เตรียมการปรุงโอสถแยกวิญญาณ
หวังชูเหรินไม่อยากเชื่อว่าซูหยางอายุเพียงสิบหกปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับความรู้ที่เขาแสดงให้เห็น ในเมื่อความรู้ที่กว้างขวางเช่นนั้นไม่ใช่บางสิ่งที่ผู้ที่มีอายุเพียงสิบหกปีจะมีได้ดังปรารถนา ไม่แม้กระทั่งผู้ที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะ
“ข-ข้ามิเชื่อท่าน” หวังชูเหรินกล่าวขณะที่เธอดึงเอาบอลคริสตัลออกมาจากแหวนมิติ
“สิ่งนี้เรียกว่าคริสตัลอายุ มันจะส่องเข้าไปในกระดูกของคนเพื่อวัดอายุของคนคนนั้นด้วยความแม่นยำร้อยเปอร์เซนต์ ถ้าท่านอายุสิบหกปีจริงเช่นนั้นท่านมิต้องกังวลที่จะ—”
ก่อนที่หวังชูเหรินจะทันพูดจบประโยค ซูหยางก็ได้วางมือเขาไปบนบอลคริสตัลทำให้มันเปล่งแสงสีเขียวออกมาและตัวเลขสิบหกก็ปรากฏขึ้นภายในบอลในไม่กี่วินาทีถัดไป
“ป-ป-เป็นไปไมได้ ท่านอายุสิบหกปีจริงๆ” หวังชูเหรินรู้สึกมึนงงถึงที่สุดในเวลานั้น ทำไมซูหยางจึงมีอายุเพียงแค่สิบหกปีในเมื่อความรู้ของเขาในศาสตร์แห่งการปรุงยานั้นกว้างขวางดุจมหาสมุทร บางสิ่งที่กระทั่งผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากว่าหลายร้อยปีไม่อาจหวังที่จะก้าวไปถึงและได้แต่จ้องมองด้วยความอิจฉา มันไม่สมเหตุผลไม่ว่าเธอจะคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากมายเพียงใด
อย่างไรก็ตามถ้าซูหยางคือเทพแห่งการปรุงยาที่กลับชาติมาเกิด เช่นนั้นบางทีนั่นอาจจะทำให้สิ่งที่เขาเป็นอยู่น่าเชื่อถือมากขึ้นในสายตาของหวังชูเหริน
“เลิกพูดเรื่องข้าได้แล้ว” ซูหยางพลันกล่าว “ตะวันเริ่มตกแล้ว ดังนั้นปรุงโอสถมังกรเพลิงอีกครั้งให้ข้าดู”
แม้ว่าเธอยังคงตื่นตระหนกเป็นอันมากกับสิ่งที่ค้นพบ หวังชูเหรินยังทุ่มเทความสนใจทั้งหมดไปกับโอสถมังกรเพลิง
หลังจากที่ได้รับการสั่งสอนจากซูหยางเกือบครึ่งวันโดยไม่หยุดพัก เธอมั่นใจว่าเธอสามารถปรุงยาในขณะละเมอได้ แต่เพราะว่าเธอต้องการแสดงให้ซูหยางเห็นถึงยาที่ดีที่สุด เธอจึงไม่กล้าที่จะออมสิ่งใดไว้นอกจากพยายามสุดความสามารถ
สองสามชั่วโมงหลังจากนั้น ขณะที่ดวงจันทร์ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า หวังชูเหรินก็นำเอาเม็ดยาออกมาจากเตาและยื่นส่งมันให้กับซูหยางด้วยรอยยิ้มสดใสบนใบหน้า
“เก้าสิบห้าเปอร์เซนต์คุณภาพสูง” ซูหยางพยักหน้าหลังจากที่ตรวจสอบเม็ดยา
เขาพลันหันไปยังหวังชูเหรินและกล่าวว่า “ไปพักก่อนเพื่อฟื้นฟูพลังของเจ้า เจ้าจักได้ปรุงยาหลังจากนั้น”
หวังชูเหรินพยักหน้าและไปเปลี่ยนเสื้อผ้า อีกทั้งพักผ่อนด้วยการอาบน้ำเล็กน้อย
ครั้นเมื่อเธอกลับมาที่ห้อง ซูหยางยื่นส่งตำรับยาโอสถแยกวิญญาณและวิธีการปรุงยาให้กับเธอ
“จดจำสิ่งนี้ไว้ก่อนที่เราจะเริ่ม” เขากล่าว
“โอสถแยกวิญญาณงั้นรึ ข้ามิเคยได้ยินยานี้มาก่อน…” หวังชูเหรินคิดในใจขณะที่เธออ่านรายละเอียด
“และมันยังต้องการสมุนไพรมากมายปานนี้…” หวังชูเหรินค่อนข้างตื่นตะลึงกับสมุนไพรในรายการ และมากกว่าหนึ่งในสามของมันเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยได้ยินมาก่อน
“จ-จะเกิดอะไรขึ้นถ้าข้ามิสามารถปรุงยานี้” หวังชูเหรินถามเขาด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล เธอไม่รู้สึกมั่นใจในความสามารถของเธออีกต่อไปแม้ว่าแม้ว่าจะมีความก้าวหน้าในศาสตร์แห่งการปรุงยาของเธอ หลังจากที่เห็นโอสถแยกวิญญาณ
“เจ้ามิต้องเป็นกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะว่าข้าจักปรุงยานี้ร่วมกับเจ้า” ซูหยางกล่าว
“ว่ากระไร” หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยใบหน้าสับสน
เธอไม่เคยได้ยินถึงการที่มีคนสองคนปรุงยาเม็ดเดียวกันในเวลาเดียวกันมาก่อน
“เจ้าจักเข้าใจเมื่อเวลามาถึง ส่วนตอนนี้เพียงแค่ตั้งใจจดจำตำรับยาและบทบาทในการปรุงยาก็พอ”
“ถ้าท่านพูดเช่นนี้…” หวังชูเหรินไม่รบกวนเขาอีกต่อไปและเพียงตั้งใจศึกษาตำรับยา
ในเวลานั้นซูหยางก็เตรียมตัวในการปรุงยาเช่นกัน ในเมื่อเขาต้องมีส่วนร่วมรับมือกับอันตรายในขณะที่หวังชูเหรินปรุงยา
สองชั่วโมงต่อมายามเมื่อหวังชูเหรินเต็มไปด้วยพละกำลังแล้ว ซูหยางก็กล่าวกับเธอว่า “เจ้าจดจำตำรับยาทั้งหมดแล้วรึ”
หวังชูเหรินพยักหน้าด้วยท่าทางจริงจัง “ข้าสามารถกระทั่งท่องย้อนหลังได้”
ซูหยางจึงนั่งที่อีกด้านของเตาปรุงยาตรงข้ามหวังชูเหรินและพูดต่อว่า “ก่อนที่เราจะเริ่ม ข้าจักอธิบายบางอย่าง ระหว่างการปรุงยาข้าจักผสมเลือดของข้าเข้าไปในวัตถุดิบและวัตถุดิบอื่นอีกสองสามอย่าง ดังนั้นมันจึงจะยากในการควบคุมสำหรับเจ้า อย่างไรก็ตามเจ้ามิต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะว่าข้าจักช่วยเจ้าเมื่อเกิดเหตุการณ์นั้นขึ้น และข้ารู้ว่าเจ้ามิเคยปรุงยาในรูปแบบนี้มาก่อน ดังนั้นสิ่งที่เจ้าต้องทำก็คือจดจ่ออยู่กับส่วนของเจ้า”
หนึ่งในเหตุผลสองสามอย่างที่ทำไมซูหยางจึงตัดสินใจไม่ปรุงโอสถแยกวิญญาณคนเดียวก็เพื่อที่จะทำให้ทำให้ยามีประสิทธิภาพสูงสุดบนตัวเขา โอสถแยกวิญญาณต้องการเลือดสดที่ได้มาจากร่างกายตรงๆขณะเดียวกันก็ต้องการเพิ่มพลังเลือดนั้นด้วยวิชาเฉพาะก่อนที่จะผสมมันเข้ากับวัตถุดิบอื่นในเตา และมันจะยุ่งยากมากแม้กระทั่งซูหยางที่จะควบคุมเตาปรุงยาได้อย่างต่อเนื่องในขณะที่ทำทุกสิ่งเหล่านั้นไปพร้อมกัน ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาจึงเสาะหาหวังชูเหรินมาเป็นผู้ช่วยปรุงยาของเขา
กล่าวไปแล้วก็เป็นไปได้ที่จะปรุงโอสถแยกวิญญาณโดยไม่ต้องใช้เลือดของเขา แต่ประสิทธิภาพของมันต่อร่างกายของเขาจะลดลงเป็นอย่างมาก อีกนัยหนึ่งมีโอกาสอย่างมากที่โอสถแยกวิญญาณจะไม่สามารถค้นหาจิตวิญญาณดวงอื่นในร่างของเขาได้อย่างแม่นยำถึงแม้ว่ามันจะมีอยู่
หลังจากที่ฟังคำพูดของเขาแล้ว หวังชูเหรินก็พยักหน้าและเริ่มตรวจสอบวัตถุดิบ แต่เพราะว่าเธอไม่รู้จักวัตถุดิบหลายชนิดในนี้ ซูหยางจึงช่วยเธอตรวจสอบทำให้กระบวนการทั้งหมดเป็นไปอย่างรวดเร็ว
หลังจากตรวจสอบแล้ว หวังชูเหรินก็เริ่มบดยาจนกระทั่งมันกลายเป็นผง ในขณะที่ซูหยางหลับตาลงเพื่อเตรียมการปรุงยาในภายหลัง