พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม – บทที่ 264 ใจหายใจคว่ำแต่ไม่มีอันตราย

บทที่ 264 ใจหายใจคว่ำแต่ไม่มีอันตราย

“อย่าไปสนใจพวกเขา นี่คือการป้องกันตัวที่ถูกต้องตามกฎหมายของพวกเรา พูดได้อีกว่า คนกลุ่มนี้ก็ไม่ใช่คนดีอะไร รอหลังจากที่กลับไปแล้วผมค่อยบอกกับพี่หกดูอีกที”

เนี่ยเฟิงปลอบโยนโจวลี่ซือทีหนึ่ง มองเห็นว่ามีเรือพลังเต็มเปี่ยมลำหนึ่งอยู่บนมหาสมุทร เขาพูดกับโจวลี่ซือก่อนว่า “พี่ห้า คุณรอผมอยู่นี่สักพักก่อน ผมขึ้นไปดูว่าบนเรือลำนั้นมีคนอยู่ไหม ถ้าหากว่าไม่มีคนล่ะก็ ผมตรวจสอบเชื้อเพลิงข้างในนั้นสักหน่อย พวกเราก็สามารถออกจากเกาะเล็กๆแห่งนี้ได้แล้ว”

โจวลี่ซือพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก เช็ดน้ำตาตรงขอบตาเช็ดแล้วเช็ดอีก เธอรู้ว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาร้องไห้ เพียงแค่ว่าเพิ่งได้เจอเหตุการณ์แบบนี้ ตนเองไม่สามารถปรับตัวให้เข้ากันได้

เนี่ยเฟิงขึ้นเรือไปอย่างระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง หลังจากผ่านการตรวจสอบทีหนึ่งพบเห็นว่าบนเรือไม่มีคนอื่นอยู่ นี่เนี่ยเฟิงจึงโล่งอกหนึ่งที จากนั้นพาโจวลี่ซือขึ้นเรือไปด้วย

“ผมตรวจสอบมาแล้วเชื้อเพลิงของเรือลำนี้เต็มเปี่ยม อีกทั้งบนเรือลำนี้ก็มีแผนที่ด้วย อีกสักครู่พวกเราขับตามจีพีเอสนำทางบนเรือ ก็สามารถกลับถึงท่าเรือได้

อีกทั้งเนี่ยเฟิงยังหาอาวุธอยู่บนเรือได้บางส่วน เขาไม่สามารถที่จะแน่ใจว่ามีคนซุ่มโจมตีอยู่ท่าเรือฝั่งนั้นหรือไม่ คนเหล่านี้จะเป็นคนทั้งหมดในกลุ่มทหารรับจ้างฟรังโคลินหรือไม่

ดังนั้นก่อนที่เนี่ยเฟิงจะเดินทางกลับให้โจวลี่ซือเปลี่ยนเสื้อสีแดงที่พวกเขาสวมใส่ จากนั้นยัดปืนกระบอกหนึ่งให้กับโจวลี่ซือ

ก็เป็นครั้งแรกที่โจวลี่ซือได้สัมผัสปืน เธอมองเห็นปืนกระบอกนี้มีความหวาดกลัวเล็กน้อยอย่างแปลกประหลาดมาก “เสี่ยวเฟิง แกเอาปืนให้กับฉัน แต่ว่าฉันก็ใช้ไม่เป็น”

“ไม่เป็นไร ผมจะสอนให้คุณใช้เป็นในตอนนี้”

พวกเขามองไม่เห็นเรือลำใดอยู่บนมหาสมุทร บนเรดาร์แสดงให้ดูว่าในบริเวณใกล้เคียงนี้ก็ไม่มีเรือลำใดเช่นกัน

ก็เนื่องเพราะว่าสิ่งต่างๆนานาล้วนไม่มี ดังนั้นพวกเขาเนี่ยเฟิงยิงปืนอยู่บนทะเลก็ไม่มีใครคนใดได้ยิน ก็ไม่เป็นไรสักนิดเช่นกัน

“ผมพินิจพิเคราะห์ปืนกระบอกนี้ให้กับคุณก่อน”

เนี่ยเฟิงพูดถึงส่วนประกอบของปืนกระบอกนี้คร่าวๆสักหน่อย โจวลี่ซือฟังจนอึ้งชะงักแล้วอึ้งชะงักอีก จากนั้นเนี่ยเฟิงยกมือขึ้น สาธิตให้โจวลี่ซือเห็นว่าควรจะยิงปืนอย่างไรหนึ่งรอบ โจวลี่ซือได้ยินเสียงปืน โดยจิตใต้สำนึกหดตัวหนึ่งที

“ไม่ต้องหวาดกลัว แรงสะท้อนกลับของปืนกระบอกนี้ไม่ได้รุนแรงขนาดนั้น เพียงแค่เล็งตรงก็สามารถยิงได้”

แม้ว่าคำพูดอย่างนี้ แต่ว่าตั้งแต่ไหนแต่ไรโจวลี่ซือล้วนไม่เคยยิงปืนมาก่อน ดังนั้นนี่สำหรับเธอมากล่าวแล้ว มีความยากลำบากเล็กน้อย แต่อยู่ภายใต้การสั่งสอนอย่างละเอียดรอบคอบของเนี่ยเฟิง โจวลี่ซือก็ยังยิงปืนนัดหนึ่งได้จริงๆ

“ฉันยังคงมีความรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย”

“นี่เพียงแค่ป้องกันเหตุบังเอิญเท่านั้น ผมห่วงว่าอีกสักครู่มีคนซุ่มโจมตีอยู่บนท่าเรือ ถ้าหากว่ามีคนอยู่จริงๆล่ะก็ ผมจะสู้สุดพลังปกป้องความปลอดภัยของคุณ แต่ผมกังวลว่าผมจะมีตอนที่ดูแลคุณไม่ถึง ดังนั้นจำเป็นต้องสอนเทคนิคการป้องกันตัวให้คุณบ้าง”

โจวลี่ซือพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก จากนั้นมีความสงสัยงงงวยเล็กน้อยถามว่า “เสี่ยวเฟิง ก่อนหน้านั้นแกก็ยิงปืนเป็นแล้วหรือ?ทำไมฉันรู้สึกว่าแกชำนาญต่ออาวุธปืนและยังมีประเภทกระสุนระเบิดเหล่านี้ขนาดนั้นล่ะ?”

ในเวลานี้เนี่ยเฟิงถอดเสื้อบนกายของตนเองออก ติดกระดุมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง และบนกายของเขามีบาดแผลใหญ่ๆเล็กๆ ดูแล้วโหดเหี้ยมเป็นพิเศษ

เนี่ยเฟิงรู้ว่าโจวลี่ซือจะต้องถามแน่นอน ดังนั้นเขายิ้มตอบกลับว่า “ประเทศอื่นๆไม่ค่อยเหมือนกับหวาเซี่ย เทียบกันแล้วหวาเซี่ยสันติภาพกว่า แต่ว่าประเทศอื่นๆมีห่ากระสุนปืน เพื่อปกป้องตัวเอง ผมจำเป็นต้องเรียนรู้ความรู้ด้านนี้จริงๆ”

ทันใดนั้นโจวลี่ซือตำหนิตนเอง ในใจคิดว่าอยู่ดีๆตนเองทำไมต้องถามคำถามอย่างนี้กับเนี่ยเฟิงล่ะ?

“ขอโทษ เสี่ยวเฟิง พี่พูดมากเกินไปแล้ว เกรงว่าพี่จะดึงเรื่องเสียใจของแกออกมาอีกแล้วล่ะ?”

“ไม่เป็นไร ผมรู้ว่าพวกคุณห่วงใยผมจึงถามเช่นนี้ ยิ่งกว่านั้นบาดแผลเหล่านี้ที่อยู่บนกายผมล้วนหายโดยสิ้นเชิงแล้ว พวกเรากลับไปตอนนี้ ก็ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะกังวลจนกลายเป็นลักษณะท่าทีแบบไหนแล้ว”

เนี่ยเฟิงพูดอยู่เพิ่มความเร็วมากขึ้น พวกเขากลับถึงท่าเรือ เนี่ยเฟิงระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งตรวจสอบสภาพการณ์ของท่าเรือ โชคดีว่าบนท่าเรือไม่มีใครคนใดเลย

เนี่ยเฟิงระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งพาโจวลี่ซือมาถึงข้างถนนของบริเวณใกล้เคียง โบกรถคันหนึ่งไว้ ในที่สุดก็พ้นจากท่าเรือกลับไปถึงในเมือง

หลังจากกลับถึงในเมือง โจวลี่ซือกับเนี่ยเฟิงนี่จึงโล่งอกหนึ่งที

“เสี่ยวเฟิง บาดแผลที่อยู่บนแขนของแกจำเป็นต้องไปจัดการที่โรงพยาบาลสักหน่อย!”

ตามความจริงแม้ว่าไม่จัดการบาดแผลที่อยู่บนแขน เนี่ยเฟิงก็สามารถรักษาตนเองหายได้เช่นกัน แต่ว่าเห็นลักษณะท่าทีของโจวลี่ซือแบบนี้ เนี่ยเฟิงก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องไปโรงพยาบาลสักรอบ เพราะเขาไม่รู้ว่าในตอนนี้โจวลี่ซือยังมีไข้อยู่หรือไม่

ทั้งสองคนมาถึงโรงพยาบาลของหมิงอี๋หานแล้ว

หลังจากหมิงอี๋หานได้ยินเนี่ยเฟิงได้รับบาดเจ็บแล้วร้อนใจอย่างมาก รีบเร่งเข้ามาทันที สีหน้าหนักอึ้งจัดการบาดแผลที่อยู่บนแขนให้กับเนี่ยเฟิง

หมิงอี๋หานได้เห็นบาดแผลที่อยู่บนแขนของเนี่ยเฟิงก็รู้ว่าเเย่เเล้ว “หญ้าสมุนไพรเหล่านี้ดูแล้วเกิดขึ้นตามป่า พวกคุณไปไหนมาแล้วล่ะ?”

หมิงอี๋หานทั้งจัดการบาดแผลให้แกเนี่ยเฟิงทั้งซักถาม

“แกก็อย่าคิดที่จะปิดบังฉันเช่นกัน ฉันรู้ว่าบาดแผลที่อยู่บนแขนของแกเป็นบาดแผลจากอาวุธปืน แกบอกกับฉันอย่างซื่อๆตรงๆดีที่สุด อย่าคิดที่จะตบตาผ่านไปได้”

เดิมทีเนี่ยเฟิงยังคิดอยู่ว่าจะต้องจัดเรียงข้ออ้างสักอย่างหรือไม่ แต่นึกไม่ถึงหมิงอี๋หานจะพูดเช่นนี้ เขาได้เพียงแค่บอกเล่าเรื่องที่อยู่บนเกาะเล็กๆให้หมิงอี๋หานฟังทั้งหมดล่ะ

หมิงอี๋หานได้ยินคำพูดเหล่านี้ของเนี่ยเฟิง ในทันทีตื่นตกใจหนึ่งที“นั่นช่างเเย่เเล้วจริงๆนะ ฝั่งตรงข้ามยังมีพวกเดียวกันหรือไม่?”

“ในตอนนี้ผมยังไม่ค่อยรู้ชัดเจน……”

ก็กำลังอยู่ในเวลานี้ เย่หรูเสว่ก็มาแล้วเช่นกัน หลังจากเย่หรูเสว่ได้รู้ถึงสภาพการณ์ในฝั่งนี้แล้ว รีบเร่งเข้ามาทันที

เมื่อกี้เธอได้ถามโจวลี่ซือที่อยู่ในห้องผู้ป่วยอีกห้องหนึ่งแล้ว

“พวกเราส่งคนไปสืบหาเกาะเล็กๆแห่งนั้นแล้วอีกไม่นานก็จะได้รับข่าวสาร อีกทั้งช่วงนี้ไม่ค่อยสันติสุขจริงๆ”

เย่หรูเสว่มีความเจ็บปวดใจเต็มดวงตาจ้องมองเนี่ยเฟิง “พี่สี่ คุณเย็บบาดแผลของเสี่ยวเฟิงให้ดีๆหน่อย บาดแผลนี้จะมีรอยแผลเป็นเหลืออยู่หรือไม่?”

“ถึงแม้ว่าเหลือรอยแผลเป็นอยู่ก็ไม่เป็นไร ถึงยังไงรอยแผลเป็นที่อยู่บนกายผมก็มากพอสมควรแล้ว” เนี่ยเฟิงแสยะปากพูดยิ้ม

“แกช่างพูดสุ่มสี่สุ่มห้าจริงๆ!” เย่หรูเสว่ตำหนิเนี่ยเฟิงทีหนึ่ง “พบเจอกับเรื่องที่ลักพาตัวไปขู่กรรโชกอย่างนี้ ทำไมแกไม่บอกฉันตั้งแต่แรกไปเสี่ยงตัวคนเดียวล่ะ? แกไม่รู้ว่าพวกพี่ๆของแกจะเป็นห่วงมากขนาดไหน!”

“แต่ว่าฝั่งตรงข้ามบอกแล้ว ถ้าหากว่าผมไปแจ้งตำรวจ งั้นพวกเขาก็จะฆ่าตัวประกัน……” เนี่ยเฟิงกะพริบตาอยู่ ตอบกลับอย่างน่าสงสารแบบนี้

“แต่ว่าแกก็ต้องบอกกับฉันไง แกไม่พูดฉันจะรู้ได้ยังไงว่าเรื่องนี้จะจัดการยังไงล่ะ? แกบุกเดี่ยวไปเผชิญหน้ากับคนมากมายขนาดนั้น ก็ถือว่าโชคดีจึงรอดมาได้ ถ้าหากว่าแกโชคร้ายหน่อยงั้นจะไม่จบเห่เลยเหรอ!”

เย่หรูเสว่ก็ไม่ได้มีความหมายจะตำหนิเนี่ยเฟิงเช่นกัน แต่เพียงแค่คือนึกถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกนึกกลัวในภายหลังอย่างมาก

“คุณก็อย่าตำหนิเสี่ยวเฟิงเลย เสี่ยวเฟิงก็ไม่ได้ตั้งใจเช่นกัน”

“พี่สี่ ตั้งแต่เล็กจนโตเสี่ยวเฟิงก็เป็นคนที่ถูกรักใคร่โปรดปรานที่สุด เสี่ยวเฟิงล้วนถูกคนตามใจจนเสียคนแล้ว พบเจอกับเรื่องอย่างนี้ควรที่จะปรึกษาหารือกับพวกเราจึงจะถูก! ไฮ่ ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ว่าแกแล้ว ให้แกพักรักษาบาดแผลที่ได้รับให้ดีๆเถอะ ฉันไปดูอาการของพี่ห้าแกสักหน่อย”

เนี่ยเฟิงพยักหน้าแล้วพยักหน้าอีก จากนั้น เขาจ้องมองไปยังหมิงอี๋หาน “พี่สี่ ตอนที่ผมตกเข้าไปในทะเลมือถือเหมือนพังแล้ว คุณสามารถช่วยผมไปซื้อสักเครื่องได้ไหม?”

พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม

พี่สาวเจ็ดคนที่สวยสง่าของผม

ผมมีพี่สาวเจ็ดคน ทุกคนสวยเลิศเลอเพอร์เฟ็กต์พี่ใหญ่ชิวมู่เฉิงเป็นประธานหญิงของโรงแรมอินเตอร์เนชั่นแนลพี่สองหยูจิงหงเป็นเทพเจ้าหญิงแห่งสงครามพี่สามหลินซูอินเป็นอาจารย์ของโรงเรียนมัธยมที่สวยที่สุดพี่สี่หมิงอี๋หานเป็นหมอที่สวยที่สุดพี่ห้าโจวลี่ซือเป็นแอร์โฮสเตสที่สวยที่สุดพี่หกเย่หรูเสว่เป็นตำรวจสาวที่สวยที่สุดพี่เจ็ดคังเมิ่งเป็นดาวโรงเรียน ยังเป็นเน็ตไอดอลชื่อดังด้วยผมชื่อเนี่ยเฟิง ตอนนี้เป็นหัวหน้าของสำนักมังกร มีฉายาว่าเทพราชามังกร!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท