปรมาจารย์ไม่ได้สร้างมามากมายด้วยการนำชีวิตพวกเขาไปแขวนบนเส้นด้าย ฉันบอกว่าคุณไม่มีสมอง แต่คุณฝึกฝนทหารได้อย่างดี ถ้าฉันบอกคุณมีสมอง บางทีมันอาจมีแต่ขี้เรื่อยกระมัง?
อุป!
หลายคนหัวเราะ หลิวซื่อผิงเดือดดาล เขาแค่นเสียงเย้ยหยัน เฮอะ ฉันอยากเห็นเสียจริงว่านักศึกษากลุ่มนี้จะมีคนเป็นปรมาจารย์สักกี่คน…
ถ้าคุณเลี้ยงดูปรมาจารย์ได้แม้แต่คนเดียว งั้นเรื่องในวันนี้ ฉันจะยอมรับว่าฉันหลิวซื่อผิงเป็นคนสายตาแคบสั้น!
ถังเฟิงขมวดคิ้ว ถ้าพวกเขามีชีวิตถึงตอนนั้นเราค่อยว่ากัน ถ้าพวกเขาตาย ใครจะไปสนกันว่าคุณสายตาแคบสั้นไหม?
จู่ๆทุกคนก็เงียบลง
หลิวซื่อผิงก็เงียบไปเช่นกัน จากนั้นพักหนึ่งเขาก็ถอนหายใจ คุณก็รู้ว่าจะมีคนตาย แต่คุณไม่กังวลแม้แต่น้อยนิดเลยเหรอ?
จะกินเต้าหู้ร้อนไม่ได้ นักศึกษายังเด็กอยู่ ปล่อยให้พวกเขาเติบโตขึ้นทีละขั้น
อย่าเร่งรีบให้พวกเขาเป็นปรมาจารย์ในเร็ววันจนเกิดความเสียหายตามมา
กองทัพมีคนอย่างคนมากมาย ดูเอาเองสิ กองทัพมีปรมาจารย์เท่าไหร่เชียว?
เงินทุนที่กระทรวงการคลังจัดสรรให้ทุกปี กองทัพได้มากที่สุด มากกว่ามหาลัยวิชายุทธถึงสิบเท่า!
แต่สุดท้าย พวกคุณก็รู้จักแต่ใช้ชีวิตของผู้คนมาเติมเต็มช่องว่าง พวกคุณทุกคนต้องรับผิดชอบนักรบที่สละชีวิตไปเพราะกองทัพ ถ้าพวกคุณมีปรมาจารย์หรือยอดฝีมือเพิ่มอีกสักคน คุณจะช่วยชีวิตผู้ที่ต้องตายได้มากอีกขนาดไหน?
ไปบอกผู้บัญชาการสูงสุดหลี่เอง
ถังเฟิงแค่นเสียงและคิด ‘คุณก็เป็นแต่ใช้ผู้บัญชาการสูงสุดหลี่มาขู่ แต่คุณลืมคิดถึงช่วงเวลาที่ปรมาจารย์มหาลัยวิชายุทธของฉันมีความกล้ามากพอที่จะตั้งคำถามกับปัญหาการศึกษาของมหาลัยวิชายุทธไปสนิท’
…
พวกฟางผิงย่อมไม่ทราบถึงการถกเถียงที่เกิดขึ้นทางฝั่งของถังเฟิง
แถมจากความเคยชิน พวกเขาจึงไม่ได้จัดให้ใครเฝ้ายาม
ก่อนหน้านี้ตอนที่ทุกคนทำภารกิจ อาชญากรต่างเอาแต่หลบหนี ไม่มีใครคิดจะโต้กลับ
แม้แต่ตอนนี้ ทุกคนต่างก็รู้ดีว่าห่างออกไปสิบห้ากิโลเมตร มีผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วอยู่หลายร้อยคน แต่ในใจของพวกเขา ศัตรูแค่รอให้พวกเขาเข้าไปสังหาร ไม่มีใครคิดถึงความเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายอาจจะลงมือซุ่มโจมตีตนเองเลย
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงกลับไปที่เต็นท์เพื่อเก็บแรงไปลงมือในวันพรุ่งนี้
…
ณ เวลาตีสี่
ในค่าย นักศึกษาส่วนใหญ่ยังคงหลับสนิท
ผู้ฝึกยุทธก็เป็นมนุษย์ พวกเขาต่างก็ต้องการพักผ่อน เวลานี้คนส่วนใหญ่จึงยังหลับใหลกันอยู่
ขณะที่ฟางผิงกำลังอยู่ในห้วงความฝัน ร่างกายเขาก็พลันสั่นสะท้าน ฟางผิงลุกขึ้นมาฉับพลัน หยิบดาบยาวที่อยู่ข้างตัวตะคอกเสียงเย็น ใคร?
ชู่ว!
ท่ามกลางความมืดมิด มีร่างเงาสลัวๆปรากฏให้เห็น เสียงกระซิบดังขึ้น ฉันเอง
เชี่ย!
ฟางผิงสบถในความมืด เวลานี้คนอื่นที่อยู่ในเต็นท์ก็ตื่นขึ้นมาแล้ว จ้าวเหล่ยขมวดคิ้ว กู้เสียง?
ฉันเอง
กู้เสียงเดินออกมาจากเงามืด ไม่สนใจฟางผิงที่ยังคงถือดาบมาทางตน เขาเปิดปากพูด ฉันแค่อยากมาบอกว่าค่ายอาจถูกซุ่มโจมตีก็ได้ ถ้านายไม่เหนื่อยก็ไปเฝ้ายามกับฉันเถอะ
ซุ่มโจมตีค่าย?
ฟางผิงโง่งมไปชั่วครู่ กู้เสียงพูดต่อด้วยเสียงแผ่วเบา ถูกต้อง อันที่จริงเมื่อกี้ตอนที่ไม่มีใครพูดถึง ฉันก็กะจะพูดแล้ว
แต่ตอนนั้นทุกคนรีบแยกย้ายกันไป ฉันเลยไม่ได้พูด
โอกาสที่จะถูกซุ่มโจมตีค่ายนั้นมีสูงมาก ต่อให้ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วจะไม่คิดถึง แต่อาจารย์ต้องอยากสอนบทเรียนให้เราแน่นอน
ในกองทัพกับในถ้ำใต้ดิน จะนอนผู้ฝึกยุทธก็ต้องหลับตาข้างเดียวนอน เราหละหลวมเกินไป
นายไม่อ่อนแอ แถมยังมาจากหนานเจียงเหมือนกัน ไปเฝ้ายามกันเถอะ ต่อให้เราไม่เจอการซุ่มโจมตี เราก็ได้คะแนนจากอาจารย์เพิ่ม
ท่านประธานบอกว่าช่วงเวลาสำคัญ ให้ฉันพาคุณไปด้วยได้
ประธาน?
ใช่
พี่หวังขุดหลุมใส่ฉันหรือยอมรับฉันกันแน่?
ฟางผิงบ่นอุบอิบ หลังครุ่นคิดเสร็จ เขาก็ลุกขึ้นยืน ก็ได้ ที่นายพูดมาก็ค่อนข้างมีเหตุผล ไปเดินดูรอบๆกันเถอะ
เราจะไปด้วย
ฟางผิงหันไปมองพวกฟู่ชางติ่งครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้า งั้นก็ไปด้วยกัน ถ้านายเจอปัญหาจริง ก็รีบขอความช่วยเหลือ
…
พวกเขาหลายคนเดินออกมาจากเต็นท์ด้วยกันจนมาถึงทางเข้าค่าย
เมื่อเจอที่มืดๆ ฟางผิงก็นั่งลงแล้วเอ่ยถาม นายเคยไปถ้ำใต้ดินเหรอ?
กู้เสียงไม่ได้นั่งลง เขามองไปรอบๆก่อนจะตอบ ฉันเคยไปครั้งหนึ่ง
รู้สึกยังไงบ้าง?
เลวร้ายมาก
หืม?
ตอนที่ฉันไป มันเป็นการต่อสู้ระหว่างสองกองทัพพอดี มันเป็นกองทัพอาวุธเย็นของจริง! มีผู้บาดเจ็บล้มตายมากมาย ผู้สำเร็จราชการตงหลินบุกไปแนวหน้าด้วยตนเอง บางทีนายอาจจินตนาการสนามรบไม่ออก ขนาดคุณลุงหน้าตาหล่อเหลาแบบนั้นยังฉีกศัตรูเป็นชิ้นๆทั้งเป็น!
นั่นคือตอนที่ฉันตระหนักว่าความแค้นที่เรามีต่อถ้ำใต้ดินนั้นไม่มีวันจบสิ้นตั้งนานแล้ว
เบื้องหน้าผู้สำเร็จราชการตงหลินรักผู้คนของตนเหมือนเป็นลูกๆ แต่ในถ้ำใต้ดิน มนุษย์ในถ้ำใต้ดินต่างก็คิดว่าเขาเป็นปีศาจไม่ก็เป็นเพชฌฆาต
กู้เสียงกล่าวนิ่งๆ เขาพูดต่อ จากนั้นฉันก็เข้าสู่สนามรบเหมือนกัน ฉันสังหารคนไปมากมาย ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ธรรมดาในถ้ำใต้ดินและกองทัพถ้ำใต้ดิน
ฟางผิง นี่เป็นสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์
เป็นสงครามที่ไม่มีวันจบ!
ในถ้ำใต้ดิน สิ่งที่ไม่จำเป็นที่สุดก็คือความเมตตา
ฟางผิงมุมปากกระตุก ฉันรู้
ไม่ นายไม่รู้!
กู้เสียงส่ายหน้า สงครามระหว่างมนุษย์กับถ้ำใต้ดินบางครั้งก็อาจทำให้ผู้คนสับสน ยกตัวอย่าง มนุษย์เราจะฆ่าล้างหมู่บ้านมนุษย์ถ้ำใต้ดิน ตัดหัวทารกที่อยู่ในห่อผ้า
นายนึกภาพตัวเองทำแบบนั้นได้ไหม?
ฟางผิงเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว พอถึงตอนนั้นฉันก็นึกออกเอง ถ้ามันจำเป็นจริงๆ ฉันฟางผิงก็ไม่ใช่คนใจอ่อน!
ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ
กู้เสียงกล่าวเสริม เพราะฉะนั้น เมื่อเผชิญกับผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่ว เราถึงต้องปฏิบัติต่อพวกมันเช่นเดียวกับถ้ำใต้ดิน สังหารพวกมันให้หมด!
พรุ่งนี้เราอาจเจอคนธรรมดาบ้าง หรืออาจเจอแม้แต่เด็ก ผู้หญิงหรือคนแก่ที่อ่อนแอ แต่เวลานี้พวกคนที่ยังรั้งอยู่กับผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วล้วนเป็นผู้ภักดีเดนตายของพวกมัน
ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วเวลาหนีย่อมไม่พากึ่งสาวกพวกนี้ไปด้วยตลอด นายเข้าใจความหมายใช่ไหม?
อืม
ครั้งนี้ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วถูกกองทัพหนานเจียงกับปรมาจารย์หลายท่านบังคับให้หลบหนี ถ้าคนพวกนี้ไม่ใช่ผู้ศรัทธาเดนตาย พวกเขาคงถูกทิ้งไปนานแล้ว
ผู้ศรัทธาเดนตายนั้นแตกต่างกัน เพราะงั้นพวกเขาจึงยังรั้งอยู่ได้
ณ จุดนี้ คนที่ยังปะปนอยู่กับผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วล้วนเป็นผู้ศรัทธาเดนตายที่ถูกล้างสมองไปนานแล้ว
คนอื่นๆก็กำลังฟังทั้งสองคุยกันอยู่เช่นกัน
หลังจากนั้นสักครู่ กู้เสียงก็พูดขึ้นมากะทันหัน ฉันว่าฉันได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง
ฟางผิงก็ได้ยินการเคลื่อนไหวเช่นกัน เขาคิ้วขมวดทันที
เมื่อได้ยินเสียงใกล้เข้ามา ฟางผิงก็กระซิบเบาๆ นายพูดถูก พวกคนที่อยู่ตรงหน้า พวกเขามาจากกองทัพหรือมหาลัยวิชายุทธ?
กองทัพ
พวกเขาโหดร้ายจริงๆ พวกเขาบังคับให้เราจดจำ
ฟางผิงเดาความคิดของกองทัพได้ทันที ‘คุณไม่เฝ้ายามตอนกลางคืนเหรอ?’
‘ได้ หลังถูกซุ่มโจมตีครั้งนี้ คุณจะไม่มีวันลืมอีก!’
ส่วนผู้บาดเจ็บล้มตาย มันก็คงมีไม่มากนัก
มีผู้ฝึกยุทธสองสามร้อยคนอยู่ที่นี่ ทุกคนล้วนเป็นผู้ฝึกยุทธขั้นสองขั้นสาม เมื่อไหร่ที่พวกเขารู้ตัว พวกเขาก็จะตอบสนองและโต้กลับได้อย่างรวดเร็ว
แต่ไม่ว่าอย่างไร ถ้าพวกเขาไม่ระมัดระวังแม้แต่ครู่เดียว มือสังหารระดับสูงก็จะเข้ามาในค่ายได้ จำนวนผู้บาดเจ็บล้มตายย่อมไม่ใช่น้อยๆแน่นอน
…
เจ้าเด็กพวกนี้ทำเหมือนพวกเราเป็นหินรองเท้า!
หน้าค่าย ผู้ฝึกยุทธสองสามคนมารวมตัวกันแล้วกระซิบกันเบาๆ
ฉันเห็น แต่ตอนนี้เราหนีจากวงล้อมไม่ได้ ฆ่าหนึ่งคนก็กำไรหนึ่งคน พวกมันทำเหมือนเราเป็นหินรองเท้าไม่ใช่เหรอ? งั้นเราก็สนองความต้องการของพวกมันกัน ไม่รู้สิ เจ้าเด็กจากมหาลัยวิชายุทธในค่ายอาจเป็นผู้ฝึกยุทธทั่วไปที่ถูกหลอกเหมือนเราก็ได้…
ไม่ว่ามันจะเป็นใครก็ฆ่า! มาเท่าไหร่ก็ฆ่าเท่านั้น!
พวกเขาคุยกันเงียบๆ ส่วนเรื่องความตาย…พวกเขาถูกโอบล้อมมานานแล้ว แถมยังไม่มีสัญญาณความช่วยเหลือ พวกเขารู้ดีว่าความตายเป็นทางรอดทางเดียวของตน
อย่างไรก็ตามพวกเขาเชื่อว่าต่อให้ต้องตายมันก็คุ้มค่า!
มันเป็นความดีความชอบของพวกเขาเพื่อความสงบสุขของโลก!
รอเมื่อโลกหลอมรวมกัน พระสันตะปาปาจะรวมโลกเป็นหนึ่งได้แน่นอน จากนั้นพวกเขาก็อาจจะคืนชีพมาเช่นกัน
ถ้ามนุษย์ถ้ำใต้ดินคืนชีพได้ งั้นพระสันตะปาปาที่ควบคุมโลกทั้งใบก็ย่อมทำได้เช่นกัน
ความตายไม่ได้น่ากลัว!
ขณะที่พวกเขาคุยกันว่าจะทำอย่างไร ผู้ฝึกยุทธของกองทัพที่อยู่ข้างหน้าก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วไม่ได้แปลกใจเลย เจ้าพวกนี้คงไปรอดูผลลัพธ์อยู่ข้างนอก
ผู้ฝึกยุทธที่เป็นผู้นำเผยรอยยิ้มบนใบหน้า พูดเสียงแผ่วเบา ฆ่าให้มากที่สุด ฉันจะกลับสู่โลกที่แท้จริงไม่ช้าก็เร็ว!
สามคนข้างหลังพยักหน้าอย่างจริงจัง!
การคืนชีพ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาเชื่อมั่นอย่างไม่มีสั่นคลอน!
ช่วงเวลาต่อมา ทั้งสี่ก็เคลื่อนไปข้างหน้า เข้าไปใกล้ค่าย
เมื่อพวกเขาอยู่ห่างจากค่ายไม่ถึงสิบเมตร คนท้ายสุดก็รู้สึกหนังศีรษะชาวาบ สายลมส่งเสียงหวีดหวิวดังอยู่เหนือหัว!
มีคน!
ฉับ!
ฟางผิงที่อยู่กลางอากาศ ฟันดาบจากบนลงล่าง สะบั้นอีกฝ่ายเป็นสองท่อน!
ขั้นว่างเปล่าทำให้คนเหยียบกลางอากาศที่ว่างเปล่าได้อย่างแท้จริง!
ปรมาจารย์…ไม่สิ ผู้ฝึกยุทธที่สำเร็จขั้นว่างเปล่า!
ทั้งสามที่อยู่ข้างหน้าก็ได้ยินเสียงเช่นกัน พวกเขารีบออกห่าง จ้องมองฟางผิงอย่างเย็นชา
ขั้นสามสี่คน ไม่เท่าไหร่ ไม่สิ…ตอนนี้เหลือแค่ขั้นสาม!
ฟางผิงหัวเราะเบาๆ จากนั้นเขาก็พูด ฉันจัดการหัวหน้าเอง ที่เหลือพวกนายแบ่งกันไป!
สิ้นเสียงพูด ฟางผิงก็บุกจู่โจมไปทางผู้นำของศัตรู
ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วทั้งสามอยากล้อมฟางผิง แต่วินาทีต่อมา กู้เสียงก็โผล่ออกมาจากเงามืด ขวางหนึ่งในคนเหล่านั้น
ฟู่ชางติ่ง จ้าวเหล่ย ถังซ่งถิงและคนอื่นๆก็โผล่มาอย่างรวดเร็วแล้วล้อมเอาไว้คนหนึ่ง
ฆ่ามัน!
ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วทั้งสามคำรามก้อง ต่อสู้กับพวกฟางผิงอย่างไม่เกรงกลัวความตาย
ฟางผิงถือดาบฟันจากบนลงล่าง อีกฝ่ายวาดดาบแนวนอน เสียงปะทะกันดังขึ้นทั่วค่าย ในค่ายก็เริ่มมีเสียงร้องตะโกนของนักศึกษาแล้ว
ขั้นสามชั้นกลาง!
แววตาของฟางผิงจริงจังขึ้น นับตั้งแต่บรรลุขั้นสาม นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เขาได้เจอกับผู้ฝึกยุทธระดับขั้นเดียวกัน แต่ปราณและเลือดของอีกฝ่ายน้อยกว่าเขาเล็กน้อย
เคร้ง…
เสียงโลหะปะทะกันดังขึ้นไม่หยุด ใต้ท้องฟ้ายามราตรี ประกายไฟปลิวว่อนทุกทิศทาง ฉายแสงจนเห็นหน้าพวกมัน
ถ้าแกมีฝีมือก็แสดงออกมาให้ฉันเห็น!
ฟางผิงยั่วยุอีกฝ่าย ทำให้หลังถูกยั่วยุ อีกฝ่ายจึงทุบอกตัวเองฉับพลัน ปราณและเลือดไหลเวียนทั่วร่างกาย พริบตานั้นดาบในมือศัตรูก็พุ่งเข้าหาฟางผิงปานสายฟ้าแลบ!
ฟางผิงอยากก้าวถอย แต่เพียงเสี้ยววิ สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้น เขาคำรามกึกก้อง วาดดาบออกไป!
เคร้ง!
เกิดเสียงดังก้องขึ้นอีกครั้ง ฟางผิงแขนสั่น รู้สึกหน่วงๆตรงอก เขากระอักเลือดอย่างกลั้นไม่อยู่
เชี่ย แกมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ!
ฟางผิงสบถเสียงดัง ไม่พัวพันกับอีกฝ่ายอีกต่อไป ดาบเขาทอประกายวูบกลางอากาศ ฝ่าเท้าย่ำอากาศ พาร่างกายลอยขึ้น เริ่มฟาดดาบลงมาไม่หยุด!
ฟางผิงที่สำเร็จขั้นว่างเปล่าครองความได้เปรียบด้านภูมิประเทศมากกว่า อีกฝ่ายไม่สามารถหลบทุกการโจมตีได้ จึงทำได้แต่ป้องกันเท่านั้น
เสียงดาบปะทะกันดังขึ้นมาไม่หยุด ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วที่เป็นผู้นำลืมไปแล้วว่าฟางผิงฟันมากี่ครั้ง
วินาทีสุดท้ายก็เกิดเสียงคลิกขึ้นมาเบาๆ จากนั้นวิสัยทัศน์ของผู้ฝึกยุทธที่เป็นผู้นำก็มืดลง ที่เขาเห็นมีเพียงปลายดาบสีแดงเลือดทอประกายวาบผ่านไป
แปดร้อยแคล แปดแสน!
คำพูดสุดท้ายที่เขาได้ยินก่อนที่สติจะค่อยๆเลือนรางเป็นคำพูดที่เขาไม่อาจเข้าใจได้
ฟางผิงถอนหายใจเก็บดาบ ถ้าไม่รู้ก็คงดี ครั้งนี้เขาใช้ปราณและเลือดไปแปดร้อยแคล ตีเป็นค่าทรัพย์สินก็แปดแสน คนพวกนี้ไม่ได้ถูกล้อมสังหาร งั้นสินสงครามก็ควรเป็นของเขาใช่ไหม?