หลังพวกเขากินข้าวเสร็จ เหลยจ้านก็พาเนี่ยเฟิงมาที่สมาคมการต่อสู้แห่งเมืองหนานหูอย่างแทบอดทนรอไม่ไหว
สมาคมการต่อสู้นี้ใหญ่โตอย่างมาก ดูไปแล้วผู้มีฝีมือคงจะมาลงกันเป็นจำนวนไม่น้อยจริงๆ จึงให้ความรู้สึกเคร่งขรึมจริงจังรูปแบบหนึ่ง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสิงโตหินที่หน้าประตู ก็ดูราวกับกำลังทำท่าทางข่มขวัญเช่นเดียวกัน
เหลยจ้านเดินนำทางอยู่ด้านหน้าอย่างกระตือรือร้นอย่างยิ่ง ตอนนี้เขามองเนี่ยเฟิงเหมือนกับมองลูกพี่ของตัวเอง
หลังเนี่ยเฟิงเข้าไป ก็ได้ยินเสียงตะโกนฮึกเหิมดังมาจากข้างในเป็นพักๆ ฟังแล้วก็รู้สึกดูเป็นระเบียบอย่างยิ่ง
“พวกสมาชิกของสมาคมการต่อสู้กำลังฝึกกันอยู่น่ะ พ่อผมมีค่ายมวยไทยอยู่แห่งหนึ่ง ที่นั่นรับลูกศิษย์มากมาย พอถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ ก็จะสอนเหล่าสมาชิกของสมาคมการต่อสู้ซ้อมมวย ส่วนเวลาอื่นๆ พวกศิษย์พี่ศิษย์น้องในค่ายมวยไทยของเราก็จะฝึกกันเอง”
เหลยจ้านเดินนำทางอยู่ด้านหน้าไปพลาง กล่าวอธิบายเรื่องเหล่านี้ไปพลาง
“ฟังดูท่าทางไม่เลวเลยทีเดียว”
เนี่ยเฟิงมองดูสถานที่แห่งนี้ใหญ่โตโอฬารจริงๆ แถมบรรยากาศยังไม่เลวอีกด้วย
“พี่เฟิง ทางนี้!”
เหลยจ้านพาเนี่ยเฟิงเดินติดตามคนกลุ่มหนึ่งเข้าไป พอผ่านหัวโค้งไปก็เป็นลานฝึกซ้อม เสียงตะโกนฮึกเหิมเหล่านี้ดังออกมาจากที่นี่นั่นเอง
“พี่ดูสิ! พวกเขากำลังฝึกกันอยู่!”
เหลยจ้านชี้ไปทางคนกลุ่มนั้นที่ยืนแน่นขนัดกันไปหมด ช่างดูอลังการจริงๆ แทบจะพูดได้ว่ามีราวๆ ห้าร้อยกว่าคน มิน่าสถานที่ถึงต้องใหญ่เช่นนี้
“หากมีกิจกรรมอะไรล่ะก็ คนจะมารวมตัวกันที่นี่มากกว่านี้อีก! เพียงแต่ระยะนี้ไม่ได้มีกิจกรรมอะไร”
เหลยจ้านแย้มยิ้ม เวลานี้กำลังอยู่กลางลานพักผ่อนพอดี มีผู้ฝึกมวยเหล่านั้นอยู่ประปรายกำลังสนทนากัน
“พ่อ!”
เหลยจ้านโบกมือให้ชายคนหนึ่งที่สวมชุดธรรมดาอย่างยิ่ง แม้ชายคนนี้จะแต่งตัวธรรมดามาก แต่ดูจากมัดกล้ามบนตัวเขา ก็มองออกไม่ยากว่าคนผู้นี้เป็นผู้ฝึกมวยคนหนึ่ง
“นี่คือพ่อผมเอง! เหลยเทียน! พ่อ นี่ก็คือพี่เฟิงผู้เก่งกาจที่ผมพูดให้พ่อฟังเมื่อวาน เนี่ยเฟิง!”
เหลยเทียนมองสำรวจเนี่ยเฟิงขึ้นลงไปมา ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างสงสัยเล็กน้อยว่า “ลูกชายผมบอกว่าคุณต่อสู้เก่งมาก ไม่ถึงกระบวนท่าเดียวเขาก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับคุณ นี่คือเรื่องจริงเหรอ?”
เนี่ยเฟิงแย้มยิ้ม “ไม่มีเรื่องอย่างนั้นหรอกครับ”
“ทำไมจะไม่มี? พี่เฟิง! ที่ค่ายของเราไม่ชอบการถ่อมตัวแบบนี้หรอกนะ! พี่เก่งก็คือเก่ง! พี่ไม่เก่งก็คือไม่เก่ง แค่นี้เอง! พี่บอกพ่อผมไปได้เลย! เดี๋ยวพ่อจะไม่เชื่อผม!”
เหลยจ้านร้อนใจไปชั่วขณะ พลันขวางอยู่ตรงหน้าเนี่ยเฟิงทันที พลางอธิบายอย่างลนลาน
เนี่ยเฟิงกับฝูยานหรงเห็นท่าทางเช่นนี้ของเหลยจ้าน ก็อดอยากจะหัวเราะออกมาไม่ได้ ช่างน่าขบขันเกินไปแล้ว แต่ทำแบบนี้ก็เกินไปอยู่บ้างจริงๆ
“แต่ว่าอยู่ที่นี่แค่พูดปากเปล่าคงไม่ได้ ผมเองก็ไม่เคยเห็นฝีไม้ลายมือของคุณ ผมได้ยินว่าคุณฝึกศิลปะการต่อสู้มาตั้งแต่เด็ก อยากจะลองแลกเปลี่ยนความรู้กับคนของสมาคมการต่อสู้ของเราดูไหม?”
เหลยเทียนไม่ได้ดูถูกเนี่ยเฟิง เพียงแต่คนที่อยู่ที่นี่เรียกได้ว่าเป็นระดับผู้เชี่ยวชาญ โดยพื้นฐานต่างมีความสามารถที่แข็งแกร่ง ทั้งยังฝึกฝนมาเป็นเวลานานแล้วอีกด้วย
เนี่ยเฟิงผู้นี้ ดูยังหนุ่มอยู่มาก อายุน้อยขนาดนั้น จะเป็นไปได้อย่างไรที่จะมีระดับฝีมือถึงขั้นนั้น?
แบบนี้พูดออกไปก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก
และด้วยเหตุนี้เอง เหลยเทียนจึงไม่เชื่อว่าเนี่ยเฟิงจะเก่งกาจอย่างที่ลูกชายตัวเองบอก
“พี่เฟิง! พี่ก็โชว์สักสองสามกระบวนท่าให้พ่อผมยอมรับจากใจจริงหน่อยเถอะ!”
เหลยจ้านสองตาเป็นประกาย เมื่อวานตอนเขาถูกคนผู้นั้นชกบนเวทีมวย น่าเสียดายที่ในเวลานั้นไม่มีใครถ่ายรูปไว้ เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าความเร็วของเนี่ยเฟิงท้ายที่สุดแล้วจะเร็วได้ถึงขนาดไหน
เขาเคยเห็นความสามารถของอาจารย์ลุงอาจารย์อาของตนเอง พวกเขาเองก็คล่องแคล่วว่องไวมากเช่นกัน แต่ที่นี่ไม่มีใครมีความเร็วเทียบเท่าเนี่ยเฟิงได้สักคน
นี่ไม่ใช่แค่ระดับขั้นใดขั้นหนึ่งอย่างแน่นอน
เหลยจ้านก็ไม่รู้เหมือนกันว่าแท้จริงแล้วเนี่ยเฟิงทำได้อย่างไรกัน บางทีนี่อาจจะเป็นพรสวรรค์ล่ะมั้ง!
“คุณอายุยังน้อย ผมไม่อยากรังแกคุณ ที่สมาคมของเรามีคนหนุ่มสาวที่ฝึกฝนจนมีพื้นฐานดีอยู่มากมาย ทำไมคุณไม่ลองประมือกับพวกเขาดูล่ะ?”
เหลยเทียนรู้สึกว่าตนเองฝึกฝนมาถึงขั้นนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นพลังทำลายหรือความว่องไว ก็ล้วนแตกต่างจากคนธรรมดาทั้งสิ้น
ดังนั้นเหลยเทียนจึงไม่อยากประมือกับเนี่ยเฟิง ก็เพราะกังวลว่าจะทำให้เนี่ยเฟิงเสียหน้า และกดดันทางจิตใจ
เนี่ยเฟิงส่ายศีรษะ “ไม่ต้องหรอกครับ เมื่อกี้ผมเห็นพวกเขาฝึกกันแล้ว ผมรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คู่มือของผม คุณเรียกคนที่เก่งที่สุดในสมาคมของพวกคุณออกมาเถอะ!”
พอเนี่ยเฟิงพูดคำนี้ออกมา ทั่วทั้งลานฝึกซ้อมก็ดังอื้ออึงไปหมด เจ้าเด็กกลุ่มนี้ของเหลวจ้านช่างฮึกเหิมเสียเหลือเกิน สองตาของพวกเขาแทบจะมีดาวผุดออกมา
“เฮ้ย ไอ้หนู อายุอานามก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว การพูดจากลับใหญ่โต นายรู้ไหมว่าที่นี่ของพวกเราใครเก่งที่สุด แค่แตะเบาๆ ก็ล้มนายได้แล้ว?”
เหลยเทียนชื่นชมในความกล้าของเนี่ยเฟิงอย่างมาก เพียงแต่อย่างเนี่ยเฟิงคงจะอวดเก่งเกินไปละมั้ง?
“ไม่เป็นไร ถ้าแพ้ผมรับผิดชอบเอง”
เนี่ยเฟิงแย้มยิ้ม ตบที่อกของตัวเอง
“ได้! ไอ้หนู ฉันชอบ! คนที่ร้ายกาจที่สุดที่นี่……”
เหลยเทียนพูดมาถึงตรงนี้ ก็ลังเลไปชั่วครู่ จากนั้นก็หันหน้าไปเรียกใครคนหนึ่ง “เสือ นายประมือกับเขา!”
“เป็นอาเสือหรือนี่!”
เหลยจ้านพลันสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ
“ก่อนหน้านี้คนที่นายเล่าให้ฉันฟังบ่อยๆ ว่าเก่งกาจมากก็คืออาจารย์อาของนายใช่ไหม?”
ฝูยานหรงเห็นเหลยจ้านแสดงออกถึงความไม่สบายใจ จึงเอ่ยปะชากถามขึ้น
เหลยจ้านพยักหน้าอย่างร้อนใจ “ใช่! อาเสือของพวกเราเก่งกาจมากจริงๆ! ส่วนมากระหว่างแข่งประลองการต่อสู้เขาจะได้รางวัลชนะเลิศ!”
เหลยจ้านตื่นเต้นเป็นพิเศษ “แต่ว่า อันที่จริงอาเสือไม่ใช่คนที่เก่งที่สุดของที่นี่ ผมยังมีอาจารย์อาที่เก่งกาจมากอยู่อีกคน แต่น่าเสียดาย……”
เหลยจ้านไม่ได้พูดต่อ เพราะเวลานี้อาเสือเดินเข้ามาแล้ว
สมกับที่ชื่อว่าอาเสือ หลังเสือเอวหมี รูปร่างกำยำอย่างยิ่ง ตัวเขาเหมือนกับภูเขาย่อมๆ ลูกหนึ่ง ลดสายตาลงมองเนี่ยเฟิง “ไอ้หนู หากนายไม่ใช่เพื่อนของเหลยจ้าน ฉันต้องนึกว่านายมาเหยียบถิ่นกันแน่”
เนี่ยเฟิงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก “งั้นคุณก็ถือเสียว่าผมมาเหยียบถิ่นก็แล้วกัน ไม่จำเป็นต้องออมมือ”
อาเสือหัวเราะเสียงดังฮ่าๆ “ได้ๆ งั้นฉันก็ไม่เกรงใจแล้ว!”
เกิดเสียงดัง “พึ่บพั่บ” คนอื่นๆ ล้อมวงกันมาที่พวกเขา
“นายเด็กกว่า ฉันต่อให้นายออกกระบวนท่าก่อน!”
อาเสือวางมาดเป็นผู้ใหญ่ใจดี กวักมือเรียกเนี่ยเฟิง
“คุณแน่ใจนะ? ผมกลัวว่าคุณจะเสียใจภายหลัง”
เนี่ยเฟิงวิเคราะห์พลังการต่อสู้ของอาเสือไว้ในสมองว่าเป็นแบบไหน ทั้งยังคิดแผนรับมือได้อย่างรวดเร็วอีกด้วย
รับมือคนเช่นไรก็ต้องใช้ท่วงท่าเช่นนั้น นี่คือหลักโดยทั่วไป
แต่คนส่วนใหญ่อ่านใจคนไม่ได้อย่างเนี่ยเฟิง ความคิดของคนคนหนึ่งใช่ว่าจะอ่านออกมาได้ง่ายดายเช่นนั้น
“เด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม ใจกล้าเหลือเกิน! เข้ามา! อย่าหาว่าอาเสือรังแกนายแล้วกัน!”
อาเสือไม่เชื่อว่าเด็กอย่างเนี่ยเฟิงจะสู้เขาได้
พึงรู้ไว้ว่า คนในยุทธจักรอย่างเขา กินเกลือมามากกว่าข้าวที่เขากินด้วยซ้ำ เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าคนอย่างเนี่ยเฟิงเป็นคนเช่นไร?
“งั้นผมลุยเลยนะ”
เนี่ยเฟิงยืดเส้นยืดสายอยู่ชั่วครู่ หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เงยหน้าขึ้นทันที แววตากับกลิ่นอายเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา อาเสือในใจบีบรัดแน่น เจ้าหมอนี่มีของอยู่บ้าง!
เขาเพ่งสมาธิ และเวลานี้เอง จู่ๆ เนี่ยเฟิงก็ราวกับมีความมุ่งมาดปรารถนาที่จะฝ่าลมโต้คลื่นอย่างไม่ท้อถอย โจมตีที่ส่วนหน้าของอาเสือทันที!
“เร็วมาก!”
พริบตาเหลยเทียนก็เบิกตากว้าง!