dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน – Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน – ตอนที่ 266

Dual Cultivation ร่วมเรียงเคียงเซียน - ตอนที่ 266

DC บทที่ 266: ย้ายไปยังเขตกลาง

ซูหยางมองผ่านๆไปยังคนหลายร้อยคนในห้อง

“ทั้งหมดนี้เป็นคนที่เหลืออยู่รึ นี่มีมากกว่าที่ข้าคิดไว้”

ซูหยางได้เคยเห็นเหตุการณ์ที่คล้ายคลึงกันแบบนี้มาก่อน และเมื่อเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่พวกเขาไม่อาจคิดว่าจะชนะได้ มันไม่แปลกถ้ามีเพียงแค่ศิษย์ไม่กี่คนหลงเหลือก่อนที่การศึกจะเริ่มขึ้น

นี่ถือว่าเป็นความจริงกระทั่งนิกายใหญ่ที่สุดข้างนอกนั้นที่มีศิษย์มากมายหลายแสนคน

ดังนั้นสำหรับศิษย์ร้อยคนที่หลงเหลือจากไม่กี่พันคน ซูหยางค่อนข้างจะประทับใจอยู่บ้าง

“ผู้นำนิกาย ข้ามีข้อเสนอ”

เขาพลันกล่าว

“พูดออกมาให้พวกเราฟัง”

“แผนการรับเป็นเจ้าภาพในการรับสมัครศิษย์หลังการแข่งขันระดับภูมิภาคควรจะคงไว้…เช่นเดียวกับการเข้าร่วมการแข่งขัน”

“ต่อให้ข้าต้องการเข้าร่วมการแข่งขันมากเท่าไหร่ก็ตาม โชคร้ายสำหรับพวกเรา มีคนเหลือไม่ถึงห้าคนในห้องนี้ที่มีคุณสมบัติที่จะเข้าร่วม และเราต้องการผู้เข้าร่วมอย่างน้อยสิบคนในกรณีที่จะเข้าร่วม” โหลวหลานจีถอนหายใจ

“ความต้องการมีอะไรบ้าง ขออีกครั้ง” ซูหยางถาม

“ผู้นั้นต้องมีอายุต่ำกว่าสามสิบปีและถึงเขตคัมภีร์วิญญาณก่อนพวกเขาจึงจะมีคุณสมบัติ นอกจากนั้นจำนวนผู้เข้าร่วมที่แต่ละนิกายสามารถนำไปได้คือยี่สิบคน”

ซูหยางมองไปรอบๆห้องอีกครั้ง

นอกจากเขาแล้ว ก็มี ฟางซีหลาน ซุนจิงจิง และศิษย์ในอีกคนที่มีคุณสมบัติสำหรับเข้าร่วมการแข่งขันระดับภูมิภาค ทุกคนที่เหลือนอกนั้นล้วนเป็นศิษย์นอกที่มีพลังการฝึกปรือเพียงเขตปฐมวิญญาณและผู้อาวุโสนิกายที่มีอายุเกิน

หลังจากมองไปทั่วยังบรรดาศิษย์นอก ซูหยางก็พลันถาม “พวกเจ้าใครบ้างต้องการเข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาค อย่าเพิ่งคิดว่าไม่มีคุณสมบัติในตอนนี้และเพียงแค่ยกมือเจ้าขึ้น”

เหล่าศิษย์นอกพากันสบสายตาซึ่งกันและกัน

หลังจากเวลาผ่านไป ไม่กี่คนในบรรดานั้นก็ยกมือขึ้น

ซูหยางปล่อยให้เวลาผ่านไปอีกชั่วขณะ ก่อนที่จะพูดว่า “ดีแล้ว ข้าจักช่วยพวกเจ้าในเรื่องนั้น”

โหลวหลานจีมองดูเขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

“เจ้าจักช่วยพวกเธอให้บรรลุจุดประสงค์ได้อย่างไร” เธอถาม

“อย่างไรรึที่ท่านถาม แน่นอนว่าก็ด้วยการร่วมฝึกคู่กับพวกเธอ”

ผู้อาวุโสจ้างพลันระเบิดเสียงหัวเราะ

“พวกเธอทั้งเจ็ดคนอยู่ระหว่างระดับที่สี่และห้าเขตปฐมวิญญาณ เจ้าบอกข้าว่าเจ้าสามารถช่วยทั้งเจ็ดคนไปให้ถึงเขตคัมภีร์วิญญาณก่อนการแข่งขันระดับภูมิภาคเช่นนั้นรึ”

“แน่นอน”

ซูหยางพยักหน้าด้วยความมั่นใจ

“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”

ผู้อาวุโสจ้าวเพิ่มเสียงหัวเราะ กระทั่งผู้อาวุโสซุนก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะหึๆ

อย่างไรก็ตามทั้งโหลวหลานจีและหลานลี่ชิงไม่ได้หัวเราะ ตามจริงพวกเธอทั้งคู่กลับมีสีหน้าจริงจัง

ขณะที่ผู้อาวุโสจ้างอาจจะไม่รู้ ทั้งโหลวหลานจีและหลานลี่ชิงรู้เป็นอย่างดีว่าปราณหยางของซูหยางนั้นมีมากมายเพียงใด ในเมื่อพวกเธอได้มีประสบการณ์มาก่อน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลานลี่ชิง

ตามจริงหลานลี่ชิงได้เข้าสู่เขตปฐพีวิญญาณอย่างง่ายดายหลังจากที่ได้ร่วมฝึกคู่กับซูหยาง

ซูหยางไม่สนใจเสียงหัวเราะของผู้อาวุโสจ้าวแต่หันไปหาโหลวหลานจี

“เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็มีคนสิบเอ็ดคนที่สามารถเข้าร่วมในการแข่งขันระดับภูมิภาคแล้ว”

โหลวหลานจีไร้คำพูด แต่เธอก็พยักหน้า

“ส่วนสำหรับการคัดเลือกหลังจากการแข่งขันระดับภูมิภาค ท่านจักเข้าใจหลังจากที่เวลานั้นมาถึง” ซูหยางกล่าว

ซูหยางพลันหันไปหาศิษย์นอกและกล่าวว่า “ข้าจักร่วมฝึกคู่กับพวกสาวเจ้าไปจนถึงการแข่งขันระดับภูมิภาค แต่แน่นอนว่าเจ้าสามารถเลือกปฏิเสธได้”

“ศิษย์พี่ชาย ท่านได้ร่วมฝึกคู่กับพวกเรามาก่อนอยู่แล้ว…ทำไมเราจึงต้องมาปฏิเสธตอนนี้”

หนึ่งในเหล่าศิษย์นอกหัวเราะหึ รู้สึกว่าการเลือกที่จะอยู่เป็นสิ่งที่ถูกต้องจริงๆ

ศิษย์นอกคนอื่นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน ตอนนี้เมื่อศิษย์เกือบทั้งหมดจากไปแล้ว การแข่งขันและเข้าแถวเพื่อที่จะร่วมฝึกคู่กับเขาลดลงไปอย่างมหาศาล

“อืม…ศิษย์พี่ชาย…แล้วพวกเราล่ะ”

ศิษย์ที่ไม่ได้ยกมือถามด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล จะเป็นอย่างไรถ้าเขาปฏิเสธที่จะร่วมฝึกคู่กับพวกเธอเพราะว่าพวกเธอไม่ต้องการที่จะเข้าร่วมในการแข่งขัน

“มิมีอะไรเปลี่ยน ข้าจักรับพวกเจ้าตราบเท่าที่พวกเจ้าขอร้องและแขนข้าว่าง”

ซูหยางมั่นใจว่าเขาสามารถช่วยศิษย์นอกเจ็ดคนบรรลุถึงเขตคัมภีร์วิญญาณภายในหนึ่งอาทิตย์ ดังนั้นย่อมมีเวลาว่างมากมายนักสำหรับเขาสำหรับศิษย์คนอื่น

และช่างเป็นเหตุบังเอิญ นอกจากจะมีผู้อาวุโสนิกายไม่กี่คนแล้ว ก็ไม่มีศิษย์ชายเหลืออีก อีกนัยหนึ่งก็คือย่อมไม่มึใครที่จะมาบ่นเรื่องขาดคู่ฝึกไปพักหนึ่ง อย่างน้อยก็จนกว่าพวกเขาได้รับศิษย์นอกมามากกว่าเดิม

“ข-ขอบคุณศิษย์พี่ชาย”

ผู้อาวุโสจ้าวและผู้อาวุโสซุนมองไปยังสถานการณ์ด้วยสายตาริษยา นึกในใจอย่างเงียบๆว่า “เจ้าเด็กเลวนี่ช่างเก่งกาจนักในการทำให้คนอื่นอิจฉา…”

“ข้าจักปล่อยศิษย์เหล่านี้ไว้กับเจ้า ซูหยาง และข้าจักช่วยเหลือเจ้าด้วยทรัพยากรจำนวนมากเท่าที่ข้าสามารถหาได้ ศิษย์ฟาง เจ้าสามารถฝึกฝนเซียวไป่ต่อไป นิกายเราจักต้องพึ่งพาความแข็งแกร่งอันล้ำลึกของเธออย่างมากในอนาคต ส่วนสำหรับผู้อาวุโสนิกาย ข้ามีงานอื่นให้กับพวกท่าน”

โหลวหลานจีเริ่มให้คำแนะนำ

“ข้ารู้ว่าเกิดเหตุการณ์มากมายในวันนี้ แต่มิว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม อย่าปล่อยให้มันรบกวนจิตของผู้ฝึกยุทธของเจ้า ซึ่งเจ้าจักเพียงประสบกับความยากลำบากต่อไปเท่านั้น”

“ขอรับ ผู้นำนิกาย”

โหลวหลานจีพยักหน้าและกล่าวว่า “นอกจากผู้อาวุโสนิกายแล้ว พวกเจ้าทุกคนแยกย้ายกันไปได้”

อย่างไรก็ตามก่อนที่เหล่าศิษย์จะทันออกไปพ้นจากที่แห่งนั้น โหลวหลานจีพลันกล่าวขึ้นว่า “หยุดก่อน ข้าเกือบลืมไป ในเมื่อพวกเรามีเพียงไม่กี่คนตอนนี้ ข้าต้องการให้พวกเราอยู่ใกล้ชิดกันในกรณีที่จะมีบางอย่างเกิดขึ้น ดังนั้นพวกเราทั้งหมดจักอาศัยในเขตกลางในตอนนี้ ครั้นเมื่อพวกเจ้าเลือกบ้านพักแล้วจงบอกให้ผู้อาวุโสนิกายรู้”

เหล่าศิษย์นอกต่างพากันตื่นเต้นขึ้นมาในทันที ในเมื่อไม่มีพวกเธอคนใดได้คิดฝันว่าพวกเธอจะได้ย้ายมาอยู่ในเขตกลางในชีวิตนี้ อย่าว่าแต่ในเร็ววันนี้

เมื่อเหล่าศิษย์พากันจากไปทีละคนสองคน ฟางซีหลานก็เข้าไปหาซูหยางและพูดว่า “แม้ว่าข้าต้องการที่จะทำตามแผนของพวกเราตอนนี้ แต่ข้าต้องดูแลเซียวไป่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่เธอได้ผ่านมาในวันนี้ อาทิตย์หน้า…ข้าจักไปหาเจ้าแน่นอน”

“ใช้เวลาของเจ้าให้ดี” ซูหยางพยักหน้า

DC บทที่ 267: นิกายที่ร่ำรวยที่สุดในภาคตะวันออก

ครั้นเมื่อศิษย์ทุกคนจากไปแล้ว โหลวหลานจีก็โค้งคำนับผู้อาวุโสนิกายในห้องและกล่าวว่า “อีกครั้ง ข้าจักต้องขออภัยสำหรับความไร้สามารถของข้า”

ผู้อาวุโสจ้าวส่ายหน้าและกล่าวว่า “ท่านมิต้องขอโทษกับความละโมบของผู้อื่น ถ้าจักต้องกล่าวโทษ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของนิกายล้านอสรพิษ”

“ผู้อาวุโสจ้าวกล่าวถูกต้อง ผู้นำนิกาย อย่ากล่าวโทษตัวเองสำหรับเรื่องเหล่านี้…”

“ถ้าท่านกล่าวโทษตัวเอง ท่านผู้นำนิกาย เช่นนั้นข้าเองก็จักต้องกล่าวโทษตัวเองด้วย ในเมื่อข้าเองก็มิมีความสามารถในการปกป้องเหล่าศิษย์ในเวลาเช่นนี้”

“พวกท่าน…” โหลวหลานจีเกือบน้ำตาตกเมื่อได้ยินคำพูดของพวกเขา

“บางทีสถานการณ์นี้อาจจะเป็นโชคดีที่แฝงตัวมา มิเพียงแต่เราประสบกับความโหดร้ายที่แท้จริงของโลกนี้แต่เรากลับยังคงรอดอยู่ และนั่นจักทำให้พวกเราทุกคนแข็งแกร่งขึ้น แม้ว่าพวกเราได้สูญเสียเหล่าศิษย์เกือบทั้งหมดแต่เราก็ยังสามารถรับเพิ่มขึ้นมาใหม่ได้แม้ว่ามันอาจจะต้องใช้เวลาสักพัก ยิ่งมิต้องพูดถึงว่าพวกเรายังคงมีศิษย์ที่มีพรสวรรค์เหลืออยู่เป็นจำนวนมาก และนี่รวมไปถึงทุกท่านที่นี่ด้วยเช่นกัน”

โหลวหลานจีพลันนำเอาแหวนมิติออกมาหนึ่งวงและกล่าวขึ้นว่า “นี่เป็นวิธีที่ข้าจักแสดงถึงความขอบคุณ ขอบคุณที่อยู่อย่างภักดีแม้กระทั่งในเวลาที่เหมือนกับจุดจบ ขอบคุณ…”

หลังจากที่พูดคำกล่าวเหล่านี้แล้ว โหลวหลานจีก็เททุกสิ่งที่อยู่ภายในแหวนมิติลงบนโต๊ะตรงหน้าพวกเขา

“น-น-นี่คือ…”

ทุกคนที่นั่นต่างพากันจ้องมองด้วยสีหน้าตื่นตะลึงกับสมบัติวิญญาณหลายสิบชิ้นและวิชายุทธที่กองอยู่บนโต๊ะ

“ส-สวรรค์ ท่านได้ส่ิ่งเหล่านี้ทั้งหมดมาจากไหน ท่านผู้นำนิกาย”

ผู้อาวุโสจ้างพลันตระหนักว่าสมบัติบนโต๊ะล้วนเป็นสมบัติวิญญาณทั้งสิ้น แต่ที่สร้างความตื่นตระหนกให้กับเขายิ่งกว่าเดิมก็เพราะว่าเขาไม่เคยเห็นวัตถุวิญญาณมากมายเช่นนี้รวมตัวกันอยู่ในที่เดียวมาก่อน

“นั่นเป็นของขวัญจากผู้อาวุโสคนเดียวกันที่ปกป้องพวกเราจากนิกายล้านอสรพิษ” เธอกล่าว

“อย่างไรก็ตาม พวกท่านสามารถเข้ามาหยิบหนึ่งในสมบัติวิญญาณเหล่านี้และวิชาฝีมือจากบนโต๊ะนี้ พวกท่านสามารถเก็บสมบัติวิญญาณไว้ แต่ข้าจำเป็นต้องขอคืนวิชาฝีมือหลังจากที่ท่านได้จำเนื้อหาทุกสิ่งที่อยู่ภายในนั้นเรียบร้อยแล้ว ในเมื่อมันจักได้ใช้แบ่งปันกับศิษย์ทุกคน”

ผู้อาวุโสนิกายมองดูโหลวหลานจีด้วยดวงตาเบิกกว้าง โดยหลักแล้วพวกเขาไม่อยากเชื่อว่าเธอเป็นคนใจกว้างกับสมบัติวิญญาณเหล่านี้เพียงใด

อย่างไรก็ตามครั้นเมื่อผู้อาวุโสนิกายหยิบม้วนวิชาฝีมือและเห็นเนื้อหาข้างในจริงๆของมัน ดวงตาของพวกเขาก็เกือบถลนออกมาด้วยความตระหนก

“น-น-นี่มันเป็นวิชาฝีมือระดับปฐพี”

ผู้อาวุโสซุนอ้าปากค้างเมื่อเขาตระหนักว่าอะไรที่เขาถืออยู่ในมือ

วิชาระดับปฐพีเพียงแค่ต่ำกว่าวิชาระดับสวรรค์ที่มีเพียงสถานที่เช่นนิกายล้านอสรพิษจึงจะมี พวกเขาไม่ควรจะมีมากกว่าหนึ่งหรือสองเท่านั้น

“นี่ก็เป็นวิชาระดับปฐพีเช่นกัน”

ผู้อาวุโสนิกายอีกคนอ้าปากค้างเมื่อเธออ่านเนื้อหา

“มีมากกว่าหนึ่งเหรอนี่”

“ข-ข้าก็มีอีกหนึ่ง”

ผู้อาวุโสนิกายอีกคนพูด

โหลวหลานจียิ้มเมื่อเห็นปฏิกิริยาตื่นเต้นของพวกเขา

“วิชาฝีมือทั้งหมดมีระดับปฐพีแปดเล่ม ระดับวิญญาณสิบห้าเล่ม ระดับมนุษย์ยี่สิบเจ็ดเล่มในกองนั้น”

โหลวหลานจีเผยให้พวกเขาเห็นถึงจำนวนที่แท้จริง

“ระดับปฐพีแปดเล่มเลยรึ”

ผู้อาวุโสจ้าวกรามตกลงไปถึงพื้นเมื่อได้ยินจำนวนนั้น

“นั่นยังไม่ใช่ทั้งหมด”

โหลวหลานจีดำเนินการพูดต่อไปด้วยเสียงโอ้อวด “ทั้งหมดนี้มาจากเพียงหนึ่งในจำนวนแหวนมิติ”

“นี่ช่างไม่น่าเชื่อ…ด้วยเพียงกองสมบัตินี้ เราก็ร่ำรวยเทียบเท่ากับนิกายล้านอสรพิษ และถ้าหากว่านี่เป็นเพียงแค่หนึ่งในแหวนมิติอีกหลายวง…ข้าคงมิประหลาดใจถ้าพวกเราตอนนี้เป็นผู้ร่ำรวยที่สุดในภาคตะวันออก”

ผู้อาวุโสจ้าวปาดเหงื่อที่เกิดขึ้นบนหน้าผากจากการคิดเกี่ยวกับความร่ำรวยที่เพิ่งเกิดขึ้นกับพวกเขา

หลังจากผ่านไปหลายนาทีในการมองหาทั่วกองสมบัติ ผู้อาวุโสนิกายทั้งยี่สิบคนในห้องก็ได้หยิบสมบัติวิญญาณและวิชาฝีมือไปอย่างละหนึ่งต่อคน

“ตอนนี้เมื่อพวกท่านทั้งหมดได้เลือกวิชาฝีมือแล้ว ข้าต้องการให้ท่านฝึกฝนมันและเป็นกำลังอันแข็งแกร่งสำหรับนิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย และเมื่อนิกายล้านอสรพิษกลับคืนมา ข้าต้องการให้พวกท่านทุกคนสามารถปกป้องเหล่าศิษย์ได้อย่างเหมาะสม”

“ขอรับ ผู้นำนิกาย”

หลังจากที่พูดกับผู้อาวุโสนิกายอีกสองสามนาทีจากนั้น โหลวหลานจีก็ให้พวกเขาแยกย้ายกันไป ปล่อยให้เธออยู่คนเดียวในห้องอบรม

“สุดท้ายข้าก็อยู่คนเดียว เฮ้อ”

โหลวหลานจีนั่งลงบนที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้ๆ รู้สึกอ่อนแอถึงที่สุด

แม้ว่าจะเห็นเหมือนว่าเธอยังสบายดีก่อนหน้านั้น โหลวหลานจีก็ยากที่จะประคองตัวจากการล้มลงเนื่องจากความเครียดและหมดเรี่ยวแรงตลอดช่วงเวลานี้ ในเมื่อเธอไม่ต้องการให้เหล่าศิษย์กังวลเกี่ยวกับเธอมากกว่าที่เธอเป็นอยู่ไปกว่านี้

ยิ่งไปกว่านั้น การที่พลันมีจำนวนศิษย์ลดลงอย่างมหาศาลเป็นเหตุให้เกิดความเสียใจต่อเธออย่างใหญ่หลวง

หลังจากนั่งลงไปไม่กี่วินาที โหลวหลานจีก็รู้สึกว่าสติสัมปชัญญะของเธอค่อยๆหลุดลอยไป

เวลาต่อมาโหลวหลานจีก็หล่นลงจากเก้าอี้สู่พื้นโดยที่ดวงตาของเธอยังคงหลับอยู่ เห็นชัดว่าเธอตกอยู่ในการหลับลึกจนกระทั่งเธอไม่รู้สึกว่าตัวเธอเองกระทบพื้น

ไม่กี่วินาทีหลังจากที่โหลวหลานจีล้มนอนกับพื้น ร่างผอมร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องอบรม

นั่นคือซูหยาง และเขาก็ได้รอถึงเวลานี้

แม้ว่าโหลวหลานจีสามารถที่จะหลอกลวงศิษย์ทั้งหมดและกระทั่งผู้อาวุโสนิกายด้วยการแสดงของเธอ ซูหยางกลับเห็นซึ้งทุกสิ่งอย่างง่ายดาย

ซูหยางตรงเข้าไปหาร่างของโหลวหลานจีอย่างเยือกเย็นและอุ้มเธอขึ้นในท่าอุ้มเจ้าหญิง และเขาได้ใช้ก้าวเก้าดาราโอบอุ้มร่างเธอไปตลอดทางจากห้องอบรมสู่ศาลาหยินหยางที่ซึ่งเขาได้วางร่างเธอลงอย่างนิ่มนวลบนเตียงของเธอ

ครั้นเมื่อเขาวางร่างโหลวหลานจีบนเตียงของเธอแล้ว เขาก็จ้องมองใบหน้าที่กำลังพักผ่อนของเธออยู่อย่างเงียบๆ ดูเหมือนว่าตกอยู่ในการครุ่นคิดอยู่อย่างลึกๆ

หลังจากยืนอยู่ที่นั่นอีกสองสามนาที ซูหยางก็ออกไปจากสถานที่นั้นอย่างเงียบๆกลับไปยังที่พักของเขาเองที่เขตศิษย์นอก ที่ซึ่งเซียวลี่ได้รอเขาอยู่

“ไปกันเถอ เซียวลี่ เราย้ายที่กัน”

เซียวลี่พยักหน้าและกลืนกินยาแปลงโฉม เปลี่ยนจากรูปโฉมอันไร้ที่ติไปเป็นแค่เด็กหญิงธรรมดา

หลังจากนั้นไม่กี่นาที พวกเขาทั้งคู่ก็ออกจากบ้านและตรงไปยังเขตกลางเพื่อหาบ้านใหม่

dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน

dual cultivation : ร่วมเรียงเคียงเซียน

⊕ ฐานะและความร่ำรวยจะมีค่าอะไรถ้าไม่มีใครร่วมแบ่งปัน  ⊕

 

♥ Dual Cultivation จะเผยให้เห็นถึงอีกด้านของโลกผู้ฝึกปราณที่มีแต่ความโดดเดี่ยว♥
ซูหยางถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตที่หน้าผาบาปนิรันดร์ ที่ซึ่งมีแต่อาชญากรสุดชั่วช้าเหี้ยมโหดเท่านั้นอาศัยอยู่
♥ควมผิดของเขา ล่อลวงภรรยาของเทพจันทรา♥ ลักพาน้องสาวของราชันย์มังกร♥ และร่วมเรียงเคียงหมอนกับลูกสาวสุดที่รักของจักรพรรดิสวรรค์♥
สุดท้ายเขาพบกับชายชราลึกลับซึ่งช่วยให้เขาหนีออกจากคุกโดยการส่งไปสู่ร่างใหม่
♥ในชีวิตใหม่ ซูหยางสาบานว่าจะตามหารวบรวมคนรักของเขาใหม่ และโอบพวกเธอไว้ในอ้อมกอดอีกครั้ง♥

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท