DC บทที่ 265: เจ้ากำลังจะไปจากที่นี่ด้วยรึ
โหลวหลานจีและศิษย์ที่เหลือรวมตัวกันในห้องอบรม
“ก่อนที่ข้าจะพูด ข้าจักตอบคำถามที่พวกเจ้าอาจจะมีเกี่ยวกับข้า”
โหลวหลานจีกล่าวด้วยท่าทางตึงเครียด
ผู้อาวุโสจ้าวพลันยกมือพูดว่า “เกิดบ้าอะไรขึ้นกับนิกายล้านอสรพิษ มันเกี่ยวข้องกับพลังกดด้นอันลึกซึ้งที่ข้ารู้สึกหรือไม่”
โหลวหลานจีพยักหน้า
“แม้ว่าข้ามิรู้ว่าข้าจักอธิบายเรื่องนี้อย่างไร ข้าพูดได้เพียงว่าเราได้มีเจ้านิกายชั่วคราวหลังจากเจ้านิกายคนก่อนพลันสิ้นชีวิตลง และเขาก็เป็นคนที่มีเบื้องหลังลึกล้ำและพลังมหาศาล”
ผู้คนที่อยู่ตรงนั้นมองดูเธอด้วยดวงตาเบิกค้าง พวกเขามีเจ้านิกายชั่วคราวโดยไม่มีใครรู้จนกระทั่งวันนี้ และเธอไปหาบุคคลที่ทรงอำนาจ “สุดขั้ว” นี้มาจากไหน
“บุคคลคนนี้ไปอยู่ที่ไหนแล้ว”
บางคนถาม
“ช่างโชคร้าย เขาจากไปแล้ว”
“และเขาเป็นคนที่จัดการกับนิกายล้านอสรพิษรึ”
ผู้อาวุโสซุนถาม เสียงของเขาเปี่ยมไปด้วยความสนใจ
“ใช่แล้ว”
หลังจากเงียบไปชั่วขณะ ผู้อาวุโสจ้าวก็พูดขึ้นว่า “ข้าสามารถยืนยันได้ว่าเขาจักจัดการกับนิกายล้านอสรพิษถ้าพวกนั้นกลับมาแก้แค้น ใช่หรือไม่”
โหลวหลานจีเตรียมตัวพยักหน้า แต่เธอลังเลในตอนสุดท้าย
“ข้าคิดว่าเช่นนั้น” สุดท้ายเธอก็กล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ
บรรยากาศกลับมาเคร่งเครียดอีกครั้ง ถ้านิกายล้านอสรพิษโจมตีพวกเขาอีกครั้ง นั่นคงไม่สวยอย่างแน่นอน ตามจริงก็แทบจะมั่นใจได้ว่านิกายล้านอสรพิษจะเตรียมตัวเมื่อพวกเขากลับมาอีกครั้ง
ทุกคนในห้องอบรมกังวลว่านิกายล้านอสรพิษอาจจะกลับมาพร้อมทั้งกองกำลังทั้งหมด และโดยปราศจากจอมยุทธผู้เก่งกาจคนนี้คอยปกป้อง พวกเขาก็มีแต่เพียงถูกย่ำยี
“อ-อย่ากังวล ผู้อาวุโสเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้มาก ก่อนที่พวกเจ้าจะมาถึง เขายังได้เตือนนิกายล้านอสรพิษว่าพวกเขาจักถูกกำจัดถ้าพวกเขายังกลับมาอีก”
เพราะว่าซูหยางพูดกับพวกเขาโดยใช้ปราณไร้ลักษณ์ มีเพียงคนที่อยู่ในพื้นที่เป้าหมายเท่านั้นที่สามารถได้ยินเสียงของเขา ดังนั้นจึงเป็นเหตุว่าทำไมผู้อาวุโสจ้าวและคนอื่นๆจึงไม่ได้ยินอะไรเลย
“อ-อีกทั้งยังมีเด็กหญิงตัวเล็กคนนั้น…”
โหลวหลานจีพลันรู้สึกหนาวเยือกไปทั่วไขสันหลังเมื่อเธอนึกถึงรูปร่างหน้าตาไร้คู่เปรียบของเซียวลี่และพลังอันล้นหลาม
“เด็กหญิงตัวเล็ก”
ผู้คนที่นั่นต่างพากันมองดูเธอด้วยสีหน้างุนงง
“เด็กหญิงตัวเล็กนั่น…เธอเป็นคนที่กำจัดจอมยุทธจากนิกายล้านอสรพิษอย่างแท้จริง และทั้งหมดนั่นเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ถ้าให้ข้าเดา เธอเป็นจอมยุทธที่มีพลังการฝึกปรือเหนือกว่ากระทั่งเขตอัมพรวิญญาณ ตามจริงบางคนจากนิกายล้านอสรพิษได้เรียกเธอว่า “ราชันย์”
“ท่านคิดว่า “ผู้อาวุโส” คนนี้มาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางในตำนานหรือไม่”
ผู้อาวุโสจ้าวพลันถาม
เมื่อเห็นเหล่าศิษย์มีสีหน้างุนงง ผู้อาวุโสจ้าวจึงอธิบายต่อว่า “ทวีปศักดิ์สิทธิ์กลางกล่าวว่าเป็นดินแดนสำหรับผู้ฝึกวิชา ที่ซึ่งกระทั่งจอมยุทธเขตอัมพรวิญญาณเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ทั่วไป แม้ว่าจะรู้ไม่มากเกี่ยวกับที่นั่นหรือมันมีตัวตนจริงหรือไม่ แต่จอมยุทธหลายคนที่ท่องเที่ยวไปทั่วโลกก็ได้คาดหวังว่าจะเจอมัน”
โหลวหลานจีครุ่นคิดด้วยท่าทางเคร่งเครียด ถ้าผู้อาวุโสคนนี้มาจากทวีปศักดิ์สิทธิ์กลาง นั่นก็เป็นเหตุผลที่ว่าตัวตนของเขาจึงให้ความรู้สึกเหนือโลก
“อย่างไรก็ตามเราก็เตรียมตัวปะทะกับนิกายล้านอสรพิษถ้าพวกเขากล้ากลับมาหลังจากพ่ายแพ้น่าอับอายในวันนี้ สิ่งที่ข้ามิเห็นว่าจักเกิดขึ้นในเร็ววันนี้ สิ่งที่เราจำเป็นต้องเน้นในเวลานี้ก็คืออนาคตของนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ในเมื่อพวกเราไม่แม้จะถือว่าเป็นนิกายได้ในสภาพปัจจุบันของเรา”
ตามจริงด้วยเพียงศิษย์ที่เหลือเพียงร้อยคน นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัยก็ไม่อาจเปรียบเทียบได้กับตระกูลขนาดกลางได้ในตอนนี้
“การคัดสรรศิษย์ประจำปีได้วางแผนไว้หลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาค แต่อย่างที่พวกท่านเห็น เรามิได้อยู่ในสภาพที่จะเข้าร่วมในอะไรทั้งนั้น อย่าว่าแต่การแข่งขันระดับภูมิภาค”
“มันเป็นความโชคร้าย แต่พวกเราจักต้องเว้นการแข่งขันระดับภูมิภาพปีนี้”
ในขณะที่โหลวหลานจีพูดถ้อยคำเหล่านี้ เสียงอื่นก็ดังเข้ามา
“ช่างน่าเสียดาย ทั้งที่ข้ากำลังตั้งตารอคอยเรื่องนั้นอยู่”
ทุกคนที่นั่นต่างหันไปมองดูที่ประตู ที่ซึ่งมีชายหนุ่มรูปงามยืนอยู่ด้วยรอยยิ้มอันเยือกเย็นบนใบหน้า
“ซ-ซ-ซูหยาง”
ทั้งโหลวหลานจีและหลานลี่ชิงยืนขึ้นอย่างพร้อมเพรียงกัน เห็นชัดว่าประหลาดใจกับการปรากฏตัวกระทันหันของเขา
กระทั่งผู้อาวุโสจ้าวและผู้อาวุโสซุนก็ยังมองไปที่เขาด้วยตาโต
“เจ้าไปไหนมา” หลานลี่ชิงถาม
“ข้ารึ ข้านอนหลับอยู่ในห้องจนถึงไม่กี่นาทีก่อน”
ซูหยางตอบด้วยรอยยิ้มไร้ความกังวล
“ฮึ่ม มิจำเป็นต้องโกหก ในเมื่อพวกเราสามารถจินตนาการได้ว่าคนขี้ขลาดอย่างเจ้าต้องทำหลังจากได้ยินชื่อของ “นิกายล้านอสรพิษ” เช่นเดียวกับทุกคน”
ผู้อาวุโสจ้าวพลันเย้ยหยันเขา
ซูหยางเพียงแค่ส่ายหน้าและกล่าวว่า “ถ้าการเชื่อเช่นนั้นช่วยทำให้ท่านหลับคืนนี้ เช่นนั้นข้าก็ยินดี”
“เจ้า”
ผู้อาวุโสจ้าวถึงกลับควันออกหูในทันที
อย่างไรก็ตามโหลวหลานจีพลันเข้ามาขัดจังหวะด้วยการพูดว่า “ซูหยางข้ามิสนใจว่าเจ้าไปอยู่ไหนมา เพียงตอบข้ามาว่า…เจ้ากำลังจะไปจากที่นี่ด้วยหรือไม่”
ซูหยางมองดูท่าทางเคร่งเครียดของโหลวหลานจีและมองทะลุเข้าไปถึงอารมณ์ที่ไม่มั่นคงของเธอ
“ซูหยาง…” หลานลี่ชิงก็แสดงให้เห็นถึงแววของความกังวลบนใบหน้าเธอ
ส่วนสำหรับผู้อาวุโสซุนและซุนจิงจิงนั้น พวกเขาเพียงจ้องมองเขาอย่างเงียบงัน
ในเวลานั้น สายตาที่ฟางซีหลานมองไปยังซูหยางนั้นแตกต่างจากทุกคนที่นั่นอย่างสิ้นเชิง เพราะว่าเธอได้รับรู้ถึงพลังการฝึกปรือที่แท้จริงของเขามาก่อน เธอได้สังเกตเห็นมันจากภายในระลอกคลื่นอันทรงพลังระหว่างการรุกรานของนิกายล้านอสรพิษ อีกนัยหนึ่งเธอเป็นคนเดียวในที่นั้นที่รู้ความจริง
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะรู้ความจริงนี้ ฟางซีหลานก็ยังเก็บเงียบไว้
“นิกายล้านอสรพิษรึ ข้ากระทั่งมิเคยได้ยินมาก่อน ดังนั้นทำไมข้าต้องวิ่งหนีไปจากพวกนั้น ถ้าข้าต้องการไป ข้าจักเดินออกไปทางประตูหน้าอย่างเยือกเย็น ถ้าข้าต้องการอยู่ กระทั่งสวรรค์ก็มิอาจขยับข้า ส่วนสำหรับที่ว่าข้าจักอยู่หรือไปในวันนี้…ตัวตนของข้าที่นี่ควรจะตอบคำถามนี้ได้เป็นอย่างดี”
ซูหยางพูดอย่างเยือกเย็น อีกทั้งกลิ่นอายของเขาก็ปลดปล่อยออกมาอย่างอหังการ
เมื่อโหลวหลานจีและหลานลี่ชิงได้ยินคำพูดของเขา รอยยิ้มพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่โล่งอกของพวกเธอ