ขณะที่บรรดาอาจารย์เห็นตรงกัน พวกฟางผิงก็เกือบมาถึงหมู่บ้านผานสือแล้ว
เพราะมันถูกกำหนดให้เป็นพื้นที่สงคราม เวลานี้หมู่บ้านใกล้เคียงทั้งหมดจึงถูกทิ้งร้าง ระหว่างทางพวกเขาไม่พบผู้คนแม้แต่คนเดียว
ครั้งนี้เราจ่ายไปไม่น้อยเลย… ฟางผิงถอนหายใจ เพื่อฝึกทหาร หนานเจียงจ่ายไปมหาศาล
อพยพผู้คนจำนวนมากแบบนี้ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา
ยิ่งกว่านั้นเมื่อหนานเจียงประกาศซ้อมรบในประเทศตอนนาทีสุดท้าย รัฐบาลก็โดนประณามอย่างกว้างขวาง
นายว่าสมาชิกลัทธิชั่วคนอื่นอยู่ไหน? ฟางผิงเอ่ยถาม ครั้งนี้ไม่ใช่แค่นักศึกษามหาลัยวิชายุทธที่เข้าร่วมการฝึกฝนเท่านั้น กองทัพก็ฝึกทหารด้วย แถมหมู่บ้านผานสือยังไม่ใช่แหล่งกบดานเพียงแห่งเดียว หยูเซี่ยงฮวาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว พวกมันน่าจะอยู่ที่นี่ทั้งหมด หนานเจียงจะไม่กำหนดเขตทหารมากเกินไป ไม่งั้นจะเกิดปัญหามากมาย
ตอนนี้เราอยู่พื้นที่ชนบททางเหนือของชางหนาน นอกเสียจากจะเกิดเรื่องร้ายแรง ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วควรถูกบีบให้มาอยู่ที่นี่ทั้งหมด
ถ้าเราไปทางอื่น บางทีเราอาจไปถึงแหล่งกบดานอื่นที่ถูกโอบล้อมอยู่ก็ได้
แววตาฟางผิงทอแววเล็กน้อย ถ้าเราทำภารกิจเสร็จ เราไปช่วยคนอื่นโอบล้อมแหล่งกบดานเป็นไง? เราจะได้ผลประโยชน์เพิ่มขึ้นไหม?
ทุกคนคิ้วขมวดเล็กน้อย ฟางผิงยิ้ม ไว้เสร็จงานแล้วค่อยทบทวนเรื่องนี้กันใหม่ ถ้าผู้ฝึกยุทธขั้นสามไม่มีอะไรทำก็มาร่วมกับฉัน ได้สินสงครามเพิ่มก็ดีเหมือนกัน
หลังเดินมาครึ่งค่อนวันก็มองเห็นหมู่บ้านรำไรแล้ว
เมื่อพวกฟางผิงมาถึง พวกเขาก็ได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่น!
พวกเขาอยู่ห่างจากหมู่บ้านผานสือไม่ถึง 500 เมตรจู่ๆก้อนหินขนาดใหญ่ก็ตกลงมาจากฟากฟ้า!
ทุกคนไม่เคยพบเจอสถานการณ์เช่นนี้มาก่อน พวกเขายืนอึ้งอยู่กับที่ วินาทีถัดมา ก็มีคนคำรามก้อง ถอย!
ทุกคนถอยกลับ กู้เสียงตะโกน ผู้ฝึกยุทธขั้นสามคุ้มกัน!
ตอนแรกฟางผิงกับอีกสองสามคนที่อยู่กับเขาก็อึ้งเหมือนกับคนอื่นๆเช่นกัน แต่เมื่อเขาได้ยินคำสั่งของกู้เสียง ฟางผิงก็เคลื่อนไหวทันที เขาดีดตัวกับพื้น แหว่งดาบใส่หินที่พุ่งมาหากลุ่ม
เกิดเสียงดัง ‘ปัง’ ก้อนหินแตกกระจาย แทบไม่เหลือภัยคุกคาม
ผู้ฝึกยุทธขั้นสามคนอื่นๆ ไม่ว่าจะด้วยอาวุธ จะด้วยกำปั้นหรือขา พวกเขาก็ลงมือปิดกั้นก้อนหินด้วยกัน
ทุกคนรีบก้าวถอยออกนอกระยะโจมตี
พวกฟางผิงก็รีบถอยเช่นกัน แม้การใช้ดาบทำลายหินจะดูดีมาก แต่มันก็ผลาญปราณและเลือดไปมากมายเช่นกัน ทุกคนจึงไม่กล้าทำลายอย่างผลีผลาม
เมื่อพวกเขาก้าวถอยไป ในฝูงชนก็มีเสียงคนแผดร้อง
เสี้ยววินาทีต่อมาก็มีใครบางคนร้องตะโกน มีคนอยู่ใต้ดิน!
บัดซบ ทุกคนกระจายไปสังหารพวกมัน! ฟางผิงคำราม เขาก้าวเท้าออกไป ใช้ดาบในมือตัดหัวผู้ฝึกยุทธที่พึ่งคลานออกมาจากใต้ดินในดาบเดียว!
ทุกคน สู้!
เมื่อทุกคนเริ่มสู้กัน สถานการณ์ก็วุ่นวายหนักขึ้นไปอีก
…
ห้านาทีถัดมา สถานการณ์ก็สงบลง
มีคนพูดขึ้นมาเบาๆ ตายสามคน…
ผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่ววางแผนไว้ก่อน ขุดหลุมไว้หลายที่แล้วซุกซ่อนคนไว้เกือบ 20 คน
โจมตีด้วยก้อนหินเป็นการนำร่อง ขณะที่เหล่านักศึกษาตื่นตระหนกจนไม่ทันตั้งตัว แม้จำนวนจะมากกว่าศัตรูถึงสิบเท่า แต่สุดท้ายก็มีคนเสียชีวิตถึงสามคน
บัดซบ!
ฟางผิงอารมณ์เสียมาก ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ล้วนเป็นผู้แข็งแกร่ง ถ้าพวกเขาเจอผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วตรงๆ ต่อให้ทั้งลัทธิจะมาโจมตีพวกเขา พวกเขาก็อาจไม่มีผู้เสียชีวิตก็ได้ อย่างไรก็ตามทันทีที่พวกเขามาถึง ก็มีคนเสียชีวิตถึงสามคน แถมยังมีผู้บาดเจ็บอีกไม่น้อย
ในฝูงชนผู้ฝึกยุทธสาวสะอื้นเบาๆ นักศึกษาที่เสียชีวิตไปมีเพื่อนและเพื่อนร่วมชั้นรวมอยู่ด้วย
คนจากจิงอู่ไม่มีใครเสียชีวิต แต่มีบาดเจ็บอยู่หลายคน ผู้เสียชีวิตทั้งหมดมาจากมหาลัยวิชายุทธแห่งอื่น
กู้เสียงถอนหายใจ เขาพูดเบาๆ นี่แหละสงคราม ถ้ำใต้ดินอันตรายยิ่งกว่านี้อีก…
พอแล้ว! ฟางผิงขัดจังหวะ ไม่ว่านายจะว่ายังไง สุดท้ายมันก็เป็นเพราะเราแข็งแกร่งไม่พอ!
ถ้าเราเป็นปรมาจารย์ พวกมันจะซุ่มโจมตีไหมมันก็ไม่สำคัญหรอก!
จากนั้นฟางผิงก็กัดฟันกรอดแล้วพูด คนพวกนี้ทำเครื่องยิงหินได้ด้วยเหรอ?
หานซวี่จากจิงอู่เดินเข้ามา มองดูหมู่บ้านผานสือที่อยู่ห่างออกไป เขาพูดเสียงหม่น ถ้าจะทำ ผู้ฝึกยุทธสร้างขึ้นมาได้ง่ายๆเลย ด้วยความแข็งแกร่งของผู้ฝึกยุทธ ถ้าจะเตรียมการล่วงหน้าแล้วสร้างเครื่องยิงหินสักสองสามเครื่อง พวกเขาสามารถจำลองผลของเครื่องยิงหินได้ด้วยพลังของตัวเอง
หลังพูดจบหานซวี่ก็พูดต่อ ในสถานการณ์ตอนนี้ ทุกคนกำลังขวัญเสีย แถมยังกังวลเรื่องกับดักอื่นๆอีก…
นายจะพูดอะไรก็พูดมาตรงๆ!
ที่เราจิงอู่จะพูดก็คือเราไม่ควรสู้เป็นกลุ่มใหญ่อีก มันไม่สอดคล้องกับรูปแบบของผู้ฝึกยุทธ
เราไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธของกองทัพ เราเป็นผู้ฝึกยุทธอิสระ
จะมาเลียนแบบกลยุทธ์ของกองทัพสุ่มสี่สุ่มห้าก็ไม่ใช่เรื่องดี
เราควรแบ่งเป็นหลายทีม ทั้งทีมเล็กและลุยเดี่ยว!
ยอดฝีมือตั้งทีมอื่นแล้วบุกโจมตีหมู่บ้านผานสือซึ่งๆหน้า
เราจะกันหินแล้วเปิดทางให้คนข้างหลังเข้าไปบุกสังหารด้วยกัน ศัตรูแข็งแกร่งไม่เท่าเรา เราควรเป็นเหมือนดาบที่แหลมคม ไม่ใช่ทหารในสนามรบ!
หานซวี่กล่าวเสริม เกรี้ยวกราดดุจเปลวเพลิง รวดเร็วดั่งสายลม นั่นแหละคือผู้ฝึกยุทธ!
บุกจู่โจมซึ่งๆหน้า สังหารเท่าที่ไหว ถ้าไม่ไหวเราก็รีบล่าถอย พวกมันเป็นหนูติดจั่น ไม่ใช่เรา!
สู้กับคนหมู่มาก เราพึ่งมีประสบการณ์ครั้งแรก เราจำเป็นต้องพัฒนารูปแบบการต่อสู้ของเราเอง ไม่ใช่หลับหูหลับตาเลียนแบบคนอื่น
ฟางผิงบ่นพึมพำ มันทำให้แผนเดิมของเราวุ่นวายไปหมด…
ก่อนหน้านี้เราเป็นแค่กลุ่มมือใหม่ เป็นแค่การพูดบนกระดาษ! ตอนนี้เราตายกันไปสามคนแล้ว แถมเรายังไปไม่ถึงรังของศัตรูด้วยซ้ำ ทั้งสามตายอย่างสูญเปล่า…
หานซวี่ถาม โม๋อู่นำได้ไหม?
ฟางผิงยังคงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนกระทั่งเขาเห็นจินเหล่ยเดินกะเผลกมา เขาจึงกล่าวขึ้นมาฉับพลัน เอาล่ะ ตกลง ฝ่ายเราจะส่งผู้ฝึกยุทธขั้นสาม 3 คนกับขั้นสองสูงสุด 7 คนไป ตั้งเป็นทีม 10 คน
เดี๋ยวเราจะบุกโจมตีด้วยกันซึ่งๆหน้านี่แหละ!
ตอนนี้พวกเรายังมีปราณและเลือดเต็มเปี่ยม ต่อให้เจอกับศัตรูที่แข็งแกร่ง เราก็ยังมีพลังสู้!
ถ้าเราชักช้าอยู่อีก เราจะรักษาระดับความแข็งแกร่งในตอนนี้ไว้ไม่ได้!
หานซวี่พยักหน้า จิงอู่จะทำแบบเดียวกัน เราจะรวมทีม 30 คนแล้วแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มเล็ก จิงอู่จะโจมตีประตูหลักของหมู่บ้าน นายจัดการจากด้านข้างทั้งสองฝั่ง จากนั้นเราจะล้างบางพวกมันด้วยกัน!
คนอื่นโอบล้อมหมู่บ้านทั้งสามฝั่ง ต่อให้นายบีบบังคับศัตรูขึ้นไปบนเขา นายก็ยังจำเป็นต้องเพิ่มขวัญกำลังใจ!
ฟางผิงพยักหน้า เขาไม่ได้พูดอะไรอีก แต่กลับเดินไปหาพวกหยูเซี่ยงฮวาแทนเพื่อหารือกลยุทธ์ใหม่
กลยุทธ์เดิมอ้างอิงจากสมมติฐานว่าศัตรูรอพวกเขาโจมตีอย่างโง่เขลา ตอนนี้เห็นได้ชัดแล้วว่ามันไม่ได้เป็นไปตามแผน
นี่เป็นครั้งแรกเช่นกันที่ฟางผิงมีประสบการณ์การต่อสู้ขนาดใหญ่ของผู้ฝึกยุทธ
บางทีเมื่อพูดถึงถ้ำใต้ดิน การต่อสู้ของคนหลายร้อยคนอาจไม่ใช่การต่อสู้ขนาดใหญ่ แต่สำหรับฟางผิง เขาเรียนรู้มากมายจากเรื่องนี้ มันมากเกินไปด้วยซ้ำ
เวลานี้เขาเข้าใจจุดประสงค์ของการประเมินในระดับหนึ่งแล้ว
นี่เป็นโอกาสที่ทุกคนจะพัฒนารูปแบบการต่อสู้เป็นของตัวเอง แทนที่จะหลับหูหลับตาเลียนแบบคนรุ่นก่อน
ส่วนการเสียชีวิตของนักศึกษาไม่กี่คน ฟางผิงไม่รู้ว่าการเสียสละของพวกเขาจะคุ้มค่าไหม
บางทีในสายตาของหลายๆคน เมื่อต้องประสบกับความตายด้วยตัวเองเท่านั้น ถึงจะจำบทเรียนตอนนั้นได้อย่างล้ำลึก
เพราะไม่ว่าพวกเขาจะพูดให้ตายยังไง ความตายของคนอื่น ทุกคนอาจไม่เก็บไปคิดจริงจัง
‘อันที่จริง สุดท้ายคนอ่อนแอก็ยังตกเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง คนอ่อนแอถูกกำจัด ผู้แข็งแกร่งอยู่รอด ผู้ที่ปรับตัวได้จะอยู่รอด…’ ฟางผิงครุ่นคิดในใจ ‘ถ้าเป็นอย่างนั้น ฉันอยากเป็นหนึ่งในผู้แข็งแกร่งมากกว่าเป็นคนอ่อนแอ!’
เสียชีวิตโดยไม่รู้ตัวในการทดสอบมีค่าน้อยกว่าเสียชีวิตในถ้ำใต้ดินเสียอีก
‘แม้แต่ในถ้ำใต้ดิน ผู้แข็งแกร่งก็มีสิทธิ์ออกเสียง คนที่แข็งแกร่งระดับผู้บัญชาการหลี่เจิ้นก็สามารถเดินทางในถ้ำใต้ดินได้อย่างอิสระ…’
ฟางผิงสูดหายใจลึกๆ ไม่นานนักศึกษาโม๋อู่อีก 9 คนก็มาถึง
เดี๋ยวเราจะจู่โจมจากฝั่งขวา! ฆ่าหนึ่งก็นับหนึ่ง ถ้าฆ่าไม่ได้ก็ให้รอสัญญาณแล้วถอนตัวพร้อมกัน อย่าหนีมั่วซั่ว!
คนอื่นให้รออยู่ข้างนอก! พอเราปล่อยให้เข้าไป ก็เข้าไปเข่นฆ่าทันที! ถ้าเราไม่ปล่อยให้เข้าไปก็รีบถอนตัว!
ผู้ฝึกยุทธต้องยืดหยุ่นสูง เราไม่จำเป็นต้องเหมือนคนธรรมดาที่ต้องใช้ชีวิตมาเติมเต็ม! ยอดฝีมือที่แข็งแกร่งผู้ฝึกยุทธลัทธิชั่วที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงคนเดียวก็กวาดล้างลัทธิชั่วได้ทั้งลัทธิ!
ฟางผิงคำนวณในใจคร่าวๆ หลังออกคำสั่ง ทุกคนก็เริ่มเตรียมตัวบุกโจมตี
เมื่อจ้าวหยาง กู้เสียงและอีกหลายๆคนเตรียมตัวอยู่อีกฝั่งซ้าย ทั้งสามก็แลกเปลี่ยนสายตากัน จากนั้นฟางผิงก็แผดเสียงขึ้นมาเบาๆ ไป!
สิ้นเสียงพูด ผู้ฝึกยุทธทั้งสามด้านก็พุ่งไปทางหมู่บ้านผานสืออย่างรวดเร็ว
ก้อนหินก็เริ่มล่วงลงมาอีกครั้ง!