ผู้อาวุโสเการู้สึกสังหรณ์ใจว่าเขาควรจะเลิกสนใจศิษย์ของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยที่อยู่ต่อหน้านี้ แต่ความภาคภูมิใจในความเป็นผู้อาวุโสสั่งเขาให้ทำตรงข้าม สุดท้ายเขาจะมีหน้าเหลือได้อย่างไรถ้าเขาเดินจากไปอย่างขลาดเขลาหลังจากซูหยางยั่วยุ และนั่นก็มีคนมากมายที่มีอิทธิพลและชื่อเสียงมองดูเขาอยู่ตอนนี้ เขาคงกลายเป็นตัวตลกถ้าเดินหนีไปตอนนี้
“เจ้าเป็นคนกล้าแต่ในฐานะผู้อาวุโสกว่า ข้าจักให้โอกาสสุดท้ายแก่เจ้าที่จะถอยไป” ผู้อาวุโสเกากล่าว
ซูหยางไม่ได้พูดอะไรอีกและเริ่มหันตัว
เมื่อเห็นเขาหันตัว ผู้อาวุโสเการู้สึกโล่งอก แต่เมื่อพบว่าซูหยางไม่ได้หันตัวกลับแต่กลับเดินรอบตัวเขา ใบหน้าผู้อาวุโสเกาก็แดงขึ้นด้วยความโกรธ รู้สึกเหมือนว่าเขาเพิ่งถูกตบหน้าไม่เพียงแค่ครั้งเดียวแต่ถึงสองครั้งซ้อน
“เจ้าบีบให้ข้าลงมือ น้องชาย”
ผู้อาวุโสเกาพลันหันตัวและเหวี่ยงขาของเขาไปที่ขาซูหยางอย่างรวดเร็วเต็มกำลังของผู้มีฝีมือเขตสัมมาวิญญาณ
และก่อนที่ลูกเตะของเขาจะทันได้กระทบกับซูหยาง ผู้อาวุโสเกาได้จินตนาการว่าขาของซูหยางหักเป็นสองท่อนอย่างเหี้ยมโหดไปเรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นถัดจากนั้นสร้างความแตกตื่นไม่เพียงแต่ผู้อาวุโสเกาแต่กับทุกคนที่เป็นพยานในที่นี้
เมื่อผู้อาวุโสเกาเตะขาซูหยาง เสียงกระดูกหักดังฟังชัด แต่ไม่ใช่ขาของซูหยางที่พิการ จริงแล้วเขายังคงยืนอยู่ที่นั่นด้วยท่าทางสุขสบายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“อาาาา ขาข้า”
ผู้อาวุโสเกาไม่อาจยืนได้อีกต่อไป เขาล้มลงไปบนพื้นขณะที่กุมไปบนขาขวาของตนเองที่โค้งงอไปในมุมที่แปลกประหลาด เขาทำให้ขาตนเองข้างที่พยายามจะหักขาซูหยางหักไป
“เทพเจ้า…ขาของเขาทำด้วยอะไรกัน” ผู้คนอ้าปากค้างด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเห็นซูหยางไม่แม้จะสะดุ้งหลังจากที่ถูกผู้อาวุโสเกาเตะ
ในสายตาของพวกเขา ราวกับว่าผู้อาวุโสเกาเตะเสาที่ทำมาจากเพชรแทนที่จะเป็นขามนุษย์
“หืม” ซูหยางหันไปมองรอบๆอย่างช้าๆ และทำท่าเหมือนกับว่าเขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น “เกิดอะไรขึ้นกับขาของท่าน ข้าคิดว่ามันงอผิดทางนะ…” เขาถามอีกฝ่ายด้วยเสียงสบายๆ
ผู้อาวุโสเกาพลันกระอักโลหิตออกมาเต็มคำเมื่อได้ยินคำพูดลบหลู่ของซูหยาง และล้มหมดสติลงหลังจากคืบคลานเหมือนหนอนอยู่บนพื้นไม่นานหลังจากนั้น
ซูหยางส่ายหน้าและเริ่มเดินอีกครั้ง
ไม่มีใครกล้าที่จะกล่าวว่าเขาที่แซงแถวในครั้งนี้ อย่าว่าจะขวางทางเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาไม่สามารถเข้าใจในตัวซูหยาง
เขาเป็นเพียงแค่ศิษย์ในของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย แต่ว่าไม่มีใครในที่นั้นสามารถที่จะรู้ถึงพลังการฝึกปรือของเขา ทั้งที่มีผู้ฝึกวิชาเขตสัมมาวิญญาณมากมายภายในแถว
ครั้นเมื่อซูหยางไปถึงด้านหน้าสุด คนแรกในแถวก็ก้าวถอย ยอมให้เขาเคาะประตูบ้านหวังชูเหริน
“ท่านต้องการซื้อโอสถดอกบัวเพลิงมากเท่าไร จำกัดต่อคนซื้อได้สามเม็ด” เสียงดังด้านหลังประตูหลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะของซูหยาง
เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของหวังชูเหริน และเป็นได้อย่างมากแค่เพียงผู้ช่วยของเธอคนหนึ่ง
“ข้ามิได้มาที่นี่เพื่อซื้อโอสถดอกบัวเพลิงของเจ้า ข้ามาเพื่อพูดกับหวังชูเหริน บอกเธอให้ข้าด้วย” ซูหยางพูดเสียงดัง
“…”
เสียงนั้นไม่ตอบกลับซูหยางแม้ว่าจะผ่านไปหลายนาที ราวกับว่าคนนั้นมีเจตนาเพิกเฉยต่อซูหยาง
“ท่านต้องการซื้อโอสถดอกบัวเพลิงมากเท่าไร จำกัดต่อคนซื้อได้สามเม็ด” เสียงนั้นพูดแบบเดิม
“ข้าต้องการซื้อสาม” ซูหยางตัดสินใจเล่นด้วย
หลังจากนั้นไม่นานประตูก็เปิดออกและศิษย์หญิงก็ปรากฏตัวแล้วยื่นส่งโอสถดอกบัวเพลิง “โอสถดอกบัวเพลิงมีราคาร้อยหินวิญญาณ”
ซูหยางไม่สนใจราคาที่แพงลิบและยื่นส่งหินวิญญาณร้อยก้อนแก่ศิษย์นั้น
ครั้นเมื่อศิษย์นั้นยืนยันว่าเป็นจำนวนที่ถูกต้อง เธอก็ยื่นส่งขวดยาสามขวดให้กับเขาก่อนที่จะปิดประตูอีกครั้ง
ซูหยางมองดูยาสามเม็ดในมือพร้อมกับเลิกคิ้ว
ตัวตนโอสถดอกบัวเพลิงที่แท้จริงก็คือโอสถสู่คัมภีร์ ตำรับยาที่เขาให้กับหวังซูเหรินไปพร้อมกับวิชาระดับเซียน อย่างไรก็ตามนั่นมีบางสิ่งที่เขาคาดหวัง
สิ่งที่ทำให้เขาเลิกคิ้วก็เพราะว่าคุณสมบัติอันต่ำต้อยของโอสถสู่คัมภีร์ ในขณะที่โอสถสู่คัมภีร์มีประสิทธิภาพร้อยเปอร์เซนต์ไม่ว่าจะด้วยคุณภาพระดับใดก็ตาม เพียงแต่ยาคุณภาพระดับสูงจะมีความปนเปื้อนน้อยกว่ายาคุณภาพระดับต่ำต่อผู้ฝึกวิขา
“ขอประทานโทษ ในเมื่อท่านได้โอสถดอกบัวเพลิงแล้ว ท่านพอจะจากไปได้แล้วหรือยัง” คนที่อยู่เบื้องหลังเขาถามด้วยเสียงนอบน้อม แน่นอนว่าเขาไม่กล้าที่จะล่วงเกินซูหยางฟังจากน้ำเสียงของเขา
อย่างไรก็ตามซูหยางไม่แม้จะมองกลับหลัง สายตาของเขายังคงจับจ้องขวดยาในมือ
“นี่คือสิ่งที่ดีที่สุดที่เธอสามารถทำได้แม้ว่าจะมีวิชาระดับเซียนรึ ช่างไร้ค่านัก” ซูหยางถอนใจ สงสัยว่าเขาทำผิดพลาดที่เลือกเธอ
ถ้าหยางซูเหรินไม่สามารถกระทั่งปรุงโอสถสู่คัมภีร์ในตอนนี้ เขาไม่คาดหวังว่าเธอจะสามารถปรุงโอสถแยกวิญญาณได้สำเร็จ
ครั้นเมื่อเขาเสร็จสิ้นการตรวจสอบโอสถสู่คัมภีร์แล้ว ซูหยางโยนขวดยาลงไปบนพื้นราวกับว่าพวกมันเป็นขยะ สร้างความงงงันให้กันทุกคนที่นั่น
ผู้คนไม่เชื่อสายตาตนเอง เขาเพิ่งใช้หินวิญญาณร้อยก้อนไปเพียงเพื่อโยนเม็ดยาลงบนพื้น ถ้านี่ไม่ใช่การตบหน้าหวังชูเหรินตรงๆแล้วพวกเขาก็ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี
“เขาบ้าไปแล้ว แสดงท่าทางไม่เคารพเช่นนั้นขณะยืนอยู่หน้าที่พักของเธอ ผู้อาวุโสหวังจักต้องไม่ขายยาอื่นให้กับเขาหรือว่าสำนักของเขาอีกต่อไปอย่างแน่นอน”
“เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร” ศิษย์หญิงที่เพิ่งยื่นส่งยาให้กับเขากระทืบเท้าออกมาจากบ้านด้วยท่าทางโกรธ เธอได้เป็นพยานรับรู้การกระทำของซูหยางตอนนี้ได้อย่างชัดเจน สิ่งที่เธอเห็นชัดว่าไม่เคารพไม่เพียงแต่หวังชูเหริน แต่เป็นนิกายดอกบัวเพลิงทั้งหมดด้วย