เพี๊ยะ
“อ๊ากกกก”
เพี๊ยะ
“อ๊ากกกกก”
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาก”
“เสียงนี้เป็นเสียงของ… ฟูกวาง” แม้ว่าจะใช้เวลาของเธอไปบ้าง หวังชูเหรินก็ยังจดจำเสียงนี้ได้
“พวกเรามีเวลมากมายก่อนที่จะถึงงานชุมนุม ทำไมเรามิเดินเที่ยวเตร่และไปดู “เพื่อน” ตัวน้อยของพวกเราว่าเป็นอย่างไรบ้างในช่วงเวลาหลายวันนี้” ซูหยางกล่าวพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
หวังชูเหรินพยักหน้า ในเมื่อเธอเองก็สงสัยว่าพวกเขาลงโทษฟูกวางอย่างไร
ดังนั้นพวกเขาจึงเริ่มติดตามทิศทางของเสียงกรีดร้องไป และเมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้กับเสียงกรีดร้องมากขึ้น เสียงก็ดังบาดหูมากขึ้นเท่านั้น
สองสามนาทีให้หลัง พวกเขาก็มาถึงพี้นที่โล่งเป็นพิเศษ และตรงกลางของที่แห่งนั้นก็มีเวทีเล็กๆที่ล่ามโซ่ฟูกวางไว้กลางอากาศไว้บนเวที
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาาก”
เสียงกรีดร้องแสบหูของฟูกวางดังขึ้นอีกครั้งในขณะที่คนอีกคนบนเวทีเฆี่ยนไปบนหลังของเขา
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาก”
เพี๊ยะ
“อ๊าาาก”
ซูหยางและหวังชูเหรินมองดูชายคนนั้นเฆี่ยนไปบนหลังฟูกวางอย่างต่อเนื่อง
เมื่อเห็นแอ่งเลือดที่ข้างตัวของฟูกวางเป็นเหตุให้หวังชูเหรินถึงกับคิ้วกระตุกด้วยความตื่นตระหนก
“ข้าเคยได้ยินคำร่ำลือ แต่ข้ามิิคิดว่ามันจะโหดร้ายถึงเช่นนี้…” หวังชูเหรินพึมพัมกับตนเองหลังจากที่เห็นสถานการณ์ด้วยตนเอง และเธอก็อดที่จะรู้สึกสงสารฟูกวางไม่ได้
“เฆี่ยนร้อยครั้งต่อหนึ่งชีวิตที่เขาพรากไปอย่างนั้นรึ ใครจะรู้ว่าอีกนานเท่าไหร่ในการลงโทษเขา” ซูหยางพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ราวกับว่าเขาไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นกับฉากโหดร้ายตรงหน้าเขาเลย
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาาก”
หลังจากที่ฟูกวางได้รับการเฆี่ยนสิบครั้ง ผู้ลงโทษก็หยุดเฆี่ยนเขาแล้วเทน้ำสีเขียวหนึ่งถังลงไปบนร่างของเขา
“นี่คือ… ยาอย่างนั้นรึ” จมูกอันปราดเปรียวของหวังชูเหรินตรวจพบกลิ่นสมุนไพรจากน้ำที่กระจายไปบนตัวของฟูกวางได้ในทันที
สองสามนาทีให้หลัง รอยเลือดบนหลังของฟูกวางก็หายไป ราวกับว่าการลงโทษไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ครั้นเมื่อรอยแผลทั้งหมดหายไปแล้ว ผู้ลงโทษก็ยกแส้ในมือขึ้นมาและเริ่มเฆี่ยนฟูกวางอีกครั้ง
เพี๊ยะ
“อ๊าาาาาาาก”
“พวกเขารักษาอาการบาดเจ็บของเขา เพี่อที่พวกเขาจะได้ไม่ฆ่าเขาไปโดยบังเอิญก่อนที่พวกเขาจะเสร็จสิ้นการลงโทษงั้นรึ ช่างเป็นการเสียตัวยาล้ำค่าไปโดยเปล่าประโยชน์กับนักโทษเพียงเพื่อที่จะทรมานเขาไปอย่างต่อเนื่อง ตระกูลซีถึงกับยืนหยัดที่จะดำเนินการลงโทษต่อไปจนจบ ถึงแม้ว่าจะต้องสูญเสียทรัพยากรและความพยายามมากมายเพียงใดก็ตาม” ซูหยางยิ้ม
หลังจากที่ยืนอ้อยอิ่งดูฟูกวางถูกทรมานเป็นเวลาอีกสองสามนาที หวังชูเหรินก็กล่าวด้วยหน้าตาซีดเผือดว่า “พวกเราไปกันเถอะ ซูหยาง ข้ามิต้องการที่จะดูเรื่องนี้อีกต่อไป”
ซูหยางพยักหน้า
แต่ทว่าในขณะที่พวกเขากำลังหันกาย ฟูกวางก็สังเกตเห็นเขาและเรียกเขาออกมา “ซ-ซ-ซูหยางรึ น-น-นั่นเป็นเจ้ารึ ซ-ซูหยาง”
“ด-ด-ได้โปรด… ช-ช่วยข้าด้วย ข-ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดไปแล้วจริงๆที่ไปยุ่งกับน-นิกายกุสุมาลย์พ้นพิสัย ด-ได้โปรดห-เห็นใจและฆ่าข้าเดี๋ยวนี้”
ฟูกวางร้องขอความกรุณาอยู่บนเวที จนทำให้ทุกคนที่นั่นต่างหันมามองยังซูหยาง กระทั่งผู้ลงโทษก็หยุดเฆี่ยนฟูกวางเพื่อหันมามองเขา
“นั่นเป็นซูหยางจริงๆ ข้าได้ยินว่าเขาเป็นคนที่หยุดยั้งฟูกวางมิให้เกิดการทำลายล้างครั้งใหญ่ในทวีปตะวันออก”
“ข้าสงสัยว่าทำไมเขาจึงอยู่ที่นี่ในวันนี้”
“บางทีเขามาที่นี่เพื่อที่จะสมน้ำหน้าฟูกวาง”
ผู้ชมต่างพากันพึมพัมซุบซิบกัน
“เจ้าต้องการให้ข้าฆ่าเจ้าอย่างนั้นรึ” ซูหยางมองดูฟูกวางด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“ช-ใช่ ได้โปรด พ-เพียงฆ่าข้าเท่านั้น ถ้าข้าต้องทนเรื่องนี้ไปนานกว่านี้อีกสักหน่อย ข้าจักต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ”
“อืมมมม…” ซูหยางทำท่าครุ่นคิด ราวกับว่าเขากำลังคิดถึงเรื่องคำพูดของฟูกวางอยู่จริงๆ จนทำให้ฟูกวางมีความหวัง
ทันใดนั้นเขาก็หันไปมองดูหวังชูเหรินและถามเธอว่า “เจ้าคิดว่ายังไง ข้าควรจะยุติความทรมานของเขาด้วยการฆ่าเขาไหม”
หวังชูเหรินมองดูเขาด้วยใบหน้าที่สามารถบอกได้ว่า “ทำไมเจ้าต้องมาถามข้าด้วย เขาเป็นปัญหาของเจ้านี่”
สองสามอึดใจให้หลัง ซูหยางก็หันกลับไปมองดูฟูกวางแล้วก็พูดด้วยรอยยิ้มฉีกกว้าง “ข้าย่อมจักฆ่าข้าเจ้าแน่ถ้าข้าสามารถทำได้ แต่โชคร้ายสำหรับพวกเราสองคนที่ข้ามิต้องการให้มือของข้าเลอะเทอะเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดสกปรกของเจ้า ดังนั้นเจ้าก็ควรจะต้องทนทรมานไปนานอีกสักหน่อย”
“เจ้าพูดว่าอีกสักหน่อยอย่างงั้นรึ” ทันใดนั้นใบหน้าของฟูกวางก็เปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความโกรธและเริ่มขยับร่างกายอย่างรุนแรงผิดปกติราวกับว่าเขาต้องการที่จะทำลายโซ่และไปทำร้ายซูหยาง
เพี๊ยะ
ผู้ลงโทษเฆี่ยนฟูกวางเพื่อที่จะทำให้เขาเยือกเย็นลง แต่ฟูกวางไม่สนใจกับความเจ็บปวดของร่างกายและพยายามที่จะกางเขี้ยวเล็บใส่ซูหยางราวกับสัตว์ร้าย
“อาาาา ข้าจักฆ่าเจ้า ซูหยาง ข้าจักฆ่าเจ้าาาา มาที่นี่สิเพื่อให้ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้” ฟูกวางเริ่มกรีดร้องโหยหวนราวกับคนบ้า จนเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาปราศจากพลังฝีมือ ฟูกวางก็ไม่ต่างไปจากคนธรรมดา อย่าว่าแต่จะโจมตีซูหยาง เขาเองนั้นไม่มีแม้แต่ความแข็งแกร่งพอที่จะสามารถทำลายโซ่เหล็กที่ผูกมัดแขนขาทั้งสี่ข้างของเขาได้
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ซูหยางระเบิดเสียงหัวเราะออกมากับฉากนี้ และเขาก็พูดว่า “อยู่นั่นแหละเพื่อนยาก ถ้าเจ้าสามารถทนอยู่ได้จนถึงข้ามีหลานเก้าคนแล้วเช่นนั้นข้าก็จักพิจารณาจบชีวิตของเจ้า”
“เจ้ากล้าเยาะเย้ยถากทางข้าได้ยังไงซูหยาง ข้าขอสาบานว่าข้าจักตามไปหลอกหลอนเจ้าหลังจากที่ข้าตายไปแล้ว”
“โชคดีสำหรับ–การตายนั่น ข้าจักช่วยให้กำลังใจเจ้า” ซูหยางโบกมือให้กับฟูกวางก่อนที่จะจากพื้นที่แห่งนั้นไปพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า
หลังจากที่ซูหยางไปจากที่แห่งนั้นแล้ว ฟูหวางก็กระอักเลือดออกมาก่อนที่จะสิ้นสติไป
เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้ลงโทษก็ตัดสินใจที่จะยุติการลงโทษไว้ก่อน เพื่อที่จะปล่อยให้ฟูกวางได้พัก ไม่ว่าอย่างไรถ้าเขาทำการทรมานฟูกวางต่อไปและเผอิญฆ่าเขาไปโดยไม่ตั้งใจ ใครจะรู้ว่าตระกูลซีหรือว่าแย่กว่านั้นซูหยางจะทำอะไรกับเขา
“ถึงแม้ว่าข้าคิดว่าการลงโทษนี้ค่อนข้างจะรุนแรงไปอยู่บ้าง แต่ฟูกวางก็ต้องรับผิดชอบต่อชีวิตของศิษย์กว่าสามหมื่นหกพันคนที่เขาได้ทรยศและเข่นฆ่า” หวังชูเหรินถอนใจหลังจากนั้น จากนั้นเธอก็กล่าวต่อไปอีกว่า “ถึงแม้ว่าเขาจะถูกลงโทษมาเป็นเวลานาน แต่ข้าก็ยังคิดสงสัยว่าเขาก็จักกลับเป็นคนแบบเดิมอีกครั้งได้หรือไม่ ในเมื่อความเจ็บปวดที่ฝังใจจากการถูกลงโทษเป็นเวลานานย่อมทำลายจิตใจของเขาจนมิเหลืออะไรอีกต่อไปอย่างแน่นอน”